วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
กีฬาสีโรงเรียนหลอน!!
เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมกีฬาสีแน่นอนอยู่แล้วว่ามันต้องมีการทำกิจกรรมช่วยงานหรือซ้อมกีฬากันจนๆจนคำมือและหน้าที่หลักๆของพี่ม6 ก็คือต้องคอยดูแลน้องๆที่จะขึ้นสแตนเชียร์ชั้นมอหกของแป้งมีทั้งหมด 10 ห้องตั้งแต่มอหกทับหนึ่งถึง 6/10 แป้งอยู่ 6/9 ได้รับหน้าที่ให้ทำฉากของสแตนเชียร์มีแป้งกับเพื่อนผู้หญิงอีก 2 คนรวมแป้งด้วยก็เป็น 3 คนพวกเราจะได้รับมอบหมายจากหัวหน้าห้องว่าให้ไปซื้อของเพื่อที่จะมาทำฉากเพราะเราได้รับมอบหมายให้ออกไปซื้อมันก็เหมือนเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ของพวกเราเลยทีเดียวพวกเราออกไปซื้อของตอนเย็นประมาณ 5 โมงกว่าๆแล้วก็ซื้อของกันนานมากจนลืมดูเวลาลืมนึกว่ามี เพื่อนๆรออยู่ที่โรงเรียนเขาซื้อของครบหมดทุกอย่างแต่ก็มองดูเวลาอีกทีมันมาเกือบจะ 1 ทุ่มแล้วพวกเราก็เลยรีบพากันกลับโรงเรียนโดยด่วนเพราะกลับไปถึงโรงเรียนก็เจอพวกเพื่อนๆที่รอของอยู่แล้วก็เจอคุณครูที่ปรึกษาของแป้งยืนอยู่ตอนนั้นพวกเราทั้งสามคนมีความรู้สึกเหมือนกันเป็นนครที่พร้อมจะรับความผิดครูก็ตอบว่าพวกเราทำไมไปกันนานมากเพื่อนที่อยู่โรงเรียนก็ตอบว่าพวกเราก็ไม่ได้เถียงหรือแก้ตัวใดๆทั้งสิ้นเพราะรู้ว่าพวกเราทำผิดและบทลงโทษในการทำผิดของพวกเราในวันนั้นก็คือให้พวกเราทั้งสามคนอยู่ทำสแตนไปจนถึง 22:00 นโดยมีพาโลเป็นคนคอยดูพวกเราแล้วเพื่อนๆที่เหลือก็ให้กลับบ้านได้ ตอนนั้นบรรยากาศที่ไม่มีเพื่อนหลายๆคนอยู่กันมันวังเวงมากและแป้งก็ได้อยู่กันแค่ 3 คนมันก็ไม่ได้ช่วยให้ความน่ากลัวลดน้อยลงไปเลยเพื่อนแต่ง 2 คนชื่อว่ารุ้งกับสาพวกเราขณะที่โดนลงโทษอยู่มันเหมือนจะไม่สำนึกผิดเลยแล้วอยู่ๆมันก็พูดขึ้นมาว่าถ้าเราทำงานกันอยู่แล้วผีมาหลอกพวกเราจะทำไงกันดีล่ะก็บอกว่าก็จะให้มันช่วยทำงานไงทำกันอยู่ 3 คนเหงาจะตายอยู่แล้วเมื่อรู้กับสาระพูดมาขนาดนั้นเองก็เริ่มคิดแล้วว่ามันจะพูดทำไมวะเนี่ยยิ่งตอนนี้มันก็มืดแล้วด้วยแถมยังมีเรื่องเล่าอะไรน่ากลัวน่ากลัวเกี่ยวกับโรงเรียนนี้อยู่ในหัวสมองแตกอีก แป้งพยายามเก็บความกลัวไวแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปคิดยังกับว่าต้องรีบทำงานให้เสร็จเร็วๆขณะที่ทำงานอยู่นั้นตั้งอยู่บนสแตนมองไปข้างล่างก็จะเป็นสนามฟุตบอลมองไปทางขวาก็จะเป็นอู่ซ่อมรถเก่าๆซึ่งมันล้างแล้วโรงเรียนแป้งที่อยู่ติดกับอู่ซ่อมรถมองไปทางซ้ายก็จะเป็นทางเดินออกนอกโรงเรียนมาทำงานไปได้สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงคนตะโกนมาว่าครั้งแรกพวกเราทั้งสามคนได้ยินเหมือนกันแต่ไม่มีใครขาดเราได้แต่สียังมองหน้ากันอีกสักพักก็มีเสียงในเป็นอย่างนี้ 2 ครั้งแล้วจำครั้งที่ 3 รู้มันก็ขานรับไปว่าตอนนั้นแป้งกลัวนะว่าไปขานรับทำไม ลุงมันก็บอกว่าไม่รู้หรอกว่าใครผ่านไปงั้นแหละเผื่อเป็นคนแป้งกับสาก็มองหน้ากันเหมือนรู้แล้วล่ะว่าอีกสักพักจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆแล้วสิ่งที่พวกเราคิดมันก็เกิดขึ้นจริงๆบรรยากาศตอนนั้นจากที่เงียบสงบไม่มีลมพัดผ่านๆก็เริ่มมีลมพัดมาพร้อมกับกลิ่นน้ำอบโชยมาพบกับจมูกของแป้งกับสาแป้งก็เลยถามดูว่ากินอะไรไหมกลิ่นน้ำมันก็บอกว่าไม่ได้กลิ่นน้ำอบน้ำมันได้กลิ่นเหม็นศพเลยล่ะตอนนั้นพวกเราเลิกทำงานกันแล้วก็มานั่งจับกลุ่มรวมกันเพื่อรอเวลาจนถึง 