วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
หลงป่าที่ภูกระดึง !!
เรื่องนี้เกิดขึ้นจากการที่กลุ่มนักศึกษาแต่นัดกับมาเที่ยวพักแรมที่ภูกระดึงตอนก่อนออกเดินทางไปเที่ยวยายของพี่ในกลุ่มทางไกลเตือนให้ไหว้เจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขาตามประสาผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงหลานแต่พอมาถึงตอนเช้าที่ภูกระดึงเขาไม่ได้นึกถึงพวกเขาไปกันทั้งหมด 10 คนแล้วไม่มีใครเคยมาเที่ยวภูกระดึงมาก่อนเลยหนึ่งในนั้นชื่อบอยเป็นคนไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องอาถรรพ์และเป็นคนโผงผางพูดจาไม่ค่อยดีนะตามสไตล์วัยรุ่นหยาบคายบ้างท้าทายบ้างเพื่อนๆห้ามก็เหมือนยิ่งยุระหว่างการเดินทางบนภูกระดึงวันแรกบอยก็พูดจาแบบคะนองปากไปเรื่อยๆแล้วกลุ่มของพวกเขาก็หลงป่าหาทางออกไม่เจอเป็นเวลานาน พี่ใหญ่ของกลุ่มเริ่มไม่สบายใจที่ไม่ยกมือไหว้ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนั้นด้วยความเข้าใจเองว่าจะต้องขอขมาเจ้าที่เจ้าทางและหลังจากที่ขอขมาเจ้าที่เจ้าทางแล้วเดินต่อสักพักเขาก็เห็นไม้สีแดงลักษณะเป็นไม้ปลายงอม้วนเข้าคลายไม่เท้าเขาก็เข้าใจเองว่าเป็นปลายไม้ที่ชี้บอกทางออกและตัดสินใจเดินตามทางนั้นเมื่อกี้เป้าหมายเช่นนั้นมาด้วยสักพักก็เดินพ้นออกมาจากป่าและจริงๆเมื่อพ้นออกมาจากป่าได้แล้วก็เดินเที่ยวต่อไปที่ผาหล่มสักเมื่อถึงผาหล่มสักยังไม่เย็นมากถึงนั่งๆนอนๆพักผ่อนรอชมพระอาทิตย์ตกดินบริเวณนั้นกลุ่มพวกเขาไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปไปมีเพียงโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปได้ในตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นอีกหลายกลุ่มที่มีจุดประสงค์เดียวกันบ้างก็ถ่ายรูปบ้างก็พัก ผ่อนด้วยความที่เป็นผู้ชายล้วนและด้วยความคึกคะนองของบอยเขาก็ได้ตะโกนด้วยคำหยาบคายออกไปที่ผาเพื่อฟังเสียงสะท้อนกลับมาในตอนนั้นบ่อยรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองมาที่เขาเขาเข้าใจว่าเป็นวัยรุ่นกลุ่มอื่นบริเวณนั้นต้องถามเพื่อนๆว่ามีกลุ่มไหนมองเข้าไหมเพื่อนๆต่างก็บอกว่าไม่มีใครมองไม่ชมพระอาทิตย์ตกแล้วพวกเขาก็ใช้เส้นทางเรียบขากลับที่ทำการโดยเหตุที่พวกเขาไม่มีใครเตรียมไฟฉายไปด้วยและไม่เคยมาถึงพยายามเดินในกลุ่มตรงกลางเพื่อหวังจะอาศัยแสงไฟและเดินตามกลุ่มคนอื่นๆแต่เมื่อเดินไปเรื่อยๆแสงไฟจากนักท่องเที่ยวกลุ่มหน้าค่อยๆห่างออกไปทุกทีพวกเขาก็เร่งฝีเท้าตามไม่ทันถ้ากดว่า 