วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เธอกลับมาพร้อมกับความหลอน​ (เพื่อนเก่า) !!


         เมื่อนั้นเป็นเด็กตอนนั้นอายุประมาณ 9 ขวบเรียนอยู่ชั้น 3 สายอยู่บ้านของพ่อที่จังหวัดกําแพงเพชรโรงเรียนที่น้ำเรียนอยู่เป็นโรงเรียนรัฐบาลเด็กที่มาเรียนในโรงเรียนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน มีบ้างที่มาจากหมู่บ้านใกล้เคียงพ่อแม่เป็นชาวนาชาวไร่ชาวสวนด้วยกันทั้งนั้นวันหนึ่งน้ำก็ไปเรียนตามปกติ ซึ่งทุกวันจะมีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิงเรียนอยู่อนุบาล 2 เดินทางไปเรียนกับเธอด้วยเพราะเลิกเรียนขณะที่น้ำกำลังขี่รถจักรยานกลับบ้านโดยมีน้องผู้หญิงนั่งซ้อนท้ายอยู่ก็ได้ยินน้องเล่าให้ฟังว่าแกจะมาเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับน้ำด้วย น้ำได้ฟังก็ตกใจเพราะแก้มหายไปนานจนเธอแทบลืมเด็กสาวคนนี้ไปเสียแล้ว แก้มเป็นลูกคนมีฐานะดีเมื่อตอนที่แก้มยังเด็กมาอยู่กับยายที่เป็นเจ้าของไร่อ้อยซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับนามพ่อและแม่ของแกทำงานอยู่ที่กรุงเทพย้ายของแก้มให้แก้มเรียนในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปจากหมู่บ้าน ประมาณเกือบ 3 กิโลเมตรโดยมีรถของโรงเรียนมารับส่งทุกวันแกจะไม่ค่อยเป็นเหมือนเด็กคนอื่นๆเวลาโดนมดหรือสัตว์เล็กๆกับก็จะเป็นแผลแดงวงใหญ่เป็นอยู่นานกว่าแผลจะหายขาของแก้มจึงเต็มไปด้วยรอยแผลตอนนั้นน้ำก็คิดว่าเป็นกาแฟธรรมดา จึงไม่ใส่ใจอะไร แค่เป็นหลานสาวของพี่เวลาพี่ชายของน้ำไปเที่ยวที่บ้านพี่บางครั้งน้ำก็จะได้ไปด้วย ระยะทางจากบ้านคุ้งน้ำไปถึงบ้านพี่ให้ขี่จักรยานไปก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีพอใกล้ถึงก็จะเห็นแก้มอยู่บ่อยๆแต่น้ำก็ไม่เคยเห็นแกมาขอเล่นด้วยเลยสักครั้งแก้มจะเล่นแต่ของเล่นที่แม่ของแก้มซื้อมาให้จากกรุงเทพเท่านั้น จะว่าไปแล้วน้ำก็ไม่เห็นเด็กคนไหนมาเล่นกับแก้มเลยว่าแก้มถือตัวเลือกเล่นกับเด็กฐานะดีก็ไม่น่าจะใช่เพราะเด็กในหมู่บ้านหลายคนก็มีฐานะดีเรียนเอกชนเหมือนกันนานมาแล้วขณะที่น้ำนั่งคุยกับเฟิร์สและสุที่เรียนในโรงเรียนเอกชนเดียวกันกับแกสู่เราว่าไม่เห็นแก้มเล่นกับใครเลยเก็บตัวไม่ค่อยคุยเท่าไหร่น้ำก็พูดว่าแก้มอาจจะยังไม่สนิทเพราะแก้มพึ่งย้ายมาอยู่ได้ปีเดียว สู้กับเฟิร์สก็มองหน้ากันแล้วสุขก็บอกว่าแต่ก่อนเข้าโรงเรียนแก้มก็ดูร่าเริงคุยเก่งชอบเล่นกับเพื่อนแต่พอเข้าอนุบาล 1 ก็เริ่มไม่ค่อยคุยไม่ค่อยเล่นกับเพื่อนแล้ว เพราะแก้มเข้าอนุบาล 2 