วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ผีบังตา !!


           ย่าของเราเป็นคนอีสานตอนนี้อายุ 70 แล้วแต่ร่างกายก็ยังแข็งแรงดีอยู่ยังทอผ้าทำงานเล็กๆน้อยๆได้ เรื่องที่ย่าเล่าให้เราฟังนี้เกิดขึ้นเมื่อสมัยย่ายังเป็นเด็กอายุประมาณ 7-8 ขวบครอบครัวของย่าค่อนข้างมีฐานะเพราะตัวเคยเป็นนายฮ้อยคนเลี้ยงวัวเลี้ยงควายสมัยก่อนเลี้ยงวัวเป็นร้อยๆตัวหญ้ามีพี่น้องทั้งหมด 9 คนยากเป็นคนที่ 4 ส่วนทวดนั้นเลี้ยงวัวเลี้ยงควายเป็ดและไก่เยอะมากๆ ลูกชายจะได้เลี้ยงวัวประมาณเกือบ 20 ตัวย่ากับพี่สาวคนที่ 3 ซึ่งเป็นผู้หญิงจะได้รับหน้าที่เลี้ยงควาย 6 ตัว​ ควายจะเลี้ยงง่ายกว่า ส่วนลูกคนเล็กเพื่อจะให้ไปเลี้ยงเป็ดไก่นับพันตัวกับทวดหญิง สมัยนั้นไม่มีใครต้องไปเรียนหนังสือหน้าที่หลักก็เลยตามนี้ วันนั้นย่าไปเลี้ยงควายตามปกติโดยนึ่งข้าวแล้วก็ต้มไข่เป็ดกับแจ่วปลาร้าไปกินระหว่างวัน ทางไปเลี้ยงควายนั้นจะต้องข้ามคลองน้ำซึ่งมีน้ำลึกเกือบถึงหลังควายหญ้ากับพี่สาวจึงต้องนั่งอยู่บนหลังควายคนละตัว ไอ้ควายพาเดินข้ามน้ำเวลาที่น้ำลึกจะท่วมหลังควายหญ้ากับพี่สาวก็จะยืนทรงตัวบนหลังควายแทนระยะทางข้ามคลองก็ราวๆ 20 ไอ้ควายพาเดินข้ามน้ำเวลาที่น้ำลึกจะท่วมหลังควายหญ้ากับพี่สาวก็จะยืนทรงตัวบนหลังควายแทนระยะทางข้ามคลองก็ราวๆ 20 เมื่อข้ามคลองมาได้ก็ช่วยกันดึงปลิงออกจากควายแล้วเอามดแดงตามต้นไม้ปกติเป็นเรื่องสนุกสนานกันไป จากนั้นก็เดินต่อไปจนถึงร้านเลี้ยงควายที่เป็นที่นาของยา เพราะเป็นฤดูที่พึ่งเก็บเกี่ยวเสร็จจึงเอาควายไปเลี้ยงเขาจนได้อย่าบอกว่าออกจากบ้าน 4:00 นกว่าๆเพราะไปถึงที่เลี้ยงควายก็แดดออกได้กินข้าวเช้าพอดี พอไปถึงก็ปล่อยให้ควายเดินกินยานอนแช่โคลนหญ้ากับพี่สาวก็พากันกินข้าวเช้าก็กินข้าวเสร็จแล้วก็พากันไปเล่นตามประสาเด็กๆจนเที่ยงว่ะถึงพาควายไปกินน้ำโดยหญ้ากับพี่สาวจะต้องลงไปตักน้ำใส่ถังมาให้ไปกินเพราะควายลงไปกินเองอาจจะกลับขึ้นมาไม่ได้วันนั้นพี่สาวชวนญาติไปตักน้ำที่บ่อน้ำตาส่วนหน้าตาสวยอยู่ติดกับนนท์เจ้าปู่ที่เป็นที่เคารพของหมู่บ้าน ลักษณะจะเป็นนนใหญ่ๆ เป็นป่าโล่งมีต้นไม้สูงแล้วก็มีศาลเจ้าปู่ตั้งอยู่ ตัวมักจะกำชับหนักหนาว่าอย่าไปเล่นแถวนั้นเพราะกลัวว่าจะไปทำอะไรไม่ดีไม่ถูกไม่ควรโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เมื่อเอาน้ำให้ควายเศษหญ้ากับพี่สาวก็ได้เวลานอนกลางวันโดยคุยกันว่าจะไม่พาไปกลับไปที่เดิมแล้วก็เหนื่อยขี้เกียจเดินถึงเย็นค่อยพากลับบ้านเลยย่ากับพี่สาวก็พากันกินข้าวกลางวันกินเสร็จก็พากันไปเล่นท่ายากเล่นได้สักพักหนึ่งก็เหนื่อยบอกว่าจะนอนก็เลยปีนขึ้นไปนอนเล่นบนหลังควายที่กำลังยืนเคี้ยวหญ้าอยู่ใต้ร่มต้นกระบกขนาดใหญ่ ขณะที่ย่ากำลังจะเรียกให้พี่สาวมานอนกลางวันด้วยยาก็หันไปเห็นพี่สาววิ่งไปทางกอไผ่ใกล้กับนอนเจ้าปู่ทำท่าทำทางนั่งละเมอคุยดีแล้วพูดอยู่คนเดียวย่าก็คิดว่าผมจะเล่นขายของก็ไม่ได้สนใจอะไรจึงนอนต่อเพราะคืนหลับไปได้สักพักนึงยากก็ต้องตกใจสะดุ้งตื่นๆเอาได้ยินเสียงพี่สาวน้องชายอย่ารีบกระโดดลงจากหลังควายไปหาพี่สาวที่ยืนร้องไห้อยู่ข้างต้นมะกอกน้ำข้างสระเมื่อเข้าไปถามพี่สาวพี่สาวก็เอาแต่ร้องไห้บอกว่าอยากกลับบ้านอย่าก็เลยบอกว่ากลับตอนนี้ก็โดนตีตายน่ะสิเพราะดูแล้วตอนนั้นน่าจะประมาณ 15:00 น หญ้าจึงบอกว่ารอก่อนอีกสักพักจะพากลับไอ้ควายมันลุกขึ้นทุกตัวก่อนตอนนั้นว่ายังนอนแช่โคลนอยู่เลยสักพักพี่สาวก็เงียบไปไม่ยอมพูดอะไรอีกจนเวลาผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่า ก็ได้เวลากลับบ้านพี่สาวย่าบอกให้ย่าเป็นคนไปต้อนควายตัวที่อยู่ไกลๆกลับมาก็เลยเกิดการทะเลาะกันจนถึงขั้นตีกันตามประสาเด็กๆสาวยากโกรธแล้วก็วิ่งหนีกลับบ้านไปก่อน ส่วนย่านั้นทั้งโกรธทั้งร้องไห้ต้องโมโหที่ต้องรอแฟนกลับบ้านคนเดียว ย่าทั้งหอมปิ่นโตพ่อกระติบข้าวโดยใช้ผ้าขาวม้าผูกหลังไปแล้วจะเดินไปต้อนควายทีละตัว ซักผ้าพี่สาวเดินกลับมาช่วยไล่ควายก็อยู่ดีๆไฟล์ที่เพิ่งจะเกิดได้ไม่กี่เดือนก็เกิดตกใจวิ่งเตลิดเข้าไปในป่าหลังดอนเจ้าปู่ อย่าตะโกนบอกพี่สาวให้ต้อนควายที่เหลือไว้เดี๋ยวจะแตกฝูง ส่วนย่าวิ่งตามรถไฟไปอย่าบอกว่าจำได้แค่ว่าวิ่งตามลูกชายไปในป่าวิ่งไปเรื่อยๆก็หารูปควายไม่เจอหญ้าหารูปควายจนมือจนเหนื่อยจะเดินออกจากป่าก็หาทางออกไม่เจอก็เลยนั่งพาน