วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ทริปสุดหลอน !!


      ก่อนอื่นเราต้องขอตัวก่อนนะว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาบอกเล่าประสบการณ์ที่น่ากลัวน่ากลัวดูที่เราได้พบเจอมากับตัวเองแล้วเราจะขอใช้นามสมมุติว่าผ่าน ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้วทานกับครอบครัวรวมทั้งหมดประมาณ 11 คนได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือและดอยแห่งจำนวนคนเช่าเหมารถตู้ที่ใช้ในการเดินทางพวกเราเดินทางไปจนถึงตีนดอยแล้วทางขึ้นดอยแห่งนี้ก็มีป้ายบอกทางเล็กๆแล้วถนนก็ค่อนข้างคดเคี้ยวมันผ่านไปไม่มีรถคันนี้เลย เพราะพวกเราไปถึงด้านบนก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างสงบมีที่พักและส่วนต่างๆสวยงามมากเมื่อไปถึงที่พักพวกเราก็จะรอเข้าห้องพักที่นี่ดีมาก พวกเราจึงได้เดินทางไปยังห้องพักเดินผ่านสวนดอกไม้ตามทางเดินเล็กๆก็เจอห้องพักเป็นบ้านไม้แยกกันเป็นหลังๆเรียงรายอยู่ด้านหลังของบ้านพักเป็นตาด้านหน้าเป็นทางเดินหินกรวดเล็กๆเมื่อจัดของกันเสร็จราวพวกเราตามสูตรก็พักผ่อนค่ะเพราะมีผู้สูงอายุด้วยเวลาผ่านไปจนถึงตอนเย็นพวกเราก็มารับประทานอาหารกันนั่งคุยไปทานอาหารไป จนเวลาล่วงเลยไปประมาณ 20:00 นก็ถึงเวลาปิดของร้านอาหารเด็กๆจึงพาผู้สูงอายุกลับไปยังที่พัก บางส่วนก็เดินเล่นถ่ายรูปกับซุ้มดอกไม้ต่างๆ เมื่อถึงเวลาพนักงานที่อยู่ในร้านอาหารก็ปิดประตูร้านแล้วรีบเร่งขี่รถจักรยานยนต์กลับที่นี้ทุกอย่างปิดหมดไม่มีคนออกมาเดินเพ่นพ่าน ไม่มีเสียงคนใดๆตอนนั้นป้านไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่มีความรู้สึกว่าอยากออกมาเดินเล่นเพียงลำพัง โดยรอบก็มืดมารู้จักหลอดไฟตามเสาไฟเป็นบางจุดตามซุ้มดอกไม้ต้นไม้แล้วก็ดวงไฟหน้าห้องพักฤดูหนาวนี้ไปบนท้องฟ้าก็จะมีเพียงดวงดาวสีเงินระยิบระยับมากมายโปรยปรายอยู่บนท้องฟ้าที่ดำมือปราบทิ้งเดินเล่นโดยรอบที่พักหรือโทรศัพท์มือถือเปิดหน้าจอสว่างเป็นกี่ช่องทางเดินตามทางเดินไปด้านหน้าที่ทางเข้าก็เจอถนนเป็นทางตรงกว้างประมาณ 5 เมตร ซึ่งถ้าลงต่อไปจะเป็นถนนคดเคี้ยวเป็นทางเดียวกับพี่ก็สู้ขับขึ้นมา ด้านล่างมีดวงไฟเล็กๆเปิดอยู่ จากที่มองอยู่แล้วมันก็ไม่ไกลมากนะตามจริงเกิดนึกสนุกขึ้นมาเข้าใจว่าแสงไฟที่ด้านล่างเป็นร้านค้า เลยอยากได้ไอศกรีมเย็นๆสักแทงแค่นึกก็ฟินแล้วเอาตอนนั้นอากาศเริ่มเย็นลงก็ตอนกลางวันกะว่าจะซื้อมาฝากเด็กๆด้วย เมื่อเดินลงไปเรื่อยๆโดยใช้ไฟจากโทรศัพท์ 