วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ประสบการณ์​เจอวิญญาณ​ที่บ้านเก่า​ 2 !!


    วันนี้ผมเคลียร์งานที่ทำเสร็จไปแล้วบ้างบางส่วนอาจจะไม่เต็มร้อยแต่ก็พอมีเวลาอยู่ป่าวที่จะมาเล่าประสบการณ์หลอนของพวกผมต่อตามสัญญา ซึ่งเรื่องนี้มันต่อจากที่ผมเจอในคืนนั้นเป็นเรื่องของงานรุ่นน้องที่อยู่บ้านเดียวกันกับผมแต่อยู่คนละหลังไกลๆกันละเรื่องของแฟนน้องอีกคนที่มาดื่มกินด้วยกันหลังจากที่ผมได้เจอกับสิ่งที่เป็นเงาดำในตอนนั้นความรู้สึกผมมันวุ่นวายไปหมดทั้งกลัวสุดขีดทั้งสงสัยมันสับสนมาเพราะผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนผมนอนคลุมโปงไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวได้แต่นอนฟังเสียงว่ามันยังอยู่ไหมจนในที่สุดผมก็เผลอหลับไป พอตื่นมาอีกทีก็ประมาณ 8:00 นผมได้แต่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนเรายังสงสัยอยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม ผมคิดได้ว่าถ้ามีอะไรมาคุยขยะในถุงก็น่าจะมีขยะกระจัดกระจายในบริเวณที่ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นคุยหาบ้างล่ะคิดได้ดังนั้นผมเลยรีบลุกออกจากที่นอนเพื่อไปดู แต่เมื่อผมเดินดูรอบๆบริเวณนั้นแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรที่บ่งบอกให้รู้ว่ามีคนมารื้อค้นกองขยะนั้นเลย ในขณะที่ผมกำลังยืนงงอยู่นานยายก็เดินมาทำท่าเหมือนกับว่ามีอะไรจะพูดให้ผมฟัง แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ อ้ายขอย้ายแกมาถึงแกก็ได้เล่าแบบตื่นๆว่าเมื่อคือช่วงกลางดึกที่มีเสียงหมาเห่าไอ้นางมันออกมาหาอะไรกินที่ครัวมันดึกแล้วก็เลยไม่อยากเปิดไฟอาศัยแสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์เขาไม่อยากให้ใครในบ้านตึก จากนั้นมันก็เดินไปที่ครัวหลังบ้านก่อนที่จะถึงครัวหน้าจอโทรศัพท์มันก็ดับพอดีนั่นมันบอกให้ยายฟังว่าเพราะถึงผัวก็เปิดตู้กับข้าวตักกับข้าวมาราดข้าวในจ้าแล้วเดินไปนั่งที่แคร่ในครัว ต้องบอกก่อนนะครับว่าแถวบ้านผมจะนิยมทำห้องครัวไว้หลังบ้านแต่ปล่อยว่างๆลงไปก็จะเห็นหลังบ้านได้รอบหมด หลังจากที่มันกินได้ประมาณ 2-3 วันก็ได้ยินเสียงคล้ายคนเดินอยู่หรอกบ้าซึ่งบริเวณนั้นพื้นเป็นดินลูกรังแต่ยังไม่ทันที่จะมองหาที่มาของต้นเสียงนั้นก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะสิ่งที่นั้นเห็นนั้นคือเหงาดับพอมองได้สักพักก็เห็นเงานั้นมีลักษณะรูปร่างเป็นเงาของผู้หญิง ใส่ผ้าถุงที่ใช้ผ้าถุงขาดเธอไม่ใส่รองเท้า และที่มันน่ากลัวก็คือตัวของเธอนั้นสูงเท่าชายคาบ้าน