วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ทางลัดซอยเปลียว!!


   เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วตอนนั้นขวัญเพิ่งกลับจากการทำบุญทอดกฐินที่จังหวัดโคราช ถ้าเสร็จแล้วก็เดินทางกลับมาที่จังหวัดสมุทรปราการวันนั้นเป็นวันศุกร์ซึ่งตรงกับวันพระวันก็มีนัดกับเพื่อนจะไปนอนที่บ้านเพื่อนมาทำรายงานกันขวัญก็จะไปนอนกัน 2 คืนแล้ววันอาทิตย์ค่อยกลับฝันบอกให้พ่อแวะที่มหาวิทยาลัยก่อนเพราะเป็นทางผ่านกลับบ้านและเพื่อนก็รออยู่ที่มหาวิทยาลัยด้วย 2 คนวันขอใช้นามสมมติของเพื่อนสองคนว่าอีกะปิ ที่เป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิงเป็นเจ้าของบ้านที่ขวัญจะไปนอนค้างคืนด้วยก็ควรมาถึงที่มหาวิทยาลัยก็มืดราวตอนนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆพวกเราก็ขับรถออกจากมหาวิทยาลัยโดยอีเป็นคนขับรถดีนั่งข้างๆคนขับและควันนั่งอยู่ข้างหลังปกติลาววันจะเป็นคนค่อนข้างมีเซ็นเกี่ยวกับเรื่องการมองเห็นยิ่งช่วงวันทากก็จะยิ่งเห็นขณะที่พวกเราเดินทางอยู่แล้วก็กะว่าจะไปทางลัดกันเพราะถ้าขับไปทางปกติรถก็ติดอีกนานเป็นชั่วโมงถ้าไม่อยากรถติดเราจะต้องใช้ทางลัดที่สามารถไปออกเส้นสุขุมวิทสายเก่าได้ บ้านเพื่อนอยู่ถนนเส้นบางพลีตำหรุที่เขาเรียกว่าเส้นคลองขุดที่เลือกไปทางลัดก็เพราะว่าใช้เวลาในการเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมงมันลดระยะเวลาการเดินทางเยอะกว่ากันมาแต่พวกเราไม่รู้เลยว่ากำลังจะเจอกับอะไรให้ย้อนเวลากลับไปได้พวกเราที่ยอมเสียเวลาดีกว่า ขับเลี้ยวเข้ามาทางหลักที่เรียกว่าคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้ามาฝันบอกให้จอดรถก่อนเผื่อดีกว่าจะไปนั่งข้างหน้ากับขวัญกูตอนแรกที่เลี้ยวรถเข้ามาฟันก็เห็นมีรถคันอื่นอื่นเดี๋ยวตามกันมาอีกหลายคัน เลยนึกลงใจอย่างน้อยก็ไม่ได้มีรถของพวกเราวิ่งอยู่คันเดียว คลองส่งน้ำถ้าคนที่เคยขับผ่านเข้ามาหรือคนในพื้นที่รู้กันดีว่าทางไม่ค่อยดีมีหลุมเยอะและน่ากลัวมากสองข้างทางมีแต่ทุ่งหญ้าและตลอดเส้นทางไม่ค่อยมีบ้านคนแถมยังไม่มีไฟถนนอีกด้วยมันค่อนข้างจะมืดมากเห็นทางได้แค่ไฟจากหน้ารถเท่านั้นอย่างที่บอกไปว่าเมื่อขับเข้ามาในคลองส่งน้ำทีแรกก็มีรถขับตามเข้ามาหลายคันแต่พอข้ามสะพานมาอีกฝั่งที่จะมุ่งหน้าไปทางสุขุมวิทสายเก่าก็กลับไม่มีรถตามมาสักคันตอนนั้นขวัญกับพี่ก็เลยบอกให้ขับไม่ต้องเร็วมากเพราะมันมืดกลัวตกหลุมอะไรเข้าก็ขับไปได้สักพักก็พูดขึ้นมาว่า ขับตามมาดูดิเราก็หันไปดูแล้วก็พูดกันว่าดีเลยอย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมทางแล้วมันก็คอยมองกระจกข้างรถรักเราๆตลอดเวลาเพราะมันเปลี่ยวมากถึงจะมีรถขับตามมา แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ว่าจะเป็นโจรหรือคนไม่ดีหรือเปล่าเพราะขับไปได้สักพักเลยพวกเราก็หันไปมองข้างหลังตลอดว่ารถคันนั้นยังอยู่หรือเปล่าเพราะหันไปมองประมาณรอบที่ 5 ก็ปรากฏว่ารถคันนั้นหายไปแล้วเลยสงสัยว่ารถคันนั้นหายไปไหนหายไปตอนไหนทั้งๆที่ตอนกลับมาก็ไม่เห็นจะมีซอยที่รถจะสามารถเลี้ยวไปทางอื่นได้แต่ควันก็พูดปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีอะไรหรอกรถคันนั้นอาจจะเลี้ยวเข้าซอยแต่จริงๆก็ได้เพราะว่าจะแค่ไม่เห็นจากนั้นพวกเราก็ขับกันมาเรื่อยๆระหว่างที่ขับนานๆก็จะเห็นข้างทางตลอดว่ามีคนแก่เดินสวนรถไปเห็นผู้ชายยืนอยู่กลางถนน แม้แต่มีคนวิ่งตัดหน้ารถเพื่อนไม่เห็นฝันก็ได้แต่ซุกหน้ากับเพราะกลัวมากแล้วรถก็วิ่งมาเรื่อยๆจนถึงประมาณคลอง 5 