วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เด็กสาว ที่สะพานลอย !!


      เรื่องต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นกับผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อครั้งในสมัยที่เขายังเป็นเด็ก โดยได้เล่าว่าผมเป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่เลี้ยงมาด้วยเงิน และเป็นลุยชายคนเดียวของภายในบ้าน ผมมีพี่สาวอยู่ 3 คนแต่ก็รู้สึกว่าทำไมถึงถูกเลี้ยงมาเหมือนลูกผู้หญิงมาก ตั้งแต่การจัดห้องนอนก็เป็นสีชมพู แถมตุ๊กตาส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงอีก เลยมีความเหมือนเด็กผู้หญิงมากว่าเด็กผู้ชายทุกอย่างที่ผู้หญิงเล่นผมเล่นอะไรที่ผู้ชายเล่นผมไม่เล่น แล้วก็กลัวอะไรที่ผู้ชายเขาไม่กลัวกัน แต่ด้วยที่ผมถูกเลี้ยงมาแบบนี้เป็นคนที่มีจิตอ่อนกว่าผู้ชายอะไรนิดๆหน่อยก็ตกใจไปหมด และสิ่งที่กลัวมากที่สุดนั้นก็คือ ผีกับความมืด เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า ผมไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ผมก็อยู่กับความกลัวมาโดยตลอด แล้วในที่้สุดมันก็มีเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง มันทำให้ผมไม่สามารถจะลืมมันได้ จนถึงทุกวันนี้ ช่วงนั้นสมัยที่ผมเรียนอยู่มัธยมต้น โรงเรียนของผมมีเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน โดยเลิก 2 ทุ่มกว่าๆ พอเลิกเรียนผมกับเพื่อนก็จะมายืนรอรถโดยสารเพื่อที่จะกลับบ้าน บ้านของผมห่างจากบ้านของเพื่อนประมาณ 500 เมตรซึ่งทางกลับรถโดยสารก็จะถึงบ้านของเพื่อนก่อน คินนั้นผมกับเพื่อนก็ยืนรอรถ กว่ารถจะมาก็ 3 ทุ่มแล้วพอขึ้นไปบนรถก็เห็นว่า มีเพียงผมกับเพื่อนแค่ 2 คนแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะคิดว่ามันดึกแล้วคงไม่มีใครมาขึ้นรถหรอก พวกเรานั่งรถจนไปถึงปากซอยบ้านเพื่อนของผมแล้วก็ลากัน เพื่อนผมลงจากรถไปมีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่อยู่บนรถขณะที่รถออกตัวมาได้สักครู่หนึ่งผมดัดสินใจว่าจะลงตรงนี้เลยดีกว่าก็เลยตะโกนบอกคนขับไปว่า พี่ๆผมขอลงตรงนี้ได้ไหมแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆมาจากคนขับรถสักพักรถก็หยุด ผมคิดในใจว่าพี่แกคงจะได้ยินผมอยู่ พอผมลงจากที่รถไปก็มองไปที่ที่นั่งคนขับแต่ผมกับเห็นเพียงแค่มือที่จับพวกมาลัยเท่านั้น ตอนนั้นมันดึกแล้วก็คิดว่าตัวเองคงจะตาฝาดไปเอง แต่สิ่งที่ผมกำลังจะเห็นต่อไปนี้มันทำให้ผมต้องจดจำไปตลอดชีวิต ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 อาทิตย์ มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เด็กมอต้นของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง มาผูกคอตายที่สะพานลอยหน้าหมู่บ้านของผม หลังจากที่มีข่าวเด็กคนนั้นมาผูกคอตายก็ทำให้ชาวบ้านต่างพากันกลัว ไม่กล้าผ่านบริเวณนั้น แม้กระทั้งตอนกลางวัน ได้มีคนบอกว่าเด็กคนนั้นได้เอาเชือกมัดกับเหล็กที่อยู่บนสะพานลอยแล้วผูกคอตัวเอง จากนั้นก็ทิ้งตัวลงจากสะพานแล้วเสียชีวิตในทันที ซึ่งเวลานั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนโดยไม่มีรถวิ่งผ่านเลยสักคัน ทำให้ไม่มีคนเห็นศพของเด็กคนนั้น เช้ามาก็จะมีคนที่ต้องเดินทางไปตลาด เพื่อทำงานและค้าขาย เมื่อพวกเขาผ่านมาก็ได้เห็นศพนั้น  มันคล้ายกับต้นมะม่่วงที่ห้องอยู่บนต้นไม้อย่างนั้นเลย ศพนั้นมีเลือดไหลออกจากปากทั้งหูและดวงตา มันไหลออกมาแล้วหยดลงบนพื้นถนนด้านล่าง ภาพที่เห็นนั้นมันน่าสยดสยองมาก กลับมาจากตอนที่ผมลงจากรถนั้นผมคิดถึงภาพที่มีชาวบ้านถ่ายรูปนั้น แล้วเอามาให้คนอื่นๆดูรวมทั้งผมด้วย ภาพนั้นมันยังติดตาผมอยู่เลย แต่ที่แย่กว่านั้นคือตรงที่รถจอดนั้นมันเป็นด้านหลังของสะพานลอยนั้นเอง ผมได้แต่คิดว่าถ้าเดินไปขอไม่คิดและไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เพราะผมเป็นคนที่กล้วความมืดกับผีอยู่แล้ว เมื่อมองดูนาฬิกาตอนนั้นก็เวลา 4 ทุ่มกว่าๆแล้วซึ่งเป็นเวลาที่จะไม่มีรถวิ่งแล้วผมพยายามควบคุมสติแล้วเดินหน้าต่อไปพอเดินสะพานมาได้ระยะหนึ่งซึ่งมันก็ไกลพอสมควร ตอนนั้นไม่รู้มีอะไรดลใจที่ให้ผมหันกลับไปมองที่สะพานนั้น เมื่อผมเห็นสิ่งที่มากกว่าสะพานนั้นก็คือ เด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียน นั่งขุกเข่าอยู่บนสะพานลอย เธอหันหลังให้ผมอยู่ต่างคนต่างหันหลังให้กัน ผมแปลกใจว่าใครกันไปอยู่บนสะพานดึกๆแบบนี้ ผมจึงหันกลับไปทั้งตัว แล้วเด็กคนนั้นก็ค่อยๆกันมา ยิ้มให้กับผม ผมเห็นเพียงแต่รอยยิ้มของเธอเท่านั้น เพราะเสร็จผมของเธอนั้น ยาวลงมาถึงจมูกและปิดใบหน้าเอาไว้เธอกำลังค่อยๆลุกขึ้น ผมช็อกกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ตัวแข็งยืนนิ่ง เพราะมีความรู้สึกว่าเหมือนเธอจะลุกและกำลังจะตามผมมา สักพักพอจะตั้งสติได้ ผมก็รีบวิ่งแบบไม่คิดชีวิต หมาที่อยู่เต็มสองข้างทางก็เห่ากันเต็มไปหมด จนถึงหน้าหมู่บ้านด้วยเหงื่อทั้งตัว พอมาถึงก็เห็นแม่พอดีผมจึงเรียกแม่แล้วเข้าไปหาทั้งน้ำตาเมื่อแม่เห็นผมร้องไห้แม่ก็ถามว่าเป็นอะไร และผมก็เล่าเรื่องนี้ทั้งหมดให้กับแม่ฟัง และผมก็ได้แต่พูดว่า "หนูกลัว หนูกลัว" ทำเอาผมขาดสติไปเลยในตอนนั้น แม่จึงกออผมแล้วบอกว่าแม่ขอโทษแต่ที่จริงแล้วผมไม่ได้โกรธแม่เลยหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทำให้ผมไม่กล้าไปไหนคนเดียวอีกเลย และเรื่องก็มีเพียงเท่านี้ครับขอขอบคุณผู้ที่มาอ่านทุกท่าน

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...