ผู้หญิงคนนั้นกำลังกลมเหมือนควานหาอะไรบางอย่างในความมือ ไม่เห็นดังนั้นนั้นที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ก็ถึงกับอยู่เพราะตกใจกลัวกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า แล้วเหมือนกับว่าผู้หญิงคนนั้นจะรู้ว่านะนั่งอยู่ตรงนั้นเหงาที่อยู่ในความมือหันมามองที่หน้าแล้วก็กูร้ายกับว่าจะบ่นอะไรกับใครสักคนอยู่ กูอยู่ที่นี่มานานแล้วเมื่อก่อนพวกมึงแถวนี้ก็ของกูว่ามึงพากันมาอยู่ที่ของกูมึงต้องตอบแทนกูแต่พออยู่ไปพวกมึงกลับหนีไปโดยไม่บอกกล่าว กูเดินตามหาพวกมึงมานานแล้วกูหิวแต่ก็ไม่เจอใคร ตอนนั้นนั้นเหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ครึ่งหลับครึ่งตื่นแล้วดีตอนนั้นมันยังพูดต่อไป เสียงที่มันได้ยินมันเหมือนกับว่าเสียงนั้นก็หัวเราะครึ่งร้องไห้เสียงมันโหยหวนมาจนติดอยู่ในหูของหน้าทำให้นั้นรู้สึกเหมือนกะกำลังจะจับไข้หัวโกร๋นเวลาผ่านไปไม่นานนักเรานั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาที่บ้านของนางจากนั้นก็ค่อยๆหายไปที่นั่นรีบวางจานข้าวแล้ววิ่งเข้าที่นอนคลุมโปงน้ำก็ยังไม่ได้กินข้าวที่กินอยู่ในป่าก็แทบจะทำให้สำลักน้ำให้ยามนอนก็นอนไม่หลับ ในขณะเดียวกันมาที่บ้านก็ยังเห่าไม่ยอมหยุดยายเราพร้อมทำสีหน้ากังวล หลังจากที่เสียงหมาหยุดเห่าก็เริ่มมีลมฝนพัดมาฝนเริ่มตกแล้วก็ได้ยินเสียงเดินอยู่รอบๆบ้าน มันเดินอยู่อย่างนั้นทั้งคืนน้อมกับเสียงซึงพันบ่นคำเดิมๆสลับกับเสียงร้องไห้โหยหวนเป็นระยะระยะ วันต่อมานั้นก็เลยจะให้อย่างที่เห็นนี่แหละยายเล่า พอจะเดาออกว่ายายก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมเจออะไรหรือเปล่าแต่ยายก็ไม่อยากถามเพราะกลัวว่าผมจะกลัวแล้วกังวลไปต่างๆนานาตามความเชื่อของคนแก่จากนั้นผมก็เดินไปอาบน้ำแล้วกินข้าวคิดว่าหลังจากกินข้าวเสร็จจะไปดูอาการของไอ้นั่นมันหน่อย แต่พ่อผมอาบน้ำและกินข้าวเสร็จขณะที่กำลังจะเดินมาหน้าบ้านเพื่อจะไปหาไอ้นั่นน้องอีกคนที่ชื่อแปลงมันก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าบ้านยายผมพอดีผมก็เลยชวนมันไปดูอาการของไอ้น่ะแต่ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟัง พอถึงบ้านของไอ้นั่นผมก็เริ่มเล่าเรื่องที่ผมและให้นำเจอให้แบงค์ฟัง แฟนนั่งนิ่งอยู่สักพักก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่าเขามาซื้อก่อนพวกพี่วันนึงแล้ววันนี้เราคงเบื่อกันแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านผมก็จะนอนเล่นตรงเตที่บ้านหลังเล็กรอให้แน่ใจว่าแม่ผมหลับก่อนว่าแกจะบ่นที่ผมกลับดึกก็แน่ล่ะครับผมยังเรียนอยู่นี่นาแกยังไม่อยากให้ดื่มกินมาก