วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ผีนางตะเคียน​ทอง​ 3 !!


        หลังจากที่หนูนี่ถูกผีนางตะเคียนทองเข้าสิงแล้วพยายามบุกเข้าหานกในห้องแต่นกก็ไม่ยอมเปิดประตูด้วยความโมโหอีนางตะเคียนจึงทำร้ายหนูนี่จนบาดเจ็บกระทั่งแม่ปิงนำสร้อยผ้ามาสวมให้หนูนี่จึงสงบลงได้ไม่นานเราก็ย้ายไปเรียนในกรุงเทพส่วนหนูนี่ก็สอบบรรจุครูติด 1 ใน 5 อันดับแรกซึ่งจะต้องไปเลือกโรงเรียนที่จะสอนกันอีกทีถ้าหากใครที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องราวก่อนหน้านั้นก็สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ในนางตะเคียนทองตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ได้นะครับ​ สำหรับใครที่เคยได้รับความ 2 ตอนก่อนหน้านี้แล้วเราก็มารับความตอนจบของเรื่องราวสยองขวัญที่หนูนี่จะต้องพบเจอกันได้เลย เพราะถึงวันที่หนูนี่ไปลงทะเบียนเพื่อเลือกโรงเรียนที่จะไปสอนก็มีโรงเรียนอยู่ 3 แห่งเรือคือโรงเรียนหางดงโรงเรียนชัยบุรีแล้วโรงเรียนเวียงแจ่มตอนนั้นหนูนี่เพิ่งจะได้มาเห็นชื่อโรงเรียนเป็นครั้งแรกจึงไม่ได้หาข้อมูลของโรงเรียนเหล่านั้นมาด้วยเดี๋ยวนี้จึงใช้วิธีการคาดคะเนโดยเดาเอาจากชื่อว่าโรงเรียนหางดงน่าจะอยู่ไกลและทุรกันดาร ทางคือสุดท้ายดงคือป่าโรงเรียนหางดงคงอยู่สึกป่า ไม่คิดจะเลือกโรงเรียนนี้ โรงเรียนที่ 2 ชื่อใครบุหรี่ก็ดูทันสมัยและภัยบุหรี่แปลว่าเมืองป่าคิดว่าโรงเรียนคงตั้งอยู่ในบ้านป่าเมืองเถื่อนหนูนี้จึงตัดโรงเรียนที่ 2 ออกจากตัวเลือกเช่นการโรงเรียนสุดท้ายเช่าเวียงแจ่มเวียงแปลว่าเมืองแชมป์ก็คือความสดใสคงจะเป็นโรงเรียนในเมืองที่อยู่ใกล้บ้านที่สุดนุนีจึงตัดสินใจเลือกโรงเรียนนี้ วันที่หนูนี่จะต้องเดินทางไปรายงานตัวที่โรงเรียนพ่อและแม่ภาษาไปส่งด้วยเพราะอยากเห็นสถานที่ทำงานของลูกสาวพ่อเตรียมรถแต่เช้าแล้วทั้งหมดก็เริ่มเดินทางออกจากบ้านเวลา 18:30 นเมื่อขับไปได้สักพักก็เห็นป้ายโรงเรียนหางดงที่ข้างทางซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 20 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางไปอีกประมาณ 30 นาทีรู้นี่ก็เห็นโรงเรียนหางดงซึ่งดูทันสมัยดีไม่ได้เป็นบ้านป่าอย่างที่เธอคิดเพราะขับรถเดินทางต่อไปก็เจอโรงเรียนไทยบุหรี่ซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนหางดงไปประมาณ 20 กิโลเมตร