ที่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแห่งในคลองส่งน้ำพวกเราจะต้องกลับรถเลี้ยวเข้าซอยที่จะไปเส้นคลองขุดได้ขนาดที่พวกเราเลี้ยวขึ้นสะพานกลับรถฝันเห็นแก๊งวัยรุ่นกลุ่มรวมกลุ่มกันอยู่แต่ที่แปลกก็คือฝันเห็นผู้หญิงในชุดทำงานใส่เสื้อกางเกงยีนอยู่บนราวสะพานในลักษณะก้มตัวลง 90 องศามองกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นอยู่ซึ่งโดยปกติแล้วยืนบนราวสะพานแบบไม่น่าที่จะก้มตัวลงมาได้ขนาดนั้นทั้งๆที่ไม่มีอะไรจับเลย ฝันได้แต่นั่งเงียบไม่พูดอะไรผัวก็ผ่านตรงนั้นไปได้พวกเราก็ต้องเลี้ยวเข้าซอยทางหลวงชนบทที่จะไปออกเส้นคลองขุดเส้นทางดีกว่าคลองส่งน้ำนิดหน่อยไม่มีหลุมแต่คดเคี้ยวและมีโค้งเยอะรถคำว่าเราวิ่งไปเรื่อยๆความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็มีรถตู้ขับมาจี้รถของพวกเราเหมือนเขาดูดีขวัญกระบี่ก็เลยบอกให้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อให้รถตู้แซงไปก่อนเพราะรถของพวกเราขับช้าแล้วรถตู้ก็แพงขึ้นไปถ้ามันไม่ปกติตรงที่ว่าฝันเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่ที่หลังรถตู้ซึ่งมีแต่คนลาไม่มีท่อนมองไม่ออกว่าเป็นหญิง อาย ตอนนั้นมันชอบมาถามเพื่อนว่าเห็นอะไรไหมเรื่องก็บอกว่าไม่มีอะไรมันก็ไม่ตอบได้แต่ละทีก็รู้นะว่านั่นไม่ใช่คนแน่ๆเมื่อเพื่อนๆเห็นท่าทีที่แปลกไปของขวัญพวกเขาก็พอจะเดาออกเลยว่าฝันเห็นอะไรก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อรถของเราก็วิ่งต่อไปเรื่อยๆตามโค้ง แกก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาร้องแบบตกใจมากพร้อมกับรถที่ส่ายไปส่ายมาเพราะเอกหักพวงมาลัยเหมือนหลบอะไรสักอย่างเป้แล้วสักพักก็พูดว่าวิ่งตัดหน้า ขวัญก็ดีก็เลยบอกว่าบ้าเหรอไม่มีรถสักคันพอได้ยินนานๆก็เริ่มหน้าซีดขวัญบอกว่าขับต่อไปเถอะเดี๋ยวก็ถึงแล้วจึงขับต่อไปมีความกล้ากลัวเขามาถึงสะพานที่ต้องเข้าออกตรงจุดนั้นจะเป็นสี่แยกทั้งซ้ายและขวามีวัดอยู่ใกล้ๆไม่เกิน 300 เมตรสะพานนี้ในตอนนั้นค่อนข้างจะแค่ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถมา จู่ๆก็พูดขึ้นมาว่าพี่ก็เลยบอกว่ามีที่ไหนไม่มีเลยก็เลยได้แต่ทำหน้างอในขณะเดียวกันมันก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหันหลังอยู่บนราวสะพานแล้วมองมาที่รถของพวกเราที่ขับผ่านไป เราขับต่อมาเรื่อยๆทุกคนในรถก็ต่างกับสิ่งที่เห็นได้แต่นั่งมองทางว่าเมื่อไหร่จะถึงทางออกปากซอยสักที ทั้งๆที่ระยะทางไม่ได้ไกลมากแต่กลับขับไปไม่ถึงทางออกสักทีเพราะพวกเราดูนาฬิกามันก็ 4 ทุ่มครึ่งแล้วพวกเราแปลกใจมากว่าทำไมใช้เวลานานขนาดนี้ทั้งๆที่ปกติเราจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกเราได้แต่ภาวนาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้รถของเราขับกลับไปถึงบ้านอย่างปลอดภัยสักพักไม่ถึง 10 นาทีพวกเราก็เห็นแสงไฟจากถนนที่เป็นทางออกจากซอยเราดีใจกันมากแล้วจริงๆนี่ก็พูดขึ้นมาว่าได้ยินเสียงอะไรไหม เราก็เงียบฟังกันมันเป็นเสียงเหมือนกับล้อรถเหยียบอะไรสักอย่างจึงจอดรถข้างทางแล้วพวกเราก็ลงไปดูกันปรากฏว่าเป็นตะปูตะปูขนาดใหญ่มากตำรอรถอยู่ มันตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมพวกเราไม่รู้กันไม่รู้เลย พวกเราตัดสินใจเข้าบ้านก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยเอารถออกมาปะยางกันพอไปถึงบ้านพวกเราก็เล่าแต่ทุกอย่างที่พวกเราให้กันและกันฟังต่างคนก็ต่างไม่เหมือนกันและที่สำคัญคือถ้าเกิดว่ากูมันหลุดในซอยหรือในคลองส่งน้ำก็ไม่รู้เลยว่าพวกเราจะเป็นยังไงหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ทุกเราก็ไม่คิดที่จะเดินทางในเส้นทางหลักหรือที่ปลูกเพียวนี้ตอนกลางคืนอีกเลย

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...