วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ประสบการณ์​หลอนตึกแฝด​ 8​ ชั้น !!


           ปุยฝ้ายเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวบางแสนจริงๆเป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนเพราะบ้านน่าอยู่แถวชลบุรี ปุยฝ้ายพักอยู่หอพักแห่งหนึ่งแถวๆมหาวิทยาลัยเป็นตึกแฝด 8 ชั้น วันแรกที่พ่อกับแม่และน้าพาปุยฝ้ายมาอยู่หอสมุดแห่งนี้ปุยฝ้ายค้าจากทางอินเทอร์เน็ตแต่ยังไม่เคยเห็นมาก่อนเห็นครั้งแรกก็ต้องจ่ายค่ามัดจำแล้วปุยฝ้ายไปจ่ายค่ามัดจำอีกตึกหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตึกแฝดไปประมาณ 100 เมตรตอนแรกปุยฝ้ายก็รู้สึกดีนึกว่าจะได้อยู่ตึกที่มาจ่ายค่ามัดจำแต่พี่คนดูแลหอบอกว่าไม่ใช่แต่เป็นที่ตั้งอยู่ถัดไปแล้วพี่คนดูแลหอก็พาไปดูห้องปุยฝ้ายพักอยู่ชั้น 2 ห้องที่ปุ้ยฝ้ายผักจะอยู่ตรงกับประตูเล็กพอดิบพอดี เปิดประตูเข้าห้องไปความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้มันวังเวงชอบกลอย่างบอกไม่ถูกแล้วมีลมอะไรก็ไม่รู้พัดผ่านหน้าไป ในใจตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไร เพราะพี่คนดูแลหอแนะนำอะไรเสร็จเรียบร้อยเขาก็กลับไปคุยฝ้ายก็เดินไปถามแม่เลยว่ารู้สึกอะไรไหมพ่อแม่ของปุยฝ้ายเป็นคนมีเซนส์แต่ปุยฝ้ายก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ไม่อยากให้คิดมากหรือเปล่าแม่บอกกับปุยฝ้ายว่ารู้สึกเฉยๆก็บอกโอเคถ้าแม่เฉยๆแต่ว่าไม่มีอะไร หลังจากที่ไหว้ศาลตรงหน้าหอ 10 ปุยฝ้ายก็มาจัดของในห้องคืนแรกเราเดินทางไกลแล้วพ่อก็ขี้เกียจขับรถกลับไปนอนบ้านพ่อกับแม่ละนาของปุยฝ้ายก็เลยนอนพักที่หอคุยไปก่อนเมื่อปิดไฟนอนกันขณะที่ปุยฝ้ายหลับอยู่ดีๆก็ฝันว่าพอคุยป้ายกลายเป็นตึกร้างมีผีอยู่เต็มไปหมดคุยฝ้ายกลัวมากวิ่งหนีเท่าไรก็วนกลับมาที่เดิม อยู่ๆก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเมื่อหันมองไปตามเสียงหัวเราะนั้นก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาสวยผิวขาวผมยาวมากปล่อยผมยาวที่รักกับเธอคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่โยกได้ชุดของเธอเป็นชุดสีชมพูแล้วคนข้างก็มีผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ตัวขาวสิหน้าตาน่ากลัวมากกำลังมองมาที่ปุยฝ้ายแล้วผู้หญิงคนที่ใส่เสื้อสีชมพูก็ชี้นิ้วมาที่ปุยฝ้ายแล้วบอกให้ปุยฝ้ายเดินไปนับตุ๊กตาที่อยู่ติดกับทางเข้าหอซึ่งในตอนนั้นคุยฝ้ายยืนอยู่ตรงกลาง