ถ้าคำนวณระยะเวลาเดินทางจากบ้านแล้วก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงรู้นี้เริ่มรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เลือกซ้อนได้โรงเรียนทั้งสองที่ใครบ้างและมีสภาพทันสมัยสวยงาม เธอคาดหวังว่าโรงเรียนเวียงแก่นที่เหลือก็คงจะดีไม่แพ้ 2 โรงเรียนได้เหมือนกัน และแล้วความหวังของเธอก็พังทลายโรงเรียนที่ 3 จะว่าอยู่หลังเขาเลยก็ว่าได้ต้องขับรถผ่านป่าไม้และภูเขาอีก 2 ดูระยะทางห่างจากบ้านประมาณ 90 กม. ใช้เวลาเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมงกว่าจะไปถึงโรงเรียนเพื่อเข้ารายงานตัวก็เป็นเวลาเกือบสิบโมงแล้วเป็นอันว่าหนูนี่ต้องสอนที่โรงเรียนนี้และต้องพักอยู่ที่บ้านพักครูเขาไม่สามารถขับรถไปกลับจากบ้านมาโรงเรียนได้ แม้จะไม่ได้เป็นดั่งหวังหนูนี่ก็ยังยิ้มได้เลยถึงจะไม่ได้สอนโรงเรียนในเมืองแต่เธอก็ได้สอนในโรงเรียนที่รายล้อมไปด้วยภูเขาอากาศเย็นสบายบรรยากาศดีและเงียบสงบมาเมื่อเธอรายงานตัวเสร็จก็เดินทางกลับบ้านเพื่อจะไปเก็บของแล้วย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพักครูของโรงเรียน พ่อกับแม่เห็นลูกสาวชอบโรงเรียนที่สอนก็สบายใจ แม่กระซิบกับหนูนี่หว่าอย่าหลงธรรมชาติเพลินล่ะอย่าลืมกลับบ้านตอนวันหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วยนะจ๊ะโรงเรียนที่หนูรีสอร์ทเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษามีชั้นเด็กเล็กอนุบาล 1-3 และชั้นประถมปีที่ 1-6 มีนักเรียนเกือบ 120 คนมีครูอยู่ทั้งหมด 9 คน หนูนี่เป็นครูบรรจุใหม่ได้สอนชั้นป 3 ที่เด็กจะมีอายุประมาณ 10 ขวบซึ่งพอจะมีความรับผิดชอบและตั้งใจเรียนบ้างแล้ว ให้ครูหนูนี่ไม่ได้สอนชั้นปอ 1 เพราะว่าครูที่จะสอนชั้นปอ 1 ของที่นี่ได้ต้องมีฝีมือระดับพระกาฬจริงๆถึงจะเอานักเรียนวัยซุกซนอยู่มากกว่าจะสอนให้อ่านกออากาได้ก็คงเหนื่อยน่าดูคิดเรารู้นะนี่ก็นึกชื่นชมครูท่านนั้นจริงๆ นักเรียนนี้ฉันที่ครูหนูดีสอนมีทั้งหมด 13 คนเป็นหญิง 7 คนชาย 6 คนแต่มีนักเรียนชายอยู่คนหนึ่งที่ครูหนูดีเห็นแล้วรู้สึกถูกชะตามาเวลาพักครูหนูนี้มักจะได้พูดจาทักทายนักเรียนที่ชื่อประชาอยู่บ่อยครั้ง หน้าตาของประชาน่ารักน่าเอ็นดูและมีรูปร่างหน้าตา คล้ายกับคนที่ครูหนูดีเคยรู้จัก ประชาหน้าคล้ายใครครูหนูนี่ก็พูดคุยกับราชาตามปกติ และได้พูดคุยถึงเรื่องครอบครัวของประชา ประชาระหว่างพ่อของประชาชื่อชุมพลแม่ชื่อณิชานามสกุลเอี่ยมสมบัติ ดูนี่ก็ยืนนี่สายตาแข็งกระด้างแล้วก็ถามถึงทะเบียนประวัติของนักเรียนในทันที