3 ไม่ทันแสงจากกลุ่มหน้าหายไปแล้วเมื่อหันไปด้านหลังก็ไม่เห็นกลุ่มคนอื่นที่ตามมาเลยมีเหลือพวกเขาอยู่กลุ่มเดียวถึงรีบเดินทาง เร็วขึ้นถึงร้านค้าระหว่างทางถามทางกลับไปขอซื้อเทียนแต่เพียงแค่ 2 เล่มรถที่ร้านเหลือแค่นั้นแต่ที่ร้านค้าก็แนะนำให้เดินทางลัดเพราะเห็นว่าดึกแล้วตอนแรกพวกเขาเดือนเรียงหน้ากระดาน 4 คนพอจะเดินไปทางก็แคบๆลงทุนพวกเขาต้องเดินเพียงเดียวโดยให้คนแรกถือเทียน 1 เล่มและคนสุดท้ายถืออีก 1 เล่มว่าเป็นคนที่อยู่รั้งท้ายสุดตลอดตามพวกเขาจะนับ 1-10 เป็นระยะระยะก็มืดมากเพื่อให้หายจะได้รู้เส้นทางค่อยๆลาดต่ำลงหญ้าสองข้างทางสูงเกือบจะท่วมหัวหมอก็ลอยต่ำเรียกพื้นมองไปข้างหน้าเห็นเพียงท้องฟ้าที่มืดมิดมองต่ำกว่ายอดไม้เห็นเพียงสีดำสนิทระยะการมองเห็นเพียงรัศมีแสงเทียนในระหว่างที่เดินอยู่ทุกคนรู้สึกมีสิ่งไม่ปกติเกิดขึ้น ตลอดบ้างรู้สึกเหมือนมีคนวิ่งเอามือและต้นหญ้าข้างทางปากเขาไปแต่ไม่มีใครกล้าทักเพราะเดินไปเพื่อนที่อยู่หน้าบอยก็คิดว่าเห็นคนป่วยก็ตบหัวเพื่อนพร้อมบอกว่าคนที่ไหนไม่เห็นมีเลยแต่หลายคนเล่าว่าเห็นเหมือนคนตัวดำๆตัวใหญ่มากนั่งยองๆก่อนเข้ามองพวกเขาอยู่ข้างทางห่างไปไม่ไกลมากก็ยากเพียงคนแสงเทียนจะเห็นจากหางตาผมไม่กล้าไปมองเกินไปได้สักพักบอยรู้สึกเหมือนมีคนมาหายใจรดต้นคอและรู้สึกแน่นที่หน้าอกมากๆพวกเขาเลยไม่ถึงทางสามแพร่งปรึกษากันว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือขวาดีและเริ่มนับเพื่อตรวจสอบว่าเพื่อนมากันครบหรือเปล่าแต่ก็นับได้ 9 แล้วก็เงียบไม่มีเสียงขันของบอยตอนแรกก็นึกว่าบอยแกล้งแต่พอมองหาไม่เจอพวกเขาส่วนหนึ่งจึงรีบวิ่งย้อนกลับไปเส้นทางเดิมและพบบ่อยนอนอยู่ข้างทางส่วนเอวลงไปอยู่ในป่าส่วนท่อนบนอยู่บนทางเดิน เหมือนมีคนกำลังลากไปดึงขาเขาเข้าไปในป่า เพื่อนๆช่วยกันเก็บไว้และร้องเรียกพวกที่ตามมาเอาเองแต่รากไม้เป็นแผลเป็นคนนึงตอนนั้นบอยมีอาการกระตุกตาเหลือกตัวแข็งพวกเพื่อนๆก็ตกใจช่วยกันบีบนวดแขนขาเขาต่างก็รู้สึกว่าโทรบอยแข็งมากแข็งไปทั้งตัวเลยพวกเขาจึงพยายามหาบอยโดยคนหนึ่งสอนได้แขนทั้งสองคนยกขาเดินไปตอนแรกก็ยกไม่รู้สึกหนักมากพอยกขึ้นและในระหว่างที่เดินคนที่อยู่หน้าสุดร้องว่าเห็นงูอยู่ข้างทางทุกคนเห็นเป็นโง่เหมือนกันหมด 9 คนยกเว้นบอยที่ไม่รู้สึกตัวแล้วแต่จากงูกลายเป็นกิ่งไม้ไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาพวกเขายืนยันว่าตอนแรกเป็นงูจริงๆคนที่หำบอยสองคนเริ่มไม่ไหวแล้วทั้งที่บอยตัวนิดเดียวค้นหาทั้งสองคนตัวใหญ่กว่าเยอะต้องให้เพื่อนมาช่วยกันหามีอีก