วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เสียงเรียกที่ข้างหู !!



       วันที่ 30 กันยายน 2559 เวลาประมาณตี 1 พัดที่กำลังนอนหลับสบายก็ต้องสะดุดตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงคนเรียกดังใกล้ๆหู "พัดไปกินเหล้ากัน" พัดมองไปรอบๆห้องก็ไม่เห็นเจ้าของเสียงจึงคิดว่าคงหูฝาดไปเองเลยกลับไปนอนต่อ หนึ่งชั่วโมงต่อมาพี่สาวของพัดก็โทรมาบอกว่า วิทย์ญาติของพัดอยู่ที่โรงพยาบาลพอพัดถามกับไปว่าวิทย์เป็นอะไรพี่สาวของพัดก็อั้มอึง ลำบากใจที่จะบอกแล้วก็บอกว่าให้ไปถามเก่งอีกที พอหลังจากวางโทรศัพท์ไปพัดก็ปลุกแป้งแล้วเล่าว่าวิทย์อยู่โรงพยาบาลจากนั้นก็กดโทรศัพย์หาเก่งเพื่อสอบถามอาหารของวิทย์ แล้วก็ได้รู้ว่าวิทย์ดื่มเหล้าจนน็อกหมดสติ ตอนนี้อาหารโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาลญาติๆต่างเป็นห่วงกันมาก พัดก็เลยเก่งว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปดูวิทย์ หลังจากวางสายแล้วเก่งก็เลยส่งรูปของวิทย์มาให้ดูเป็นภาพของวิทย์ที่กำลังใช้เครื่องช่วยหายใจ บริเวณท้องของวิทย์มีผืนแดง พัดเห็นแล้วใจหายเพราะวิทย์เป็นคนดีมีน้่ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่นมาก แต่เสียที่ว่าวิทย์ชอบดื่มเหล้าเบียร์เป็นประจำเมื่อพัดกลับมานึกถึงเสียงเรียกตอนตี 1 ซึ่งมันคุ้นมากคล้ายกับเสียงของวิทย์มาชวนให้ไปกินเหล้า แป้งเห็นพัดมีสีหน้ากังวลจึงพูดปลอบใจว่าไปเป็นอะไรมากให้พัดทำใจให้สบายแล้วกลับไปนอนพักผ่อน แล้ววันพรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมวิทย์แต่เช้า วันรุ่งขึ้นพอพัดกับแป้งไปถึงโรงพยาบาลก็เห็นญาติๆของพัดบางส่วนยืนรออยู่ที่หน้าห้อง ทุกคนมีหน้าที่เป็นกังวลและบางคนก็มีคราบน้ำตาของความโศกเศร้า พัดก็สวัสดีญาติผู้ใหญ่ก่อนที่จะขอทางเข้าไปในห้องคนไข้ พอพัดกับแป้งเข้าไปก็เห็นว่าวิทย์กำลังนอนไม่รู้สึกตัวมีสายอะไรก็ไม่รู้เต็มตัวไปหมด แป้งเอื้อมมือไปจับที่มือของวิทย์แล้วก็สะดุ้ง จนต้องรีบชักมือกลับเพราะมือของวิทย์เย็นมาก พัดกับแป้งก็มองสักพักแล้วเดินออกมาจากห้อง แล้วไปคุยกับพ่อของวิทย์ท่านบอกว่า "เมื่อคืนนี้ลุงฝันเห็น แม่ของวิทย์ที่ตายไปแล้วเดินก่อน แกจูงมือวิทย์จะเดินลงน้ำ ลูกก็เลยถามว่าจะจูงลูกลงไปทำไม แล้วป้าก็ไม่ได้ตอบอะไรแล้วลุงก็ตื่นขึ้น" ตอนนี้ลุงก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้วิทย์เป็นอะไรเลย พอพ่อวิทย์พูดจบญาติของวิทย์ก็ร้องไห้อีก บรรยากาศที่โรงพยาบาลเต็มไปด้วยความเศร้า จนพัดกับแป้งก็เจอเก่งที่กำลังเดินเข้ามาพอดี ก็เลยถามถึงสาเหตุที่ทำให้วิทย์มีอาการหนักขนาดนี้เก่งบอกว่า เมื่อคืนนี้ในตอนที่กำลังกินเหล้ากันอยู่ก็มีพี่คนหนึ่งท้าพี่วิทย์ว่าถ้าที่ดื่นเหล้าที่อยู่ด้านหน้าหมดพี่คนนั้นจะซื้อเหล้าเพิ่มให้อีก 1 ลังพี่วิทย์ก็รับคำถ้าแล้วก็ดื่มไปเรื่อยๆจนถึงเที่ยงคืนพี่วิทย์ก็เริ่มอาเจียนออกมาแล้วก็ลมไปสักพักแกก็ดิ้นทุรนทุร้ายเหมือนคนหายใจไม่ออกผมกับเพื่อนอีกคนจึงพาพี่แกมาส่งโรงพยาบาล ระหว่างขับไปก็ได้ยินเสียงหมาหอนตลอดทางผมยังกลัวไม่หายเลย และในเวลาที่เกิดเหตุก็ดันใกล้เคียงกับเสียงที่พัดบอกว่ามีคนมากระซิบข้างหูมาชวนให้ไปกินเหล้า