วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2561

พระเจอผี ที่กุฏิ !!


        เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2556 ถ้านับระยะเวลาแล้ว มันก็พึงเกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อนนี้เองผมชื่อตู่ ในตอนนั้นยังบวชเป็นพระอยู่ ผมได้ไปจำพรรษาอยู่ที่จังหวัดแห่งหนึ่ง พอออกพรรษาปุ้บก็เลยมาเยี่ยมโยมป้าที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งอำเภอ ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ผมออกจากพิษณุโลกมาถึงอำเภอ ภูเขียวก็ 5 โมงเย็นแล้วพอลงรถที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ก็เห็นโยมป้าเอารถกระบะมารับจากนั้นก็เดินทางเข้าหมู่บ้านไปยังบ้านของโยมป้าเมื่อไปถึงผมได้พักฉันน้ำและได้ไปคุยกับคนเฒ่าคนแก่ที่นั้นเวลาล่วงเลยมาจะ 1 ทุ่มแล้ว โยมป้าก็เวลาวานให้คุณตาไปส่งผมที่วัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของคุณป้ามากนักวัดแห่งนี้มีเนื้อที่ว่างอยู่พอสมควรมีพระรูปเดียวเป็นเจ้าอาวาทอยู่แกอายุแก่กว่าผม 3-4 ปี และพรรษาก็มากกว่าผม แก่มี 10 พรรษา ส่วนผมมี 6 พรรษาพอพูดคุยแนะนำตัวกันเสร็จแกก็บอกให้ผมไปจุดธูปเทียนบอกกับอดีตเจ้าอาวาทที่มรณะไป พอผมทำธุระอะไรเสร็จแล้วก็ขึ้นไปบนกุฏิ ลักษณะของกุฏินั้นจะเป็นแบบชั้นเดียวอยู่ทางซ้ายมือของศาลาวัดส่วนกุฏิที่ผมเอาวัดจำวัดจะอยู่ทางด้านขวามือคนละฝั่งกับเจ้าอาวาท กุฏิของผมนั้นจะมี 2 ชั้น ข้างบนจะเป็นไม้มี 4 ห้อง หนึ่งนึงจะเอาไว้ทำวัตรสวดมนต์ อีก 3 ห้องเอาไว้ให้เณรกับพระจำวัตร และห้องของผมจะติดกับห้องสวดมนต์ชั้นล่างจะเอาไว้เก็บของพวกถ้วยชาม มีห้องหนึ่งที่เอาไว้เก็บโรงเย็น วันที่มาถึงเนื่องจากว่าผมนั่งรถมาไกลก็รู้สึกเหนื่อยมากเลยไม่ได้ทำวัตรสวดมนต์ แถมก่อนหน้าที่จะมาถึงวัดโยมป้าก็พูดกับผมว่า บวชมานานแล้วคงไม่กลัวอะไรนะตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรติดแต่ว่าจะเข้าไปในวัดเร็วเพื่อจะได้พักพ่อนเสียทีคืนนั้นเองเวลาเกือบๆ 3 ทุ่มขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ ก็รู้สึกง่วงมากถึงเผลอหลับไป แต่ผมก็ต้องตกใจตื่นคืนเมื่อผมได้ยินเสียงท่อนไม้ท่อนใหญ่มาก ตกลงมาเสียงดังที่หน้ากุฏิของผมจะว่ามีคนขึ้นมาก็เป็นไปไม่ได้เพราะผมล็อคประตูก่อนทุกครั้ง พอมองนาฬิกาก็เห็นว่า ตอนนั้นเป็นเวลา 5 ทุ่มกว่าแล้วผมลุกขึ้นมาฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้ยินเสีนงคนเดียวหรือเสียงอะไรเลยจึงเอนตัวลงนอน