2 เครื่องดูทางขนาดเลยแต่มันก็ซ่อมได้ในระยะไกลๆเท่านั้นตามทางเดินก็มีกรวดลอยอยู่ตัว เหยียบลงไปก็จะมีเสียงดังเป็นเสียงกรวดกระทบกับด้านข้างเป็นกอหญ้าขึ้นสูงประมาณเกือบเท่าตัวคน ลมเย็นๆพัดมาอีกเหนื่อยแต่ไม่มีเสียงบรรยากาศมันเงียบมากมีเสียงแมลงกับพวกกบเขียดบ้างเป็นวัยยากเพราะการเดินไปได้สักพักอยู่ๆก็เริ่มรู้สึกเสียวสันหลังหวะจนต้องหันหน้าไปมองข้างหลังแต่ก็ไม่มีไรจึงหันกลับมาเดินต่องั้นหน้ามองท้องฟ้าแล้วมองไปรอบๆพร้อมส่องไฟไปด้วยสักพักก็เริ่มมีเสียงก้อนกรวดกระทบกันในใจคิดคดีว่ามีคนเดินตามมาจึงหันไปมองตามทิศทางของเสียงแต่ก็ไม่เห็นมีใคร ตอนนั้นก็รู้สึกกลัวนิดๆใช้เริ่มคิดถึงสิ่งที่มองไม่เห็นแล้วขนลุกจริงใจเดินต่อ พยายามนึกคำว่าเดินถึงร้านค้าแล้วจะซื้ออะไรบ้างให้คมความกลัว แต่ขาทุกก้าวแทบไม่ออกแล้วในตอนนั้น การเดินทางช้าลงและรู้สึกว่าขาจะขึ้นมาดีๆเสียงเดินมันใกล้เข้ามาใกล้เข้ามาทุกที เหมือนมันกำลังเคลื่อนตัวมาหาป้าฮ่าๆมันเป็นคนมันก็ไม่ใช่เสียงเดินของคนคนเดียวเป็นแน่แต่มันเป็นเสียงฝีเท้าของคนหลายๆคน กำลังเดินตามมาในความมือมีความรู้ความจริงค่อยๆหมุนจอโทรศัพท์ไปทางขวาพร้อมๆกับเหล่ตาไปทางขวาข้างๆที่มีต้นหญ้าขึ้นสูงทันใดนั้นเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องแรงลมหรืออะไรมันทำให้กอหญ้ากอ 1 แหวกออกซึ่งมีลักษณะเหมือนกับคนกำลังใช้มึงแหวกกอหญ้าออกแล้วจะเดินออกมาจากตรงนั้นแต่สิ่งที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยเสียงเดินบนก้อนกรวดก็ยังไม่หยุดมันเริ่มสติแตกกระเจิงจึงหันกลับมาแล้ววิ่งในทันทีอย่างสุดชีวิตแต่เสียงฝีเท้านั้นก็ยังคงดังตามผ่านมาแล้วเหมือนกัน ว่ามันกำลังวิ่งตามมาอยู่ด้วยตอนนั้นอ่านไม่สนใจอะไรแล้ววิ่งอย่างเดียวพยายามวิ่งให้เร็วที่สุด แต่ในขณะที่ปันวิ่งอยู่ในสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง มันมีลักษณะคล้ายๆสีขาวที่กอหญ้าข้างทางซึ่งอยู่ด้านหน้าไกลพอสมควรมันพอโดดเด่นออกมาจากความมืดมีสีสว่างเหมือนผ้า  สามารถมองเห็นได้โดยไม่ต้องใช้ไฟส่องปากวิ่งไปเรื่อยๆจนไปถึงจุดที่มองเห็นสีขาวนั้น จึงหันไปมองด้วยความสงสัยแต่แล้วสิ่งที่เห็นมันกลับเป็นคนยืนอยู่ใส่เสื้อขาวยาวกว่าเสื้อปกติเหมือนเป็นชุดคลุมผ้าด้านหน้ายาวลงมาประมาณเข่าคล้ายกับชุดงานบวชสีขาวและโปร่งแต่หัวและท่อนล่างปานมองไม่เห็นมันค่อนข้างมือจึงเห็นเฉพาะเสื้อ Moving