วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เล่นลิฟต์​จนเจอดี !!


            เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อนมันเป็นประสบการณ์แรกในชีวิตวัยเด็กขณะที่ตอนนั้นเราเป็นเด็กหญิงอายุ 11 ขวบน้องชาย 10 ขวบนะน้องสาว 7 ขวบมีแต่ว่ามันเป็นประสบการณ์ที่จำได้ไม่เคยลืมเลยที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคอีสานเมืองดอกบัวงามแม่น้ำสองสีซึ่งทีแรกมีโครงการจะทำโรงแรมแต่ติดปัญหาบางอย่างเลยเปลี่ยนมาทำเป็นโรงพยาบาลแทนถึงมีมีประมาณ 10-11 ฉันจะเปิดใช้ถึงแค่ชั้น 4 ชั้นบนปิดตายหมด ลิปจะมีอยู่ 2 ส่วนซึ่งอยู่ขนานกันอยู่ตรงกลางของตึกพอดีด้านหน้าจะไว้ใช้สำหรับคนทั่วไปด้านหลังเอาไว้สำหรับขนส่งผู้ป่วยและศพโดยระหว่างที่ทั้งสองตัวนี้จะมีบันไดอยู่ตรงกลางเราสามารถเลือกได้เลยว่าอยากจะขึ้นลงทางไหนมันเชื่อมถึงกันหมด ประมาณ 5-6 โมงเย็นตอนนั้นแม่ของเราจะไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลซึ่งวันนั้นเป็นวันหยุดก็เลยชวนเรากับน้องสาวไปด้วย โรงพยาบาลนี้เป็นตึกอยู่เดียวซึ่งมีบันไดหนีไฟอยู่ขนาด 2 ข้างของตึกเขาไปถึงที่โรงพยาบาลเราก็เหลือบไปเห็นบันไดหนีไฟที่อยู่ด้านข้างของตึกพอดีพอเห็นปุ๊บก็เกิดไอเดียอยากสนุกขึ้นมาพวกเราสามคนเดินต่อไปยังห้องพักของผู้ป่วยแล้วเราก็เจอเพื่อนของแม่กับลูกชายของแกที่มาถึงก่อนแล้วแม่เราก็คุยกันตามประสาผู้ใหญ่ซึ่งมันนานมากๆพวกเราไม่มีอะไรทำก็เลยได้แต่นั่งรอเซ็งๆแล้วก็นึกถึงบันไดหนีไฟขึ้นมาเลยแอบชวนน้องๆไปเล่นจนจับผู้ร้ายกันน้องมันก็ตกลงอยากเล่นเราก็เลยบอกแม่ว่าจะลงไปเล่นไปห้องเด็กเล่นข้างล่าง แม่ก็ตกลงแล้วบอกให้เราดูแลน้องๆด้วยเราก็รับปากเพราะออกมาจากห้องปุ๊บน้องชายมันก็ถามเราว่าจะไปเล่นที่ไหนจะเล่นยังไงเราเลยบอกไปว่าเล่นไพ่วิ่งไล่จับโจรก็ให้ขึ้นลิฟต์ไปแล้วค่อยวิ่งลงมาทางบันไดหนีไฟ พวกเราก็เข้าไประหว่างที่กำลังขึ้นลิฟต์ไปอยู่นานน้องมันก็ถามว่าจะเอาชั้นไหนไอ้เราก็คิดว่าอยากจะขึ้นไปสูงๆแล้ววิ่งลงมาแบบนี้จะได้เล่นนานๆเลยกดไปที่ชั้น 9 ออกเลยว่าตอนที่กดไปเราไม่กลัวเลยสักนิดคิดแต่สนุกอย่างเดียวระหว่างที่รีบค่อยๆเลื่อนขึ้นไปก็รู้สึกเฉยๆแต่พอลิฟต์เปิดออกมาเท่านั้นแหละคุณพระมันไม่ต่างจากในหนังสยองขวัญเลยทั้งบรรยากาศทั้งใยแมงมุมเส้นใหญ่ๆระยองเต็มไปหมดฝุ่นชนพื้นเป็นสีดำไปทั่วรู้ได้เลยว่าไม่มีคนขึ้นมานานมากแล้วตอนนั้นเราก็เริ่มรู้สึกไม่ดีแต่ด้วยความที่เราเป็นพี่ใหญ่ก็เลยต้องทำเป็นไม่กลัวแล้วก็พูดกับน้องไปว่าพี่ว่ามันสูงไป เอาลงไปสักชั้น 2 ชั้นดูไหมพวกน้องๆยิ้มแล้วรีบพยักหน้ากันเลยลองกดลงลิฟท์มาชั้น 7 ด้วยความบอกว่าบรรยากาศมันน่าจะดีกว่านี้ ระหว่างที่เลื่อนลงมาเราก็ภาวนาไปด้วยนิดๆขอให้ฉันมีไม่เจอสภาพแบบฉันเก้าพอประตูเปิดออกเท่านั้นแหละแม่เจ้ามันแทบไม่ต่างกันเลยสักนิด เราหันไปมองหน้าน้องๆมันก็ทำเราด้วยสายตาว่าจะเอายังไงเราเลยตัดสินใจว่าเอาวะไหนๆก็ได้ขึ้นมาแล้วลองเดินสำรวจดูสักหน่อยจะเป็นไรไป แล้วเราก็เดินนำน้องไป