วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
เพื่อนเก่าโทรมาเรียก !!
นี่เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองที่ได้เจอกับสิ่งที่ยังหาคำตอบไม่ได้และไม่รู้ว่าจะอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้นยังไงดีเรื่องที่ผมจะนำมาเล่าให้ฟังนี้เกิดขึ้นเมื่อปีพ. ศ. 2559 ซึ่งมันก็เกือบจะ 2 ปีแล้วเรื่องมันมีอยู่ว่าวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2559 ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษคณาที่ผมกำลังลงลิฟท์อยู่ก็มีสายเรียกเข้าดังจากโทรศัพท์ผมหน้าจอโทรศัพท์ไม่แสดงเบอร์โทรเข้าผมกดรับสายตามปกติไม่พูดกับผมนั้นมันขาดๆหายๆเหมือนกับว่าสัญญาณไม่ดี ซึ่งผมก็คิดว่าในลิปมันอาจจะเป็นพื้นที่อับสัญญาณโทรศัพท์ก็เลยค่อนข้างแย่แต่ผมก็ยังพอจับใจความได้ว่าคนที่โทรมานั้นเป็นเพื่อนผมคนหนึ่งตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันชั้นประถมลาวฮัลโหลสวัสดีครับ นัดเปล่าใช่นัทไหมใช่ครับใครครับเนี่ยเราโดมเองยังจำเราได้ไหม จำได้จำได้ว่าไงเพื่อน โดมก็บอกให้มาหาหน่อยที่บ้านในจังหวัดกาญจนบุรีทำธุระกว่าผมจะออกเดินทางก็ทำให้ผมไปถึงยังจุดหมายล่าช้าไม่เป็นมันก็เป็นเวลาประมาณ 20:00 นแล้วผมไปถึงที่บ้านโดมก็เจอพ่อของโดมแล้วก็ถามหาโดมเพื่อนผม พ่อของน้องก็บอกว่าโดมอยู่ที่ว่า 50 กว่ากิโลเมตรไว้พรุ่งนี้เช้าจะพาไปคืนนี้นอนกันที่บ้านก่อนผมคิดว่ามันคงจะไปเตรียมงานที่วัดรอขนศพย่าไปในวันพรุ่งนี้ส่วนผมจะไปวัดตอนนี้ก็ใช่เรื่องระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆแล้วมันก็ดึกแล้วด้วยบ้านได่เป็นบ้านไม้สองชั้นเก่าๆหลังไม่ใหญ่มากเพราะเดินเข้าไปในบ้านสิ่งแรกที่ผมเห็นคือมันเป็นโลงศพย่าคอนโดซึ่งตั้งอยู่ชั้นล่างของบ้านเราพ่อก็เอาของกินมาให้ผมแล้วบอกกับผมว่าอาบน้ำก่อนก็ได้ นอนพักผ่อน ก็เห็นแม่อุดมนั่งหน้าเศร้าหันหน้ามาทางผมยกมือไหว้แม่ดูก็พยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรผมก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพ่อก็มาถามว่าจะนอนตรงไหนจะได้เอาที่นอนมาให้ตอนนั้นผมเห็นชั้นล่างมีเตียงไม้ไผ่ผมเลยบอกกับพ่อว่าพ่อครับเดี๋ยวผมนอนตรงนี้ก็ได้แล้วพ่อก็ถามผมนอนได้นะไม่กลัวนะได้ก็สบายมากแต่ในใจผมตอนนั้นก็ยังกลัวอยู่คนต่างจังหวัดที่นี่นอนกันเร็ว 22:00 นนี่ก็เงียบกันหมดเราเรียกว่าผมทำงานมาเหนื่อย ดวงกับการเดินทางจากกรุงเทพฯมาเมืองกาญมันทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยและถอยหลับไปนัดนะเสียงเรียกเบาๆใกล้ๆหูผมในกลางดึกทำให้ผมค่อยๆลืมตาแล้วลุกขึ้นมาดูรอบๆตัวเพื่อหาต้นตอของเสียงว่าใครมาเรียกแต่ผมก็ไม่เห็นมีใคร