วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

แฟนเก่ายังห่วงใย !!


         เวลาเที่ยงคืนขณะที่ผมกำลังนอนฟังเสียงสายฝนสาดกระทบหน้าต่างผมพยายามข่มตานอนแต่ก็ทำไม่ได้เสียงฝนคืนนี้ฟังแล้วชวนให้รู้สึกเหงาและวังเวงผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยบอกว่าใช้เสียงคนช่วยกล่อมให้เคลิ้มหลับไป ผมคิดวางแผนถึงวันพรุ่งนี้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างสักพักก็ย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ภาพลำดับเหตุการณ์ต่างๆเริ่มเข้ามาในหัวของผมเรื่องราวเรื่องเล่าแล้วก็ไม่หยุดอยู่ที่เรื่องของน้องเอผู้หญิงที่ผมไม่เคยลืมแม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมา 2 ปีแล้วก็ตาม ในช่วงเวลา 4 เดือนที่ผมคบกับเธอนั้นแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่ก็ทำให้พวกเราผูกพันกันมา ผมเจอกับน้องอีกครั้งแรตอนที่เธอเข้ามาฝึกงานในบริษัทที่ผมทำงานอยู่ น้องเมย์เป็นคนมีอัธยาศัยดีใจบุญตั้งแต่ที่เราคบกันผมไม่เคยเห็นเธอโกรธใครเลย หลังจากฝึกงานครบ 4 เดือนน้องเมย์กับผมก็เริ่มห่างกันแล้วเธอต้องกลับไปเรียนต่อส่วนผมทำงานอยู่ในจังหวัดสระแก้วนานๆจะได้เจอน้องอีกสักครั้งแต่เราก็ยังติดต่อกันอยู่ตลอด เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปีจะโทษระยะทางที่ทำให้เกิดความเหินห่างหรือโทษที่ผมใจไม่มั่นคงพอก็ได้ครับผมได้รู้จักและเริ่มคบกับผู้หญิงอีกคนซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนของน้องอีกที น้องเอเริ่มระแคะระคายว่าผมกำลังคบหากับผู้หญิงอื่นจึงโทรมาถามความจริงจากผมฟังจากเสียงกูก็รู้ได้เลยว่าเธอเสียใจมาก ผมตอบไปตามตรงว่ากำลังคบคนอื่นอยู่จริงๆ ตอนนั้นน้องเอบอกให้ผมตัดสินใจเลิกคบใครคนหนึ่งเพียงแค่คนเดียว ในใจผมตอนนั้นรู้สึกลังเลไม่อยากบอกเลิกทั้งน้องนี่คือผู้หญิงคนใหม่ น้องนี้คงรู้ว่าผมยังเลือกใครไม่ได้ในที่สุดเธอจึงเป็นฝ่ายไปจากผมเสียอีก เราเลิกลากันด้วยความเข้าใจคงเหลือไว้แค่ความห่วงใยที่มีให้กัน แต่เพื่อความสบายใจสำหรับผู้หญิงคนใหม่ที่ผมคบอยู่ น้องเอถึงตัดขาดการติดต่อจากผมทุกช่องทาง ผมจึงได้คบและแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ในเวลาต่อมา เวลาผ่านไปผมก็ใช้ชีวิตคู่ตามปกติจนกระทั่งวันหนึ่งผมประสบอุบัติเหตุรถชนหน้าค่ายทหารในอำเภอเมืองจังหวัดสระแก้ว แรงปะทะรุนแรงทำให้ผมหมดสติไป เสียงไซเรนและแรงกระแทกเมื่อตกหลุมบนพื้นถนนทำให้ผมสะดุ้งตื่น ก็พบว่าตัวเองนอนบนเปลในรถที่มีเครื่องมือแพทย์เต็มไปหมด ฝั่งขวามือของผมมีผู้ชายอยู่ 2 