วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
คืนปล่อยผี !!
หลังจากที่อำภาเสียชีวิตไปแล้วเธอได้ทิ้งลูกสาวอายุ 6 เดือนให้สินดูแล วศินได้จัดการงานศพของนำพาตามประเพณีชาวบ้านที่รู้ข่าวการตายของรัมภาก็ได้มาช่วยงานศพกันหลายคนในงานทุกคนอยู่ในอาการโศกเศร้าและกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าสงสารอำภาและลูกน้อยโดยเฉพาะลูกของอำภาที่ชื่อแก้วตา แม้จะเพิ่งอายุแค่ 6 เดือนแต่ก็ต้องมาขาดแม่เลี้ยงดูเสียแล้วยังดีที่มีตายายปู่ย่าและนานาซึ่งเป็นน้องของเราอีก 2 คนคอยดูแล cine ทั้งทั้งที่หัวใจแทบสลายที่คนรักที่จากไปแต่ได้ความรักและความรับผิดชอบต่อลูกหน่อยสินจึงตั้งใจไว้ว่าจะดูแลแก้วตาลูกรักอย่างดีที่สุด หลังจากเก็บกระดูกของนำพาแล้วจึงนำไปบรรจุไว้ในโกศที่วัดในหมู่บ้านเพราะครบ 7 วันหลังจากที่อำเภอเสียชีวิตไปรุ่งเช้ายายจวบแม่ของรัมภาก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาที่บ้านของเสียง ยายจวบเรียกสินอยู่นานเพราะศีลกำลังอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน วศินจะยายจวบสินก็ถามว่า แม่มีธุระอะไรหรือเปล่าถึงมาแต่เช้าตรู่อย่างนี้ ย้ายชั่วพูดหน้าตาตื่นว่าเมื่อคืนนี้ประมาณตี 3 อำภาได้มาเข้าฝันในฝันนั้นมาได้มายืนร้องไห้ที่หน้าบ้านคงใหญ่จวบเธอร้องไห้อยู่นานมากไม่ได้จดเดินเข้าไปหาอำภาก็สะอื้นแล้วบอกว่าคิดถึงลูกอยากจะไปหาแต่ก็ไปไม่ได้ Lamp พายังบอกอีกว่าที่ตนไปนานมีแต่ความมืดมองไม่เห็นอะไรแต่ได้ยินเสียงร้องครวญครางด้วยความทรมานของใครหลายๆคนส่วนนำพาก็ทรมานด้วยความหิวข้าวไม่ได้กินอะไรเลยและที่นั่นก็ยังหนาวมากอีกด้วยไม่มีที่หลับที่นอนอย่างสุขสบายเหมือนที่เคยอยู่ เขาพูดจบก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วภาพของรัมภาก็ค่อยๆเลือนหายไป ยายชวดจึงตกใจสะดุ้งตื่นจะนอนต่อก็นอนไม่หลับจึงเฝ้ารอให้สว่างแล้วก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์มาบ้านของเสียงหัวจะมาปรึกษาว่าจะทำยังไงดี สินเชื่อฟังเรื่องราวความฝันที่ยายจวบเราก็นึกสงสารอำภาจับจ่ายอกคนเป็นแม่ที่สูญเสียลูกสาวก็คงจะเป็นห่วงดูแต่ยังไม่ทันที่สินจะกล่าวว่าอะไรนางจำปาแม่ของสิทธิเดินเข้ามาได้ยินยัยจวบเล่าเรื่องความฝันพอดี นางจำปาก็เลยบอกว่าเพื่อความสบายใจยายจวบกับนางจำปาจะพากันไปหาคนทรงเจ้าที่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเล่าลือกันว่าสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้ให้คนทรงทำพิธีเรียกวิญญาณของนำพามาทำให้ยายชวดเห็นดีเห็นงามด้วยจึงกล่าวตกลงไปว่าจะไปด้วยกันส้นตีนก็ให้ไปทำงานตามปกติถ้านางจำปาได้เรื่องราวอะไรแล้วจะมาเล่าให้ฟัง ยัยตัวกับนายจำปาจึงช่วยกันเตรียมดอกไม้ธูปเทียนเสื้อผ้าของใช้ของนำพาและเสื้อของนางจำปาไปอีก 2-3 ตัวนางจำปาได้นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของใหญ่จุมุ่งหน้าไปท้ายหมู่บ้าน เวลาประมาณ 10 โมงเช้าทั้งสองก็ถึงบ้านคนทรงเจ้าแล้วสังเกตเห็นว่ามีชาวบ้านมาก่อนหน้านี้แล้ว 4-5 คน นางจำปาแม่ยายตัวจริงนั่งรออยู่ด้านล่างของห้องโถงใหญ่ที่มีขนาดความกว้าง 6 เมตรและยาว 7 เมตรด้านหน้าห้องมีแท่นบูชาซึ่งมีทั้งพระพุทธรูปรูปปั้นของเทพเทวดาต่างๆอยู่มากมาย ถ้าจะแท่นบูชาก็เป็นแทนหน้ากว้างประมาณ 1 เมตรคูณ 1 เมตร 50 เซนติเมตรด้านบนปูเบาะรองนั่งสีแดงมีชายคนหนึ่งอายุประมาณ 