วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เรื่องเล่าที่ไม่ควรเล่า !!


          เมื่อกลางเดือนกันยายนมีพายุพัดเข้ากรุงเทพฯหลายรูปฝนมักจะกระหน่ำตอนค่ำๆท้องฟ้าแดงฉานคุมน้ำหนักอึ้งลมก็แรงน่ากลัวมากครับแต่ผมกลับชอบบรรยากาศแบบนี้เรามันทั้งแรงมีพลังอันลึกลับ ขึ้นนั้นผมไปส่งแฟนถึงบ้านเธอที่พุทธมณฑลสาย 5 ทั้งที่เธอบอกว่าไม่ต้องไปส่งเราเป็นห่วงผมเหมือนกัน บ้านผมอยู่ประดิพัทธ์ไกลกันคนละฝั่งฟ้าก็ว่าได้ แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ พอรถเมล์มาผมก็โดดขึ้นไปกับเธอทันทีส่งถึงเธอเข้าบ้านเรียบร้อยผมก็นั่งรถเมล์กลับ ขนาดนั้นเป็นเวลาประมาณ 09:00 นมาถึงวงเวียนใหญ่ก็ 4 ทุ่มกว่าๆผมก้าวลงจากรถเมล์ท้องฟ้าแดงฉานมีฟ้าแลบสว่างวาบวาบแล้วคำรามเกินคือคืน จนรู้สึกชัดถึงพลังกระแสไฟฟ้าที่แฝงอยู่ในทุกอณูอากาศ คอยดูเถอะเดี๋ยวต้องมีพายุใหญ่แน่ๆแบบนี้ผมต่อรถแท็กซี่จะสะดวกกว่าละมั้งเร็วเท่าความคิดยกขึ้นบกเรียกรถพอดีแท็กซี่สีม่วงแดงคันหนึ่งปราดเข้ามาเทียบชักไว คนขับดูจะดีอกดีใจจนผมอดนึกขำไม่ได้ ดีใจอะไรปานนั้น ขึ้นมาเลยครับจะไปไหนก็ได้เสียงโชเฟอร์หน้าทำอย่างกับว่าตลอดทั้งคืนไม่มีใครเรียกเขาเลยคุณมีผมนี่แหละรายแรก เขาบอกจุดหมายเขายิ้มดีใจใหญ่ แหมคุณครับดีจังเลยผมจะได้เข้าบ้านเหมือนกันบ้านผมอยู่เตาปูนจริงๆไม่ไกลจากบ้านคุณเท่าไหร่เขาพูดซะผมจนชักกลัวซะแล้วสิหนุ่มนี่สติดีหรือเปล่าจากการลอบมองพินิจพิเคราะห์อยู่ที่เบาะหลังนี้เขาก็ดูหน้าตาดีอายุคงจะ 20 ทนทนไหวเดียวกับผมนี่แหละครับ เขาคงอยากกลับบ้านเร็วๆเพราะฝนกระหน่ำแต่อาชีพอย่างเขาไม่น่าจะคิดแนวนั้นนะสงสัยหมอนี่หนักไม่เอาเบาไม่สู้ละมั้งฝนไม่ตกตกใส่รถเสียงเปาะแปะแล้วก็เทลงมาจากฟากฟ้าหมูฝนตกซะมองอะไรไม่เห็น นอกกระจกหน้าดูเป็นฝ้าขาวไปหมดผมขอจอดข้างทางก่อนนะครับไม่ไหวแท็กซี่หนุ่มหันมาบอกเป็นเชิงหารือผมก็เห็นพ้องด้วยเขาพูดอีกว่าดีนะที่มีคนมานั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้วยผมสะกิดในคำพูดนั้นแต่พอดีแฟนโทรเข้ามือถือบอกว่าเป็นห่วงผมจริงๆ ๆผมคุยโทรศัพตาก็ดูที่ฝนที่ซักตำหนัก สักพักหนึ่งผมก็ขอวางสายเพราะเคยได้ยินว่าโทรศัพท์มือถือก็เป็นสื่อให้ฟ้าผ่าลงได้เหมือนกัน ขนาดที่ปิดมือถือหางตาผมเห็นเหมือนมีใครมานั่งอยู่ทางขวามือในเบาะหลัง ผมหันขวับไปมองแต่ที่นั่งตรงนั้นว่างเปล่า เราคงจะตาฝาดไปเองนะ ถึงจะไม่เห็นใครผมก็ยังรู้สึกว่ามีคนคนนั้นนั่งอยู่ข้างๆไม่ได้หายไปไหนฟ้าครึ้มครึ้มเหมือนเทวดาลากโต๊ะหนักๆอยู่บนโน้นก่อนเสียงคลื่นนั้นจะจางได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆดังมาจากข้างตัวผมจริงๆหันขวับไปมองตรงที่ว่างเปล่าแล้วขยับตัวไปมาที่ประตูมากขึ้นตามองไปที่กระจกส่องหน้ารถเกี่ยวกับสายตาของหนุ่มโชเฟอร์ที่เล็งอยู่ เขาดูตกใจนิดกระพริบตาถี่ๆแต่ไม่กล้าถามผมว่าเห็นอะไร ท่าทางนั่งตัวแข็งทื่อเหมือนกำลังรอดูสถานการณ์ คุณเปิดวิทยุหรือเปล่าผมถามขึ้นเขาก็สั่งผัวตอบว่าเปล่าแล้วก็เงียบกริ๊บมีแต่สายตาในกระจกที่มองมาอย่างหวาดระแวงถ้าเธอนั้นทำให้ผมสังหรณ์ใจว่าในรถนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆยิ่งจ้องดูความว่างเปล่าข้างตัวแล้วขนลุกซ่าหนาวเยือกท่านใดนั้นมีกลิ่นเหมือนยาค่อยๆโชยมาถึงๆเข้าๆพูดตรงๆคือว่ามันเป็นกลิ่นคาวเลือดผมนึกถึงตอนที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเมื่อ 2-3 ปีก่อนเพื่อนของผมหกล้มหัวแตกผมพามันไปที่โรงพยาบาล ก็มีกลิ่นนี้แหละจำได้ติดจมูกเลยเมื่อกี้คุณรักคนเจ็บขึ้นมารถหรือเปล่าผมพูดกลั้วหัวเราะเพื่อไม่ให้มันเครียดเกินแท็กซี่หนุ่มทำท่าอ่อนใจก่อนจะพยักหน้าโอ๊ยนั่นไงถึงได้ผมนึกออกแล้วเขาบ่นยืดยาวแล้วก็เล่าให้ฟังอย่างหมดเปลือกเมื่อ 3 วันก่อนนะเขาขับรถคันนี้ช่วง 10:00 นกว่าๆแบบนี้แหละขนาดที่รถวิ่งอยู่แถวๆถนนพระราม 2 มีผู้หญิงวัยรุ่นนุ่งขาสั้นสีขาว ใส่เสื้อสายเดี่ยวสีดำมีรองเท้าส้นตึกติดเท้าอยู่ข้างเดียวรอบเดินโซเซตัวงอมายกมือเรียกรถนะนึกว่าเป็นคนเมาเพราะรักขึ้นมานอนก็บอกว่าถูกแทงมาอยู่กับน้าตกใจมากรีบขับรถไปหาโรงพยาบาลที่ใกล้ศูนย์ปากก็คอยพูดกับสาวคนนั้นเธอร้องไห้และครวญครางเจ็บปวดไม่ตอบอะไรเลย ใจเดียวก็เงียบไปเหมือนหน้ามองกระจกหลังก็เห็นเธอแหงนหน้าพิงพนักในตาเหลือกค้างสะอึก 2-3 ครั้งนะเหยียบคันเร่งจนถึงโรงพยาบาลปรากฏว่าสาวน้อยสินใจแล้วเลือดตกในแต่ขนาดที่ช่วยกันอุ้มร่างเธอลงจากรถเหลือก็รักออกทางปากมามากมายจนน่ากลัวน้าของแท็กซี่ต้องไปให้ปากคำกับตำรวจไม่รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหนใครแทนเธอผมฟังเรื่องแล้วใจจะขาดอยากเปิดประตูเป็นจากรถซะเดี๋ยวนั้นเลยไม่แคร์แล้วล่ะครับว่าฝนข้างนอกจะกระหน่ำหนักแค่ไหนคุณพระ  คุณเจ้าช่วยที่ข้างๆผมนี่มีผู้หญิงมานั่งตายเมื่อ 3 วันก่อนนี่เอง 3 วันพอดี หนุ่มโชเฟอร์บอกว่าเขาไม่เชื่อเรื่องผี ไม่กลัวด้วยแต่คืนนี้กลับรู้สึกตลอดเวลา มีใครมานั่งข้างหลังสะอึกสะอื้นถอนใจยาวๆแต่มีกลิ่นเลือดโชยมาเป็นระยะเขากลัวมากๆจนกระทั่งผมเรียกพอดีโชคดีที่มีเพื่อนนั่งกลับบ้าน ผมทนนั่งรถกับผู้หญิงที่ถูกฆ่ามันจนถึงประดิพัทธ์ พอลงรถก็ปรากฏว่าโชเฟอร์จอดล็อครถไว้ในซอยผมนั่นแหละครับแล้วก็ต่อตุ๊กๆกลับบ้านส่วนผมไม่กล้ามองไปที่รถนั่นเลยนึกแล้วก็เสียวสันหลังวาบๆกลัวเธอจะตามผมมาด้วยน่ะสิและเรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ครับ

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...