ก็บอกว่าตัวบอยหนักขึ้นหามสามคนก็ไม่ไหวไหวก็หล่นลงมามีอาการชักอย่างน่ากลัวในขณะนั้นเองเพื่อนอีกคนก็เห็นแสงไฟเพื่อนเข้ามาแล้วปรากฏว่าเป็นแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซค์ทั้งๆที่ตอนแรกไม่ได้ยินเสียงรถเลยคนขับเป็นชายใส่ชุดทหารพรานพวกเขาก็บอกว่ามีคนเจ็บให้ช่วยหน่อยคนที่ขับรถก็บอกให้เอาคนเจ็บขึ้นรถมาและให้คนขึ้นรถมาอีกคนค่อยจับคนที่เจ็บไม่ร่วงรุ่นพี่คนเดิมก็เลยขึ้นไปประคองบอยจะได้เอาไม้สีแดงที่เก็บมาด้วยให้รุ่นน้องอีกคนถือไว้ใช่ขับมอเตอร์ไซค์แต่แนะนำให้ผู้ที่เหลือเรื่องเลี้ยวขวาอยู่ทางแยกข้างหน้าเพื่อกลับที่ทำการจะถึงเร็วกว่ารุ่นพี่คนที่นั่งซ้อนท้ายรถไปด้วยก็เราว่ามันถึงทางแยกมอเตอร์ไซค์กับเลี้ยวซ้ายบอกว่าทางสะดวกกว่าและรุ่นพี่เราให้คนที่ขับรถไปว่าเขามาเที่ยวกันแต่เพื่อนก็เป็นอะไรไม่รู้ทันใดนั้นคนที่ขับรถอยู่ อยู่ก็หัวเราะขึ้นโดยมีน้ำเสียงเปลี่ยนไปจากเดิมเสียงใหญ่มากและพูดอย่างญาณว่ามันไม่เป็นอะไรหรอกตอนนั้นเขากลัวมากๆแต่ก็ขับมาส่งจนถึงบริเวณสะพานไม้หลังที่ทำการแก้หน้าที่ที่ขับรถก็บอกให้ประคองบอยไปห้องพยาบาลซึ่งตอนนั้นตัวบอยไม่หนักแต่ก่อนหน้านั้นแล้วถึงห้องพยาบาลเจ้าหน้าที่พยาบาลก็ให้กินยาและนอนพักผ่อนส่วนตัวรุ่นพี่ก็เดินไปซื้ออาหารอุ่นที่ร้านค้ามาไว้ให้บ่อยกินเพราะกลับมาถึงหอพักฟื้นแล้วแต่ยังงงๆอยู่เมื่อพูดถึงเพื่อนอีก 8 คนที่เดินกลับตอนนั้นเทียนดับไปแล้วพวกเขาก็อาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือตลอดเวลาที่พวกเขาเดินไปเหมือนมีคนตามมาตลอดเนี่ยเพื่อนคนหนึ่งโดนปรับตกลงหลุมถึง 2 ครั้งหรือเพื่อนทุกคนยืนยันว่าไม่มีใครแกล้งแล้วพวกเขาก็เห็นแสงไฟข้างหน้าเป็นแสงไฟตามบ้านอะไรประมาณนี้ เขาก็รีบเดินแต่ยิ่งเดินยิ่งไกลและแล้วแสงไฟก็หายไปเพราะเขาก็ยังเดินต่อไปแล้วก็วนมาที่เดิมตลอดทุกคนเริ่มกลัวเริ่มรวมกันหมดแล้วก็ยกมืออธิษฐานกับไม้บนบานเจ้าที่เจ้าป่าเจ้าเขาขอให้ถึงที่พักสักทีแล้วไม่นานเพื่อนคนหนึ่งก็แหวกหญ้าที่สูงท่วมหัวข้างทางออกก็เจอแสงไฟจากที่ทำการทั้งๆที่ไม่ไกลจากพวกเขาพวกเขาพบกับเจ้าหน้าที่ที่ใส่ชุดทหารกลางสวนโมกข์ 2 คนส่องไฟมาทางเขาแล้วบอกว่าเจอพวกมันแล้วตอนแรกเขานึกว่าเพื่อนเขาที่มากับรถบอกให้คนออกมาตามหาพวกเขาแต่ไม่ใช่และทหาร 2 