พ้นสิ่งนั้นไปก็ถึงทางเข้าที่พักที่มีโคมไฟติดอยู่บ้านก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาและทุกอย่างก็กลับมาสู่ภาวะปกติไม่มีเสียงเดินตามมาแล้ว จึงหันหลังกลับไปมองอีกทีจากจุดที่บ้านยืนอยู่แสงจากโคมไฟสาดส่องเป็นระยะทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้ประมาณ 5-6 เมตรจากตรงนั้นมันจะไล่เฉดความสว่างไปมือและมืดขึ้นเลยอ่ะก็มองเห็นเป็นเงาดำหลังลาของคนจีนอยู่เยอะมากจึงรีบหันกลับทันทีแล้ววิ่งต่อจนไปถึงที่หน้าห้องพักก็เคาะประตูเรียกอย่างแรงจนกระจกบางๆบนประตูไม้หน้าห้องสั่นสะเทือน เสียงกระจกมันเหมือนพร้อมจะแตกได้ทุกวินาทีเมื่อผ่านเข้ามาในห้องก็ไม่มีใครถามอะไรก็แต่ละคนนั่งกดโทรศัพท์กันอยู่ส่วนที่เหลือก็นอนหลับไปแล้วความจริงเดินพุ่งเข้าไปในห้องน้ำล้างหน้าล้างตาก็ดึงสติกลับคืนมาและคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในใจคิดเพียงอย่างเดียวว่า ผีอย่างเดียวเท่านั้น คนอะไรเยอะแยะมาเดินในที่มืด แล้วก็ไม่ส่งเสียงหรือพูดคุยอะไรเลย ประกอบกับสิ่งที่เป็นทุกข์ขาวยาวอยู่ไม่น่าจะใช่เครื่องแต่งกายที่คนปกติจะใส่มาเดินเล่นมืดๆแบบนั้นหลังจากนั้นท่านจึงเข้านอนซึ่งภายในห้องจะมีเตียงใหญ่ 2 เตียงจากประตูห้องเข้ามาด้านซ้าย 1 ปีแล้วทักมาอีก 1 เตียงที่มีคนนอนอยู่ นี่ความกลัวความจริงไปนอนแทรกเตียงที่ 2 ตรงกลางนอนตัวของเขาแทบจะแนบกับพวกมันกลัวจนไม่กล้ายืนขาเพราะกลัวว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาจากใต้เตียงจับขาตอนดึก ถ้าผ่านก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับคนที่บ้านป้าเขาเลยบอกว่าที่นี่เชื่อกันว่ากว่าจะสร้างมาได้สวยงามขนาดต้องแลกด้วยชีวิตคนในพื้นที่ไปจำนวนมากเพราะการก่อสร้างถนนและที่พักบนภูเขาสูงมันเสี่ยงอันตรายมากทางก็จะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุกันได้ทุกเมื่อและอีกอย่างป้าแทบนี้ในอดีตสงครามของคนในพื้นที่ก็อยู่ใกล้ชายแดนๆก็ขนลุกอีกรอบยกมือขึ้นพนมคิดในใจว่าพระเจ้าไม่ได้สร้างความเสียหายรบกวนผู้ใด หลังจากเราจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางออกจากที่พักจากหน้าทางเข้าออกมาไกลประมาณ 1 กิโลเมตรจึงจะถึงทางลงดอยตามที่เมื่อคืนปานมองเห็น ตอนลงปั้นพยายามจดจ้องอยู่กับข้างทางเขาติดใจตรงไปร้านค้าที่เห็นอยู่เมื่อคืนมันเป็นไฟจริงๆนะเห็นเป็นลักษณะเต็มเลยอยู่ใกล้ๆตรงทางลงดอยจะพอขับรถผ่านมาตั้งแต่ข้างบนลงมาถึงตีนดอย ก็ปรากฏว่าไม่มีร้านค้าใดๆอยู่เลย

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...