วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
คำสัญญา !!
สวัสดีครับผมชื่อเฟสวันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟังเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับอาของผมเองครับแค่มีชื่อว่าผ่อนแต่ผมเรียกแกว่าเขียวที่เรียกอย่างนั้นเพราะผมกับมาคนนี้สนิทกันมาไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดแทบจะไม่เคยห่างกันเลยเพราะผมติดพาคนนี้มาแต่ทุกคนเชื่อไหมครับว่าคนที่มีของดีติดตัวมาตั้งแต่เกิดมีอยู่จริงซึ่งผมก็คือหนึ่งในนั้นแกมีปานดำเกือบทั้งหน้าและลิ้นก็ดำด้วย พ่อผมได้เล่าให้ผมฟังว่าตอนที่พ่อกับแม่ยังเด็กวิ่งเล่นกับพ่ออยู่ใกล้กันกับถนนเป็นเหตุให้ถูกรถกระบะคันหนึ่งชนแบบต่างๆจนกระเด็นเข้าไปในกองไฟข้างทางเมื่อปู่กับย่าเห็นก็ตกใจมากรีบวิ่งไปดูอาการของหมาที่ถูกรถชนว่าเป็นยังไงบ้างแต่ปรากฏว่าอารมณ์นั้นกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่รอยขีดข่วนตามร่างกายก็ไม่มี สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมากจนกระทั่งพ่อก็คงมีครอบครัวและมีผมเกิดมาหาก็มักจะมาเล่นกับผมอยู่บ่อยๆตั้งแต่เด็กจนผมโตขึ้นผมก็มักจะไปหาแกที่บ้านเป็นประจำทำให้เราสนิทกันมา เวลาผ่านไปก็มาถึงวันที่พ่อกับแม่ผมต้องย้ายบ้านไปต่างจังหวัดทำให้ผมกับไม่ได้เจอกันอีกเลยเป็นเวลาหลายปี แล้วผมก็ได้กลับไปที่บ้านเกิดอีกครั้งเพราะปู่ผมเสีย ทำให้ผมเจอกับอาที่ผมรักมากที่สุดและมีจำนวนพี่น้องของพ่อทั้งหมด 11 คนหลังจากงานศพครั้งหนึ่งเวลาผ่านไปอีกหลายปีผมก็ได้ข่าวจากนาแก้วที่โทรมาบอกพ่อของผมว่า อาคนที่ผมรักมากที่สุดเข้าโรงพยาบาลเป็นเดือนๆแล้วผมเองตกใจอยู่เหมือนกันไม่คิดว่าแกจะต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะแกเป็นคนแข็งแรงมาก เมื่อผมกับครอบครัวเดินทางไปถึงโรงพยาบาล หมอก็พูดเกี่ยวกับอาการของและค่ารักษาทำให้พวกเราได้รับรู้ว่าอาของผมดันน้ำท่วมปอดต้องรีบรักษาอย่างเร่งด่วนและค่ารักษานานต้องใช้เงินทั้ง 2 ร้านเลยทีเดียวผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงแพงขนาดนั้นส่วนอาผมเองที่รู้ว่าถ้าจะรักษาชีวิตตัวเองไว้ต้องหาเงินมาจ่ายถึงสองล้านห้าถึงบอกกับหมอว่าหมอฉีดยาให้ผมตายเถอะอย่าให้ใครต้องมาลำบากเพราะแกพูดออกมามันทำให้ผมถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่และร้องไห้ออกมา ของพูดกับอาแต่ว่าไม่นะผมไม่เกี่ยวตายเด็ดขาดเขียวต้องอยู่กับผมอยู่ให้เห็นได้หลานสะใภ้ก่อนอยู่ให้เห็นหน้าเลนส์ก่อนอยู่กับผมไปนานๆนะ ผมก็หนาแน่นพร้อมกับร้องไห้จนหมดสติไปสองสามวันต่อมาก็ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวต่อที่บ้านผมอยู่ได้อีกไม่นานก็เสียที่บ้านหลังนั้นนานเลยน้องของพ่อได้โทรมาบอกทางบ้านผมว่าอาเสียแล้วก่อนที่แกจะเสียก็ได้บอกไว้ว่า บอกทุกคนด้วยว่ามาได้เพียงแค่นี้ไม่ต้องเสียใจเพราะแกพูดจบแกก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อผมได้รับรู้มันก็ทำให้ผมถึงกับร้องไห้ออกมาแบบไม่รู้ตัวเพราะถึงวันงานศพผมกับแฟนที่เพิ่งจะขอโอกาสก็ไปงานของแกดีกว่านั่งรอเตรียมฟังพระสวด ในระหว่างนั้นเองร้านของผมอยากเข้าห้องน้ำทิ้งขอให้ผมไปเป็นเพื่อนหน่อยผมก็เดินไปส่งขอไปเถอะแฟนผมก็เข้าห้องน้ำที่อยู่ใต้ต้นไทรต้นใหญ่ในขณะที่ผมกำลังยืนรออยู่นานก็รู้สึกเย็นที่สันหลังและมีความรู้สึกว่าเหมือนมีใครกำลังจ้องมองผมอยู่จึงหันไปมองที่คนต้องใส่แล้วมันก็ทำให้ผมอึ้งกับสิ่งที่เห็นเราที่โคนต้นไทรนานเฮียกบอมที่ตายไปแล้วยืนอยู่มันทำให้ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูกผมมองตาค้างที่ต้องใส่ยืนอยู่อย่างนั้นจนแฟนผมเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วถามผมว่าเป็นอะไร เริ่มตั้งสติได้ผมจึงบอกเธอไปว่าเปล่าไม่มีอะไรครับไปนั่งที่เดิมเถอะจริงๆแล้วตอนที่ผมเห็นอายืนอยู่นานอะแกชี้มาที่แฟนผมด้วยซึ่งผมคิดว่านั่นคงเป็นคำสัญญาที่แก้ได้ให้ไว้กับผมว่าจะอยู่รอให้ได้เห็นหน้าหลานสะใภ้ก่อนแล้วผมก็เหมือนจะได้ยินเสียงที่คุ้นหูพูดขึ้นเบาๆดูว่าเห็นหลานสะใภ้แล้ว แต่ตอนนั้นผมไม่คิดอะไรเราเข้าใจว่ากูคงไม่เอามาถึงวันสุดท้ายที่ต้องเผาศพทุกคนที่ช่วยกันนำนมสดไปที่เมรุและเตรียมที่จะเผาแล้วผมก็ได้ยินเสียงนั้นดังขึ้นมาอีกแต่ครั้งนี้มันดังได้ชัดเจนว่ามันเป็นสิ่งที่ผมคุ้นหูเป็นอย่างมากสิ่งนั้นพูดว่าไปก่อนแล้วหลานคำพูดสั้นๆที่เหมือนจะมีเพียงของคนเดียวที่ได้ยินมันทำให้ผมถึงกับร้องไห้เสียงดังมาจนทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นตกใจเมื่อจู่ๆผมเป็นอะไรหลังจากวันนั้นที่เผาศพอาไปแล้วผมก็ไม่เคยเจออาทิตย์ผมรักคนนี้อีกเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น