คนก็เดินหายไปไหนไม่รู้แล้วพวกเขาก็มาถึงหลังที่ทำการเขามาถึงที่พักกันแล้วแต่พวกเขาก็ได้จุดธูปขอขมาเจ้าที่เจ้าทางเพราะปักธูปกำลังเดินกลับบ่อยก็ออกมาพอดีโดยที่ไม่มีอาการใดๆเลย มาตอนเช้าบ่อยเล่าให้ฟังหลังจากได้สติเมื่อตอนที่ล้มลงนอนนั้นยังรู้สึกตัวเห็นว่ามีคนตัวใหญ่หน้าตาโกรธมากไปทำให้ล้มลงในกดหน้าอกเอาไว้ตอนที่เพื่อนๆไปยามแบกตัวเขาขึ้นมาพวกเขาได้ตามถามหาเจ้าหน้าที่ที่มาส่งบอยเพื่อจะขอบคุณปรากฏว่าไม่มีแต่พวกเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่มีใครใส่ชุดเต็มยศขนาดนั้นหรอกส่วนแม่ค้าไม่ได้ยินเรื่องก็ให้ความเห็นว่าเป็นผู้ช่วยองค์พุทธเมตตาที่ออกมาให้ความช่วยเหลือผู้คนบ่อยๆเพราะเขาเดินกลับไปดูเส้นทางที่เดินมาเมื่อคืนพบว่าต้นไม้ใหญ่ๆที่เห็นเมื่อคืนไม่มีเลยมีเพียงญาติที่เตี้ยสูงไม่ถึงเขามีหลักฐานว่าเป็นเส้นทางเดิมมีหลักฐานว่าเป็นเส้นทางเดิมคือร่องรอยพลาสเตอร์ที่เขาใช้กันหล่นอยู่ข้างทางอยู่เลยคิดที่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาก็ไม่มีทางเป็นทุ่งหญ้าและทางสามแยกก็ใช้ได้เพียงด้านขวาด้านซ้ายที่รถมอเตอร์ไซค์เลี้ยวมาเมื่อคืนสิ้น ขาดน้ำเซาะถามก็ต้องลึกใช้ไม่ได้ขึ้นเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่รวมกันหลายๆอย่างก็ลงจากภูกระดึง พี่ใหญ่รู้สึกขอบคุณไม่ดาวจะได้เอาไปทิ้งไว้หลังต้นสนใหญ่ที่สุดในเวรกางเต็นท์ภูเขากลับมาถึงตีกระดึงก็แวะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อภูกระดึงปรากฏว่าในสารมีไม้เท้าสีแดงอยู่ลักษณะไม้เท้าเหมือนต้นไม้ที่พวกเขาใช้เมื่อคืนบนภูกระดึงภูเขาถึงจะต้องเป็นเจ้าพ่อได้ไปช่วยพวกเขาไม่ได้เล่าให้แม่ฟังเพราะกลัวโดนดุจะได้เล่าให้พี่สาวฟังแล้วพี่สาวก็เล่าให้แม่ฟังในที่สุดหลังจากได้ยินแม่เราถึงความฝันช่วงที่บอยไปเที่ยวภูกระดึงว่าได้ฝันเห็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งมาเหมือนมือกำลังไล่ต้อนเด็กตัวเล็กๆอยู่แม่บอยก็ร้องว่าอย่าอย่าไปทำเลยสงสารเด็กมันในฝันก็ไม่ได้เห็นเป็นบอยแต่เห็นเป็นเด็กตัวเล็กๆเท่านั้นเองในขณะที่แม่บอกให้นั่งคุยกับพี่สาวอยู่เกิดได้ยินเสียงแว่วขึ้นมาว่า ให้พวกมันไปขอขมาครูแล้วพวกเขาก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แม่ฟังแม่ก็เลยพาพลอยไปทำสังฆทานและอาบน้ำมนต์ที่วัดหลังจากนั้นแม่ของบอยแล้วบอยก็ไม่เจอเรื่องราวแปลกประหลาดเกิดขึ้นอีกเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น