วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

อดีต​ชาติ​ ทหาร​ผีเขมร !!


         เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงจากพี่สาวของฟาย ย้อนกลับไปเมื่อปีพ.ศ 2553 ฝ้ายพี่สาวและแม่ทั้ง 3 คนได้ไปเที่ยวที่ประเทศกัมพูชาเป็นครั้งแรกเธอเที่ยวเมืองหลวงพนมเปญสัญญาณสนุกสนาน ถ้าเห็นว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยมีตึกรามบ้านช่องมีร้านอาหารอยู่มากมายและผู้คนก็นิสัยน่ารักอาหารของที่นั่นก็คล้ายๆกับที่เมืองไทยแต่จะมีใครรู้บ้างว่าเมืองหลวงที่นั่นเคยเกิดโศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนเขมรดีกันมาแล้วไม่ได้รู้ถึงประวัติศาสตร์อันโหดร้ายก็รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมากๆเดินทางมาถึงพนมเปญก็เป็นเวลาประมาณ 1 ทุ่มแล้วจากนั้นฝ้ายและครอบครัวก็เดินทางไปเข้าพักโรงแรมในเมืองพนมเปญทันที โรงแรมที่เข้าพักสวยทันสมัยมาพบเธอก็พักอยู่ด้วยกัน 3 คนฝ้ายกับแม่นอนหลับอย่างสบายใจแต่มีพี่สาวคนเดียวที่นอนไม่หลับเธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนคอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลาพี่สาวของฝ้ายเป็นคนค่อนข้างมีสัมผัสพิเศษเธอจะฝันเห็นอะไรแม่นมากจนน่ากลัวร้านอยู่ที่เธอฝันเรื่องนั้นเรื่องนี้มาแล้วก็มักจะมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกี่ช่วงเช้าพี่สาวของฝ่ายเราว่า เมื่อคืนนอนไม่หลับเรารู้สึกเหมือนว่ามีคนคอยจ้องดูอยู่ตลอดจากบริเวณตู้เสื้อผ้าแต่ฝ้ายกับแม่ก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกพี่สาวว่าอาจจะแปลกที่ก็เลยคิดมากไปเอง พวกเธออยู่เที่ยวกันได้ 4 วันก็กลับมาเมืองไทยรับมาถึงประมาณ 3 ทุ่มก็แยกย้ายเข้าบ้านของแต่ละคนออสเตรียกับการเดินทางมาฝ้ายพักอยู่บ้านเดียวกันกับแม่และพี่สาวอยู่บ้านอีกหลังในหมู่บ้านเดียวกัน เวลาประมาณตี 3 กว่าๆจู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อรับโทรศัพท์ก็ได้ยินเสียงของพี่สาวเธอเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเอาตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วครู่นี้ พี่สาวเราว่าพอมาถึงบ้านก็เข้านอนเลย อ่อนเพลียกับการเดินทางประมาณตี 2 ตี 3 รู้สึกแสบตาเหมือนกับว่าไฟในห้องเปิดอยู่เธอง่วงมากจึงไม่อยากลืมตาขึ้นมาดูอะไรทั้งนั้น ไปในใจตอนนั้นก็อยากรู้ว่าใครมาเปิดไฟอีสาวจึงต่อสู้กับความง่วงของตัวเองให้ยามฟื้นลืมตาเพื่อจะดุแต่เมื่อลืมตาขึ้นมาในห้องกลับมีแต่ความมือมีเพียงแสงไฟจากนอกปากเล็ดลอดเข้ามาให้พอมองเห็นได้บ้างเท่านั้นปกติแสงไฟในห้องจะเป็นสีขาวสว่างจ้าสั่งที่สาวจะรู้ได้ทันทีว่าไฟเปิดอยู่แม้จะหลับตาก็ตาม