วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

วัยรุ่น​เจอดีที่เขาคิชฌกูฏ !!


             ที่เขาคิชฌกูฏผมพอจะทราบมาบ้างจังว่ารถที่ส่งคนขึ้นไปบนเขานะมานับรวมกันหลายๆปีก็ตกเขากันมาหลายคันอยู่เหมือนกันแต่ไม่ค่อยจะมีคนรู้ขนาดคนในตัวเมืองจะมีก็ยังไม่รู้เลย แต่ผมมีเพื่อนเป็นคนพื้นที่ของเขานี่แล้วเพื่อนอีกคนมันก็เป็นลูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่นั่นพบป่าจึงมักจะเล่าให้ผมฟังอยู่เสมอวันหนึ่งๆมันก็ชวนผมเดินขึ้นจะคืนกูไปถึงยอดเขาซึ่งก็ไม่รู้ว่ากี่กิโลคบเราไปอยู่ทั้งหมด 5 คนขาขึ้นไม่ได้นั่งรถเลยเดินกันอย่างเดียวก่อนขึ้นผมก็จะนำผ้ายันต์ของท่านพ่อเขียนยื่นให้กับเพื่อนผมเพื่อนนำติดตัวไว้ พวกเราเดินขึ้นกันตั้งแต่ 3 ทุ่มกว่าๆระหว่างการเดินทางจากเขื่อนครัวก็ค่อนข้างทุลักทุเลมากโดยเฉพาะเรื่องสมุดป่าโดนหนังพิมพ์บ้าก็ต้องเดินขึ้นชั่วโมงแต่ก็ไม่เจออะไรเพราะเดินไปได้สักระยะหนึ่งผมก็มองเห็นรอยเท้าอะไรก็ไม่รู้แต่ว่ามันไม่ใช่รอยเท้าคนแน่ๆ รอยเท้านั้นมี 4 นิ้วคล้ายกับสัตว์ตระกูลแมวแต่ไม่น่าใช่รอยเท้าของอร่อยเอานะมันมีขนาดเล็กประมาณครึ่งฝ่ามือของผมได้แล้วมันก็ยังคงเป็นรอยใหม่อยู่เลย พวกเรามุ่งหน้าเดินต่อไปเส้นทางที่พวกเราเดินมันเป็นดินติดปีกก็มีเรื่องกันอยู่บ้างต้องคอยพยุงกันผมกลับไปคิดถึงรอยเท้านั้นอีกครั้งก็แปลกใจว่าเขาปิดตามีแล้วจะมีศักดิ์เข้ามาในพื้นที่ได้ยังไงซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมสงสัยเพราะก่อนหน้าที่จะขึ้นเขาผมเคยถามเพื่อนที่เป็นคนพื้นที่นี้มาก่อนซึ่งมันก็เล่าถึงตำนานที่ฝั่งว่าบางทีอาจเป็นเสือสมิง ซึ่งในตำนานที่กล่าวว่า เสือสมิงมีลักษณะรูปร่างเป็นเสือโคร่งขนาดใหญ่อาละวาดกินคนเป็นอาหารเชื่อว่าเสือสมิงเกิดจากเวทมนตร์คาถาทางไสยศาสตร์หรือเป็นเสือที่กินคนเข้าไปมากๆแล้ววิญญาณของคนที่ถูกกินไปสิงอยู่ในตัวเสียนานจนกลายเป็นเสือสมิงบ้างก็ว่าเสือสมิงอาจจะเป็นคนที่เรียนวิชาเสน่ห์แล้วผิดคำพูดก็เลยทำให้ต้องกลายเป็นครึ่งคนครึ่งโดยปกติแล้วเสือสมิงจะมีร่างเป็นคนแต่สามารถแปลงร่างเป็นเสือได้ในเวลากลางคืนออกหาอยู่ในการแปลงร่างเป็นบุคคลต่างๆเช่นการเป็นลูกเมียของยีนหรือแม้กระทั่งการเป็นพระธุดงค์ก็มีแล้วมันก็บอกอีกว่าเขตป่าอาถรรพ์ของเขาคิชฌกูฏที่สมิงอาศัยอยู่นั้นอยู่หลังเขาหนีไปอีก 5 กิโลเมตรเท่านั้น มันทำให้ผมกลับไปคิดถึงเรื่องเสือสมิงฟังแต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้พูดให้ใครฟังแล้วก็รีบเร่งให้เพื่อนๆทุกคนรีบเดินกันต่อให้เร็วขึ้นเพราะเดินต่อไปอเมริกาพวกเราก็เจอรอยเท้าคนที่ไม่ใส่รองเท้ารอยเท้านั้นมันปะปนอยู่กับรอยเท้าเสือซึ่งรอยนี้ผมค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่ามันเป็นเสือแน่ๆแต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาได้ยังไงมันอาจจะไม่ใช่เสือธรรมดาก็ได้ พวกเราหยุดเดินเพื่อส่องไฟดู 2 ไปบริเวณรอบแต่ก็ไม่เห็นอะไรแล้วพวกเราก็รีบเดินกันต่อระหว่างทางเดินขึ้นเขาเพื่อนผมที่ผมเอายางให้มันไว้ปกติมันมักจะเป็นคนเห็นพวกสิ่งลี้ลับบ่อยมาก