ด้วยความห่วงใยฝ้ายจะเดินไปรับเพราะนับเสร็จก็นัดไปอยู่ 6 ตัวแล้วผู้หญิงคนนั้นก็บอกให้ปุยฝ้ายนับซ้ำอีกก็นับอีกทีก็ได้ 4 ตัวแล้วเขาก็หัวเราะหัวเราะแบบสะใจมากหลังจากนั้นทุกอย่างก็ค่อยๆมือจนมืดไปหมด ปุยฝ้ายรู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เช้าแล้วพอเช้ามาปุยฝ้ายก็เล่าให้แม่ฟังแม่ก็บอกกับปุยฝ้ายว่าเขาไหมไหวหรือเปล่าแต่แม่ก็ไม่ได้ซื้อตกเย็นวันนั้นเป็นวันหวยออกแล้วสวยก็ตัวเลขนั้นจริงๆแม่ปุยฝ้ายก็ร้องกรี๊ดลั่นก็เสียดายที่ไม่ได้ซื้อ เพราะถึงวันที่มหาลัยเปิดเทอมแม่ปุยฝ้ายก็ต้องกลับแล้วปุยฝ้ายใจหายแว๊บเลยไม่อยากให้แม่กลับเพราะกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว ตั้งแต่วันนั้นปุยฝ้ายก็ต้องอยู่คนเดียวในที่ที่ไม่คุ้นเคย ช่วงแรกๆก็นอนปกติดีไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ฝันอะไรแต่พอมาช่วงหลังๆก็เริ่มมีอะไรแปลกๆคืนนั้นปุยฝ้ายมีความรู้สึกเหมือนกับว่าจะหลับไปแล้วแต่อยู่ๆก็หายใจไม่ออกขยับตัวไม่ได้ความรู้สึกเหมือนโดนผีอำตอนนั้นเหมือนตกอยู่ในภวังค์กุยช่ายลืมตาขึ้นสายตามองไปที่ปลายเตียงแต่ก็ไม่เจออะไร ทันใดนั้น หางตาขนปุยฝ้ายก็เห็นบางสิ่งที่คาดเป็นผู้หญิงตัวดำเห็นใบหน้าแค่ครึ่งเดียวเธอคนนั้นยื่นหน้ามากระซิบข้างๆหูปุยฝ้ายบอกว่าไม่ได้ยินเสียงน้ำตาไหลจนในที่สุดเธอก็ไป ปุยฝ้ายไปทำบุญที่วัดแสนสุขทั้งถวายสังฆทานใส่บาตรตอนเช้าที่หนองมนขอทำบุญเสร็จก็โล่งใจมากคิดว่าคงไม่เจออะไรแล้วแต่ผิดคาดเพราะตกกลางคืนก็เป็นเหมือนเดิมอาการผีอำมันกลับมาอีกแล้วแต่คราวนี้ไม่ได้มาตัวเดียวเหมือนคืนก่อนครั้งนี้มีวิญญาณมานั่งยืนเต็มห้องปุยฝ้ายพยายามขยับตัวแต่ก็ขยับไม่ได้ท่องนะโมกันแล้วสวดมนต์ก็แล้วก็ยังไม่มีผลอะไร แล้วอยู่ๆก็มีเสียงผู้ชายตะโกนมาใส่ปุยฝ้ายว่าเผากุ้งเผา ด้วยความสงสัยว่าใครเป็นคนพูดคุยไปก็เลยเหลือบตาไปมองก็เห็นว่าเป็นผู้ชายบ้างห่วงถึงแม้จะไม่เห็นหน้าแต่รู้สึกได้ว่าน่ากลัวมากจริงๆในใจตอนนั้นไอ้ฝ้ายคิดถึงหน้าพ่อกับแม่ทันทีท่องไว้ในใจตลอดสวดมนต์แล้วไม่ช่วยอะไรก็ขอให้บุญกับพ่อแม่คุ้มครองลูกด้วยแล้วก็ปรากฏว่าปุยฝ้ายหลุดหน้าสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็ตั้งสติได้ปุยฝ้ายก็คิดย้อนไปถึงความฝันแล้วเกิดความสงสัยว่าทำไมจะมาขอไม่มาขอดีๆทำไมต้องมาขู่ด้วย