4 ทุ่มถึงจะกลับบ้านได้เมื่อมองดูนาฬิกาก็รู้สึกว่าเวลาทำไมมันถึงเช้าไร ตอนนั้นมันแค่ 2 ทุ่ม 45 เท่านั้นอีกแล้วพวกเราก็ต้องทนอยู่กับสภาพกลิ่นแบบนี้ไปจนถึง 4 ทุ่ม สักพักริมนั้นมันก็เริ่มจางหายไปเราเริ่มหายกลัวแต่ก็ยังไม่ทันใดก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้สะอึกสะอื้นฟูมฟาย เราเริ่มกลับมาครัวกลางและตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแป้งสามารถรับรู้ได้ทราบสภาพสีหน้าของพวกมันในเวลานั้นก็คงจะมีแต่แป้งแล้วล่ะที่ใกล้ที่สุดในนั้นแป้งเลยพูดกับพวกมันว่าไม่ต้องกลัวเดี๋ยวแป้งจะไปดูให้ว่าเสียงมันมาจากตรงไหนรับแปลงก็เดินไปดูทวดแฟนแต่ก็ยังไม่เจอที่มาของเสียงยิ่งเดินหาเสียงเท่าไหร่มันก็ยิ่งร้องไห้ฟูมฟายมากขึ้นเท่านั้นในขณะที่แปลงเดินหาต้นตอของเสียงมันแพงก็ไม่รู้เลยว่าเรื่องรักแป้งทั้งสองคนมันไม่มีแป้งกลับบ้านไปแล้วเพราะแป้งเดินกลับมาตรงที่ที่แป้งทำงานก็เจอกระดาษเขียนโน๊ตไว้เป็นลายมือของลุงบอกว่าโกษาของกลับบ้านกันนะ ตอนนั้นได้รู้สึกโกรธพวกมันมาทิ้งเพื่อนได้ลงคอทั้งๆที่บรรยากาศมันก็น่ากลัวมากขนาดนี้แป้งมองดูนาฬิกาอีกรอบตอนนั้นก็เป็นเวลา 09:00 นกว่าๆแล้วแต่งเลยคิดว่าอยู่ต่อให้ถึง 22:00 นเลยก็ได้เช้ามาจะได้ไม่โดนครูทำโทษอีกแล้วแปลงก็เก็บของไปพลางๆรอเวลา 4 ทุ่มแล้วหนูแป้งก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเปล่าไม่ได้ยินหลายครั้งเข้าแล้วเพื่อนก็ยังหนีกลับบ้านมันทำให้แป้งเริ่มหงุดหงิดและแป้งก็เห็นว่าแป้งคานรับไปแล้วก็ไม่เห็นเป็นไรแฟนก็เลยถามกลับไปว่าใครอ่ะไม่ช่วยเก็บของหน่อยไม่ทันขาดคำก็มีจริงไหมจากไหนไม่รู้ว่างั้นก็มีคนโยนมาใส่แป้งแล้วกิ่งไม้จริงมันก็มีเชือกผูกอยู่ด้วยจากนั้นก็มีเสียงหัวเราะตามมา ตอนนั้นเริ่มรู้ตัวระหว่างไม่ได้แล้วรีบวิ่งลงจากแสตมป์ทันทีขณะที่วิ่งไปก็ได้ยินเสียงหัวเราะตามมาตลอดตอนนั้นแป้งคิดเพียงแต่ว่าจะต้องวิ่งให้เร็วที่สุดซึ่งนอกไปหาลุงภารโรงให้เร็วที่สุดเพราะแป้งวิ่งไปหาลุงภาโรงได้แป้งก็เล่าทุกอย่างให้ลุงภาโรงฟังว่าชื่ออะไรมาบ้างลุงแกก็หัวเราะแล้วก็แต่งว่าลุงจะบอกคุณครูของพวกเราก็อย่าปล่อยให้เด็กทำงานจนดึกๆเดี๋ยวมันจะออกมาอ้างก็ถามลุงว่านั่นคือใครลุงก็บอกแป้งว่ามันน้อยมันเป็นแม่ครัวอยู่ที่โรงงานตอนเป็นแม่กูมันชอบกับคุณครูสอนสาระคุณครูก็ชอบพอกันมาแต่คุณครูเขามีครอบครัวอยู่แล้วเอามาดู พวกคุณครูมีครอบครัวแล้วมันก็ช้ำใจมากๆต่างก็ตกใจมากเข้าใจแล้วว่าจริงไหมจริงนั้นทำไมถึงมีเชือกผูกอยู่ตอนนั้นแป้งรู้สึกว่าทำไมชีวิตตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยแล้วคืนนั้นแป้งก็กลับบ้านไปก็เช้ามาแม่งก็มาโรงเรียนตามปกติแป้งกรดรุ้งกับสามารถทำไมถึงแป้งไปแต่ก็โกรธได้ไม่นานเพราะแป้งยังคงต้องทำงานร่วมกับมันอยู่ต่างก็เลยถามมันว่าทำไมเมื่อคืนหนีกลับบ้านไปก่อนรู้มันก็บอกว่าต้องรีบๆเดินตามหาเสียงร้องไห้อยู่รู้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามแป้งทุกฝีก้าวเลยแล้วพอมันจะเรียกให้แป้งดูตัวผู้หญิงคนนั้นก็หันหน้าไปหาพวกมันและมีสีหน้าแววตาที่โก มันก็เลยต้องหนีกลับก่อนโดยทิ้งโน้ตไว้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเราทั้งสามคนก็ตั้งใจทำงานที่คุณครูสั่งเมนูหรือถะเหลถะไหลเขาไม่อยากโดนทำโทษแบบนี้อีกแล้ว
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น