วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

โรงแรม​หลอนกลางกรุง !!


       ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่นางจะมารับราชการในเคยทำงานเอกชนมาก่อนเคยทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งในใจกลางของกรุงเทพตำแหน่งพนักงานบัญชีซึ่งออฟฟิศของแผนกบัญชีอยู่ติดลานจอดรถชั้น 3 ของโรงแรมส่วนลานจอดรถชั้น 2 จะเป็นทางเชื่อมเข้าสู่ตัวโรงแรมเลยทำงานที่นั่นไปเรื่อยๆเหมือนปกติวันหนึ่งเลยและรุ่นน้องที่ทำงานเดินลงมาที่ชั้น 2 ไปทานข้าวที่โรงอาหารของพนักงานรุ่นน้องบอกว่าพี่ฟิล์มเป็นอะไรก็ไม่รู้ กลิ่นแต่ก็บอกน้องไปว่าสงสัยหนูตายเดี๋ยวค่อยแจ้งแม่บ้านแล้วก็ไปทานข้าวตามปกติเพราะทานข้าวเสร็จก็เดินกลับมาทางเดิมเจอคนขับรถของเจ้านายที่คนขับรถก็บอกเหม็นอะไรเน่าๆในเดินตามหากลิ่นเดินตามหาจนเย็นก็ไม่เจออะไรแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านวันรุ่งขึ้นก็มาทำงานตามปกติแล้วผิดมันก็แรงขึ้นอีกเท่าตัวนึงถ้าลงมาถึงชั้น 3 แผนกบัญชีเลยทีเดียวเจ้านายเองพอเดินทางมาถึงโรงรถมาก็ได้กลิ่นรอบนี้จึงแจ้งรปภป้อมหน้าช่วยกันหาสักพักก็มีผื่นแดงตรงบริเวณระเบียงลานจอดรถชั้น 2 เลยให้แผนกช่างไปดูช่างก็ไปสำรวจลักษณะของระเบียง ที่จอดรถก็ไม่ได้กว้างสักเท่าไหร่เพราะเอาไว้แค่เดินเท่านั้นอาคารที่จอดรถจะอยู่ติดกับบ้านเราซึ่งบ้านนั้นไม่มีคนอาศัยอยู่เลยสกปรกมากแล้วสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมช่างนั้นก็คือส่งมันเป็นศพที่อื่นตื่นที่มีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยอยู่เต็มไปหมดทำให้ช่างถึงกับร้องเสียงหลงเลยทีเดียวจากนั้นก็แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและมูลนิธิมาเก็บไปตามระเบียบและกลิ่นก็ยังคงอยู่ไม่ค่อยหายไปสักเท่าไหร่ ตรวจสอบลาวก็สามารถสรุปสาเหตุการตายได้ก็คือ คนคนนั้นต้องลงมาจากตึกคนตายเป็นคนในพื้นที่และได้ขึ้นไปที่ชั้น 10 ลานจอดรถของโรงแรมซึ่งทำเป็นแชมป์สนุ๊กเกอร์และเครื่องดื่มต่างๆของเขาได้บอกว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าแต่จะชอบเล่นพนันสนุกเกอร์อยู่บ่อยๆวันนั้นเขาเล่นกับคนอื่นจนเกือบตี 2 แล้วเสียเงินหดตัวคงเกิดอาการเครียดเดินออกมาสูบบุหรี่ที่ระเบียงแล้วกระโดดลงไปฟังที่คนตายกระโดดจะอยู่ด้านหลังก็เลยไม่มีใครสังเกตเห็นคงเหลือแต่เพียงก้นบุหรี่กับรองเท้าของผู้ตายที่กองอยู่บนชั้น 9 เท่านั้น  1 เดือนผ่านไปจนทุกคนเกือบจะลืมเหตุการณ์ในวันนั้นแล้ววันถัดมาพนักงานจะเข้ามาตรวจสอบบัญชีเลยแล้วพนักงานคนอื่นๆจึงทำล่วงเวลาจนดึก ตอนนั้นมันก็คือเกือบจะ 4 ทุ่มแล้วก็มีพี่คนหนึ่งแกท้องอ่อนทำล่วงเวลาไปได้หน่อยก็กลับก่อนพี่เขาหายไปได้สัก 10 นาทีก็วิ่งหน้าตาตื่นน้ำตาพอกลับเข้ามาที่ออฟฟิศเลยเลยถามว่าเป็นอะไรแต่เขาก็ไม่ตอบแล้วพี่คนนั้นก็โทรหาแฟนให้มารับแกไม่พูดอะไรเอาแต่นั่งร้องไห้จนแฟนแกมารับกลับบ้านไปเลยก็ยังแปลกใจว่าแกเป็นอะไรจนเวลาล่วงเลยไปตีหนึ่งในกับรุ่นน้องต้องขึ้นไปเอาบิลเก่าของแคชเชียร์ที่โต๊ะสนุกเกอร์แน่นอนว่ามันอยู่ที่ชั้น 