วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

หลบหลู่เจ้าที่ !!


             เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นตอนไปเที่ยวที่จังหวัดเพชรบุรี เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาคุณนัทและเพื่อนอีกประมาณ 10 กว่าคนได้ไปเที่ยวที่สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรีพวกเราไปถึงเวลาประมาณ 10 โมงวันนั้นเป็นวันธรรมดาที่พักในสถานที่ท่องเที่ยวจึงไม่เปิดให้คนเข้าพักคุณนัทและเพื่อนๆจึงต้องขับรถวนหาที่พักกันเองที่พักบางที่บางแห่งก็ไม่รับและให้เหตุผลว่าคนเยอะเกินไปส่วนบางที่ก็รับแค่วันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น พวกเขาจึงได้ขับรถวนหาที่พักลึกเข้าไปเรื่อยๆจนไปเจอบ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านไม้สักทั้งหลังมี 2 ชั้นส่วนด้านหลังจะเป็นอ่างเก็บน้ำทุกคนเห็นบ้านหลังนี้ก็รู้สึกถูกใจกันมากจึงได้เข้าไปต่อรองราคากันทั้งเจ้าของบ้านได้คิดคืนละ 8000 คุณนัทจึงขอต่อราคาเช่าจนเหลือคืนละ 6,000  เจ้าของบ้านก็ยอมตกลงแต่มีข้อแม้ว่าเวลาที่จะทำอะไรก็ขอทั้งทีด้วยนะอย่าทำอะไรพิเรนกิเลสแถวนี้ยังอยู่ในเขตป่า แล้วพี่เขาก็ทิ้งเบอร์โทรไว้ให้ถ้ามีอะไรก็โทรมาเพราะพี่เขาไม่ได้พักอยู่แถวนี้ จากนั้นเจ้าของบ้านกล้วยแผนที่มาแผ่นนึงแล้วบอกว่าเพื่อนเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมาให้ออกไปทานที่พี่เขียนไว้ในแผ่นอย่าออกไปทางที่เข้ามาเดี๋ยวจะหลง พระเจ้าของบ้านกลับออกไปคุณนัทและเพื่อนๆจึงเดินสำรวจตัวว่ามันเป็นบ้านที่สวยงามมากเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างยังใหม่เอี่ยม จากนั้นเพื่อนๆชวนกันไปตกปลาเทียบด้านหลัง ส่วนคุณนัทก็เดินดูรอบๆบริเวณป่าก็พบว่าที่นี่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าและเป็นบ้านหลังสุดท้ายที่อยู่ลึกที่สุด พอตกเย็นทุกคนชุมเริ่มก่อกองไฟแล้วปลาที่ตกได้มาทำกินกัน กลางดึกของที่นี่จะเงียบสงัดมาและไม่มีไฟทางจึงทำให้ที่นี่มืดทุกทิศทางมีค่าแสงสว่างจากกองไฟและแสงไฟจากดวงไฟภายในบ้านที่ลอดออกมาทางหน้าต่างเท่านั้น จนเวลาประมาณ 2 ทุ่มก็มีเพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าเราขอเจ้าที่กันหรือยังรุ่นพี่ที่อยู่ในกลุ่มก็ตอบว่าขอทำไมป่านนี้เจ้าที่ไม่มาแล้วนี่ก็ไม่เหลืออะไรแล้วด้วยกินกันหมดแล้วจะให้เหล้าก็เสียดาย หลังจากที่รุ่นพี่พูดจบทุกคนก็ไม่ได้สนใจอะไรยังคงนั่งดื่มกันไปเรื่อยๆเวลาล่วงเลยมาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆทุกคนจึงมาคุยกันว่าพรุ่งนี้จะไปหาเช่าที่พักหลังใหม่เพราะที่นี่มันแพงเกินไปหลังจากที่ตกลงกันเสร็จแล้วเพื่อนบางคนก็ขึ้นไปนอนบนบานจนเวลาเกือบๆ 