แต่ยังไม่ทันจะหลับตาก็ได้ยินเสียงวิ่งอยู่บนกลังคากุฏิถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนไม่กลัวผีแต่ก็ไม่เคยที่จะหลบลู่ แต่ว่าคินนั้นเป็นอะไรทื่ผมไม่เคยเจอมาก่อนผมหัวใจเต้นแรงจนรู้สึกว่าทันกำลังจะทะลุออกมาจากอก เหงื่อยผมแตกไปหมดทั้งตัว ผมนิ่งเงียบฟังเสียงนั้นสักพักมันก็เงียบไป เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังไม่ทันที่ผมจะโล่งอกได้ทันหายไปหายคอ ก็ไดยินเสียงเหมือนคนกวาดในไม้อยู่หลังกุฏิซึ่งตรงกับหัวนอนผมพอดี ผมค่อยๆส่องลอดช่องหน้าต่างออกไปแสงจันทร์สลัวๆทำให้พอจะเห็นอะไรได้บ้าง แล้วผมก็ไม่ให้ใครอยู่ตรงนั้นเลย ตอนนั้นผมเหงื่อยชุ่มไปทั้งตัว เหมือนกับผมพึ่งอาบน้ำมาใหม่ ผมคิดว่าถ้ามีอีกครั้ง ผมจะไม่อยู่แล้ว คงต้องวิ่งไปหาเจ้าอาวาทที่กุฏิข้างๆแน่ๆ ตอนรับน้องใหม่แรงขนาดนี้เป็นใครก็อยู่ไม่ได้ ผมตั้งสติแล้วกลั้นใจพูดออกไปว่า จะทำอะไรก็ทำไปเถอะแต่อย่ามารบกวนกันเลย วันนี้อตมาเหนื่อยเลยสวดมนต์ไม่ได้ พรุ่งนี้จะสวดมนต์อุทิศส่วนบุญไปให้ พอพูดจบทุกอย่างก็เงียบลงแล้วก็ไม่มีเสียงแปลกๆใดๆอีกเลยผมจึงนอนหลับไป รุ่งเช้าญาติโยมก็นำอาหารมาวัดเพื่อถวายให้กับพระโยมป้าผมก็มาด้วยหลังจากฉันอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยโยมป้าก็ทำหน้ายิ้มแล้วถามผมว่า เป็นยังไงค่ะเมื่อคืนฝันดีไหม พอพูดเสร็จแกก็ทำหน้าอมยิ้มอีก เหมือนแก่จะรู้ว่าผมโดนรับน้องเค้าแล้วแน่ๆ ผมจึงตอบแก่ไปว่า ถ้าจะมาถามเรื่องฝันดีไหมไม่ต้องมาถามเลย เมื่อคืนเจอดีตั้ง 3 รอบเลยนะโยมป้าโยมป้าทำไมไม่เตือนอตมาบ้างว่ากุฏิหลังนี้มันมีอะไร แกก็ตอบว่าถามดูเฉยๆไม่มีอะไรหรอก ผมก็เลยบอกว่า ถ้าจะถามกันแบบนี้ไม่ต้องมาถามหรอกแค่นี้ก็หลอนจะแย่แล้ว นี้ถ้าไม่ถือว่าเป็นพระนะวิ่งไปนานแล้วหลังจากนั้นชาวบ้านก็ลือกันให้แซดว่าผมโดนรับน้องใหม่ที่กุฏิหลังเดิมอีกแล้ว ซึ่งกุฏิหลังนี้ไม่ได้มีพระหรือเณรรูปไหนมาจำวัตรอยู่นานแล้วเพราะว่าใครมาก็ อยู่ได้ไม่นานมีผมเพียคนเดียวที่พอจะอยู่ได้หลังจากคืนนั้นผมก็ทำวัตรสวดมนต์ตามปกติบางคืนก็มีบ้างที่ได้บินเสียงแปลกๆ เหมือนกับมีคนอยู่แถวนั้นแต่ก็ไม่ได้หนักมากเหมือนคืนแรก ผมจำวัตรอยู่ที่นั้นประมาณ 3 เดือนได้หลังจากนั้นก็กลับไปยังพิษณุโลก และเรื่องก็มีเพียงเท่านี้ครับขอขอบคุณผู้ที่มาอ่านทุกท่าน

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...