วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561

วัดร้างอาถรรพ์ !!





         เรื่องที่ผมจะเล่าพึ่งเกิดมาเมื่อไม่นานมานี้ ผมกับรุ่นน้องกลุ่มหนึ่งได้เข้าไปสำรวจวัดแห่งหนึ่งในป่าลึกซึ่งเล่ากันว่ามีวิญญาณผีวนเวียนอยู่บริเวณนั้นตัวผมเองพอจะมีวิชาอาคมอยู่บ้างจึงตกลงเดินทางเข้าไปในป่าด้วย โดยวัดป่าแห่งนั้นเหลือเพียงซากปะลักหักพัง ไม่มีพระพุทธรูปอาคารโดยรอบเก่าแก่มากและทรุดโทรม ระหว่างที่เรากำลังเดินสำรวจภายในวัดร้าง ผมก็ดันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งไปยืนอยู่ที่จอมปลวก ผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดสีดำเล็บยาว ยืนนิ่งจ้องมากทางกลุ่มผมเมื่อเห็นก็รู้เลยว่าไม่ใช้คนแน่ๆแต่ก็ไม่พูดอะไร สักพักน้องผู้หญิงคนหนึ่งก็ร้องไห้ฟูมฟาย ผมกับเพื่อนก็ช่วยกันพยุงน้องคนนัน้ที่ร้องไห้จนแทบจะหมดแรงออกจะจากบริเวณวัดนั้นเมื่อพวกผมไปถึงที่รถเธอจึงเล่าให้ฟังว่า ตอนที่เดินอยู่ภายในวัดร้างเห็นเงาดำๆข้างจอมปลวกขนาดใหญ่พอเพ้งมองให้ชัดขึ้นเธอก็เห็นเป็นผู้หญิงใส่ชุดสีดำเล็บยาวมากยืนจองแบบไม่ขาดสาย มาที่เธออย่างโกรธแค้น ทำให้เธอนั้นควบคุมสติไม่อยู่ ผมจึงบอกว่าผมก็เห็นเหมือนกัน แต่ไม่อยากให้น้องๆตกใจจึงไม่ได้พูดอะไร ผมบอกกับน้องๆว่าอยากจะเข้าไปที่วัดร้างอีกครั้งโดยให้น้องผู้หญิงรออยู่กับเพื่อนที่รถ แล้วผมก็เดินไปหยิบมีดหมอ ที่วางอยู่หน้ารถมา 2 เล่มก่อนจะเดินเท้าเข้าไปในป่าอีกรอบพร้อมกับน้อง 3 คนที่เข้าไปด้วยกันสักครู่และน้องคนใหม่อีกหนึ่งคน พอก้าวเข้าไปในอนาเขตของวัดร้าง ผมก็ได้กลิ่นน้ำอบไทยลอยมาดิดจมูกจึงถามน้องอีก 4 คนว่าได้กลิ่นน้ำอบหรือป่าวแต่น้องๆกลับตอบกันเป็นเสียงเดียวกันว่าได้กลิ่นซากศพเห็นเน่า พวกเราเดินรอบๆบริเวณวัดร้างจนมาถึงจอมปลวดใหญ่ที่มาต้นงิ้วล้อมรอบไว้ ผมแปลกใจที่ต้นงิ้วหลายต้นมีตะปูตอกไว้หลายจุดไม่รู้ว่าใครมาตอกเอาไว้ และผมได้เอามีดหมอตัดออก พอเข้าไปใกล้กับจอกปลวกนั้นก็พบกับหม้อดินเก่าๆหนึ่งใบ ปากหม้อมีผ้ายันต์ครอบเอาไว้ตัวอักษรที่เขียนเอาไว้เริ่มจางเต็มทีผมห้ามไม่ให้ใครยุ่งกับหม้อนั้น เพราอาจจะเป็นหม้อที่กัดขังวิญญาณเอาไว้เพราะดูจากลักษณะที่มีต้นงิ้วตอกตะปูเอาไว้โดยรอบจอมปลวก ผู้ทำพิธีน่าจะเก็บวิญญาณที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหรนักเอาไว้ผมมองดูรอบๆหม้อก็ต้องตกใจเพราะที่หม้ออีกด้านมีรอยแตกเป็นแนวยาวกลัวว่าจะมีวิญญาณหลุดออกมาแล้วยังคงวนเวียนอยู่แถวๆนี้ จึงให้น้องๆทั้ง 4 คนออกจากบริเวณนั้นทันที ส่วนผมจะทำพิธีเรียกวิญญาณนั้นกลับมาเก็บที่เดิมแต่น้องๆที่วิ่งออกไปไม่ทันไรก็ต้องวิ่งหน้าตาตื่นแล้วโว้ยวายกลับมา ทั้ง 4 คนเล่าว่าขณะที่วิ่งออกไปตามทางที่เดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงเพลงมันเหมือนกับว่าจะเป็นเพลงไทยเดิม แล้วก็เห็นเหมือนกับเป็นผู้หญิงกำลังฟ้อนรำอยู่ไกลๆพวกน้องๆจึงหยุุดวิ่งเพื่อมองว่ามันคืออะไรแลัวตกใจแทบช็อก เพราะผู้หญิงที่กำลังฟ้อนรำอยู่นั้นไม่มีหัวจึงหันหลังกลับแล้ววิ่งล้มลุกคลุกคลานกลับมาหาผม ผมคิดว่าถ้ารอช้ากว่านี้คงไม่ดีแน่ๆจึงรีบหยิบขวดเปล่าในกระเป๋ามาวางเอาไว้ตรงหน้า แล้วสวดเรียกวิญญาณให้กลับเข้าไปในขวด เมื่อน้องๆเห็นอย่างนั้นก็นั่งพนมมืออยู่ที่ด้านหลังของผม ผมคิดว่าถ้าเรียกวิญญาณกลับมาได้ก็จะเก็บเอาไว้ที่จอมปลวกเหมือนเดิม พอสวดไปได้สักพักเสียงขวดก็แตก น้องๆตกใจขยับเข้ามาก่อนกันด้วยความกลัว ผมจึงตัดสินใจว่าถ้าเอาวิญญาณกลับเข้ามาไม่ได้ก็กำจัดเลยดีกว่าจึงเริ่มสวดเชิญจตุโลกบาล ขณะที่สวดก็ได้มีเสียงพูดด้วยดุดันดังขึ้นมาตลอดว่า "มึงต้องตาย" ท้องฟ้าเริ่มมึดครึ้มลมพัดแรงแล้วตั้งสติแล้วพยายามสวดต่อไปเรื่อยๆน้องคนหนึ่งได้ยินเสียงผู้หญิงพูด จนทนไม่ไหวจึงปิดหูแล้วก็เป็นลมล้มไปเพื่อคนอื่นๆต้องช่วยประคองน้องคนนั้นไว้ทั้งๆที่ตัวเองก็กลัวเหมือนกัน เพราะเสียงที่แค้นมาก ก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงโหยหวนดังแสบแก้วหูและฟ้าผ่า สิ้นเสียงฟ้าผ่าท้องฟ้าก็เริ่มเปิดให้เก็นแสงสว่าง บรรยากาศกลับมาสงบอีกครั้งน้องที่เป็นลมก็เริ่มรู้สึกตัว ผมจึงรีบบอกทุกคนให้รีบออกจากที่นี้โดยทันที และเรื่องก็มีเพียงเท่านี้ครับขอขอบคุณผู้ที่มาอ่านทุกท่าน

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...