ตอนนั้นผมนอนที่เปเกือบจะหลับอยู่แล้วแต่มีความรู้สึกแปลกๆก็เลยลืมตาแล้วมองไปที่ถนนข้างบ้าน ผมเห็นเงาดำอยู่ตรงเสาไฟที่สี่แยกหน้าบานก็หน้าที่ตรงนั้นในตอนกลางวันมันจะมีใครเอาของอะไรก็ไม่รู้หายคล้ายๆกับเป็นกระทงทรงสี่เหลี่ยมทำเป็นช่องแล้วใส่กับข้าวของหวานและมีหมากพลูมาวางไว้ด้วยผมจำได้ ถ้าตอนกลางคืนในช่วงที่ผมนอนเปแล้วมองไปผมเห็นเงาคนประมาณ 4​ คนแล้วจู่ๆมันก็หายไป ผมจึงมองดูอยู่เงียบๆ ความรู้สึกผมในตอนนั้นน่ะมันทั้งกลัวคนลุกไปหมดแต่ก็อยากรู้ที่แอบมองต่อผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะไม่พอใจที่พูด 4 คนก่อนหน้าจริงของจะหมดก่อนออกแล้วเดินไปยังบ้านของพี่เอ็ม พวกเรามองหน้ากันละติดประต่อเรื่องราวจึงคิดว่าคงจะเจอดีกันหมดทุกคนโดนกันเป็นทอดๆ เราทั้งสามคนเลยนัดกันว่าจะชวนเอ็มไปทำบุญด้วยกันที่วัดเพื่อความสบายใจของพวกเราและของผู้ใหญ่ด้วยเพราะพ่อแม่ตายายพบแค่ชื่อเรื่องแบบนี้มา วันถัดมาพวกเราก็มาทำบุญด้วยกันทั้ง 4 คนพร้อมกับพ่อแม่ของพวกเราขอถวายของให้พระอาจารย์แล้วอาจารย์ให้พรเสร็จแกก็พูดขึ้นมาว่าคนที่พวกเด็กๆเห็นกันถ้าอาจารย์ได้ตั้งแต่มาตั้งวัดนี้ใหม่ๆแล้วเขาบอกว่าแถบนี้เป็นที่ของเขาเขาไม่ให้อยู่ทีแรกก็คิดว่าเป็นผีเจ้าที่อาจารย์เลยนั่งวิปัสสนากรรมฐานเพื่อให้รู้ว่าโยมคนนี้เขาเป็นควายแล้วอาจารย์ก็ได้รู้ว่าโยมคนนี้เมื่อสมัยที่เขายังเป็นคนอยู่เธอเป็นคนที่ขยันมานะลูกกับผัวก็มาตายจากไปเสียก่อนเธอจึงเหลือตัวคนเดียว แม้ว่าจะเป็นคนขยันและมีเงินเก็บมาสามารถสร้างบ้านหลังใหญ่โตได้แต่เธอก็ไม่เคยให้ทานใครไม่เคยคิดจะเอื้อเฟื้อเกื้อกูลใครมันเป็นอย่างนี้มานั่นน่ะ จนต่อมาเกิดสงครามภายในประเทศกัมพูชาซึ่งเป็นสงครามล้างเผ่าพันธุ์เขมร ด้วยความที่บ้านผมมีเขตติดต่อกับกัมพูชาเลยมีการอพยพและมีการสู้รบกันทั้งฝั่งไทยกับเขมรและสู้รบเขมรกับเขมรด้วยกัน คนไทยที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้จึงพลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วยแล้วพระอาจารย์ก็เล่าต่อว่าต่อมาโยงคนนี้เกิดล้มป่วยและการน่ะแต่ก็ไม่มีใครดูแลความที่อยู่เป็นคนไม่เคยให้ความช่วยเหลือใครเพราะล้มป่วยก็เลยไม่มีใครมาสนใจจนในที่สุดเธอก็ตายหรอกแต่ความหวงแหนในทรัพย์สมบัติของตนทำให้วิญญาณของเธอนั้นไม่ยอมไปผุดไปเกิดยังคงวนเวียนอยู่ในที่ที่เคยเป็นของเธอทั้งยังไม่มีใครทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ก็เลยกลายเป็นผีเร่ร่อนที่มีสภาพอย่างที่พวกเราเรียนนั่นแหละ

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...