ครูวิภาเคยเล่าเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของศาลตายายที่อยู่หน้าโรงเรียนให้ฟังว่าทั้งหนึ่งตอนพักเที่ยงมีนักเรียนชายคนหนึ่งชื่อป้อมเค้าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาครูบอกว่ามือถือของเขาหายไป พยายามหาเท่าไหรก็หาไม่เจอคณูวิภาจึงออกไปช่วยหา และให้นักเรียนคนอื่นช่วยกันออกตามหากับอีกแรงด้วย จนไปพบกับเศษซิมที่ถูกหักตกอยู่ในห้องน้ำนักเรียน แต่ก็ไม่พบมือถือของป้อม จึงสันนิฐานว่าอาจจะมีคนขโมยมือถือของป้อมแล้วเอาซิมไปทิ้งในห้องน้่ำ แต่ครูวิภายังไม่อยากสรุปว่าใครขโมยไปเพราะไม่มีหลักฐานของคนทำผิดที่ชัดเจน ครูจึงพยายามปรอบใจป้อมว่า มือถือของป้อมอาจจะตกที่ไหนสักแห่ง จึงต้องค่อยๆหากันไป จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปเรียน วันถัดมาเป็นวันพระใหญ่ ซึ่งทุกวันพระคุณครูในโรงเรียนจะนำดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ศาลตายายที่หน้าโรงเรียนเป็นประจำเพื่อขอให้ศาลตายายคุ้มครองให้คนในโรงเรียนพบเจอแต่สิ่งดีดี ครูวิภาจึงถือโอกาสนี้ขอศาลตายายว่า ถ้ามีคนขโมยมือถือของป้อมไปจริงๆ ก็ขอให้เจอคนขโมยด้วยเถอะค่ะ วันนั้นทั้งวันครูวิภาก็ป่วยป้อมตามที่ต่างๆ เท่าที่ป้อมจะนึกออกว่าไปเอาวางไว้ไหน แต่ก็ไม่มีวี้แววว่าจะเจอมือถือเลย และเรื่องแปลกก็เกิดขึ้นในเช้าวันถัดมา ขณะที่ครูวิภากำลังนั่งอยู่ในห้องพักครู ก็มีนักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งเอามือถือมายืนให้ครู ดวงตาของเธอบวมช้ำเหมือนร้องไห้มาทั้งคืนเธอสารภาพว่าเป็นคนขโมยมือถือของป้อมไป และที่เอามาคืนก็เพราะว่าเมื่อคืนนี้ที่เธอกำลังนอนอยู่ ก็เหมือนมีใครมาเรียกชื่อตนเมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นว่า "มีชายแก่คนหนึ่งกำลังยืนจ่องมองมาที่เธอ" เธอพยายามปลุกพ่อกับแม่เธอให้ตื่นแต่พวกท่านก็ไม่ตื่น ไม่ว่าจะเรียกท่านขนาดไหนท่านก็หลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย เธอเริ่มร้องไห้เพราะกลัวมากแล้วชายแก่คนนั้นก็พูดว่า "ถ้าไม่นำของที่ขโมยมาไปคืนกูจะเอาไปอยู่ด้วย" พอสิ้นเสียงร่างชายแก่คนนั้นก็ค่อยๆหายไป แต่เธอก็ร้องหายเกือบทั้งคืนเพราะกลัวชายแก่มาก เช้านี้จึงรีบเอาโทรศัพท์มือถือมาคืน ครูวิภาจึงนำนักเรียนหญิงคนนั้นไปหาป้อมเพื่อนำโทรศัพท์ไปคืนและขอโทษป้อมที่เอาโทรศัพท์ของเขาไป ครูวิภาได้กำหนดบทลงโทษเด็กคนนั้นตามระเบียบของโทรเรียนเพื่อไม่ให้ใครเอาไปเป็นเยี่ยงอย่างอีกแล้วจึงพาเธอไปจุดธูปไหว้ขอขมาศาลตายายซึ่งเธอก็ยอมทำแต่โดยดีเพราะได้เจอกับตัวแล้วว่าศาลตายายที่นี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ และเรื่องก็มีเพียงเท่านี้ครับขอขอบคุณผู้ที่มาอ่านทุกท่าน
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น