4  แล้วจู่ๆเรื่องนั้นมันก็ผุดขึ้นมาในหัวแต่จะไม่ทำก็ไม่ได้พวกเราจึงชวนกันขึ้นมาสามคนเรากดลิฟท์จากชั้น 3 ขึ้นไปชั้น 10 ก็รู้สึกว่าเวลามันช่างยาวนานเหลือเกิน เพราะลิฟท์เปิดออกก็แทบจะกระโดดออกกันเลยพวกเรากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องสนุกเกอร์แคชเชียร์ก็หาคูปองเอกสารให้แต่ก็ยังได้ไม่ครบต้องเอาเท่าที่ได้มาก่อนเดี๋ยวจะไม่ทัน จึงทำให้ต้องมีหนึ่งคนที่ต้องอยู่รอส่วนอีก 2 คนค้นเอกสารลงมาก่อนที่ร่วมงานอยู่รอเลยกับน้องจึงลงมาก่อนแล้วยืนกดลิฟท์ที่ชั้น 10 เพื่อลงไปเพราะรีบเปิดออกเลยกับน้องก็เข้าไปตอนนั้นรู้สึกว่ากลัวมากสั่นไปหมดทั้งตัวเพราะลงมาได้ไม่นานรีบจบๆก็มาเปิดที่ชั้น 9 รุ่นน้องที่มาด้วยก็หน้าเสียอย่างเห็นได้ชัดพยายามกดถูกแต่มันก็ไม่ติดไฟค้างอยู่ที่ฉันเก้าเลยเลยบอกกับน้องว่าจะลงไหมน้องก็ตกลง พวกเรา ก้าวขาเดินออกมาจากลิฟท์ลิฟท์ตัวนั้นมันก็ปิดทันทีแล้วเลื่อนลงไปชั้นล่างซะอย่างงั้นพวกเรา 2 คนหลอนขนลุกไปทั้งตัว เนยกับน้องรีบเดินจ้ำไปที่บันไดหนีไฟขึ้นลงไปชั้น 3 ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงคนแก่และเสียงไทยน้องบอกอย่าหันไปนะพี่อย่าหันตอนนั้นเลยกับน้อง 2 คนน้ำตาไหลพรากก้าวขาแทบไม่ออกสั่นไปหมดทั้งตัวเหมือนเจ้าเข้าแล้วเสียงนั้นมันก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนเหมือนกับว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลังเนยเนยบอกกับน้องว่าทิ้งงานไว้ตรงนี้ก่อนแล้ววิ่งไหมแต่น้องก็บอกพี่เนยสัพเพสัตตาให้เขาไหม เนยกับน้องก็เลยต้องสัพเพสัตตาไปดีๆแล้วเสียใจก็หยุดไปเลยเริ่มโล่งใจโล่งใจได้ไหมนาเสียงนั้นก็กลับมาอีก แล้วเหนื่อยกับน้องก็หันไปพร้อมกันเห็นเต็มๆ 2 ตาสภาพเขาคนนั้นเลขมาขึ้นอืดลิ้นจุกปากตาถลนแทบจะหลุดออกมาจากเต้ามันไม่ต่างกับตอนที่เขาเก็บศพนั้นเลยพวกเราสองคนชอบมากเพราะว่ารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เป็นเวลา 4:00 นผู้จัดการบอกกับเลยว่าเหนื่อยแต่กับน้องนานมากจนคนที่อยู่คนเดียวข้างบนไม่กล้าลงมาเลยแจ้งรปภออกตามหาแล้วก็มาเจอที่ชั้น 9 ในจึงเล่าให้ผู้จัดการฟังพร้อมกับเพื่อนในออฟฟิศไม่ได้ฟังเราทุกคนต่างตัวกันไปหมดผู้จัดการก็ยังเราว่าที่คนที่ท้องที่กลับไปก่อนเพราะเขากดลิฟท์เพื่อที่จะลงไปก็ปรากฏว่ารีบนั้นพาขึ้นไปที่ชั้น 9  แล้วเปิดออกจากนั้นก็ได้ยินเสียงคนพูดว่า​ หิว​ หิว แล้วก็ไอแกจึงรีบกดปุ่มลิฟท์ให้ปิดรัวๆ​ กลับลงมาที่ชั้น 3 แล้ววิ่งเข้าแผนกไปตอนนั้นพี่ยังไม่กล้าเล่าเพราะยังกลัวมากจนไม่อยากพูดถึงเพราะเช้ามาเจ้านายก็เข้ามาสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังการตรวจสอบบัญชีเสร็จเรียบร้อยเจ้านายก็เลยจัดให้มีการทำบุญไปให้เขาหลังจากนั้นเขาจะยังคงอยู่ที่นั่นอีกไหมหรือมีใครเจออีกหรือเปล่าเลยก็ไม่รู้ก็เลยได้ยื่นใบลาออกจากที่นั่นไปแล้ว

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...