คนสวมเสื้อกู้ภัยพวกเขากำลังช่วยกันจับเป้และประคองตัวของมาไว ระหว่างที่รถโคลงเคลงก็รู้สึกว่าศีรษะของผมถูกยึดไว้ให้นี่หรือเฝือกคอผมรู้สึกชาไปหมดทั้งรากหายใจแผ่วอ่อนแรงจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น แล้วผมก็เห็นภาพเลือนลางของผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินนั่งอยู่ด้านซ้ายมือของผม ผมหันไปมองเห็นหน้าของเธอไม่ถนัดนักเพราะติดเฝือกที่คอที่กำลังสวมอยู่ ผู้หญิงคนนั้นเอื้อมมือมาจับที่มือขมๆเราพูดว่า ห้ามเป็นอะไรมากไหมเจ็บตรงไหนหรือเปล่าดีนะที่หนูอยู่แถวนี้พอดีไม่งั้นไม่ต้องแย่กว่านี้แน่ๆน้ำเสียงที่ได้ยินฟังดูคุ้นหูมาก่อนที่ผมจะนึกได้ว่าเธอคนนั้นเป็นใครสติสัมปชัญญะของผมก็หมดลงอีกครั้ง ผมรู้สึกตัวขึ้นมาในห้องที่มืดสลัวมีเสียงพัดลมเพดานหมุนส่ายไปมาเมื่อมองไปโดยรอบก็เห็นคนไข้บนเตียงแต่ละคนนอนหลับกันหมดแล้ว ภรรยาของผมนอนอยู่ข้างล่างฝั่งขวาของเตียง บรรยากาศในห้องผู้ป่วยรวมเงียบเก่าและวังเวงมามีเพียงแสงไฟจากทางเดินหน้าห้องส่งผ่านเข้ามาพอให้มองเห็นภายในห้องดิเพียงเล็กน้อย เตียงของผมอยู่ห่างจากประตูทางเข้าพอสมควรตอนนั้นผมรู้สึกปวดที่มือขวาแต่ก็เริ่มขยับตัวได้บ้างแล้วจึงพยายามตะแคงข้างหันไปหาภรรยา แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมาจากด้านหลัง ก่อนหน้านี้ผมได้มองดูรอบๆห้องแล้วว่าไม่มีใครตื่นอยู่เลย ผมจึงพลิกตัวกลับไปดูดีกว่าแปลกใจ ในความมืดสลัวนั้นปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินกางเกงยีนส์ขายาวเธอกำลังเดินเข้ามายังเตียงของผมเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ผมจึงได้เห็นว่าเธอนั่นคือน้องเอนั่นเอง ใบหน้าของเธอสวยมากสวยก็ตอนที่ผมกับเธอคบกันเสียงน้องยิ้มแล้วบอกว่าอาการของผมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงคืนนี้ก็ดึกมากแล้วเธอจะกลับไปก่อนแล้วจะมาเยี่ยมผมอีกทุกคืน พอพูดจบแล้วก็เดินออกไปทางประตู ผมจึงนึกได้ว่าน้องนี่คงเป็นคนที่นั่งอยู่ในรถฉุกเฉินตอนนั้นนั่นอีก ผมรู้สึกดีใจที่ได้เจอเธอหลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้วผมก็นอนหลับไป เย็นวันถัดมาพ่อกับแม่ของผมมาเยี่ยม ผมบอกท่านทั้งสองว่าหมอให้นอนดูอาการอีก 1 คืน สีหน้าของพ่อกับแม่ดูสดชื่นคืนเมื่อได้ยินว่าพรุ่งนี้ผมก็กลับบ้านได้เพราะเราคุยกันได้สักพักหนึ่งก็หมดเวลาเยี่ยมเพราะจะต้องปิดประตูล่ะไม่ให้คนนอกเข้าออกได้ พ่อกับแม่ก็ไปตอน 2 ทุ่มส่วนภรรยาก็เตรียมของมานอนเฝ้าผมเหมือนเดิม ตกดึกขณะที่ผมหลับอยู่ก็รู้สึกเย็นที่ปลายเท้าเมื่อลืมตาขึ้นดูผมก็เห็นว่าน้องยืนอยู่ที่ปลายเตียงและกำลังเอามือขวาจับที่เท้าซ้ายของผมอย่างแผ่วเบาๆยังคงดูสวยมากเหมือนเมื่อคืนก่อน แล้วผมก็ถามไปว่าเธอเข้ามาได้ยังไงในเมื่อหมดเวลาเยี่ยมแล้ว น้องเอยิ้มแล้วบอกว่าเธอก็มาทางประตูหลัง ผมสังเกตเห็นเธอใส่เสื้อผ้าชุดเดิมเหมือนเมื่อคืนแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร น้องมีพูดต่อว่ากระดูกมือขวาของผมเคลื่อนเล็กน้อยแต่ไม่เป็นอะไรมากพรุ่งนี้จะได้กลับบ้านแล้ว ผมขอบใจน้องเอที่ยังมาเยี่ยมผม แม้ว่าผมจะเคยทำให้เธอเสียใจแต่เธอก็ไม่โกรธผมเลยน้องเอยิ้มแล้วก็พูดประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมนอนคิดทั้งคืนเธอบอกว่าคนเรามักจะจำสิ่งใดกับสิ่งสุดท้ายได้ดีเสมอยามคือคนสุดท้ายในชีวิตที่เอจะโกรธหรือลืมพี่ได้ยังไงจากนั้นเธอก็ขอตัวกลับวันรุ่งขึ้นผมกับภรรยาก็เดินทางกลับมาพร้อมยาถุงใหญ่ ช่วงที่ผมลาหยุดพักรักษาตัวที่บ้านผมพยายามหาทางติดต่อน้องเอเพื่อจะขอบคุณที่เธอมาเยี่ยมผม ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลไปหาเท่าไหร่ก็ไม่มีข้อมูลให้ติดต่อน้องเอได้เลย หลังจากลาหยุดไป 3 วันอาการผมก็ดีขึ้นจนสามารถไปทำงานได้แล้ววันนั้นผมก็ได้ไปถามช่องทางติดต่อน้องเอจากพี่คนหนึ่งที่เคยเป็นคนฝึกงานให้เธอ พี่คนนั้นทำหน้าตกใจมากตอนที่ผมถามแล้วก็บอกว่าน้องอีกคนที่ผมบอกว่าเจอที่โรงพยาบาลเมื่อหลายวันก่อนเธอจะให้เสียชีวิตจากเหตุรถชนที่หน้าค่ายทหารจังหวัดสระแก้วได้เดือนกว่าแล้ว เมื่อผมเรียกความเข้าใจหายแว๊บไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน พี่คนนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มาเพื่อเปิดหน้า Facebook ของน้องเอผมดู ในนั้นมีแต่คำกล่าวไว้อาลัยจากเพื่อนๆของเธอเมื่อมองดูเวลาของโพสต์ต่างๆก็เห็นว่ามันผ่านมาเดือนกว่าแล้วจริงๆ ๆผมตกใจเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นเมื่อได้รู้ว่าน้องเอทุกคนเมาขับรถชนเสียชีวิตในทันทีตรงจุดเดียวกับที่ผมประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาลผมย้อนกลับไปคิดถึงคำพูดที่น้องเอบอกผมตอนที่อยู่บนรถฉุกเฉินว่า ดีนะที่เธออยู่แถวนี้พอดีไม่อย่างนั้นผมต้องแย่กว่านี้แน่ๆ ใจผมเริ่มสั่นน้ำตาคลอเบายิ่งคิดถึงน้องอีกที่ไปเยี่ยมผมมันยิ่งทำให้ผมเศร้าหนักมากจนไม่มีแรงจะทำงาน ช่วงบ่ายของวันนั้นผมจึงลางานออกไปเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้น้องอีกทีวัน น้องนี่มาช่วยผมไว้จากอุบัติเหตุร้ายแรงในวันนั้น และยังเป็นห่วงมาเยี่ยมผมทุกคืนที่อยู่โรงพยาบาลครับผมคือคนสุดท้ายที่เธอรักก่อนที่เธอจะเสียชีวิตนั้นเอง

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...