มันมะกอกกับคนที่หลังว่าขณะที่พวกเราเดินอยู่ตรงบริเวณศาลมันไม่เห็นชายคนหนึ่งใส่ชุดสีเทาวิ่งตามมันมาเร็วมากชายคนนั้นหน้าพกช้ำตาแดงกับไม่ใส่รองเท้าวิ่งบ้างกระโดดบ้างตามมันมาตอนนั้นมันวิ่งมาแทรกหน้าอกซึ่งขนาดนั้นพวกเราเดินเรียงแถวอยู่ทำให้ผมซึ่งอยู่คนที่ 4 ก่อนหน้ามาต้องกลายมาเป็นคนสุดท้ายอยู่หลังสุด แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะไม่รู้ไม่ได้มองเห็นแบบใหม่ หลังที่ผมเดินรั้งท้ายกลุ่มได้สักพักหนึ่งก็รู้สึกว่า มีอะไรบางอย่างระเบียบผมจากทางด้านขวาเรียกไม่แรงมากสักเท่าไหร่แต่ก็เกือบเสียหลักอยู่เหมือนกันโชคดีที่ตอนนั้นไม่โดนเบียดจนตกขาวแล้วผมจึงหันไปดูกระเป๋าว่ามันเกียวโดนอะไรหรือเปล่าเมื่อมองไปแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรผมเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆก็นึกถึงหลวงพ่อกระจายก็ถูกแม่ให้ช่วยปกป้องคุ้มครองด้วย เราเดินมาได้สักพักหนึ่งก็เจอคนในกลุ่มมันทำให้เรารู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยก็เดินต่อไปอีกประมาณ 20 เมตรมันก็ค้าง 1, ข้างหนึ่งแต่ข้างหน้าแล้วรองเท้าก็หลุดกระเด็นไปผมก็เลยเข้าไปพยุงมันขึ้นมาเอาน้ำให้มันกินแล้วก็มีพี่คนนึงเอายาดมมาให้พวกเราก็ขอบคุณไปตามมารยาทแล้วมันก็บอกว่าตอนที่มันลื่นล้มมันไม่ได้ลื่นเองหรอกตอนแรกมันสะดุดหินเท่านั้นก็พยายามทรงตัวไว้ได้แต่รู้สึกเหมือนกับว่าจังหวะนั้นมีคนมาดึงหน้าแข้งให้มันลื่นล้มลงไปนอน พวกเราเดินต่อไปช่วงที่ต้องเดินบนถนนซึ่งก็จะมีรถวิ่งขนาดนั้นวิ่งขึ้นเขามาก็เดินไปกลางถนนรั้งท้ายสุดต่อจากมันเห็นว่ามันกำลังเดินไปหารถที่วิ่งมาผมพยายามเรียกสติมันจะเหมือนกับว่ามันไม่ได้ยินผมในตอนนั้นผมคิดว่ารถจะต้องชนมันแน่ๆผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปกระชากแขนมันกับมาจนได้สติ แล้วเดินต่อมาเรื่อยๆจนมาถึงยอดเขาก็เป็นเวลาประมาณตีหนึ่งแล้วเราก็เล่าว่าขณะที่เดินอยู่บนถนนนั้นมันรู้สึกเหมือนกับว่าภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทุกอย่างมันเบลอไปหมดมองไม่เห็นใครเลยและก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยด้วยตอนนั้นมันเกือบทุกรถขึ้นเขาชนแต่มันได้สติก็ผมดึงแขนมันไว้แล้วผมก็คิดถึงเรื่องตัวตายตัวแทนขึ้นมาแล้วบอกว่าตอนนั้นเขาอาจจะเอามึงมาเป็นผีเฝ้าป่าแทนเขาก็ได้เขาจะได้ไปเกิดใหม่ก่อนครับผมก็บอกมันว่ายังดีที่บารมีของท่านพ่อเขียนหัวมึงไว้ไม่งั้นคงได้อยู่เฝ้าป่าแล้วผมก็บอกให้มันไปทำบุญสาวขากลับเราก็นั่งรถลงเขาไปตลาดหาอะไรกินกัน เพราะถ้าให้เดินลงก็คงไม่ไหวแล้วร่างกายล้ากันมากๆและก็ไม่ได้กินข้าวเย็นก่อนขึ้นไปด้วยส่วนคนอื่นมันกินกันหมดแล้วตอนกลับเราก็เดินทางโดยสวัสดิภาพไม่มีเหตุการณ์อะไรแปลกๆเกิดขึ้นอีก หลังกลับจากเขาคิชฌกูฏแล้วผมก็ยังเตือนในอีกเราว่ารอดเหตุการณ์ครั้งนี้มาได้ก็อย่าลืมไปทำบุญน่ะ

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...