วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คุณยายเจ้าของบ้าน !!



       ในปี 2552 เริ่มจากครอบครัวมีปัญหาใหญ่ต้องรีบหาที่อยู่ใหม่ไปหาแถวตะลิ่งชัน ถามไปทั่วก็มีคนแนะนำอยู่ที่หนึ่งและบอกให้ไปถามบ้านหลังนี้ดู โดยเป็นบ้านริมคลองมีพื้นที่และมีศาลาริมน้ำด้วย พ่อแม่เรานี้ยิ้มเลยเพราะเป็นความฝันของพ่อกับแม่จึงโทรเรียกคนดูแลบ้านนี้มาคุยกัน ก็เลยนัดกันไปดูบ้านต้องบอกก่อนว่าลักษณะของบ้านตาบอดเพราะไม่มีทางเข้าไม่มีที่จอดรถมีทางเดินคอนกรีดแค่ให้เดินเข้าไปแค่นั้นเป็นสวนรอบๆ ชั้นล่างเป็นปูนชั้น 2 เป็นไม้เขาบอกว่าบ้านหลังนี้อยู่ตั้งแต่ยุกรัตนโกสินตอนปลายชั้นล่างทำใหม่เพราะโดนน้ำถ่วมไป แต่พื้นบ้านก็ยังปูด้วยไม้อยู่บรรยากาศร่มรื่นดีมีศาลาริมน้ำ หลังจากนั้น ก็เดินเข้าไปในตัวบ้านเราเดินเข้าไปถึงกับพงักเลย เพราะเห็นกับภาพของเจ้าของเก่าเป็นภาพสีขาวดำใส่ชุดโบราณทั้งชายและหญิงอยู่ตรงกำแพงประมาณ 6-7 รูป ผมยืนมองด้วยความอึง และแม่มองหน้าเรา ต้องบอกก่อนว่าเรากับแม่ มักจะฝันเห็นคนคนเดียวกันอยู่บ่อยๆ หรือสัมผัสถึงอะไรที่คล้ายๆกันบ่อยๆ ข้าวของในบ้านเป็นที่ถูกใจของนักสะสมของโบราณเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น มีด จาน ช้อนเก้าอี้ ตู้ เครื่องแป้ง แม้แต่นาฬิกาก็ยังเป็นของเก่า แม่เราก็เลยบอกคนดูแลว่า ถ้าจะเช่าของย้ายรูปเอาไว้อีกห้องหนึ่งได้ไหมเพราะลูกๆกลัว คนดูแลจึงบอกว่า ถ้าพี่เช่าต้องขอห้องหนึ่งไว้เก็บของคุณยายด้วย แต่ห้องคุณยายใหญ่แต่จะกั้นห้องเป็นอีกห้องหนึ่งให้ละกัน ขึ้นไปดูห้องนอนข้างบนเดิมมี 3 ห้องนอนฝั่งขวาเป็น 2 ห้องเล็กฝั่งซ้ายเป็นห้องใหญ่ห้องเดียว คือห้องคุณยาย ผู้ดูแลก็เปิดห้องคุณยายเราอยากรู้อยากเห็นก็เลยชะโงกหน้าไปดู ก็ต้องรีบหันหน้าหนี เพราะหน้ากลัว เตียงนอนแบบเป็นเสาร์เหล็ก 4 เสาร์เป็นมุม มีหีบสมบัติ หิ่งพระใหญ่มาก และกระจกโบราณแบบนั่งพื้นทุกห้องบนเพดานตรงมุมเสาร์ จะมีผ้ายันต์อยู่ตรงมุมเสาร์เป็นสีแดงสีขาวและสายสินผูดอยู่ ทำให้เราพี่นอนรู้สึกกลัว แต่พ่อแม่ก็ตกลงเช่าบ้านหลังนี้เพราะว่าให้ราคาถูกมากแค่ 5,500 ต่อเดือนแต่ของเราบอกว่าแล้วมาอยู่นี้มาดูแลข้าวของดูแลบ้านเขาได้ดีๆก็ไม่มีอะไรหรอก แล้วก็อยู่ๆกันไปจนมีอยู่คืนหนึ่งเราคุยโทรศัพท์กับแฟนอยู่น้องสาวคนเล็กนอนอยู่ข้างๆที่เหลือดูหนังอยู่ข้างล่าง พอดูหนังเสร็จก็กำลังจะนอนแล้วไปปิดไฟอยู่ๆผมก็หูอื้อ แล้วเสียงหนักข้างล่างก็ค่อยๆเงียบไปแล้วได้ยินเสียงเป็นผู้หญิงบ่นและด่าในหัวเรา ตอนแรกก็ตกใจแต่ขยับไม่ได้จะทำอะไรก็ทำไม่ได้ และเสียงก็ได้ยินนั้นก็คือ เสียงผู้หญิงกำลังหัวเราะแบบสะใจ เป็นเสียงของผู้หญิงแกเหมือนเดิมบอกว่าสวดทำไมสวดไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร เราได้ยินเสียงตัวเองแรงมาก เสียงนั้นยังคงอยู่ในหัวแล้วบอกว่า เกรงใจกันบ้างรู้สะบ้างที่นี้ที่ไหน เรากลัวมากๆเลยในใจคิดว่าคือคุณยายเจ้าของบ้านแน่ๆ เขาได้แต่หัวเราะและเราก็ขอโทษพรำอยู่ในใจอย่างนี้เสียงคนแก่คนนั้นก็บอกว่าเออ แล้วแขนผมก็สบัดไปฝาดใส่น้องเท่านั้นแหละเรารีบเปิดไปแล้ววิ่งไปข้างนอกทันที คนในบ้านเห็นเราวิ่งออกมาแบบหน้าตาตื่น น้องชายนรีบไปเกาะคุณพ่อรู้กันทันทีเลยว่าต้องเจออะไรกันแน่ๆก็เลยบอกพ่อว่าให้เบาเสียงบอกแล้วไม่เชื่อเราและเราก็อยู่มาได้ประมาณ 2 ปีลูกชายเขากลับมาอยู่บ้านนี้เราจึงต้องออกและหาบ้านใหม่ และเรื่องก็มีเพียงเท่านี้ครับขอขอบคุณผู้ที่มาอ่านทุกท่าน

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...