มองดูแล้วไม่มีใครผมจะคิดว่าตัวเองคงจะฝันหรือไม่ก็หูแว่วปีเลยเอนตัวลงให้จะนอนต่ออากาศก็ยิ่งเหงาๆอยู่ด้วยฝนข้างนอกก็ตกอีกต่างจังหวัดที่ผมกำลังเตรียมตัวลงนอนหางตาผมก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่โรงศพยากฝาโลงฟ้าลงมันกำลังค่อยๆเปิดแง้มออกมาทีละนิดทันใดนั้นสิ่งที่ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าจะเห็นมันก็เกิดขึ้นมันเป็นมือผมเห็นเต็มสองตาว่ามันเป็นมือจริงๆมื้อนั้นกำลังยื่นออกมาจากในโลกแล้วก็ไม่กินไข่ต้มในถ้วยที่วางไว้ข้างโลง ผมรู้สึกตัวชาไปทั้งตัวเหมือนกับว่าตัวเองขยับไม่ได้ขณะที่ผมกำลังตกตะลึงและตกใจที่ความหวังผมก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงพอพูดค่อยๆผม นอนเถอะดึกแล้วจากนั้นก็เหมือนกับว่าโลกมันมืดไปหมดผมสลบไปโดยไม่รู้ตัว เพราะสะดุ้งตื่นอีกทีก็เช้าแล้วพ่อคุณโดมก็มาเรียกวันนี้ที่ย้ายศพย่าของโดมไปที่วัดญาติๆก็ช่วยกันเอาโลงศพญาติโดมขึ้นรถ 6 ล้อไปกี่วันเพราะมาถึงที่วัดพ่อของโดมก็มาถามผมว่าจะไปหาโดมใหม่ผมก็ตอบไปสิครับพ่อแล้วพ่อก็ถามว่าเมื่อคืนนอนหลับสบายไหมผมก็ได้แต่พยักหน้าพ่อโด่พาผมเดินอ้อมศาลาไม้เก่าๆมุมมองโดยรอบก็เห็นว่าวัดนี้เป็นวัดป่าไม่ค่อยเจริญเมืองวัดในเมือง เขาถึงศาลาไม้เก่าๆอีกหลังหนึ่งพ่อก็บอกกับผมว่านี่ไงดูแล้วสิ่งที่ผมเห็นนั้นก็คือโลงศพและมันก็มีรูปเพื่อนผมที่ชื่อโดมตั้งอยู่ตรงด้านหน้าผมหน้าชาพูดอะไรนี่หรอตอนนั้นรู้สึกว่าความกลัวมันเริ่มเข้ามาในหัวสมองผมรักพ่อโด่ก็บอกกับผมว่าโดนขี่มอเตอร์ไซค์ไปชนท้ายรถสิบล้อตายคาที่ โดมก็ตายได้ 3 วันแล้วก็ย่ารู้เข้าก็ตรอมใจตายตามไปด้วยผมนี้อึ้งไปเลยคิดย้อนหลังกลับไปว่าเมื่อวานโทรมาหาผมอยู่เลยแล้วไงถึงได้ตายมาหลายวันแล้ว แล้วจะโทรมาหาผมนั่นคือใครเป็นอะไรกันแน่เพราะตั้งสติได้ผมก็เลยถามกับพ่อดมว่าแล้วแม่ล่ะครับไม่เห็นท่านมาด้วยพ่อดมก็บอกกับผมว่าแม่ดูเสียไปตั้งแต่ต้นปีที่แล้วตอนนี้ทั้งบ้านกินกับพ่อคนเดียวนี่แหละยังไม่รู้เลยว่าจะได้ตามพวกเขาไปเมื่อไหร่ผมต้องหนักยิ่งกว่าเดิมทำอะไรไม่ถูกและก็ไม่ได้พูดอะไรกับพ่อเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเวลาผ่านไปจนมาถึงช่วงบ่ายงานศพทุกอย่างก็ดูราบรื่นผ่านไปด้วยดี แล้วเวลาก็ล่วงเลยมาจนดึกซึ่งผมรู้สึกว่าตัวผมเริ่มไม่ไหวแล้ว รู้สึกเพลียมากเลยลาเพราะโดนกลับกรุงเทพฯแต่ขากลับรถผมสตาร์ทไม่ติดสตาร์ทยังไงก็ไม่ติดตอนไขกุญแจรถไฟหน้าปัดก็กระพริบที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะแบตเตอรี่หมดก็เลยจะลงไปดู จังหวัดที่ผมเดินลงจากรถหรือไปดูแบตเตอรี่จู่ๆก็มีพระรูปหนึ่งเดินเข้ามาที่รถแล้วพูดว่าโยมลงมาเถิดมาอยู่ในที่ของโยม พอท่านพูดจบได้ไม่นานรถผมก็ติดเครื่องเอง ผมหน้าชามือชาไปหมดแล้วผมก็ยกมือไหว้พระทำจากนั้นก็ขับรถออกมาจากวัดซึ่งเวลาในตอนนั้นก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆแล้วผมเดินทางกลับกรุงเทพเลี่ยงการมึนๆทั้งยังมีคำถามต่างๆซึ่งหาคำตอบไม่ได้คำถามเหล่านั้นมันอยู่ในหัวผมเต็มไปหมดเอาผมกลับมากรุงเทพฯผมก็อาบน้ำอาบเสร็จผมก็นอนสลบไปเลยแล้วก็ป่วยเป็นไข้เป็นหลายวันกว่าจะฟื้น
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น