ย้ายของแก้มก็มาแจ้งกับทางโรงเรียนว่าจะขอย้ายไปเรียนที่กรุงเทพจากนั้นน้ำก็ไม่เคยได้เห็นกันอีกเลย แต่ตอนนั้นน้ำยังเด็กก็ไม่ได้สนใจอะไรเวลาผ่านไปหลายปีจนน้ำเกือบลืมแก้มไปแล้วอยู่ๆน้องผู้หญิงก็มาบอกว่าแก้มจะมาเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับนามเธอจึงแปลกใจเล็กน้อยวันรุ่งขึ้นน้ำไปถึงโรงเรียนเคยเห็นแก้มแล้วก็แปลกใจเมื่อก่อนแก้มเป็นเด็กสาวน่ารักผิวขาวตากลมโตมีแผลที่ขาเพียงเล็กน้อยแต่ตอนนี้กลายเป็นเด็กผู้หญิงผิวคลำเนื้อตัวเต็มไปด้วยตัวแผลเต็มไปหมด ถ้าเห็นแล้วจะตกใจที่แก้มเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้แต่แม่ของน้ำเคยบอกว่าแก้น้ำเลือดน้ำหนองไม่ดี น้ำก็เลยไม่ได้สนใจอะไรวันหนึ่งแก้มก็จากไปโดยไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนตอนนั้นน้ำอายุ 9 ขวบถ้าเทียบกับตอนนี้มันก็เป็นเวลาที่ผ่านมาหลายปีแล้ว ถ้าก้อนวัดบ้านนอกมีแค่ศาลากลางๆเมรุเผาศพเล็กๆใช้ไม้วางกองทัพกันเอาศพวางไว้บนกองไม้แล้วเผาในพิธีคืนแรกน้ำผึ้งมารู้ว่าสาเหตุที่แก้มเสียชีวิตคือติดเชื้อไวรัสเอชไอวีจากแม่ตั้งแต่อยู่ในท้องทุกคนที่อยู่ในงานจากที่คุยๆกันอยู่พอรู้สาเหตุการตายของแกก็เงียบกันหมด เพื่อนที่ 2 ขณะที่กำลังนั่งฟังพระสวดน้ำก็รู้สึกเย็นที่กลางหลังสักพักก็หายไปเมื่อสวดเสร็จขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้านน้ำได้ยินเสียงหมาหอนดังตั้งแต่ที่ว่าจนไปถึงบ้านแก้มคืนที่ 3 ขณะที่พระกำลังสวดอยู่ จู่ๆไฟฟ้าก็ดับลงประมาณ 30 วินาทีได้บางคนคิดว่าไฟตกธรรมดาแต่บางคนก็คิดว่าเป็นเพราะแกเพราะถึงวันเผาทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ คนสมัยก่อนบอกว่าดวงวิญญาณจะไปสวรรค์หรือลงนรกให้ดูที่ขวัญว่าลอยไปข้างบนหรือลอยลงข้างล่างเพราะความดันก็เปรียบเสมือนวิญญาณของคนตาย ขณะที่เผามันก็ลอยออกจากปล่องไปไม่ลอยลงดินและลอยไปทางบ้านโคตรคนในงานก็พูดไปต่างๆนานาน้ำอีกก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะยังไม่ค่อยรู้เรื่องกับเขาเท่าไหร่นะ เมื่อทำพิธีทุกอย่างเสียงขณะที่กำลังแยกย้ายกันกลับบ้านสัปเหร่อก็พูดขึ้นมาว่า​ เตรียม​ตัวไว้ก็แล้วกันวิญญาณ​จะกลับมาบอกลาญาติ​ หรือคนที่รู้จักภายใน 7 วัน น้ำได้ฟังก็ไม่ได้ใส่ใจคิดว่าผีไม่มีจริง ที่ผ่านมาตั้งแต่คืนแรกจนถึงคืนที่ 3 ไม่มีใครเคยเห็นวิญญาณของแกมแม้แต่ยายที่เลี้ยงตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยเห็น จนกระทั่งคืนที่ 4 