มันทำให้ปุ๋ยป้ายทั้งโกรธและกลัวก็เลยไม่สนใจที่จะทำบุญให้ถ้ามันพูดแบบนี้เขาจะไม่ทำบุญให้หรอกนะการกระทำนี้ของปุยฝ้ายมันเหมือนเป็นการท้าทายเลยทีเดียวแล้วปุยฝ้ายก็ไม่ทำบุญให้เขาจริงๆช่วงสายของวันถัดมาขณะที่ปุยฝ้ายขี่รถมอเตอร์ไซค์อยู่ก็โดนรถชนจนสลบแล้วกลิ้งไปกลางถนนตอนนั้นมีรถยนต์ขับตามหลังมากำลังจะขับปุยฝ้ายจู่ๆก็มีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาช่วยเหลือไว้ได้ทันพอรู้สึกตัวอีกทีคุยไปก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ที่ที่เห็นเหตุการณ์ก็เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นถ้าพี่เขาไม่วิ่งไปดึงปุยฝ้ายเข้ามาข้างถนนรถยนต์คันนั้นคงเหยียบหัวปุยฝ้ายไปแล้วต้องขอบคุณพี่เขาจริงๆ ๆตอนนั้นคิดว่าเป็นเพราะปุยฝ้ายไปท้าทายเขาหรือเปล่าที่ไม่ยอมไปทำบุญให้เขาอีกใจนึงก็คิดว่าอาจจะบังเอิญก็ได้พ่อแม่คุยป้ายรู้ข่าวพ่อแม่ปุยฝ้ายก็รีบมาหาทันทีหลังจากออกมาจากโรงพยาบาลพ่อปุยฝ้ายก็รีบพาไปทำบุญแล้วไปเช่าเอามาไว้ที่ห้องไอฟายเรื่องมันดูเหมือนจะจบเราจะไม่ใช่เลยจากที่โดนผีอำทุกวันตอนนี้เรียนกลายมาเป็นำทุกวันค่ะแต่ปุยฝ้ายก็ยังฝืนทนอยู่ที่ห้องนี้ต่อไปไม่ยอมย้ายออกก็เสียดายเงินค่าประกันหลังจากนั้นคุยไปก็ต้องไปทำบุญทุกวันพระซื้อพวงมาลัยมาไหว้พระที่ห้องเพื่อที่จะไม่ให้โดนเอา ช่วงแรกๆก็ทรมานมาเพราะกลัวมากจะไม่ยอมนอนไม่อยากกลับห้องญาติไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ห้องแต่หลังๆเขาเริ่มมาไม่บ่อยจะมาเฉพาะช่วงที่ไม่ได้ไปทำบุญแต่พี่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียข้อดีเขาก็มีเหมือนกันเช่นมาให้หวยพ่อปุยฝ้ายซื้อตามนี้ก็ถูกติดต่อกันมาหลายมั่วหรือมาเตือนเวลาที่จะเกิดอันตรายกับปุยฝ้ายมีครั้งหนึ่งปุยฝ้ายจอดรถติดไฟแดงอยู่เพราะไฟเขียวปุยฝ้ายก็กำลังจะขี่รถออกไปแต่ปุยฝ้ายก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ ทำให้ปุยฝ้ายหันกลับไปมองแต่ก็ไม่เจอใครหรือมีใครที่รู้จักเลยแล้วรถมอเตอร์ไซค์คันข้างหลังปุยฝ้ายก็กีแซงปุยฝ้ายไปก่อนปรากฏว่ารถมอเตอร์ไซค์คันนั้นโดนชนซึ่งถ้าเกิดปุยฝ้ายไม่ได้ยินเสียงนั้นคนที่โดนชนก็คงจะเป็นปุยฝ้ายเอง

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...