วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2561

วัดร้างอาถรรพ์ 2!!


          ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมได้มาเยือนวัดในป่าแห่งเดิม หลังจากในครั้งแรกผมกับน้องๆที่ติดตามไปด้วยได้พบเจอกันวิณญาญเฮี้ยนที่วนเวียนอยู่ในวัดร้างนั้น จนกระทั้งต้องทำพิธีสงวิณญาญกลับไปกว่าจะทำให้เรื่องสงบลงได้ก็ทำเอาขวัญกระเจิงเหมือนกัน จากที่ผมได้ยินประวัตินี้ว่า เคยมีคนจับมานั่งยางแล้วเผาทั้งเป็น จึงพอจะเดาได้ว่าป่าแห่งนี้ อาจเป็นที่วิ่งสถิตของวิณญาญเฮี้ยนหลายตน ทำให้ครั้งที่ 2 นี้ผมต้องเตรียมตัวมาดีกว่าเดิม ผมเดินไปยังวัดร้างในป่าพร้อมกับน้องผู้ชายอีกสองคน และน้องผู้หญิงที่มาจากลุ่มเดิมอีก 1 คน เมื่อเข้าไปในบริเวณวัดป่าเรารู้สึกได้เลยว่า ในวัดมีบรรยากาศมึดครึ่มและน่าขนลุก ผมและน้องๆเดินสำรวจอีกด้านหนึ่งขอวัด ในบริเวณที่ยังไม่ได้สำรวจในตอนแรก พวกเราเจอแท่งหิน ฝังใกล้กับจอมปลวกขนาดใหญ่ แท่งหินนั้นโผล่ให้เห็นเพียงเล็กน้อย ตอนนั้นผมอยากรู้ว่ามันเป็รแท่นอะไร จึงลองขุดขึ้นมาดูด้วยความสงสัย พอผมเริ่มขุดก็เย็นวาบขึ้นมาที่กลางหลังทันที ผมจึงหยุดแล้วเงิยหน้าขึ้นก็เห็นน้องคนหนึ่ง มองมาที่ผมและจอมปลวกด้วยสรหน้าซีดมาก เหมือนหวาดกลัวอะไรสักอย่างทันใดนั้น ผมก็เห็นบางอย่างสีขาวผ่านไปทางหางตา แต่พอหันไปมองก็ไม่เจออะไร ผมจึงหันมาหยิบหนามต้นงิ้วที่ปลุกเสกแล้ว เอามาตอกลงจอมปลวกเพื่อ สะกดวิณญาญเอาไว้ จากนั้นผมและน้องๆจึงเดินสำรวจกันต่อ ผมเดินนำหน้าน้องๆเพื่อเดินไปทางวัด แล้วผมก็ต้องสะดุงตกใจ เพราะเจอสิ่งที่ไม่เคยคิดจะเจอมาก่อน ข้างหน้าผมประมาณ 5 เมตรมีร่างประหลาดตัวอ้วนใหญ่เกือบเท่าต้นไม้ ที่ใบหน้าไม่มีตาหรือจมูก มีเพียงปากที่อ้ากว้าง ฟันแหลมที่คมกริบ น้องๆที่เดินตามหลังมาอาจจะไม่เห็นร่างประหลาดนี้ ผมจึงบอกน้องให้หยุดเดินแล้วโบกมือให้ถอยไปก่อน ผมเตรียมตัวกับเหตุการณ์แบบนี้เอาไว้อยู่แล้ว จึงหยิบสร้อยประคำมาม้วนไว้ที่มือ 3 รอบ แล้วท่องคาถาอาวุธพระอิน ร่างประหลาดเลื่อนเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว ผมจึงฝาดสร้อยไปที่ร่างนั้น เมื่อสายสร้อยประทบกับร่างประหลาดร่างนั้นก็แตกสลายกลายเป็นควัน แล้วก็หายไปไม่มีเสียงกรีดร้องอะไรให้ได้ยิน ผมรอจนเหตุการณ์สงบดี แล้วจึงพาน้องๆเดินต่อไป สักพักก็มาเจอจอมปลวกอีก ผมหยิบหนามต้นงิ้วป่าปลุกเสก มาตอกเอาไว้บนจอมปลวก แต่น่าแปลกมาก เพราะผมพยายามตอกหนามเท่าไหร ก็ไม่สำเร็จ จึงใจมีดหมอแทงไปที่จอมปลวกหนึ่งครั้ง จึงสามารถเสียบหนามปลุกเสกไปได้อย่างง่ายดาย พวกเราเดินต่อไปในที่ที่มีแต่หญ่้าลกครึ้ม เดินไปสักพักจนใกล่จะถึงทางออก ก็เจอจอมปลวกขนาดใหญ่มาก ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ ผมเห็นเงาดำๆบนจอมปลวด ผมจึงหยิบกระบอกท้าวเวสสุวรรณออกมา ซึ่งกระบอกนี้ทำจากไม้เสาโบสถ์เชื่อว่ามีความขลังมาก ผมเอากระบองมาเคาะที่พื้นก่อน 3 ครั้ง ก่อนที่จะปีนขึ้นในบนจอมปลวกเพื่อจะเอาหนามไปปัก พอปักเสร็จผมก็ปีนลง แล้วเดินไปรวมกลุ่มกับน้องๆ ที่ยืนรออยู่ เมื่อเห็นหน้าของน้องๆก็สังเกตุเห็นว่า แต่ละคนมีแววตาหวาดกลัว จึงพาน้องๆขึ้นรถแล้วเดินทางกลับบ้าน เมื่อไปถึงบ้านผมจึงได้ถามน้องๆ เห็นอะไรที่วัดร้างถึงได้มีท่าทางอย่างนั้น น้องคนหนึ่งบอกว่าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดขาวลำตัวยาวไม่มีแขน เธอก้มลงมามองดู ตอนที่ผมกำลังขุดแท่นใกล้ๆกับจอมปลวกนั้น ส่วนน้องอีกคนก็บอกว่า ตอนที่ผมกำลังปีนขึ้นจอมปลวกอันสุดท้าย พวกน้องเห็นศรีษะของผู้หญิงแต่ไม่มีลูกนัยตา เธอห้อยหัวจากบนต้นไม้ก้มลงมามองผม เมื่อเห็นแล้วก็กลัวมาก พูดอะไรไม่ออก ขนาดออกจากวัดป่ามาแล้ว ภาพสยองนั้นยังคงติดตาน้องๆอยู่เลย แล้วก็ถูกทำให้จนน้ำไป และเรื่องก็มีเพียงเท่านี้ครับขอขอบคุณผู้ที่มาอ่านทุกท่าน

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...