แต่ตอนนั้นย่าบอกว่าไม่ได้กลัวอะไรเพราะว่ามันไม่ใช่ปลาใหญ่เป็นปลาโลยังคงมองเห็นหน้าของชาวบ้านอยู่ที่ว่าหาทางออกไม่ได้ก็คือหาทางเดินเท้าไม่เจอนะถ้าจะออกไปก็ต้องบุกพงหญ้าคงหนามออกไปหญ้าจริงยังไม่ออกไปกะว่านั่งจนหายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยออกไป ตอนนั้นอย่าบอกว่าเหมือนรู้สึกวูบไปสักพักแล้วก็ได้ยินเสียงร้องครางพร้อมกับเรียกชื่อของยา ซึ่งยากจำได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของทวดอีกหรือแม่ของย่านั่นเอง อย่าลืมตาตื่นขึ้น ตอนนี้รอบตัวย่อมืดไปหมดเลยได้ยินแต่เสียงเรียกเท่านั้นปรากฏว่าไม่มีเสียงออกมาแม้จะร้องไห้ก็ยังไม่มีเสียงเลยตอนนั้นยากงงมากทั้งกลัวทั้งหมื่นจนเผลอหลับไป พอตื่นขึ้นมาทีก็สว่างแล้วตอนนี้หญ้ามองเห็นทางเดินแล้วจึงเดินออกไปซึ่งเป็นรอยทางเดียวกับพี่วินเข้ามาแล้วน่าจะเป็นทางที่ชาวบ้านเข้ามาเก็บเห็ดหาหน่อไม้หรือผลไม้ป่าหญ้าค่อยๆเดินร้องไห้ออกไป ตามตัวของหญ้ามีแต่รอยยุงกัดเต็มไปหมดอย่าเดินไปเรื่อยๆเพื่อจะกลับบ้านก็มาถึงคลองที่จะข้ามก็ข้ามไม่ได้ถ้าไม่มีควายให้ขี่หลัง แต่โชคดีที่มีคนในหมู่บ้านผ่านมาจึงพายาซ้อนจักรยานอ้อมไม่จนถึงที่มีสะพานข้ามคลองซึ่งอยู่ไกลออกไปหลายกิโลเมตร แล้วเขาก็พาญาติไปส่งปลาเมื่อไปถึงบ้านทั่วทั้งสองต่างร้องโอดโอยความเสียขวัญและดีใจที่เห็นยากกลับมา ย่าบอกว่าตอนนั้นไม่รู้อะไรหรอกรู้แต่ว่าได้กินขนมเยอะแยะแล้วมีชาวบ้านมาหาหญิงมาแถมยังให้เงินไปซื้อขนมกินดีมีคนมาผูกแขนเต็มไปหมดแถมยายังไม่ต้องไปเลี้ยงไปอีกหลายวัน ย่ามาเล่าให้ฟังย้อนหลังว่ามารู้เรื่องอีกทีเมื่อตอนโตเป็นสาวแล้วว่าตอนที่ยากวิ่งตามควายเข้าไปในป่าดันอีสาวยาไม่กล้าวิ่งตามเข้าไป เพราะตอนกลางวันของวันนั้นพี่สาวที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มาเก็บเห็ด เธอแต่งตัวธรรมดาเหมือนชาวบ้านหมู่บ้านอื่น เธอคนนั้นยืนยิ้มๆแล้วกวักมือเรียกให้พี่สาวอย่าไปดูเหตุคนข้างกอไผ่และผู้หญิงคนนั้นก็ถามพี่สาวอย่าว่าจะเอาเห็ดกลับบ้านไปแกงใหม่พี่สาวปฏิเสธผู้หญิงคนนั้นไปแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ทำหน้าตากรดเขียวใส่พี่สาวย่า เธอลุกขึ้นเดินเข้าไปในป่าแล้วอยู่ดีๆก็หายไปเลย

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...