01:00 คนหนักรู้สึกง่วงนอนจึงคิดว่าจะขึ้นไปนอนบนบ้านเพราะคุณนับก้าวเท้าเข้ามาในบ้านอยู่ๆความรู้สึกอึดอัดหนักอึ้งก็พูดกันมาทั้งทั้งที่ตอนเช้ายังรู้สึกว่าเป็นบ้านที่น่าอยู่มาก เธอจึงพยายามมองไปรอบๆตัวบ้านเพื่อหาสาเหตุเอามันอาจจะเป็นเพราะไฟในบ้านที่เป็นสีส้มถึงทำให้ความรู้สึกอึดอัดถึงเธอ คนรักได้ยินพิจารณาทุกอย่างรอบๆตัวอยู่กลางบ้านส่วนเพื่อนคนอื่นก็ได้ทยอยกลับเข้ามาในบ้านแล้วเพราะว่าด้านนอกเหมือนฝนจะตกคุณนัทก็แปลกใจตอนที่นั่งอยู่ด้านนอกไม่รู้สึกถึงการตั้งเขาคงหมดเลยเธอจึงเดินไปเปิดหน้าต่าง ก็เพราะว่าลมด้านนอกค่อนข้างแรงแล้วอยู่ๆไฟก็ดับลงในทันที  จึงทำให้ทุกอย่างรอบตัวกำมือและเงียบสนิทความรู้สึกหรือจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆพวกเราได้ยินแต่เสียงหน้าต่างสั่นเพราะแรงลม รุ่นพี่ในกลุ่มโทรไปหาเจ้าของบ้านแต่เจ้าของบ้านกลับต่อว่ามันเป็นเรื่องปกติของแถวนั้นเดี๋ยวไฟก็มา ในขณะที่พวกเรายังไม่ทันได้วางสายก็มีเสียงดังบนหลังคา ทุกคนตกใจยืนนิ่งเงียบและพยายามหาคำตอบว่ามันคือเสียงของอะไรไม่ถึง 2 นาทีก็เกิดเสียงขึ้นอีกลักษณะของเสียงคล้ายๆอะไรสักอย่างที่ตัวใหญ่ๆ กระโดดอยู่บนหลังคา เพื่อนคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่าเดี๋ยวเดินไปหยิบไฟฉายในรถมาๆแล้วเธอก็เดินเปิดประตูออกจากบ้านไปไม่ถึง 1 นาทีก็ได้ยินเสียงเพื่อนคนที่เดินออกไปนอกบ้านวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้านแล้วบอกว่าเรากันเองเถอะถ้าไม่ไปแล้ว คุณนัทถามกลับไปว่าทำไมเพื่อนก็ตอบว่าอยู่บนรถ 3 คนตาแดงก่ำเลย คนนั้นจึงเดินไปเปิดผ้าม่านแล้วพยายามเพ่งมองไปที่รถแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆคิดว่าเพื่อนคงจะเมาจึงได้เปิดประตูบ้านของไปถึงวันนั้นก็เหลือบมองไปเห็นนั่งอยู่บนหลังคา เอาแล้วไงพวกเอ็งไปทำอะไรมากันแน่ ตอนนั้นคนที่อยู่ชั้นล่างมีทั้งหมด 5 คนนอกนั้นขึ้นไปนอนที่ชั้นบนกันหมดแล้ว คนที่เหลือจึงตกลงกันว่าให้โทรไปปรึกษาเจ้าของบ้านก่อน แต่พยายามโทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติดทุกคนจึงได้แต่ยืนเงียบกันอยู่ในความมืดมีแต่เสียงลมพัดต้นไม้ด่านนอก ดังหวีดหวิว เสียงหน้าต่างที่สั่นไหวอยู่ตลอดเวลา ขนาดนั้นก็มีเพื่อนคนหนึ่งเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เก็บภาพไว้ในกระเป๋าจึงได้รีบไปค้นหาพระแล้วหยิบออกมาก็ปรากฏว่าอยู่ๆไฟก็ติดขึ้นมาทันทีทุกคนรู้สึกใจชื้นกันขึ้นมาบ้างเขาจึงได้พระไปแขวนไว้ที่ประตูแล้วทุกคนก็รีบขึ้นไปนอน