ครูชี้ไปที่ตู้เก็บเอกสารที่อยู่หน้าห้องครูใหญ่แบบงงๆ รู้นี้เดินตรงไปค้นตู้นั้นอยู่พักใหญ่เสร็จแล้วเธอก็หยิบประวัตินักเรียนคนหนึ่งมาการบนโต๊ะของเธอเพื่อนครูจึงถามว่าเอาประวัติของเด็กชายประชาไปทำไมหรอหนูนี่ไม่ตอบเธอมองกระดาษแผ่นหนึ่งยิ้มแล้วพูดแปลกๆว่าเจอแล้วคนที่เรามา 30 กว่าปี เพื่อนครูเหล่านั้นก็หันหน้ามามองกันและพากันงงกับคำพูดของครูหนูนี่เพราะตอนนี้ครูหนูนี่อายุแค่ 21 ถึง 22 ปีเท่านั้นเฮ้อรอคอย 30 กว่าปีได้ยังไง หลังจากนั้นขณะที่ครูท่านอื่นไปสอนจนเหลือแต่หนูนี่ก็เพื่อนคุยคนหนึ่งในห้องครูหนูนี่ก็มีท่าทางกระสับกระส่ายผุดลุกผุดนั่งจนเพื่อนครูอดเป็นห่วงไม่ได้จึงถามว่าเธอเป็นอะไรอ่ะไม่สบายหรือเปล่าไม่รู้นี่กลับหันมาตวาดว่ากูจะไปหาผัวกูตกใจในคำพูดของคุณหนูนี่มาในบ่ายวันนั้นครูคนอื่นก็เริ่มสังเกตเห็นอาการแปลกๆของครูหนูนี่ ชาคริตเป็นคนอ่อนหวานสุภาพตอนนี้รู้รู้นี้เหมือนกลายเป็นคนละคน มีท่าทางดุพูดจาแปลกๆแต่ครูทุกคนก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพราะถึงเวลาที่ครูหนูดีจะต้องเข้าสอนอยู่ๆเธอก็เดินกลับบ้านพักครูที่อยู่ใกล้โรงเรียนแล้วปิดประตูขังตัวเองเงียบอยู่ในห้องไม่ยอมไปสอนชวนเพื่อนครูทุกคนเป็นห่วงครูใหญ่ก็เลยมอบหมายให้ครูอีกคนมาช่วยสอนแทนครูหนูนี่เราคิดว่าเธอคงไม่สบายเช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันเสาร์พอดีรู้หนูนี่ก็จะคอยแต่งตัวสวยแล้วเดินมาหากลุ่มเพื่อนครูที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่เพราะหนูดีเดินยิ้มมาแต่ไกลไม่มีหน้าพึ่งตื่นเหมือนกับเมื่อวาน เพื่อนครูคนหนึ่งจึงถามว่าทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดีจังก็ได้รับคำตอบว่าจะไปเยี่ยมบ้านของนักเรียนที่ชื่อประชาแต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนครูชมเพื่อนครูคนหนึ่งจึงอาสาพาไปบ้านของเด็กชายประชาที่อยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 3 กิโลเมตร ครูช่องขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีครูหนูดีนั่งสอนถ่ายไม่นานก็ถึงบ้านของเด็กชายประชารู้หนูนี้รีบลงจากรถเดินตรงไปที่หน้าบ้านทันทีเพราะชาที่ยืนอยู่หน้าบ้านพอเห็นครูมาเยี่ยมก็วิ่งไปสวัสดีแล้วรีบกลับเข้าบ้านไปเรียกตากับยายออกมาต้อนรับเพราะตาเล็กกับยายมาลีเดินออกมาอย่างง่ายๆตามประสาคนแก่ซึ่งตอนนี้อายุก็ประมาณ 70 กว่าปีแล้วครูหนูนี่ก็วิ่งโผไปกอดอาเล็กแล้วร้องไห้คร่ำครวญว่าคิดถึงพี่เล็กนะทำไมใจร้ายหนีหายไปไม่บอกกล่าวซึ่งมันสร้างความงุนงงให้กับทุกคนมา