40 ปีหน้าตาดูอิ่มเอิบผ่องใสนั่งอยู่บนแทนนางเท้าข้างหนึ่งห้อยลงมาแต่บนพื้นดูแล้วน่าจะเป็นคนทรงเจ้าที่ร่ำลือกันด้านหน้าของคนส่งมีชาวบ้านนั่งเรียงรายเป็นแถวหน้ากระดาษแต่ละคนก็รอให้ถึงคราวของตัวเอง จะได้ถูกเรียกให้เข้าไปพบคนโสด นางจำปาสังเกตดูคนทรงทำพิธีต่างๆอย่างสนใจบางคนมาถามเรื่องความฝันบางคนมาถามเรื่องคนหรือของหายและบางคนก็มาขอน้ำมนต์ไปรักษาโรคเพราะถึงเวลาคนทรงก็เรียกนางจำปาและยายจวบให้เข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วก็แค่นางจำปาใส่เงิน 300 บาทลงไปในขันเพื่อเป็นค่าครูนางจำปาดิบเงินใส่ขันโดยไม่ดีหรอกหลังจากนั้นจึงวางดอกไม้ธูปเทียนและเล่าความฝันให้คนส่งฝากคนทรงพยักหน้ารับรู้แล้วก็เริ่มทำพิธีเรียกวิญญาณของรัมภาโดยนำขันน้ำมนต์มาวางตรงหน้าแล้วจุดเทียนไขเพื่อให้น้ำตาเทียนหยดลงไปในขัน ระหว่างนั้นขนส่งก็หลับตาสวดบริกรรมคาถาพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์จับภาพร่างของคนทรงก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะอาการสั่นหยุดหรอกขนส่งก็ลืมตาไปมองที่ใหญ่จุแล้วพูดออกมาว่าแม่จ๋า หนังจําปารีบกระเถิบเข้าไปใกล้ๆขนส่งนำเสื้อผ้าข้าวของที่เตรียมมาวางเรียงไว้ตรงหน้าแล้วพูดว่า น้ำตาถ้าเป็นเจ้าจริงขอให้หยิบเสื้อผ้าและข้าวของที่เป็นของนำพาขึ้นมาให้แม่ดูหน่อยๆร่างขนส่งก็ก้มลงหยิบเสื้อผ้าและของใช้ที่เป็นของรัมภาได้อย่างถูกต้องทุกชิ้น ยายจวบเห็นดังนั้นก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่สนว่าจะไปนั่งจำป่าจึงทำภายในร่างขนส่งวา เป็นยังไงบ้างเอาผ้าในร่างคนทรงก็ร้องไห้แล้วบอกว่า คิดถึงลูกแก้วตามาทุกวันนี้ก็อดอยากไม่ได้กินอะไรเลยพี่อยู่ก็มืดมา แต่ยังไม่ทันที่นางจำปาจะได้ถามไถ่อะไรต่อร่างคนทรงก็มีอาการสั่นสะพานแล้วล้มลงไปนอนแน่นิ่งบนแท่นดัง สักพักใหญ่ร่างทรงก็พลิกตัวและค่อยๆลุกขึ้นนั่งเหมือนคนหมดแรง เมื่อคนทรงหายจากอาการมึนงงแล้วลูกศิษย์ของคน 2 ที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คนสงสาร คนทรงจึงพูดกับยายจวบและนางจำปาว่าวิญญาณของคนตายต้องการอาหารและที่อยู่ ทุกๆวันพระให้ทำบุญตักบาตรด้วยอาหารคาวและหวาน เที่ยวผาช่อแล้วให้ซื้อบ้านเล็กๆเหมือนกับศาลพระภูมินำไปไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างถนนจากนั้นให้มาติดต่อขนส่งเพื่อไปทำพิธีปล่อยวิญญาณของนำพาให้มาอยู่ที่บ้านเล็กหลังนั้นซึ่งจะต้องเสียค่าทำพิธีอีก 500 บาท นางจำปาและใหญ่จวบจึงเดินทางกลับบ้านตั้งใจจะทำตามที่คนส่งบอกเราสงสารวิญญาณของอำเภอไม่กี่วันหลังจากนั้นสินและนางจำปาก็ได้ให้คนทรงธรรมวิธีบอกวิญญาณของนำพาให้ไปอยู่ใน บ้านหลังเล็กที่เตรียมไว้แล้วเหตุการณ์ต่างๆก็เป็นปกติไม่มีใครในครอบครัวฝันเห็นอัมไพร์ ส่วนน้องแก้วตาก็เจริญเติบโตด้วยการดูแลเอาใจใส่จากเศษและปู่ย่าตายายจนน้องแก้วตาอยู่ได้ประมาณ 5 ขวบกว่า คืนวันหนึ่งน้องแก้วตาก็ปลุกให้สินไป 1 คืนพร้อมกับเราว่าแม่อำภาได้มาหาตดเธอมากอดตรวจและใช้มือลูบศรีษะแล้วแม่ก็เดินจากไปฉันเข้าใจว่าน้องแก้วตาคงฝันไป แต่น้องแก้วตาก็ยืนยันว่าไม่ได้ฝากแม่อำภามาหาน้องแก้วตาจริงๆ ซิมก็เริ่มเชื่อตามที่น้องแก้วตาบอกเราก่อนหน้านั้นซึ่งก็ได้ยินเสียงหมาหอนรับกันเป็นทอดๆและเงียบหายไป
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น