วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ต้นไม้ใหญ่ข้างทาง !!


              เรื่องมันเกิดขึ้นในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กตอนนั้นผมมีอายุเพียง 12 ขวบเท่านั้นเองเป็นเด็กบ้านนอกอาศัยอยู่กับพี่ชายและคุณแม่ ส่วนคุณพ่อไปทำงานที่ต่างประเทศ ผมกับพี่ชายมันจะชอบขี่รถมอเตอร์ไซต์ซึ่งเป็นรถคู่ใจชอบพี่ชายไปเที่ยวหมู่บ้านโน้นหมู่บ้านนี้เป็นประจำจนวันหนึ่งวันนี้นเป็นวันพระใหญ่คนแถวบ้านผมจะเรียกวันพระใหญ่นี้ว่าวันปล่อยผีซึ่งตอนเช้าผมกํบพี่ก็จะไปทำบุญที่วัดในหมู่บ้าน หลังจากทำบุญเสร็จพี่ชายก็ชวนผมไปหาเพื่อนของเขาอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจาดหมู่บ้านผมประมาณ 3 กิโลเมตรได้ ผมก็เลยตอบตกลงไป พี่ผมเป็นคนขับรถส่วนผมนั่งซ้อนท้าย ระหว่างที่ขี่ไปผมสังเกตุว่าบ้านคนเริ่มน้อยลงและห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ คนสองข้างทางมีแต่ป่าเท่านั้น ขี่มาได้อีกสักพักสายตาผมก็มองเห็นต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ต้นไม้ต้นนั้นผูกผ้าสามสีแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรจนพี่ชายขับรถเลยจุดนั้นไป แล้วก็มาถึงบ้านเพื่อนของพี่ พวกเราสองคนจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านแต่เข้าไปไม่ได้เพราะประตูหน้าบ้านล็อคไว้พี่ชายผมจึงตะโกนเรียก "ไอกันต์ ไอกันต์ มึงอยู่บ้านไหมวะ เปิดประตูให้กูหน่อย" สิ้นเสียงของพี่ชายได้ไม่นานก็มีเสียงตอบกลับมาอยู่ไกลๆแล้วก็มีคนเดินออกมาจากในบ้านเปิดประตูให้ใช่แล้วครับคนนั้นคือพี่ กันต์ เพื่อนของพี่ชายผมนั้นเอง พี่กันต์กล่าวทักทายผมกับพี่ "สวัสดีตัวเล็ก" ผมยกมือไหว้สวัสดี แล้วพี่กันต์ก็หันไปพูดกับพี่ชายผม "มึงมาได้ยังไงเนี้ย" พี่ชายผมจึงตอบไปว่ามาเที่ยวเล่นบ้านมึงเนี้ยแหละไม่รู้จะไปไหน จากนั้นพี่กันต์ก็พาเราทั้งสองเข้าไปในบ้านไปนั่งเล่นคุยกันก่อน พอเข้ามาในบ้านแล้วก็นั่งคุยกันไปพี่ชายผมก็เลยเสนอว่า เล่นเกมกันดีกว่า ขณะที่พี่กันต์กำลังจะถามว่าเล่นเกมอะไร พี่ชายผมก็ตอบกลับไปก่อนว่าเกม PS2 ซึ่งในตอนนั้นเป็นเครื่องเล่นเกมที่ยอดนิยม พี่กันต์ตอบตกลงแล้วก็พาผมกับพี่ไปนั่งเล่นเกมกัน พวกเราเล่นเกมกันเพลินจนเวลาผ่านไปถึง 5 ทุ่มครึ่งเมื่อเห็นว่ามึงดึกมากแล้วจึงชวนพี่ชายกลับเพราะกลัวแม่จะดุหลังจากที่บอกลากันเสร็จ ผมกับพี่ก็ขี่รถออกมาจากบ้านหลังนั้นโดเยมีพี่ผมเป็นคนขี่และผมเป็นคนซ้อน