วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ผีเขมร​ที่เกาะกูด !!


    เรื่องนี้เกิดขึ้นในปลายฤดูร้อนปีหนึ่งกลุ่มเพื่อนผมนัดรวมคนที่มีเวลาว่างตรงกันประมาณ 10 คนจัดทริปไปเที่ยวเกาะกูดโดยพักที่บ้านกรูดรีสอร์ทบนเกาะเล็กๆส่วนตัวฮาวายชายแดนของประเทศกัมพูชาไม่มากนัก พวกเราเดินทางออกจากกรุงเทพฯในตอนบ่ายโดยรถโดยสารปรับอากาศของบริษัทขนส่งจากสถานีเอกมัยมาลงตัวที่จังหวัดตราดแล้วต่อรถสองแถวไปที่ท่าเรือไปยังเกาะที่พักอีกทีหนึ่งซึ่งกว่าจะถึงที่หมายก็พร้อมคำทุกคนจึงเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่งขณะที่เรียกได้ว่าแทบจะคลานขึ้นบ้านพักกันเลยทีเดียว หลังเติมพลังงานด้วยอาหารเย็นที่เจ้าของรีสอร์ทจัดเตรียมให้จนอีกแล้วพวกเราจึงออกเดินตรวจบ้านพักและบริเวณโดยรอบมันมีลักษณะเหมือนบังกะโลชายหาดแต่โบราณทั่วไปยกสูงประมาณ 1 เมตรตัวเรือนทำด้วยไม้หน้าต่างนอกทำให้อากาศถ่ายเทได้เป็นอย่างดีด้านหน้าเป็นของทะเลสีฟ้าเทากับสีฟ้าอ่อนครัวป้า ด้านหลังก็จะมองเห็นเนินเขาลูกเล็กๆที่มีบรรดาพืชพรรณต่างๆขึ้นอยู่มากมายเสียงร้องของสัตว์ต่างๆตามมาจากป่าละเมาะเท่านั้นเสียงหนึ่งที่ทำให้ผมขนลุกดีกว่ากูอ้วนขยะแขยงมากที่สุดก็คือเสียงของตุ๊กแกที่ไต่ยั้วเยี้ยอยู่ตามผนังบ้านระหว่างทางเราได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้านที่มาทำงานที่นี่สอดแพงนะทุกคนต่างมีอะไรอาศัยที่ดียกเว้นแต่พ่อแม่ลูก 3 คนที่มองแล้วซุบซิบกันด้วยท่าทีแปลกๆคืนนั้นเรานั้นมีค่าแต่กรุงไทยจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืนจึงเดินกลับเข้าตัวบ้านพักผ่อน นึกว่าพี่สนิทกันมากแต่ละคนจึงลากเอาที่นอนหมอนมุ้งมานอนรวมกันที่ห้องใหญ่ห้องเดียวแล้วต่างพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน เวลาผ่านไปเสียงจ้อกแจ้กเสียงดังจึงค่อยๆลดระดับลงเป็นเสียงกระซิบและเงียบไปในที่สุดแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องเห็นเป็นเงาสลัวหลังๆเสียงเกลียวคลื่นกระทบฝั่งเบาๆก็กับความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำให้ผมปล่อยเราไปยังไงได้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงตุ๊กแกร้องระงมอยู่ภายนอกเสียงนั้นทำให้ผมต้องรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมเอามืออุดหูความเกลียดและกลัวน่าแปลกที่มันด่าเพื่อนยังคงนอนหลับกันอย่างสบายอารมณ์ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สักพักเสียงตุ๊กแกก็สงบลงแต่คราวนี้ครับมีเสียงของชายหญิงคู่หนึ่งดังขึ้นมาเบาๆผมพยายามฟังว่าพวกเขากำลังพูดอะไรอยู่แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้แม้แต่คำเดียวมันเหมือนกับเป็นภาษาเขมรผมค่อยๆพลิกตัวของไม่อย่างนั้นต่างด้านหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งที่มาของเสียงในความมืดมิดมีเพียงแสงจันทร์สลัวสลัวภาพหลังๆที่เห็นเบื้องหน้าคือใช่และเด็กที่ผมขอเดินเล่นเมื่อช่วงค่ำนั่นเองการสนทนาของพวกเขาสะดุดหยุดลงทันทีเหมือนรู้ว่ามีคนกำลังแอบฟังอยู่ แล้วทุกคนก็หันจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เย็นชาพวกเขาเป็นชาวบ้านที่ทำงานที่นั่นเองผมคิดในใจพร้อมกับเมยถามพวกเขาเบาๆเอาเกรงใจว่าจะรบกวนเพื่อนที่นอนหลับอยู่มีอะไรกันเหรอครับมาทำอะไรกันดึกๆอย่างนี้เสียงของผมนั้นทำให้เพื่อนบางคนเริ่มรู้สึกตัวตื่นและขยับตัวผมหันไปมองเพื่อนที่กำลังลุกขึ้นนั่งเพียงเสี้ยววินาทีที่ผมละสายตาจากพวกเขาเหล่านั้นก็เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กที่อยู่ข้างนอกนั้นมายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอนแล้วพร้อมกับถือไม้ท่อนใหญ่ท่อนหนึ่งก็ยังเล่นอยู่ในมือ ผมแปลกใจมากไม่เข้าใจว่าเด็กคนนั้นเข้ามาในห้องพักของพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเด็กก็เริ่มวิ่งไปรอบๆห้องกระโดดข้ามเพื่อนของผมที่ยังคงนอนอยู่ พร้อมกับดอกไม้ที่คอขนาดเป็นจังหวะแล้วส่งเสียงกรีดร้องมันดังโหยหวนมากจนผมต้องยกมือขึ้นปิดหูตอนนี้เพื่อนผมก็ตื่นกันหมดแล้วทุกคนต่างคิดถึงได้แล้วมองหน้ากันด้วยความงงว่าเกิดอะไรขึ้นผมพยายามร้องห้ามแต่เด็กนั้นไม่ยอมยังคงวิ่งพล่านขอบฟ้าผนังรอบห้องต่อไป ผมจนปัญญาจึงหันไปหาสามีภรรยาที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมที่พี่ช่วยมาเอาโล่งอกไปหน่อยสิครับซนจริงๆผมกวักมือเรียกสองคนนั้นแต่น่าแปลกที่พวกเขาดูเหมือนจะไม่สนใจว่าลูกตัวเองกำลังรบกวนการพักผ่อนของพวกเราอยู่แล้วเพื่อนผมก็หันมาถามว่าคุยกับใครที่ไหนอยู่หรอแล้วมีเสียงอะไรน่ะใครร้องใครครอบฝาบ้านมันถามที่เสียงที่สั่นแล้วก็หันไปมองรอบๆห้องอย่างหวาดกลัว ซึ่งดูเหมือนกับว่ามันไม่เห็นใครอยู่เลยเอาก็เรียกให้พ่อแม่เอาลูกออกไปวิ่งเล่นได้ไม่หลับไม่นอน ผมตอบด้วยความโมโหจากนั้นผมก็ขยับตัวลุกขึ้นเดินไปแล้วกดปุ่มเปิดไฟในห้องแต่เราก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมทั้งห้องยังคงมืดมิดผมกดปุ่มซ้ำแล้วซ้ำอีกในขณะที่เสียงกรีดร้องและคอร์ดผนังห้องของเด็กนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่องมันทำให้ผมเหลืออดจริงใช้นิ้วกระแทกย้ำไปที่สวิสไปอีกหลายครั้งพร้อมตะโกนขึ้นว่าไอ้หนูหยุดหยุดวิ่งเดี๋ยวนี้ เมื่อสิ้นเสียงของผมแสงจากดวงไฟหลายดวงตาสว่างขึ้นเสียงอึกทึกและเด็กน้อยคนนั้นก็หายไปห้องทำห้องรับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้งผมมองไปรอบๆเห็นบรรดาเพื่อนๆนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ที่ความว่าผมรีบเดินไปที่หน้าต่างตรงหัวนอนมองหา 3 คนนั้นแต่กลับไม่พบอะไรเลยแต่เมื่อมองฝ่าความมืดออกไปเห็นเงาตะคุ่มตะคุ่มกลุ่มพวกเขาหันมามองผมด้วยแววตานิ่งเฉยแล้วค่อยๆเดินทางออกไปจนกระทั่งลับสายตาไปไหนที่สุดขึ้นขณะที่เพื่อนผมกำลังเก็บของออกจากที่นี่กลับกรุงเทพฯผมก็เดินลงไปดูตรงบริเวณที่เห็นสามีภรรยาเมื่อคืนนี้ก็พบว่ามีศาลเพียงตาตั้งอยู่ต่อ หลังทำไมนะเมื่อวานพวกเราถึงไม่มีใครเห็นศาลฎีกาสักคนมาสอบถามคนงานดูจึงทราบว่ามันถูกสร้างให้สามีภรรยาและลูกชายที่นั่งเรือไปออกมาจากกัมพูชาและนี้สงครามเมื่อหลายปีมาแล้วแต่โชคร้ายที่เหลือมันล่มจมน้ำตายหมดทั้งครอบครัวและส่งกระแสน้ำพัดมาเลยตรงบริเวณชายหาดหน้าบ้านหลังที่น่าแปลกก็คือไม่เคยมีใครเคยคบวิญญาณพ่อแม่ลูกครอบครัวนี้มาก่อนและไม่มีใครคบพวกเขาอีกเลยหลังจากคืนนั้น

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...