และแสงสว่างจ้าในคืนนั้นกลับรู้สึกร้อนและแสบตาพี่สาวรู้สึกแปลกใจและมั่นใจว่ามีบางอย่างผิดปกติและด้วยความง่วงจึงหลับต่อก็หลับไปได้ประมาณ 10 นาทีก็ได้ยินเสียงคล้ายฝีเท้าคนเดินมาจากทางประตูเข้ามาภายในห้องนอน เสียงเดินชัดเจนมากพี่สาวจึงคิดว่าอาจจะเป็นสามีกลับมาก็ได้ค่ะโดยปกติสามีพี่สาวจะกลับบ้านไม่เป็นเวลาอยู่เราพอได้ยินแบบนั้นก็พยายามลืมตาทั้งทั้งที่ตอนนั้นยังรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่นพี่สาวก็เห็นผู้ชายลักษณะรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงทรงผมคล้ายทหารแต่หน้าเห็นไม่ค่อยชัดเขามายืนอยู่ตรงปลายเตียงแล้วอยู่ๆก็กระโดดขึ้นคร่อมร่างของเธอซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เลวมาทำให้แขนและขาของเธอไม่มีเรี่ยวแรง แม้กระทั่งจะอ้าปากก็ยังทำไม่ได้เหมือนกับว่าเอี่ยมหน้าสะกดให้นอนนิ่งๆ เรื่องที่คร่อมอยู่วิญญาณตอนนี้ก็ตบที่หัวของพี่สาวอย่างแรงตบไปตกมาเป็นสิบๆครั้งแล้วตบแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนจะเอาให้ตายตอนนั้นพี่สาวแทบทนไม่ไหว สักพักแขนขาของเธอก็กลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง จึงไม่รอช้าทักวิญญาณตนนั้นแบบสุดแรงเกิด แต่เมื่อผ่านไปแล้วมันกลับมีแต่ความว่างเปล่าพี่สาวทั้งกลัวทั้งตกใจทั้งโมโหและสับสนว่ามันคืออะไรกันแน่จะว่าฝันก็ไม่ใช่เรารู้สึกเจ็บที่ศีรษะจริงๆ ๆตอนนั้นเธอยังไม่ลุกไปไหนยังคงนอนอยู่บนที่นอนแล้วก็ปล่อยหลับไปแต่ยังไม่ถึง 20 นาทีวิญญาณตนนั้นก็กลับมาอีกและความมีวันกลับเมื่อไหร่ยิ่งกว่าเดิมมันขึ้นคร่อมพี่สาวและจับหัวเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอยู่นานมากพี่สาวรู้สึกว่าตัวลอยขึ้นอยู่เหนือเตียง เธอทรมานมากเหมือนคนกำลังใกล้ตายและไม่รู้ว่าวิญญาณตนนี้โกรธแค้นอะไรนักหนาถึงมาทำแบบนี้ แค่คิดเท่านั้นพี่สาวก็ได้ยินเสียงวิญญาณตอนนี้พูดภาษาเขมรถ้าเธอฟังไม่รู้เรื่องรู้แค่ว่าเป็นภาษาที่คนเขมรพูดกัน วิญญาณตอนนี้น่าจะพูดทางจิตเอาปากไม่ได้ขยับเลยแต่น้ำเสียงน่ากลัวมากเหมือนโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน ในใจพี่สาวตอนนั้นใกล้จะไม่ไหวแล้วก็นึกถึงพระพุทธรูปและพยายามท่องคาถาเอาที่จะจำได้แต่วิญญาณตอนนี้ก็ไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อยครับเวียนหัวเธอแรงขึ้นไปอีกพาร่างของเธอลอยขึ้นแล้วปล่อยให้ร่วงลงที่นอนมันเป็นอยู่อย่างนั้นสลับไปมานานกว่า 20 นาทีได้ แต่สำหรับพี่สาวเรามันเป็นอะไรที่ทรมานและนานมากๆ จากที่พี่สาวกลัวมากในตอนแรกตอนนี้ครับใครเป็นโมโหก็เลยทั้งด่าทั้งแช่งไม่ให้ไปผุดไปเกิดแต่เธอเพียงแค่นึกในใจเท่านั้นล่ะวิญญาณตนนั้นก็อันตรธานหายไป เธอหลุดจากวิญญาณมาได้ก็รีบเปิดไฟและรวบรวมสติว่ามันคืออะไรรู้สึกเจ็บเนื้อเจ็บตัวเจ็บศีรษะ ตอนนั้นพี่สาวแทบไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริงซึ่งมันน่าเหลือเชื่อจริงๆ ๆหลังจากนั้นเธอก็รีบวิ่งลงไปหาแม่สามีที่นอนอยู่ชั้นล่างบอกว่ามีวิญญาณก็มาทำร้ายแม่สามีจึงเอาพระมาคล้องคอให้คืนนั้นเธอแทบจะไม่ได้นอนเลย สงบสติอารมณ์ลงได้ก็รีบโทรมาหาฝ้ายเล่าเรื่องสยดสยองที่ได้เจอมาสดๆร้อนๆให้ฟัง เพราะถึงตอนเช้าพี่สาวก็รีบไปทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลไปให้กับวิญญาณเขมรต้นนาน หลังจากนั้น 2 วันพี่สาวก็ฝันว่าเห็นตัวเองอยู่ในยุคเขมรแดงแต่งตัวเหมือนหมอและสะพายกระเป๋าใบใหญ่ที่ดันคาง กำลังเดินไปพร้อมกับชาวเขมรหลายร้อยคนและเห็นคนตายมากมายที่โดนระเบิดเห็นรถไฟเห็นทหารเขมรแดงเห็นคนใกล้ตายกำลังขอความช่วยเหลือให้รักษาอยู่ๆมือทั้งสองข้างของพี่สาวก็โดนไฟรั่วแล้วทุกอย่างก็มืดไป เพราะตื่นเช้าพี่สาวนึกถึงความฝันของตัวเองนั่งมองดูมือตัวเองว่ามิน่าล่ะทำไมชาตินี้ตัวเองถึงมือเหี่ยวเหมือนคนในยุค 80 ตั้งแต่เกิดไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเธอไปทำอะไรมา ฝ้ายได้บอกว่าพี่สาวเป็นคนสวยมาอายุ 40 ปีแต่มือกลับดูเหี่ยวมาก พี่สาวเกิด 15 เมษายน 2518 และช่วงที่ยุคเขมรแดงเกิดสงครามก็เป็นช่วงต้นปี 2518 พอดี มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญซะเหลือเกินเหตุการณ์นั้นมีคนตายจำนวนมากเท่าที่ฝ้ายดูน่าจะเกิน 2 ล้านคนขึ้นไปเอาคนไม่กี่คนที่มีความคิดสุดโต่งฆ่าทำลายลางพี่น้องชาวเขมรด้วยกันอีกค่าหมอนักวิชาการครูผู้ที่มีความรู้และรัฐมนตรีที่เป็นฝ่ายตรงข้ามซึ่งเขาถือว่า คนพวกนี้รู้มากเกินไปเอาไว้ไม่ได้เป็นศัตรูเป็นปฏิบัติสำหรับเขาจึงต้องกำจัดให้หมดคนกลุ่มนี้จะโดนคุมขังที่คุกก่อนโดนฆ่าพวกทรมานด้วยวิธีต่างๆนานา ไฟล์รู้สึกสงสารและเวทนามาเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะฆ่าคนบริสุทธิ์เป็นล้านๆได้มากขนาดนี้ ฝ่ายเชื่อว่าแม้คนเราจะตายแล้วก็ต้องเกิดมาชดใช้กรรมกันอีกไม่รู้จักจบจักสิ้นเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนั้นฝ้ายเชื่อเรื่องของความเชื่อว่าชาติที่แล้วและชาติหน้ามีจริงดังนั้นตอนนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ควรรีบสร้างบุญสร้างกุศลทำความดีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...