เราสองคนขี่รถไปเรื่อยๆ จนถึงต้นไม้ใหญ่ที่มีผ้าสามสีผูกอยู่ ตอนนั้นไม่รู้อะไรดนใจ ผมจึงเหลือบไปมองที่กระจกรถของพี่ แล้วก็เห็นว่าผมไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว ที่ด้านหลังขอผมนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวผมยาวปิดตาข้าวหนึ่งเอาไว้ ส่วนดวงตาอีกข้างเป็นสีขาวหมดไม่มีตาดำ ผมจ้องมองผู้หญิงคนนั้นในกระจก ปากก็พูดอะไรไม่ออก ด้วยความกลัวผมจึงขยับเข้าไปใกล้พี่ชายให้ได้มากที่สุด พี่ชายจึงด่าผมว่า "เห้ยจะขยัยอะไรหนักหน่าวะ" ผมก็ได้บอกกับพี่ผมว่าให้รีบๆขี่รถรีบไปเร็วๆ และทันได้นั้นเองผู้หญิงคนนั้นก็มากระซิบข้างๆหูผมว่า "จะรีบไปไหนล่ะ" เสียงที่เย็นยะเยียกนั้นทำให้ผมขนลุกแล้วตะโกนเสียงดังกับพี่ว่า "พี่ขี่รถให้เร็วกว่านี้หน่อย ผมไม่ไหวแล้ว" ถึงแม้พี่ชายจะสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เค้าก็ไม่ได้ถามอะไรผมในตอนนั้นพี่รีบขี่รถให้เร็วขึ้นไปอีกจนกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว พี่ชายก็เลยถามผมว่าเป็นอะไรเจออะไรทำไมผมถึงตัวสั่นไปหมดแต่ผมพูดไม่ออก พี่ก็เลยไปเรียกแม่ให้มาดูอาการผมพอแม่มาถึงที่ผมอยู่ แม่ก็หันไปถามพี่ชายผมว่า พาใครมาด้วยพี่ผมทำหน้างงแล้วตอบแม่ไปว่า "พาใครมาแม่ไม่มี" แล้วแม่ก็พูดว่าแล้วผู้หญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆน้องนั้นละ พอพี่ผมได้ยินก็รีบวิ่งไปหยิบสร้อยพระมาเพื่อเอามาคล้องคอให้ผม จากนั้นก็พาผมไปยังห้องของพี่ บอกว่าถ้าเกิดอะไรก็ให้บอกพี่ แล้วเค้าก็เดินไปเดินมาผมจึงล้มตัวลงที่นอนแล้วก็เผลอหลับไป รุ่งเช้าพี่ผมก็พาไปวัดพอไปถึงก็พานำเรื่องนี้ไปเล่าให้หลวงพ่อฟังแม่หลวงพอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว พอดูออกมาว่า "เขาแค่มาขอส่วนบุญ เพราะผลจากกรรมหนักจากการฆ่าตัวตาย จึงต้องวนเวียนชดใช้กรรมอยู่อย่างนั้น แล้วตอนนี้เขาก็ยังตามโยมอยู่" ตั้งแต่นั้นมาผมก็ตัดสินใจทำบุญให้กับเธอคนนั้นทุกครั้งที่มาที่วัดจนผมอายุ 18 ปีก็ได้นำเรื่องนี้มาเล่าให้กับคุณพ่อฟังพอพ่อผมได้ฟังท่านก็บอก ตอนพ่อยังเป็นหนุ่มๆต้นไม้ใหญ่ที่ผูกผ้าสามสีนั้นมักจะมีคนไปผูกคอตายอยู่บ่อยๆ ตายไปไม่รู้กี่คนแล้วทำให้ที่ตรงนั้นเฮี้ยนมากกลางค่ำกลางคืนจึงไม่มีใครกล้าผ่านไปเล่นทางนั้นกันหลอก และเรื่องก็มีเพียงเท่านี้ครับขอขอบคุณผู้ที่มาอ่านทุกท่าน

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...