และทำให้สงสัยว่าวิญญาณอาจจะหลุดมาหาพัดโดยไม่รู้ตัวก็ได้ หลังจากที่คุยกับเก่งเสร็จก็เดินลงตึกเพื่อไปโรงอาหารเพราะรีบออกจากบ้านกันตั้งแต่เช้าจึงยังไม่ได้กินอะไรกันเลย พอกินอะไรเสร็จก็เดินกลับไปที่ห้องคนไข้ก็เห็นพี่สาวของวิทย์วิ่งไปทางห้องฉุกเฉินทั้งน้ำตา พัดกับแป้งจึงวิ่งตามพี่สาวไปด้วยพอถามว่าร้องให้ทำไมพี่สาวของวิทย์ก็บอกมาว่า "วิทย์หัวใจหยุดเต้นตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉิน" พอพวกเราไปถึงก็เห็นญาติๆของวิทย์ยืนรออย่างกะวนกะวายใจ เวลาผ่านไปครู่หนึ่งหมอก็เดินออกมาแล้วบอกว่า "วิทย์จากไปอย่างสงบแล้ว" เสียงร้องไห้จากทางญาติๆก็ดังขึ้นทันที พ่อของวิทย์ก็ได้แต่เก็บความเสียใจของวิทย์แล้วโอบไหล่พี่สาวของวิทย์ที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย หลังจากนั้นก็ปรึกษาการเคลื่อนศพของวิทย์ออกจากโรงพยาบาลหลังจากนั้นทุกคนก็อยกย้ายกันกลับ เช้าต่อมาพัดกับแป้งก็ไปโรงพยาบาลเพื่อไปส่งศพของวิทย์ แป้งเห็นศพวิทย์เหมือนคนนอนหลับอย่างสงบหลังจากปิดฝาโรงเสร็จก็นำขึ้นรถกู้ภัย พ่อของวิทย์ก็นั่งอยู่หลังกระบะเพื่อนโยนเหรียญตามทาง เพราะให้วิทย์ตามกลับไปที่บ้านเกิดซึ่งเป็นระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร พัดและญาติๆก็คาามไปอีกหลายคัน ส่วนแป้งต้องไปทำงานต่อจึงไม่ได้ไปด้วย ตกเย็นพัดก็เล่าเรื่องน่าขนลุกให้ฟังว่า พอไปถึงบ้านที่ต่างจังหวัดด้วยความอ่อนเพลียสักพักญาติผู้หญิงคนหนึ่งก็สะดุ้งตื่นแล้วร้องไห้เธอพูดว่าฝันเห็นวิทย์ มายืนอยู่ที่หน้าบ้านเพื่อขอยาทาเท้าเพราะวิ่งตามรถจนเท้าเป็นแผล พอได้ยินแบบนั้นก็ไปเปิดโลงดูก็เลยรู้ว่า ศพของวิทย์ไม่ได้สวมรองเท้ามันทำให้หลายคนกลัวและไม่กล้าที่จะนอนบ้านหลังนี้ พอวันใกล้เผาแป้งก็นั่งรถประจำทางมาบ้านของวิทย์เมื่อมาถึงก็ให้พัดมารับกว่าจะไปถึงก็ประมาณตี 2 กว่าๆแล้ว หลังจากนั้นแป้งก็ไม่ง่วงจึงช่วยญาติของวิทย์ในการเตรียมงาน เพราะจะจัดพิธีเผาในตอนเช้า พอเริ่มพิธีก็มีแขกมาจรเต็มศาลาวัด พอพิธีเสร็จก็พากันกลับไปบ้านของวิทย์เพื่อที่จะนอนต่ออีก 1 คืนแล้วค่อยเดินทางกลับกรุงเทพ ในเย็นวันนั้นเองญาติก็ได้ชวนพัดและแป้งมากินข้าวและกินเหล้าจนเวลาเที่ยงคืน แล้วญาติก็บอกว่าถ้าวิทย์มันยังอยู่คงมานั่งกินกับเราแล้วละแป้งก็รู้สึกเหมือนมีคนมองลงมาจากบนต้นไม้ เธอเงยหน้าขึ้นไปแล้วเธอก็ต้องตกใจจนต้องรีบก้มหน้าพัดเห็นแป้งหน้าซีดก็เลยถามว่าเป็นอะไรแป้งตอบว่า "เห็นวิทย์ห้อยหัวลงมาจากบนต้นไม้" ทุกคนในโต๊ะต่างตกใจพัดค่อยๆมองขึ้นไปอย่างช้าๆ แล้วบอกกับแป้งว่าไม่เห็นมีอะไรไหนมีใครเห็นอะไรไหม สักพักน้อยผู้ชายคนหนึ่งก็บอกมาว่า "ผมเห็นพี่ ผีหลอก" ทุกคนต่างวิ่งเข้าไปในบ้านก็ถามว่าเป็นอะไรพวกเราก็จึงเล่าเรื่องให้ฟัง พอได้ฟังก็บอกให้ไปไหว้พระแล้วบอกว่าไม่มีอะไรหรอก หลังจากไหว้หระกันเสร็จก็แยกย้ายกันไปนอน พอวันต่อมาพัดกับแป้งก็เดินทางกลับ แล้วพัดก็บอกกันแป้งว่าวิทย์เห็นเราสังสรรค์กันก็แต่อยากจะมากินด้วยก็เท่านั้นเอง และเรื่องก็มีเพียงเท่านี้ครับขอขอบคุณผู้ที่มาอ่านทุกท่าน 

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...