วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ผีอีค้อย !!



         เชียงใหม่ยุคก่อนปี 2500 แถวอำเภอรอบนอกยังเป็นป่าไปเขื่อนทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้านก็เป็นทางล้อเกวียนฉันเป็นส่วนมากหากเป็นถนนเส้นหลักก็เป็นดินลูกรังรถร้านนานๆจะเห็นสักคันหนึ่งถือเป็นของแปลกใหม่มากทีเดียวถ้าใครไม่ดังรถโดยสารก็จะกลับมาคุยที่บ้านที่เป็นคุ้งเป็นข่วบ้านเมืองยังคงดำเนินวิถีชีวิตที่เรียบง่ายตามแบบชาวบ้านล้านนาไฟฟ้ายังไม่มีอาศัยแสงไฟจากตะเกียงน้ำมันก๊าดเป็นหลักถ้าเป็นอย่างดีหน่อยก็เป็นตะเกียงเจ้าพายุคุณยายเล่าว่าเมื่อฉันยังเด็กยุคนั้นบ่ตกข้าวตะวันลับฟ้าถ้าไม่มีอะไรทำก็เข้านอนกันเป็นปกติเด็กมักถูกผู้ใหญ่ไล่ไอ้เข้าไปนอนก่อน เมื่อมดเข้าหูได้ก็ชักผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวแต่ยังไม่หลับก็มองเราว่าค่าคงที่มาจากเตียงข้างนอกจนกว่าจะง่วงนอนมากดูบิดเบี้ยวใหญ่โตเกินจริงผ่านอาการของเด็กหญิงให้แฟนแกเป็นตัวนั้นตัวนี้ไปต่างๆนานาไม่ได้เวลาก็ถอยหลับไปพร้อมกับสัตว์ในจินตนาการมีอยู่คืนหนึ่งเหมือนทุกคนในบ้านเข้านอนไปได้สักพักยังไม่ทันจะหลับก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดเป็นเสียงร้องไห้ของใครคนหนึ่งเหมือนเสียงเด็กไม่เกิน 10 ขวบพักหนึ่งดังขึ้นแล้วค่อยแผ่วลงเด็กหญิงตัวแข็งขนลุกชูชันหัดไม่ถามแม่ที่นอนข้างๆว่าแม่เสียงใครร้องไห้นอนไปเถอะลูก อย่าไปทักมาสู่แม่ปรามก็ได้แต่นอนฟังเสียงร้องไห้ที่น่าขนลุกต่อไปเสียงนั้นค่อยๆห่างไปจนเงียบสนิทเพราะโต้รุ่งเช้าบรรดาเพื่อนบ้านก็จะจับกลุ่มคุยกันถึงเสียเมื่อคืนต่างคนก็ต่างไม่จริงอย่ามาจากหัวบ้านท้ายบ้านทุกคนฟันธงว่าเป็นเสียงผีคอยขึ้นมาจากห้วยเด็กน้อยอีกฝั่งก็ยิ่งสงสัยจึงหันไปถามแม่ที่ยืนข้างๆพี่คอยมันเป็นยังไงหรอแม่รูปหน้ามันเหมือนเด็กน่ะ แต่มีกำลังเหมือนผู้ใหญ่มันมักไปทำร้ายคนหากไม่ไประรานมันก่อนถ้ามันผ่านมาอีกแอบดูในห้องได้ไหมแม่จะดูทำไมไม่ใช่ของที่น่าดูที่เฝ้ารอเสียงนั้นทุกคืนอยากจะเห็นตัวเป็นๆตัวผีร่างเล็กที่ส่งเสียงร้องให้เยือกเย็นจนน่าขนลุก