รุ่นนี้จะแขนตาเล็กไม่ยอมปล่อยจนครูชมต้องชวนกลับบ้านแต่หนูนี่ก็ทำตามขวางแล้วตะคอกใส่ครูจอม ยายมะลิเห็นท่าทางแปลกๆจึงมองด้วยความสงสัยแล้วก็เหมือนแกจะนึกอะไรบางอย่างออกแกเดินเล่นกลุ่มคนออกจากบ้านมุ่งหน้าตรงไปวัดของหมู่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อแดงวัดยางมณีไปถึงก็เล่าเรื่องผีนางตะเคียนออกที่เคยสิง และคิดจะเอาตาเล็กไปเป็นสามีจนทั้งสองได้ยินมาจากบ้านหลังนั้นให้หลวงพ่อฟัง ยายมะลิเล่าต่อว่าวันนี้ก็เหมือนผีนางตะเคียนจะสิงร่างของผู้หญิงอีกคนให้มาตามหาสามีของเธอ หลวงพ่อพยักหน้ารับเหมือนจะเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงเดินไปหยิบกล้าไม้ในถุงดำมาต้นหนึ่งแล้วให้ยายมาลีเดินนำทางไปกี่บาท พ่อกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าครูนอนกอดแขนตาเล็กไม่ยอมปล่อย เมื่อมาประจันหน้าครูหนูนี่หนูนี่ก็ยิ่งกอดแขนตาเล็กแน่นกว่าเดิมแล้วจ้องมองหลวงพ่อด้วยสายตาที่หวาดกลัว แล้วบอกหลวงพ่อว่าถ้าคิดจะให้กูจะคนร้ายรายนี้ก็จะต้องไปกับกูด้วยรักเดียวก็รับรู้ได้ว่าเรื่องที่ยายมาลีบอกน่าจะเป็นเรื่องจริงถึงพูดกับหนูดีว่า เจ้าได้สร้างเวรสร้างกรรมมามากมายไม่ได้ไปผุดไปเกิดเจ้าควรบำเพ็ญตนอยู่ในศีลในธรรมหมดเวรหมดกรรมก็จะได้ไปสู่สุคติอย่ามาทำบาปเธอโดยการทำร้ายคนอื่นและตกอยู่ในกิเลสตัณหาอย่างนี้แม้จะได้ครอบครองคนที่รักสมดังหวังแต่สุดท้ายก็ต้องพักผ้าจากกันไปอยู่ดี ก็ควรจะต่างคนต่างอยู่ซึ่งกันและกัน มุ่งบำเพ็ญตนให้หลุดพ้นบ่วงกรรมดีกว่า อีนางตะเคียนทองในร่างของหนูดีทำให้เหมือนสำนึกผิดและพูดว่าตอนนี้นางไม่มีที่อยู่เสาต้นตะเคียนที่เคยอยู่ก็ผุพังและถูกรื้อถอนออกไปแล้วนางจึงต้องมาสิงร่างของหนูนี่ ถ้าท่านจึงบอกทางออกให้นางตะเคียนทองว่าขออัญเชิญดวงวิญญาณของนางตะเคียนของเขามาสิงในกล้าต้นตะเคียนทองต้นดีแล้วอ่ะกะว่าจะนำไปปลูกอ้อยๆพูดในว่าเพื่อนนางตะเคียนขอฟังธรรมะพ้นจากบาปกรรมเสียที ขอเสียงหลวงพ่อขุดเจาะนี้ก็สุดนั่งแล้วล้มลงนอนหายใจรวยรินหลายคนกำลังจะสิ้นใจอาเล็กกับครูชมจึงรีบช่วยกันประคองหลังของหนูเอาไว้ หนูยกมือไหว้ตาเล็กทั้งน้ำตาแล้วพูดว่าที่ผ่านมาทำไปก็หลงมัวเมาในความรัก จากนี้ไปขอให้พี่เล็กก็ขอสิกรรมให้ด้วยตอนเล็กพยักหน้ารับรู้นี่ก็ลุกนั่งพนมมือกราบพระที่พื้นแล้วนิ่งหลับไป

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...