คณะที่คนรักกำลังรู้สึกเคลิ้มจะหลับก็ต้องสะดุ้งตื่นคืนพอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเป็นเวลากี่โมงแล้วลักษณะของเสียงเหมือนคนเอาอะไรสักอย่างมาขูดกับปลาสลับกับเสียงทุกหน้าต่าง คุณณัฐให้ยามนอนนิ่งฟังเสียง และเธอก็ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆจะได้ยินเสียงนั้นด้วยหรือเปล่า เวลาผ่านไปได้สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียง มาจากชั้นล่างคุณนัทคิดว่ามันก็เป็นเสียงของประตูหน้าบ้านเปิดออกมาอีกแน่ๆความกลัวแผ่ซ่านไปยังทุกส่วนของร่างกายเธอนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและพยายามข่มตานอนให้หลับแต่หูก็แว่วได้ยินเหมือนเสียงคนเดินลากเท้าอยู่ชั้นล่าง คนนัทพยายามลืมตามองไปทางบันไดเพราะกลัวว่าสิ่งที่อยู่ชั้นล่างนั้นจะเดินขึ้นมาราคาเล่นอยู่ชั้นบน ถ้าสิ่งนั้น ก็ยังเดินวนไปวนมาอยู่แต่ชั้นล่างเหมือนว่าจะขึ้นมาชั้นบนไม่ได้เพราะมีพระแขวนอยู่ความรู้สึกอึดอัดยังคงท่วมท้นอยู่ภายในตัวของคุณน่ะเธอได้แต่นอนขดตัวสั่นคลุมโปงจึงเผลอหลับไป เมื่อเช้าของวันต่อมาก็พบว่าประตูหน้าบ้านเปิดออกเองจริงๆสักพักเจ้าของบ้านก็ขับรถเข้ามาคุณนัทจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เจ้าของบ้านฟังเจ้าของบ้านก็ได้ถามว่าจุดธูปไหว้หรือเปล่าคนรักจึงบอกว่าไม่ได้ไหว้ แล้วเจ้าของบ้านก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนที่ตรงนี้เคยเป็นโรงพยาบาลสนามของคอมมิวนิสต์ที่ถูกระเบิดทั้งคนเจ็บและหมอตายเยอะมากจึงไม่แปลกที่จะมีสิ่งลี้ลับอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นเจ้าของบ้านจึงให้พวกคุณนักขับรถไปตามทางขึ้นเขาอีกประมาณ 2 กิโลเมตรซึ่งตรงนั้นจะมีศาลเล็กๆตั้งอยู่ให้ทุกคนไปไหว้ขอขมาที่นั่น ซึ่งคุณนัทได้มารู้ทีหลังว่ามีเพื่อนบางคนปัสสาวะลงข้างๆอ่างเก็บน้ำและทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทางแล้วทุกคนก็พากันขับรถไปยังศาล เมื่อไปถึงก็เห็นเป็นศาลไม้เล็กๆพวกเขาจึงได้เข้าไปไหว้ขอขมาเพราะขอขมาเสร็จแล้วก็กลับมาช่วยเจ้าของบ้านเก็บกวาดขยะ ก่อนที่คุณนัทและเพื่อนๆจะกลับเจ้าของบ้านก็แนะนำมาว่าพวกน้องกลับถึงกรุงเทพฯแล้วให้ไปทำบุญซะว่าแถวนี้คงไม่รับทำเพราะเขารู้ว่าพวกน้องไปกวนเจ้าที่คนแถวนี้เขารู้ดีว่าเจ้าที่ตรงนี้แหละไม่ต้องห่วงหรอกเขาตามพวกน้องอยู่และนี่คือเรื่องราวทั้งหมด

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...