วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
สวดเป็นสวดตาย !!
เรื่องที่จะเล่านี้เกิดขึ้นเมื่อต้นปีพ.ศ 2555 ครอบครัวกลมๆเป็นคนขอนแก่นมีกันทั้งหมด 4 คนคือพ่อแม่ผมและน้องชายวันหนึ่งเพื่อนที่ทำงานผมก็ชวนพ่อไปดูดวงกับอารมณ์หนึ่งซึ่งท่านทั้งเป็นทั้งตายแม่นหมาวัดที่ไปนานอยู่ในอำเภอน้ำพองจังหวัดขอนแก่นเมื่อพ่อเข้าไปดูดวงอาจารย์ได้ทักว่าจะมีลูกตาย 1 คนก็ตกใจมากกลับมาเล่าให้แม่ฟังอาทิตย์ต่อมาพ่อและแม่จึงพาผมกับน้องไปดูดวงกับอาจารย์ ไม่ได้เจอพระท่านก็ทักผมว่าผมจะไปหาแม่ได้ยินก็ไม่สบายใจเลยถามท่านว่าจะมีวิธีแก้ได้ยังไงบ้างถ้าท่านบอกว่าให้ทำพิธีสวดเป็นสวดตายโดยให้ผมนอนลงแล้วเอาผ้ามาคลุมให้เหมือนคนตายจากนั้นก็ให้พระสวดทำพิธีอะไรหลังจะเสร็จพิธีสีหน้าแม่ก็ดูสบายใจขึ้นแล้วแม่ก็พาผมไปวัดจีนในอำเภอเมืองที่ผมอยู่เพื่อทำพิธีแก้ปีชงผมก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้แม่สบายใจ เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเดือนพฤษภาคมน้องชายของผมก็มีอาการไอไม่หยุดอยู่เป็นเดือนเมื่อไม่มีทีท่าว่าจะหายแม่กับผมจึงพาน้องไปหาหมอระหว่างที่รอผลตรวจป้าของผมซึ่งทำงานเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลนั้นก็มากระซิบกับแม่ว่าโรคเกี่ยวกับปอดที่อาการเบาที่สุดคือวัณโรคผลตรวจออกมาหมอก็บอกว่าน้องป่วยเป็นวัณโรคแม่ก็เลยโล่งอกอย่างน้อยก็เป็นโรคที่อาการเบาที่สุดแล้ว น้องชายของผมนอนโรงพยาบาลได้ 3 วันอาการก็ไม่ดีขึ้นเลยหมอจึงให้เจาะเลือดมาตรวจใหม่ผลปรากฏว่าน้องชายของผมเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายโอกาสรอดมีแค่ 10% แม่ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารน้องเพราะโดยปกติแล้วน้องของผมจะไม่สูบบุหรี่ดื่มบางแต่ก็ไม่น่าจะเป็นโรคร้ายขนาดนี้ สักพักพ่อแม่เริ่มสงบจึงไปล้างหน้าล้างตาแล้วเดินกลับไปหาน้องน้องชายถามแม่ว่าแม่ผมป่วยเป็นอะไร แม่เลยบอกว่าป้อนกวนธรรมดาเราไม่อยากบอกความจริงให้น้องเคลียร์และกลัวว่าอาการของน้องจะทรุดลงอีก จากนั้นพวกเราก็พาน้องกลับมาที่บ้านแม่ดูแลรักษาน้องอย่างดีแต่อาการก็ทรุดลงทุกวันจนกระทั่งปี 2556 รายเดือนกุมภาพันธ์เวลาเที่ยงคืน น้องมีอาการเหมือนจะหายใจไม่ออกแม่รีบมาเคาะประตูห้องผมเรียกให้ไปดูน้องเพราะคงเห็นน้องอาการไม่ดีผมก็รีบวิ่งไปตามป่าที่เป็นพยาบาลซึ่งบ้านอยู่ติดๆกันระหว่างที่ผมไปเรียกป้านะผมได้ยินเสียงนกแสกบินบนเหนือหลังคาบ้านแต่ตอนนั้นผมก็ไม่สนใจอะไรเพราะต้องรีบไปหาปลาหลังจากเรียกป้าแล้วป้ากับลุงก็มาดูอากาศจากนั้นก็รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับน้อง ว่ารถพยาบาลจะมารับและไปถึงโรงพยาบาลก็ประมาณตี 2 แล้วทั้งพ่อแม่และผมตามไปที่โรงพยาบาลอย่างกระวนกระวายใจ แล้วเวลา 5 โมงเย็นของวันต่อมาน้องชายของผมก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับทั้งทั้งที่อายุเพียง 19 ปีเท่านั้น อยากได้คุยกันว่าอ้วนฝากร่างน้องกับโรงพยาบาลก่อนถ้านำร่างออกมาตอนนี้คงเตรียมตัวไม่ทันคืนนั้นแม่ได้ตั้งกับข้าวไหมชุดหนึ่งที่น่าปลาพร้อมจุดธูป 1 ดอกไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงช้อนกระแทกกับทวยจากเสียงดังมามันคล้ายกับเสียงของคนหิวก็มานั่งกินข้าว วันต่อมาหลังจากที่นำร้านน้องมาที่วัดและรดน้ำศพเสร็จแล้วญาติก็คุยกันว่าไม่ต้องให้ใครเฝ้าโลงศพก็ได้ให้จ้างสัปเหร่อต่อผู้ป่าว ผมก็บอกไปว่าถ้าไม่มีใครเฝ้าของเฝ้าเองคนเดียวก็ได้ยังไงคนที่นอนไอ้นั่นก็คือน้องชายของผม หลังจากสวดเสร็จให้งานกลับกันหมดแล้วแม่ก็เลยถามผมว่าแกจะอยู่ดูน้องใช่ไหมผมเลยตอบว่าใช่ครับ แม่เลยบอกว่างั้นก็ตามใจดูแลตัวเองด้วยนะรักทุกคนกลับไปแล้วผมก็ไปขออนุญาตพาเด็กมาขอดูเราเฝ้าอยู่คนเดียวแล้วผมก็มานั่งดื่มเงียบๆโดยเอาขาพาดไว้ที่เก้าอี้ตัวข้างๆส่วนเก้าอี้อีกตัวไกลๆไม่มีคนนั่ง สักพักผมก็เห็นสัปเหร่อเดินมาแล้วเขาก็มองมาที่ผมมองแล้วมองอีกผมก็เลยเรียกให้มาดื่มด้วยกันอยู่ด้วยกันไหมครับลุงแต่สัปเหร่อบอกว่าไม่ดื่มครับ แล้วแกก็นั่งมองผมอย่างนั้นทั้งคืนคืนต่อมาผมก็เฝ้าอยู่ที่งานศพน้องเหมือนเดิมแต่คืนนี้มีน้องผู้หญิงที่เป็นลูกพี่ลูกน้องมาอยู่ด้วยความเพลียและเหนื่อยในการช่วยงานศพคืนนี้ผมจึงไม่ดื่มแล้วก็ปล่อยหลับไปเพราะวันต่อมาผมก็ตื่นมาเตรียมงานจนถึงตอนที่จะต้องล้างหน้าน้องชายก็นำไปเผาผมบอกกับน้องว่าชาตินี้ทั้งชาติมึงก็ยังเป็นน้องกูถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีกนะแล้วผมก็ล้างหน้าเห็นออกด้วยน้ำมะพร้าวหลังจากเสร็จงานลูกพี่ลูกน้องคนนี้อยู่ด้วยกันกับผมไม่ขึ้นสุดท้ายได้เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ผมหลับไประหว่างนั้นน้องสาวผมเธอก็เข้าไปพูดคุยกับสัปเหร่อสัปเหร่อบอกว่าตอนที่เห็นผมนั่งดื่มในคืนแรกน้องชายของผมเขาก็นั่งข้างๆตอนผมนอนน้องชายก็มาอยู่ด้วยข้างๆตลอดไม่ไปไหนผมเลยนึกย้อนกลับไปว่ามีนาสัปเหร่อคนนั้นมองผมแปลกๆตลอดเวลา ด้วยความที่แม่เสียใจมากแม่เลยไม่อยู่กับพ่อเพราะทำใจไม่ได้ส่วนผมก็อยู่บ้านหลังเดิมคนเดียว ผ่านมาหลายคืนขณะที่ผมนอนอยู่ก็ได้ยินเสียงอะไรผมคิดว่าอาจจะหูแว่วไปเอง คืนต่อมาหลังจากผมอาบน้ำเสร็จก็เดินออกจากห้องน้ำ ผมเห็นน้องมายืนอยู่ตรงหน้าผมได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกจึงหลับตาแล้วคิดในใจว่าทำไมเราไม่ลองคุยกับน้องดูแต่ว่าผมลืมตาขึ้นมาอีกทีน้องก็ยิ้มแล้วก็ค่อยๆหายไป พักไปอีกหลายวันคืนหนึ่งผมได้ยินเสียงเคาะตรงหน้าต่างเมื่อไปดูก็ไม่เห็นมีใครเพราะเดินกลับมาเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกมันดันอยู่อย่างนั้นทั้งคืน เธอคงไม่รู้สึกกลัวด้วยที่คิดว่าต้องเป็นน้องชายตัวเองนะเนี่ย เพราะขณะที่น้องผมยังมีชีวิตอยู่เขามักจะมายืนตรงหน้าต่างห้องร้องเรียกผมให้เปิดประตูตอนที่กลับบ้านดึก และหลังจากคืนนั้นก็จะมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นเกือบทุกคืนมันทำให้ผมรู้สึกได้ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว เวลาผ่านไปอีกไม่นานน้องก็ไปเข้าฝันแม่บอกว่าจะต้องเดินทางไกลขอลาแม่ไปก่อน แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นน้องอีกเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น