วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ตัวตายตัวแทน !!

          

            
              เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 7 เดือนก่อนตอนนั้นผมกันเพื่อนได้นัดกันไปเที่ยวกับแถวๆภาคเหนือ นัดกันไป 6 คน โดยขี่รถบิ๊กไบต์ไปคนละคันจะวิ่งทริปไปด้วยไปถึงที่ไหนก็พักที่นั้น แล้วพรุ่งนี้เราก็ออกจากนครพนม จุดท่องเที่ยวแรกคืออุดรธานีพวกเราไปเที่ยวที่วัดป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานีนั้นสวยมากๆ หลังจากที่เที่ยวจากวัดป่าเสร็จ ตอนนั้นก็เกือบค่ำแล้วพวกเราก็เลยคิดว่าจะมุ่งหน้าไปสู่ริมโขงพากันขี้เรียบริมโขงไปจนถึงเชียงคานแล้วพักที่นั้น แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นที่นั้น พอพวกเราออกจากวัดป่าปุ๊บๆก็มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า "แม่โทรมาบอกให้กลับด่วน ต้องรีบกลับ" เมื่อได้ยินก็รู้สึกเซงอยู่เหมือนกัน เพื่อนอีกคนก็บอกว่าแฟนมันป่วยต้องกลับด้วยเช่นกัน แล้วเพื่อนทั้งสองก็กลับไป เหลือแต่พวกเราแต่ 4 คน ในการท่องเที่ยวจุดต่อไปพวกเราก็มุ่งหน้าต่อขี่มาสักพักก็ถึงสามแยกใหญ่จึงจอดรถแล้วก็เห็นว่าป้ายเขียนว่า "หนองคายเลี้ยวขวา เลยหรือเเชียงคานเลี้ยวซ้าย" พวกเราจึงเลี้ยวซ้ายผ่านไปทางเชียงคานพอผมเลี้ยวมาซึ่งผมเลี้ยวมาเป็นคันที่ 3 ก็มองกระจกหลังว่าเพื่อนอีกคนตามมาหรือป่าว ก็เห็นว่ามีเพื่อนอยู่คนหนึ่งยังจอดรถอยู่ที่ 3 แยกนั้นไม่ยอมตามมา ผมจึงจอดรถแล้วหันกลับไปมองจึงตะโกนว่า "เห้ยเป็นไรป่าววะ เลี้ยวมาสิโว้ย รถสตาร์ทไม่ติดหรอ เร็วๆรีบมา"  แต่มันกับบอกว่า "พวกมึงไปกันเหอะกูรู้สึกไม่สบายสงสัยกูจะป่วยวะ" ผมจึงขวาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วรีบโทรหาสองคนที่กลับไปก่อนหน้านั้นเพื่อที่จะให้รอเพื่อนคนนี้ด้วย แต่ในขณะที่กำลังโทรศัพท์บอกอยู่นั้น ก็เห็นวิญญาณผู้หญิงตนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายรถเพื่อนผมอยู่จึงวางโทรศัพท์แล้วบอกว่า "สองคนนั้นมันกลับไปไกลแล้วมากลับพวกกูเถอะ" ตอนนั้นผมรู้สึกสังหรใจไม่ดีก็เลยคุยกับเพื่อนอยู่ที่ 3 แยกนั้นคุยกันอยู่นานมาก จนเวลาล่วงเลยมาถึงเวลา 2 ทุ่ม ผมสังเกตเห็นว่าระยะเวลาที่เราคุยกันตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึง 2 ทุ่ม เส้นทางนั้นกลับไม่มีรถผ่านมาเลยแม้แต่คันเดียวด้วยความเป็นห่วงผมจึงบอกกันต้นไปว่าให้ไปด้วยกันเถอะมันดึกแล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที ต้นนิ่งเงียบตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตอบกลับมาว่าตกลงจะไปด้วยกันต่อพวกเราทั้ง 4 คนจึงขับรถต่อไปยังเชียงคาน เป็นเส้นทางที่มึดมากไม่มีบ้านคน