วันแล้ววันเล่าแต่ก็ไร้วี่แววผ่านไปนานจนกระทั่งลืมวันหนึ่งยามบ่ายแม่ชวนไปหาปลาในท้องห้วยไปปลาซิวปลาสร้อยเล็กๆน้อยๆพอได้แกงสักหม้อสองแม่ลูกพากันหาปลาได้ครูใหญ่ก็ได้ยินเสียงขึ้นมาอีกครั้งเสียงร้องไห้กับเย็นลงมาตามลำห้วยที่รถเลี้ยวเสียงห่วยๆๆๆๆใกล้เข้ามาทุกทีแม่เสียงผีคอยอย่าไปทักขึ้นฝั่งแล้วทิ้งแต่ห้องแล้ววิ่งหนีคนตัวกับรากไม้ขึ้นฝั่งสองแม่ลูกไปซ่อนอยู่หลังต้นมะเดื่อเด็กหญิงกอดแม่ตัวสั่นงกอยากจะมองแต่ไม่กล้ามองได้ยินแต่เสียงอีกทุกเรื่องที่ถูกๆต่างๆเหมือนไกลแค่ไม่กี่วา รวบรวมความกล้าค่อยๆฉันเรียงจากหลังต้นไม้ก็ได้เห็นผีตัวนั้นเป็นเต็มตามันรูปร่างเล็กผอมผิวดำศิษย์อีกสักครั้งไปทางทั่วร่างกายดวงตาเหมือนดวงตาผีตายไร้แววตาของสิ่งมีชีวิตมันกระโดดไปมาว่องไวในท้องห้วยใหญ่ๆขนาดผู้ใหญ่หาม 3 4 คนได้สบายยกขึ้นหาปูหาหอยได้แล้วก็วางถึงจะคล่องทิ้งไว้มันยกพวกเดียวเข้าปากเคี้ยวกลัวๆถึงจะคล่องลงพื้นแล้วกระโดดลงไปตามห้วยจนหายรักแม่ไม่กล้ากลับไปเอาตะข้องทั้งสองต้องกลับบ้านมามือเปล่าพอถึงบ้านก็กะว่าจะเล่าให้พ่อฟังว่าไปเจออะไรมาบ้าง แต่ก็ไปสะดุดตากับอะไรบางอย่างทำการบ้านมันเป็นมัดฟืนเล็กๆ 2 มัดพร้อมกับไม้คานสอนเอาไว้เหมือนใครมันลืมทิ้งไว้แต่ขนาดมันเล็กแต่ก็ฟื้นทั่วไปแม่นั่นหาปืนของใครนะช่างมันอย่าไปยุ่งไปยุ่งก็ไม่ยุ่งไม่อยากไปใกล้ที่ 3 คืนนั้นปล่อยให้หาซื้อตลาดนั้นอยู่ที่เดิมแต่พอรุ่งเช้าก็หายไปซะแล้วคุณยายเล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟังพ่อก็ให้คาถาทั้งปีขอให้มา 1 บท เมื่อเจอมันให้บริกรรมมันจะร้องไห้ก็หนีไปหาดใหญ่จะแกล้งมันก็ให้เอาหนามไผ่ไปขวางทางที่มันผ่านเพราะตกกลางคืนมันจะร้องไห้เพราะผ่านไปไม่ได้ ยายบอกว่าผีคอยถึงแม้จะรูปร่างประหลาดแต่ขี้แยฉันออกจะน่าสงสารเป็นมนุษย์ที่เกิดมาแต่กรรมวิบากให้มาเสวยความทุกข์ยากอยู่นานแสนนานบนฐานใดๆก็รับไม่ได้เพราะเป็นจำพวกอสูรกายจำต้องอยู่จนหมดกรรมไปเองใครชอบเที่ยวป่าเที่ยวเขาบ่อยๆยามค่ำคืนหากได้ยินเสียงเหมือนเด็กร้องไห้วังเวงจากห้วยลำธารสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจะเป็นเสียงของผีคอยที่ร้องไห้โหยหวนด้วยใจทุกข์โศกให้ลองแผ่เมตตาดูเผื่อใจที่ทุกข์ร้อนของเขาจะบรรเทาลงไม่ได้บ้างแล้วเรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ครับ

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...