วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ประสบการณ์​หลอนบนเกาะ​ ริมแม่น้ำโขง !!


           ต้องขอขอบคุณคุณบุญที่ศาลด้วยนะครับที่แบ่งปันเรื่องราวนี้เข้ามา ตอนนี้เรามารับฟังเรื่องราวกันเลยดีกว่าสบายดีผมเป็นคนลาววันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์เรื่องเล่าสยองขวัญที่ผมได้พบเจอมาเมื่อหลายสิบปีก่อนให้ฝากผมมีชื่อว่าปุ่นอายุ 32 ปีอาศัยอยู่ที่ภาคใต้ของประเทศลาวเมืองปากเซแขวงจำปาสักเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเมื่อ 22 ปีที่แล้วตอนนั้นผมอายุ 10 ขวบกำลังเรียนอยู่ชั้นปอ 5 เป็นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ มีเพื่อนซี้คนหนึ่งที่เราเรียนอยู่ห้องเดียวกันวันนั้นเป็นวันศุกร์เราก็นัดกันหลังเลิกเรียนว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวหากัน หากเป็นภาษาของบ้านก่อนหักแปลเป็นไทยก็คงจะเรียกว่าเกาะซึ่งลักษณะหากบ้านของผมจะเป็นชายหาดที่ขึ้นอยู่กลางแม่น้ำโขงที่นี่จะไม่มีต้นไม้ขึ้นถ้าหากมีจะเห็นได้เมื่อตอนน้ำลดเพียงเท่านั้น ในช่วงเวลาน้ำลดนี้ชาวบ้านก็จะมาปลูกแตงกวาแตงโมและพืชพันธุ์อื่นๆอีกมากมายพวกของผมตั้งใจจะไปเที่ยวและไปกินแตงโมนี่แหละครับ ตอนบ่ายของวันเสาร์พี่ก็มาหาผมที่บ้านจากนั้นก็มุ่งหน้าไปหาเพื่อนอีก 2 คนซึ่งรออยู่ที่ท่าน้ำท่วมแล้วก็มีกันทั้งหมด 4 คนพอไปถึงพบมันก็บ่นว่าผมนิดหน่อยว่าทำไมถึงมาสายเดี๋ยวก็ไม่มีเรือไปกันหรอกแต่ผมกับพี่ก็ไม่ได้ตอบอะไรพวกเราพากันเดินไปตกลงค่านั่งเรือที่จะไปยังหาดที่คนขับเรือก็คิดราคาคนละ 2,000 กีบทั้งไปและกลับนะคิดเป็นเงินไทยตอนนั้นก็น่าจะราวๆ 10 บาทได้ เราจ่ายเงินให้พี่เขาแล้วก็นั่งเรือไปโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็มาถึงยังจุดหมายตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 โมงแล้วก็ขึ้นหากพวกเราก็นัดให้พี่เขามารับตอน 5 โมงเย็นอีกครั้ง จากนั้นพี่เขาก็ออกมาอย่ากลับไป พวกเราพากันเดินไปที่กระท่อมของแม่ค้าก็ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียวจึงพากันเดินไปอีกกระท่อมหนึ่งแต่ทุกกระท่อม 10 กว่าหลังที่พวกเราเดินไปไม่มีใครอยู่เลยสักคนเมื่อหันไปมองโดยรอบก็เห็นว่าแตงกวาแตงโมหรือพืชพรรณที่ปลูกอยู่บริเวณนั้นยังไม่งอกเลยเหมือนกับว่ามันเพิ่งจะปลูกใหม่ๆ พวกเราหันมามองหน้ากันแล้วก็หัวเราะที่มาหาแตงโมในหน้านี้ เพื่อนคนหนึ่งจึงพูดขึ้นมาว่ากูบอกแล้วมันไม่มีหรอกช่วงนี้เขากำลังจะปลูกผลของมันก็มากินช่วงกลางเดือนมีนาคมนู่น พี่ก็เลยพูดขึ้นมาว่ามึงบอกตอนไหนวะ กูบอกไอ้สัตว์ ขณะที่ผมหันไปถามไอ้สันว่าทั้งๆที่รู้ทำไมถึงยังชวนมาอีกแต่ก็ยังพูดไม่ทันจบไอ้สันก็ตอบกลับมาว่าก็กูอยากมานี่หว่าถ้าเกิดกูบอกพวกมึงสองคนไปเดี๋ยวมึงจะเปลี่ยนใจไม่ยอมมากัน องค์ที่เพิ่งเคยมาก่อนนี้เป็นความดันก็เลยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลยแต่พวกมันสองคนนั้นเคยมาก่อนแล้ว ตอนนี้พวกผมเริ่มรู้สึกสิไม่รู้จะทำอะไรก็เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆก็ไหนๆพวกเราก็มากันแล้วตอนนี้ยาวประมาณ 3-4 กิโลเมตรกว้างแต่ถึง 900 เมตรนี่สองฟากฝั่งหนึ่งเป็นท่าเรือที่พวกเราขึ้นมาบนเกาะสามารถมองเห็นหมู่บ้านของผมได้จากตรงนี้แต่ไกลมาก ส่วนหนึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวบ้านเช่นกันแต่จะห่างจากเกาะนี้เพียงแค่ 20 เมตรเท่านั้นพวกเราเดินกันไปคุยกันไปจนเริ่มรู้สึกเหนื่อยจึงพากันนั่งพักที่กระท่อมฟากฝั่งบ้านของพวกเราขอนั่งไปได้สักพักเพื่อนคนหนึ่งที่มันเคยมาที่นี่ก็พูดขึ้นมาว่าไหนๆก็มากันแล้วลงเล่นน้ำกันดีกว่า เพราะเส้นเสียงเท่านั้นแหละมันก็ลุกขึ้นกระโดดลงไปในแม่น้ำเลยเพราะเห็นดังนั้นให้ฉันก็กระโดดลงน้ำตามไปก่อนพวกมันสองคนเล่นน้ำได้สักพักหนึ่งก็เรียกผมกับอีตามันปฏิเสธเพราะมันว่ายน้ำไม่เป็นแล้วมันยังบอกผมอีกว่าอยู่ๆมันก็รู้สึกกลัวและหดหู่ยังไงไม่รู้ตอนนั้นผมเห็นสีหน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดทั้งแววตาท่าทางของมาให้ดูกระวนกระวายมา ผมก็เลยบอกมันไปว่าไม่มีอะไรหรอกน่ารำคาญแบบนี้แสงแดดก็มีจะกลัวอะไรวะ ถึงแม้ผมจะพูดออกไปอย่างนั้นแต่ตอนนั้นผมกลับมีความรู้สึกว่าทั้งทั้งที่อากาศร้อนมากแต่ทำไมผมถึงรู้สึกหนาวผมเลยบอกกับดีว่างั้นเราแค่เดินเล่นริมน้ำกันดีกว่ามันก็ตอบตกลงเพราะพวกเราสองคนเดินเล่นกันริมน้ำในสภาพเพื่อนสองคนก็ขึ้นมาจากน้ำ ไอ้สัสก็เข้ามาถามว่าทำไมไม่ลงไปเล่นน้ำด้วยกัน ผมตอบกลับไปว่าไม่อยากเปียให้ฉันก็เลยบอกว่าตามใจพวกมึงแล้วกันแล้วไอ้แมวก็พูดต่อขึ้นมาอีกว่า ถ้ามึงไม่อยากเปียกก็คงจะอดกินแตงโมแล้วว่ะ ผมรีบถามมันกลับไปว่าไอ้โง่ที่ไหนมันก็บอกว่าถ้าพวกมึงอยากกินก็ตามกูมาแล้วมันก็เดินไปพวกผมสามคนรีบเดินตามมันไปติดๆเพราะเดินมาได้สักพักก็มาถึงยังอีกฟากของเกาะแล้วมันก็บอกว่าเราจะเดินข้ามแม่น้ำฝั่งนี้ไปที่กระท่อมที่เขาขายแตงโมอยู่แต่จะต้องเดินข้ามแม่น้ำไปที่มีความกว้างประมาณ 20 เมตร ไม่รอช้ามันฟ้ามือไอ้สัตว์แล้วเดินลงน้ำไปเทก็พูดขึ้นมาว่าน้ำลึกหรือเปล่ามันว่ายน้ำไม่เป็นไอ้ซันตอบกลับมาว่าน้ำสูงเพียงแค่ต้นคอเท่านั้นเพราะเอได้ยินดังนั้นก็ก้าวขาตามลงน้ำไปผมรีบคว้าแขนมโนมัยแล้วถามว่าจะไปจริงหรอมึงว่ายน้ำไม่เป็นนะเว้ยมันตอบผมกลับมาว่ากูอยากข้ามไปกูอยากกินแตงโมนี่นาผมก็เลยบอกกับมันว่าจะพามันไปเองคงจะแขนมากแล้วเราก็เริ่มเดินลงน้ำกันตอนนั้นให้แมวกับไอ้สันต์ล่วงหน้าเราไปแล้วประมาณ 5-6 เมตรได้ผมจำได้ดีว่าเห็นพวกมันเดินลงน้ำลึกลงไปเพียงแค่ระดับเอว ส่วนผมก็เป็นระดับน้ำลึกเพียงแค่หน้าแข้งเท่านั้น ในช่วงเวลานั้นความรู้สึกของเราทั้งสองคนเหมือนกับตกลงจากที่สูงแบบว่ามันวูบลึกลงไปแล้วพวกเราก็สลบไปเวลาผ่านไปกี่นาทีไม่รู้ผมก็รู้สึกตัวขึ้นเพราะได้ยินเสียงเรือแล่นผ่านไปเมื่อมองดูเลยรอก็เห็นว่าผมไม่อยู่ที่การน้ำแล้วซึ่งมันเป็นส่วนท้ายของเกาะ ของรีบว่ายน้ำเข้าหาฝั่งในขณะเดียวกันก็มองหาเพื่อนไปด้วยก็เห็นไอ้แมวกับไอ้สัสกำลังพยายามว่ายน้ำเข้าปากและผมไม่เห็นได้ตอนนั้นผมกลัวมาตะโกนร้องหามามองไปรอบๆแต่ก็ไม่เจอจึงตะโกนบอกเพื่อนอีก 2 คนให้ไหว้หาด้วยกัน ผมดำน้ำลึกลงไปเพื่อหามาดำลงไปอยู่สองสามครั้งได้แต่ก็ไม่พอผมเริ่มสติแตกแล้วเลยท่องในใจขอพระคุณพ่อพระคุณแม่พระพุทธเจ้าได้โปรดช่วยพวกเราด้วยแล้วผมก็ตัดสินใจดำน้ำลงไปอีกครั้งก็เห็นได้ดิ้นอยู่พยายามที่จะขึ้นมาบนผิวน้ำจึงรีบจับแขนมันดึงขึ้นมาเพราะเราสองคนโตขึ้นมาบนผิวน้ำได้ให้แมวกับไอ้สัสก็ว่ายมาถึงตรงจุดที่ผมอยู่พอดีจึงพากันกลับขึ้นไปบนฟ้า หลังจากหายตกใจแล้วพวกเราก็มองหน้ากันและถามกันว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมพวกเราถึงไม่อยู่ตรงนี้ได้ทั้งๆที่ตอนนั้นกำลังเดินจะข้ามฟากและอยู่ส่วนกลางของเกาะแต่ทำไมถึงมารู้สึกตัวที่กลางน้ำแถมยังอยู่ส่วนท้ายของเก่า พวกเรางงกันมาที่น่าแปลกคือทุกคนจะมีความรู้สึกเหมือนกับว่าโดนทากตกจากที่สูงแล้วหมดสติไป

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...