บรรยากาศของที่นี่มันวังเวงสุดๆนี่ถ้าชั้นล่างไม่เปิดเป็นโรงพยาบาลอยู่นะมันก็คือตึกร้างชัดๆ เราค่อยๆเดินก้าวที่ 1 เดินไปจนสุดทางแล้วคิดจะลองเดินไปฝั่งนึงดูน้องชายมันถามไปว่าจะไปหรือเปล่าเราตอบอย่างชัดเจนและหนักแน่นว่าไม่ไปก็ได้มั้งคงจะเหมือนเหมือนกัน ตอนนั้นนิเค้กสุดๆไปเลยแต่ใจจริงอยากกลับลงไปจะแย่อยู่แล้วแล้วก็บอกกับน้องไปว่าน้องไปเล่นตรงลานข้างล่างดีกว่า ตัวมันเสียงดังเดี๋ยวเขาจะว่า พอเดินกลับมาที่เราก็กดไปชั้น 1 เพราะตอนนี้ใกล้จะปิดสนิทเท่านั้นแหละ แล้วลิฟต์ก็เปิดออกเหมือนเดิมมันคืออะไรตอนนี้ใช้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วเราไม่พูดอะไรวิ่งใส่เกียร์หมาไปที่บันไดหนีไฟอย่างไม่คิดชีวิตแล้วมีน้องชายวิ่งตามมาติดๆแต่ประตูมันล็อคแล้วดึงประตูอย่างบ้าคลั่งแต่แล้วมันก็เปิดไม่ออกน้องไม่เชื่อก็เข้ามาเขย่าประตูอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างกันเราคิดได้ว่ามันมีบันไดหนีไฟข้างเราทั้งคู่วิ่งไปที่ประตูทางออกอีกฝั่งความหวัง ระหว่างที่เราวิ่งไปมันก็จะผ่านลิ้นตัวเดิมซึ่งน้องสาวเราที่มาด้วยยังอยู่ในนั้นให้ตายเถอะรีบยังคงเปิดค้างอยู่เหมือนเดิมทั้งทั้งที่ถ้ามันขัดข้องเวลาจะปิดประตูแล้วมันเด้งกลับออกเมียสักพักมันก็จะติดเองแต่นี่มันนานเกินไปแล้วเพราะว่าจะวิ่งไปสุดทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งเนี่ยมันใช้เวลาเหมือนกันเพราะวิ่งไปถึงประตูอีกฝั่งความหวังเต็มเปี่ยมไม่น่ะมันล็อคเราบอกน้องชายให้วิ่งลงบันไดแล้วก็วิ่งผ่านหน้าลิฟต์อีกทีนึงเพราะบันไดอยู่หลังลิฟซึ่งตอนวิ่งผ่านน้องสาวเรายังคงอยู่ในนั้นแหละรีบก็ยังคงเปิดอยู่เราเลยตะโกนบอกน้องว่าให้ลงบันไดพอมาถึงบันไดกี่ขั้นไม่รู้เราจะโดดข้ามทีเดียวเลย คิดถึงกับว่าจะต้องออกไปจากที่ตรงนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด น้องชายนั้นมันเอาตูดไถราวบันไดลงมาเลยทำไปได้เพราะเรากับน้องชายวิ่งจากฉันเจ็บมายังชั้น 3 แล้วก็โล่งใจมากคิดว่าคงรอดแล้วที่นี่ก็คิดถึงน้องสาวขึ้นมาแล้วก็ได้ยินเสียงมันร้องไห้พร้อมกับพูดว่ารอด้วยเราก็เลยตะโกนขึ้นไปให้รีบลงมาเร็วเร็วเพราะมันลงมาถึงก็พากันมาสงบสติอารมณ์แล้วเราก็บอกกับน้องๆไปว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครไม่งั้นจะไม่เล่นด้วยทุกคนรับปากแล้วก็กลับบ้านกันตามปกติ และไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย จนกระทั่งเวลาผ่านไป 1-2 ปีพวกเราก็กลับมาคุยกันเราพูดไปขำไปกับน้องชายชวนน้องสาวเราไม่ขำด้วยเอามันบอกว่ามันกลัวมากแล้วพี่ๆทิ้งมันไปให้เราก็เลยบอกว่าพี่ไม่คิดคิดดูแล้วมันไม่มีอะไรหรอกมันคงค้างเฉยๆเราล่ะกลัวกันไปเองมากกว่า น้องสาวเราจึงตอบกลับมาว่ารู้ได้ไงว่ามันไม่มี เราถามกับไปมันจะมีอะไรแกเห็นน้องสาวก็บอกมันไม่ได้ค้างแต่มันมีผู้ชายยืนยันลิฟท์อยู่แล้วเขาคนนั้นก็ยิ้มให้หนูด้วยหนูต้องเดินรอบแขนเข้ามาเรากับน้องชายตกใจอุทานขึ้นพร้อมกันเพื่อสรุปคือมันใช่ไหมวันนี้

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...