จีเสียงคนมาเคาะประตูที่บ้านของน้ำพ่อของน้ำที่กำลังนอนอยู่ก็สะดุ้งตื่นขึ้นแล้วเงี่ยหูฟังดูก่อนว่าใครมาคอเพราะคนสมัยก่อนเขาถือว่าไม่ให้ร้องถ้ากลัวเป็นผีเมาตัวแต่เสียงเรียกนี้ทั้งขอไปด้วยเรียกไปด้วยหลายรอบ พ่อจึงเปิดไฟแล้วถามว่าใครก็มีเสียงตอบว่าฉันเองใหญ่ค้าง พ่อก็เปิดประตูให้เห็นใหญ่ค้างยืนอยู่คนเดียวยายค้างบอกว่าลูกชายเองใช่ไหมช่วยฉันหน่อยพอดีสามีฉันเมาแล้วก็ลืมรถไถไว้ในนาเอาลูกชายเองช่วยเอากลับมาให้หน่อยฉันกลัวมันหายพ่อก็เข้ามาปลุกพี่ชายของน้ำแล้วเล่าให้ฟังแม่ของน้ำก็เลยบอกว่าให้น้ำไปเป็นเพื่อนด้วย ทางที่จะไปที่นาเป็นทางเดียวกันกับที่จะไปบ้านของแกมระหว่างที่เดินไปนั้นพวกเราก็เงียบกันไม่มีใครพูดอะไรพอไปถึงก็เอารถไถกลับบ้าน ระหว่างทางกลับก็พากันคุยไปเรื่อยเปื่อยเพื่อไม่ให้กลัว เอาบรรยากาศบ้านนอกในตอนกลางคืนมันวังเวงและน่ากลัวมาก คืนนั้นมีเพียงลมพัดเอื่อยๆและแสงในคืนพระจันทร์เต็มดวงทุกคนจึงมองเห็นทุกอย่างโดยรอบอย่างชัดเจนอยู่ๆสายตาของน้ำก็เหลือบไปเห็นเด็กเดินอยู่ตรงทางข้างหน้าห่างไปประมาณ 500 เมตรเลยหันไปถามยายค้างกับพี่ชายว่าเห็นอะไรไหมทุกคนตอบมาเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็น ยายเลยถามถามว่าเด็กที่ไหนมาเดินอยู่คนเดียวดึกๆดื่นๆอย่างนี้ เมื่อมองดูลักษณะของเด็กคนนั้นแล้วก็คาดเดาว่าน่าจะสูงประมาณ 110 cm เห็นจะได้อายุประมาณ 10 ขวบผมสั้นใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวดูคล้ายชุดนอนซึ่งก็เห็นเพียงแค่ด้านหลังเท่านั้น ยายค้างรู้สึกคุ้นๆแต่ก็นึกไม่ออก แต่น้ำจำชุดนั้นได้เพราะเคยเห็นที่งานศพของแก้วใช่เลยเป็นแก้มแน่ๆน้ำคิดในใจส่วนใหญ่คะแกยังคิดไม่ออกเลยหันไปถามพี่ชายของนามว่าไอ้เฟิร์สนั่นใครอ่ะรู้หรือเปล่ารีบตอบไปด้วยเสียงที่สั่นว่าพี่เฟิร์สจะรู้ได้ยังไงคนละบ้านยายแกก็นิ่งไปพักหนึ่งใช่ว่ะแล้วเด็กที่ไหนประเด็นอยู่ดึกๆแบบนี้น้ำตอบด้วยเสียงที่สั่นเหมือนจะลองทายดูว่าใคร ทุกคนหันมาแล้วถามเป็นเสียงเดียวกันว่าใคร แต่น้ำยังไม่ทันได้ต่อเพราะยายค้างหันกลับไปดูอีกทีเป็นคนนั้นก็หายไปแล้วพวกเราเดินต่อไปอีกเล็กน้อยก็ไปถึงสามแยกทั้งสามคนทั้งดูทั้งซ้ายและทางขวาก็ไม่เจอเด็กคนนั้นพี่ชายตกใจแล้วถามว่าหายไปไหนแล้วเนี่ยเราทางข้างหน้าก็จะเป็นบ้านของน้ำแล้วถ้ามีเด็กเดินอยู่พวกเราที่เดินตามมาก็น่าจะยังเห็นเด็กคนนั้นไม่น่าจะเดินเร็วขนาดนี้ ก็นับได้สติก็บอกกับยายคางว่าเร็วๆ ยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงถามว่าทำไม น้ำก็ตอบก็ทุกคนก็รีบมุ่งหน้ากลับบ้านไม่พูดอะไรกันจึงเดินกึ่งวิ่งกันเลยทีเดียว

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...