เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งในจังหวัด นนทบุรี เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา คุณอั้มย้ายมาอยู่อำเภอ ไซรน้อยตั้งแต่ยังเด็ก บ้านของคุณอั้มที่อยู่แถวๆปากซอย แถมที่คุณอั้มอยู่จะมีเทาว์เฮ้าใหม่ๆที่สร้างขึ้นมาหลายหลัง แถวกลางซอยแต่เดิมมีเทาวน์เฮ้าเก่าอยู่หลายหลังแต่ก็ไม่รับการตกแต่งใหม่ทุกหลัง ทายซอยจะมีบ้าน 2 ชั้นอยู่หลังหนึ่งเก่าและทรุดโทรมมาก แต่เป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีบ้าน หรือเทาว์เฮ้าหลังไหนกล้าปลูกติดกับบ้านหลังนี้ แต่จะขยับออกไปปลูกห่างๆกัน บ้านหลังนี้จะร้างตั้งแต่คุณอั้มจะย้ายเข้ามาอยู่ ผ่านมาไม่กี่เดือนก็ได้มีคนเข้ามาปรับปรุงใหม่ ซึ่งก็น่าจะเป็นเจ้าของแล้วอแขวนป้ายให้เช่า ไม่นานก็มีคนมาเช่าอยู่เป็นร่างทรง คุณอั้มมักจะชอบปั่นจักรยานไปเล่นอยู่แถวๆท้ายซอยอยู่บ่อยๆ แต่เห็นพวกตุ๊กตาและของบูชาอยู่เยอะมากๆจนล้นออกมาหน้าบ้าน และจะมีขวัญธูปลอยขโมงอยู่ตลอดเวลา ร่างทรงเช่าบ้านหลังนี้อยู่เกือบ 10 ปี แล้วก็ได้ย้ายออกไป ไม่กี่วันต่อมาก็มีคนใหม่เข้ามาเช้าอยู่ แต่ก็อยู่ได้แค่ 2 วันคุณอั้มได้ยินชาวบ้านแถวนั้นพูดกันว่าคนที่มาเข้าอยู่ใหม่รีบขนย้ายของออกกลางดึกทันที แต่ทุกคนก็ไม่ทราบเหตุผล ว่าเป็นเพราะอะไร หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือนก็มีน้าของคุณอั้มย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ช่วงแรกๆตอนที่น้าย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ เป็นคนปกติดีทุกอย่าง แต่หลังจากที่อาศัยอยู่ที่นี้ได้ 2 เดือนก็เริ่มกลายเป็นคนที่เพ้อ มักจะบอกว่า "เค้ามีแฟนและลูกอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย" ทั้งๆที่น้าอยู่ที่นี้แค่คนเดียว วันนั้นคุณอั้มได้ขอคุณแม่จะไปนอนบ้านน้าของเพื่อนที่อยู่ท้ายซอย จึงเดินถือหมอนไปที่ท้ายซอยกับเพื่อน 2 คน พอไปถึงบ้านน้าก็คุยเล่นกันปกติ จนเวลาย่างเข้าตี 1 ได้ขึ้นไปนอนกันที่ชั้นบนส่วนน้าจะนอนอยู่ที่ชั้นล่าง ในห้องชั้น 2 ไม่ได้มีข้าวของอะไรมากนัก มีเพียงแค่เตียงนอนที่อยู่ขวามือ โต๊ะเครื่องแป้งถัดจากเตียงนอน ตู้เสื้อผ้าจะอยู่บนปลายเตียง ส่วนห้องน้ำจะอยู่หลังห้อง ตรงข้ามกับประตูทางเข้าพอดี คุณอั้มนอนไปได้สักพัก เริ่มได้ยินเสียงพัดลมตั้งพื้นดังทั้งๆที่ตอนแรกมันก็ไม่ได้มีเสียงอะไร คนเพื่อนที่นอนข้างๆสกิดบอกว่า "พัดลมดังอะ" คุณอั้มรู้ว่าเพื่อนกลัว เพราะปกติเพื่อนคนนี้เป็นคนกลัวผีมาก คุณอั้มจึงลุกไปปิดมันจะได้ไม่ส่งเสียงดังน่ารำคาญอีก สักพักใหญ่ๆคุณอั้มรู้สึกตัวตื่นเพราะเพื่อนสะกิดที่หลัง ด้วยอารมณ์ที่ง่วงนอนผสมกับโมโหจึงลุกขึ้นมาถามเพื่อนว่า "เป็นอะไรเนี้ย" ก็เห็นเพื่อนนอนหลับตาแล้วชี้ไปที่ปลายเตียง ปรากฏว่ามีเด็กผู้หญิงนั่งหันหลังอยู่ที่ปลายเตียงอายุราวๆ "อนุบาล 3 ผมยาวถึงกลางหลังใส่ชุดราตรีนั่งแกว่งหัว" โยกตัวไปมา จากคนที่ไม่กลัวผีคุณอั้มเริ่มคิดว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันคืออะไร ความกลัวเล็กๆเริ่มผลุดขึ้นในตัว คุณอั้มหลับตาลงแล้วคิดในใจว่า ถ้าลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นแสดงว่าตาฟาด แปปเดียวคุณอั้มค่อยๆลืมตาขึ้นมาเด็กผู้หญิงคนนั้นก็หายไป ที่ปลายเตียงมีเพียงตู้เสื้อผ้าเก่าๆ จึงรู้สึกใจโล่งขึ้นมาทันที แต่จู่ๆ "ประตูห้องกลับเปิดออกเอง" แล้วค่อยๆอ้าออกช้าๆ คุณอั้มรู้สึกขนลุกตัง ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนล็อคมากับถือแท้ๆ ต้องมีคนเปิดมาจากด้านในเท่านั้น แต่ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ "ประตูห้องน้ำก็ค่อยๆอ้าออก" คุณอั้มหันหัวไปมองทันที "ปรากฏว่าเห็นเด็กผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงไปนอนคว่ำหน้าอยู่กลางห้อนน้ำ" คุณอั้มตกใจจนตัวเกร่งรีบหลับตาลงความกลัวเริ่มแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ได้แต่นึกในใจว่าไม่ใช่ๆ เราไม่ใช่คนกลัวผีไม่ใช่ๆ แล้วค่อยๆลีมตาดูอีกที ก็เห็นประตูห้องน้ำปิดอยู่ในสภาพเดิม คุณอั้มคิดในใจว่ามันคืออะไรกันแน่ตาฟาดไปเองหรือว่าเห็นภาพหลอน คุณอั้มรีบปลุกเพื่อนที่อยู่ข้างตัวให้ลุกขึ้น เพื่อนก็ลืมตามามองคุณอั้มแต่คุณอั้มยังไม่ทันได้พูดอะไร เพื่อนก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า "ไม่ต้องเล่าแล้วเห็นทุกอย่างแล้ว" คืนนั้นคุณอั้มกับเพื่อน ตัดสินใจวิ่งลงไปข้างล่างแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน รุ่งเช้ามาจึงมานั่งเล่ากันว่าต่างคนต่างเจออะไรกันบ้าง คุณนัทเล่าไปเห็นตอนที่เด็กนั่งอยู่ปลายเตียงแล้วพยายามหลับตาลง พอลืมตาขึ้นมาก็ไม่เห็นเด็กคนนั้นคิดว่าคงตาฟาดไปเอง แต่เพื่อนกลับบอกว่า ความจริงเด็กมันไม่ได้หายไปไหนแต่มันลุกไปเปิดประตูห้อง แล้วเดินกลับมาเปิดประตูห้องน้ำ แล้วก็เดินหายเข้าไปในตู้เสื้อผ้า เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากเพราะว่าเด็กคนนั้นกึ่งวิ่งกึ่งเดินอยู่ในอาการลุกลี้ลุกลน เหมือนกำลังหนีอะไรบ้านอย่าง ช่วงเย็นเวลาประมาณ 6 โมง คุณอั้มและเพื่อนจึงไปเล่าเรื่องนี้ให้น้าฟังแต่น้ากลับไม่เชื่อทุกคนจึงเดินไปดูกันที่บนห้อง คุณอั้มเดินนำหน้าขึ้นไปบนชั้นสอง เปิดสวิทช์ไฟที่อยู่ตรงหัวบรรได หลอดนีออนกระพริบอยู่ประมาณ 2-3 ที แล้วก็ดับ "พรึ้บ" แต่ทุกคนก็ไม่ได้สนใจอะไรมันมากนักก็เดินต่อเข้าไปในห้องจังหวะที่เปิดประตูเข้าไป "กลิ่นอับๆ พุงเข้าปะทะจมูกคุณอั้ม" จึงต้อบรีบเอามือปิดจมูก สภาพของห้องต่างจากเมื่อคืนอย่างเห็นได้ชัดพื้นไม้มีฝุ่นเกาะหน้าเตอะ เตียงนอนก็มีแต่ฝุ่นจับเต็มไปหมด ตู้เสื้อผ้าก็เก่าจนเกือบจะพังแล้ว กระจกที่หน้าตกแป้งก็มีแต่ฝ้าสีขาวอยู่ทั่วทั้งบาน คุณอั้มหัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา คิดอยู่ในใจว่า "นี้เมื่อคืนเรานอนอยู่ในห้องนี้หรอ" หันไปมองหน้าเพื่อนก็เห็นแต่เพื่อนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คุณอั้มถามน้าว่า "น้าทำไมห้องถึงได้เก่าแบบนี้" น้าก็ตอบกลับมาว่า "ก็ตั้งแต่เข้ามาอยู่ยังไม่เคยขึ้นมาเหยียบข้างบนนี้เลย" รู้สึกไม่ชอบข้างบนนี้ คุณอั้มเหลือบไปมองที่ประตูห้องน้ำก็พบว่ามันถูกล็อคไว้ด้วยแม่กุญแจเก่าๆที่ล็อคจากด้านนอก แล้วก็มียันต์สีแดงเก่าๆแผ่นประมาณเท่าฝ่ามือติดอยู่กลางประตูห้องน้ำ ถึงแม้ว่าคุณอั้มจะกลัวแต่ก็มีความรู้สึกว่าต้องรู้ให้ได้ว่าในห้องนั้นว่ามีอะไร จึงขอทุบกุญแจห้องน้ำที่ล็อคไว้ น้าก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร คุณอั้มก็เอาค้อนมาทุบจบแม่กุญแจหลุดออกจากบานประตูเรียบร้อย อยู่ๆก็รู้สึกถึงความกลัวในอะไรบางอย่าง ในใจก็คิดว่าถ้าเปิดออกมาแล้วเจอศพเด็กจะทำอย่างไร คุณอั้มค่อยๆรวมสติปล้วพลักประตูช้าๆ สภาพห้องน้ำค่อนข้างเก่ามากมีหยากไย่ และเชื้อราดำๆเกาะอยู่เต็มผนัง มีกระถางธูปสีน้ำเงินเก่าๆ มีธูปที่เหลือแต่ก้านปักอยู่ 1 ดอกตั้งอยู่กลางห้องน้ำ ข้างๆกระถางธูปมีจานใส่กับข้าวขึ้นราดำๆ นอกจากนั้นยังมีชุดราตรีสีขาวเก่าๆของเด็กผู้หญิงถูกแขวนอยู่ตรงราวแขวนผ้าขนหนู มีตุ๊กตาเกือบๆ 100 ตัว ทั้งตัวเล็กและใหญ่กองอยู่ตรงผนังฝั่งชักโครก คุณอั้มเห็นแบบนั้นก็ชะงักแล้วถอยกลับ รีบปิดประตูทันที น้าที่ยืนอยู่ข้างๆทำสีหน้าหวาดกลัวไม่ต่างกับคุรอั้ม ส่วนเพื่อนรีบเดินออกจากห้องไม่พูดไม่จาสักคำคุณอั้มอยากจะเดินตามหลังเพื่อนออกจากห้องนี้ใจจะขาด แต่ติดที่ว่าขาทั้งสองข้างนั้นตายสนิทมาขับได้ก็ตอนที่ได้ยินเสียงน้าพูดว่า "ลงไปข้างล่างกันดีกว่า" คุณอั้มจึงรีบเดินออกจากห้องก่อน แล้วน้าก็เดินตามหลังมากติดๆ ระหว่างที่กำลังเดินลงจากบรรได ก็ได้ยินเสียงเหมือนเด็กกำลังร้องเพลงออกมาจากห้องน้ำ ทำให้คุณอั้มเสียวสันหลังวาบ ความคิดทื่ว่าคนเองเป็นคนไม่ค่อยกลัวผีวันนี้รู้ซึงแล้ว ว่าตังเองเป็นคนกลัวผีมากๆ หลังจากนั้นคุณอั้มขอให้คุณน้าย้ายออกจากที่นี้แต่น้ากลับบอกว่า "น้าออกไม่ได้เพราะน้าทิ้งลูกทิ้งเมียไว้ที่นี้ไม่ได้" ทำให้คุณอั้มเริ่มระแวง ว่าลูกเมียที่น้าพูดถึงอยู่บ่อยๆเป็นใครกันแน่ จนต้องมีญาติมาบังคับให้ย้ายออกถึงจะยอมย้ายออก คุณอั้มพยายามถามประวิติบ้านหลังนั้นจากคนที่อยู่ในซอยเดียวกันแต่กลับไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับบ้านหลังนี้เลย และนี้ก็เป็นเรื่องราวทั้งหมดครับขอขอบคุณผู้ที่มาอ่านทุกท่าน
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น