ระหว่างทางที่ขับผ่านไปนั้นผมก็เล่นผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งยืนโบกรถอยู่ริมถนนซึ่งผมเห็นแบบนี้เป็นเรื่องปกติแล้วก็เลยไม่ตกใจอะไรมากนั้น ส่วนเพื่อนอีก 3 คนมันคงมองไม่เห็น พวกเราขี่รถกันต่อไปอีกไม่ถึง 10 นาที เพื่อนคนเดิมจู่ๆก็เกิดอุบัติเหตุมันขับรถลงข้างทางรถบิ๊กไบต์ไหลลื่นไปไกลจากจุดเกิดเหตุพอสมควรเป็นระยะ 50 - 60 เมตรได้ส่วนตัวคนที่ขี่นั้นกระเด็นออกจากรถไปแล้ว และไปตกอยู่ที่ศาลเพียงตาเล็กๆที่อยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อผมเห็นก็ตกใจรีบจอดรถแล้วโทรหารถกู้ภัยที่อยู่ใกล้ที่สุดพวกเรารออยู่ในความมืดมีเพียงแสงไฟจากรถ ไม่นานก็มีรถกู้ภัยมาถึงแล้วมีคนเดินลงมาจากรถหนึ่งในนั้นเดินตรงเข้ามาหาพวกเราแล้วลุงคนนั้นก็พูดว่า "ตะวันตกดินแล้วไม่มีใครขับรถเข้ามาในนี้กันหรอกพ่อหนุ่ม ถ้ามาก็จะเป็นแบบนี้แหละ" ผมยืนอึ่งอยู่พักหนึ่งแล้วก็คิดว่าที่ลุงเข้ามาเร็วแบบนี้ คงเพราะเค้ารู้ว่าใครเข้ามาถนนเส้นนี้กลางดึกแบบนี้จะต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแน่ๆ จากนั้นผมก็ไปบอกเพื่อนให้ตามไปดูไอต้นมันก่อน ระหว่างนั้นผมก็เห็นผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้นอยู่ห่างจากที่ผมอยู่พอสมควรจึงเดินเข้าไปหาระหว่างที่เดินเข้าไปก็พูดในใจว่า "มึงมาทำเพื่อนกูทำไม" เนื่องจากผมสามารถคุยกับวิญญาณได้เธอคนนั้นบอกว่า "เค้าเป็นแฟนหนู หนูจะเอาเค้าไปอยู่ด้วย" เมื่อผมได้ยินผมก็ตกใจ ก็ไม่คิดว่าเพื่อนผมคนนี้จะมาเจออดีตแฟนในชาติก่อนที่นี้ ทำไมเธอถึงยังไม่ไปผุดไปเกิด ตอนนั้นผมเริ่มใจเย็นลงแล้วก็บอกเธอคนนั้นไปว่า "ถึงชาติก่อนจะเคยเป็นแฟนกัน แต่บุญวาสนาก็สิ้นสุดเพียงแค่นั้น" แล้วชาตินี้เค้าก็มีแฟนใหม่แล้วด้วยน้องควรไปเกิดใหม่ได้แล้วไปอยู่ภพภูมิอื่นที่สมควรเถอะ แต่วิญญาณนั้นตอบกลับมาว่า "ไม่ใช่ชาติก่อนแต่เป็นชาตินี้แหละ มันทำหนูท้องพอหนูบอกว่าท้องมันก็หาว่าหนูท้องกับคนอื่น ไม่ยอมรับผิดชอบ หนูกลุ้มใจจึงพยายามขี่รถมอเตอร์ไซต์ไปหาที่นครพนม แต่รถกลับมาล้มอยู่ตรงนี้กลายเป็นตัวตายตัวแทน" เพราะที่นี้ก็มีผีดุอยู่แล้วด้วยไม่ค่อยมีใครผ่านมาหรอก ด้วยที่หนูท้องอยู่มีลูกหนูอยู่ด้วยก็เลยกลายเป็น 2 ศพที่เสียชีวิตตรงนั้น จึงจำเป็นเป็นจะต้องมีคนตายแทนถึง 2 คนถึงจะหลุดพ้นได้ เมื่อผมได้รับรู้เรื่องนี้ พยายามชี้ทางให้เธอคนนั้นเห็นว่าอย่าทำแบบนั้นเลย มันเป็นบาปกรรมในขณะที่ผมกำลังจะบอกอะไรนั้น วิญญาณตรงนั้นก็เหมือนจะไม่ยอมฟังแล้วเธอก็หายไปผมยืนหนึ่งอยู่สักพันหนึ่ง ว่าจะทำอย่างไงต่อ รถกู้ภัยก็เลี้ยวกลับรถออกไปกับเพื่อนๆผมแล้วก่อนหน้านั้น ตอนนี้ก็เหลือเพียงแต่ผมคนเดียวที่ยืนอยู่ทามกลางแสงมืด พร้อมกับแสงของของรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบต์คู่ใจ ผมจึงคิดได้ว่าต้องตามไปดูอาการของเพื่อนก่อน ผมรีบขี่รถตามไป เมื่อผมมาถึงที่โรงพยาบาลก็เจอเพื่อนที่ไม่สู้ดีนักผมจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่าเพื่อนเป็นอย่างไงบ้าง มันสองคนตอบกันผมว่า "ต้นตายแล้ว" มันทำให้ผมถึงกับช๊อค ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก แล้วผมก็ย้อนกลับไปคิดว่า ถ้าไม่ชวนให้มันมาด้วยก็อาจจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมรู้สึกผิดและได้แต่โทษตัวเอง สุดท้ายแล้วทริปนี้เราก็ไปไม่ถึงภาคเหนือ เพราะมันกับต้องจบลงด้วยคราบเลือด และน้ำตามันทำให้พวกเราเสียใจมากที่เพื่อนรักต้องมาจากไปแบบนี้ ในขณะที่ผมกำลังยืนคิดว่าจะบอกกับทางบ้านของเพื่อนว่าอย่างไรดี เพื่อนคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า "มึงรู้ไหมตอนที่มึงตะโกนคุยกันที่ 3 แยกพวกกูก็จอดรถรอพวกมึงอยู่กูเห็นผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ นั่งซ้อนท้ายมันอยู่ แต่ดูท่าทามันแปลกๆไม่น่าจะใช่คนก็เลยไม่กล้าพูดกลัวมึงจะหาว่ากูบ้า" แล้วเพื่อนอีกคนก็พูดแทรกขึ้นมาว่า "เออกูก็เห็นเหมือนกันวะ" และตอนที่พวกเราขี่รถมากูเห็นคนโบกรถอยู่ข้างทางด้วยวะ เออกูก็เห็น แล้วทั้งสองคนก็หันมาถามผม ว่าเห็นเหมือนพวกมันหรือป่าว แน่นอนครับว่าผมต้องเห็นมากว่าพวกมันอยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนเห็นผีแต่ผมก็ตอบกลับไปว่า "ไม่เห็นอะไรเลย" เพราะเกร่งว่าจะให้พวกมันกลัวขึ้นไปอีก คืนนั้นพวกเราก็หาที่พักกันอยู่ใกล้ๆกันโรงพยาบาล วันต่อมาเพื่อนอีก 2 คนที่กลับไปก่อนก็เดินทางมาหาพวกเราทั้ง 3 คนเพื่อรับศพของต้นกลับด้วยกัน ผมก็ได้รู้ว่าเพื่อนสองคนนั้นหลังจากที่รับสายผม ที่โทรจากสามแยก เมื่อวางสายไปแล้วไม่นานมากก็มีสายโทรศัพท์เข้ามา เป็นผู้หญิงด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกบอกว่าไม่ต้องรอแล้ว จากนั้นสายก็ตัดไป พวกมันสองคนก็เลยขี้รถต่อไป พอขี่มาได้ระยะหนึ่งไม่ไกลมากนัก เพื่อนคนหนึ่งก็เห็นคนวิ่งตัดหน้ารถจนเสียหลักแต่ก็ยังประคองรถเอาไว้ได้ก่อนที่จะล้มลงจึงไม่เป็นอะไรมากนั้นส่วนเพื่อนอีกคนขณะที่ขี่รถอยู่ก็เห็นคนยืนคู่ขนานอยู่ข้างๆรถทั้งๆที่ตอนนั้นรถวิ่งอยู่แล้วก็มีความเร็วพอสมควร มันตกใจทำให้รถเซทำให้รถเสียหลักไปเหมือนกันแต่ก็ยังประคองจอดได้อย่างปลอดภัยผมคิดว่าโชคดีมากที่สองคนนั้นไม่เป็นอะไร พวกเราต้องเสียเพื่อนรักคนหนึ่งไปตลอดกาล จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ก็ทำให้พวกเราไม่ขี่รถมอเตอร์ไซต์ออกไปเที่ยวกันไกลๆอีกเลย และเรื่องก็มีเพียงเท่านี้ขอขอบคุณผู้ที่มาอ่านทุกท่าน

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...