วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561
ผาอาถรรย์ !!
เมื่อครั้งเยาว์วัยจงพญาเย็นเราอยู่ที่อำเภอมวกเหล็กจังหวัดสระบุรีหลังบ้านมีอาชีพค้าขายรับซื้อของป่า ชาวบ้านส่วนมากทำไร่ทำสวนกันเช่นไรพริกรายละหุ่งไร่ข้าวโพดสวนกล้วยน้อยหน่ามะละกอเป็นต้นย่าทวดของเราเป็นคนเก่าแก่ที่นั่นเรียกว่าคนพื้นนั้นมีเรื่องเก่าๆมากมายเราเป็นพวกเราพี่น้องฟังเรื่องผีผีสางสางมากเป็นพิเศษ เรื่องของผีโขมดในดงพญาไฟในอดีตเพื่อสิงสู่อยู่ตามป่าเขาทั้งในถ้ำหุบเหวและต้นไม้คอยจ้องจะเอาชีวิตมนุษย์เป็นเครื่องสังเวย คนที่เข้าป่าเราว่าสัตว์ต้องล้มตายเพราะโดนงูฉกเสือกัดมานับไม่ถ้วนอยากถูกเรียกว่าเสือขบหัว ชาวบ้านที่ออกไปทำไร่ทำสวนมักจะโดนผีป่าเล่นงานสิงสู่จนจับไข้นอนซมหนาวสั่นร้องครางอือน่ากลัวแต่พอรุ่งขึ้นก็หายดีวันต่อมาก็จับไข้อีกถึงตัวเหลืองหน้าเหลืองไปต่างๆกันกว่าจะรู้ว่าเป็นไข้จับสั่นเพราะโดนยุงกัดก็ล้มตายไปเป็นนับร้อยลอยยิ่งตอนเกิดสงครามอย่างยิ่งหายากก็ยิ่งตายกันเป็นใบไม้ร่วงย่าทวดบอกว่าในดงพญาเย็นมีภูตผีสารพัดสิงสู่อยู่ในถ้ำหรือยอดเขาก็เป็นผีระดับเจ้าพ่อมีอิทธิฤทธิ์ร้ายกาจน่าเกรงขามหรือยกตัวอย่างหน้าขนหัวลุกที่ภูเขาผาเสด็จให้พวกเราฟังเมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าให้ทรงสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพไปโคราชระยะทางราว 260 กิโลเมตรเริ่มต้นจากหัวลำโพงไปบ้านภาชี 90 กิโลเมตรและสร้างต่อไปจนถึงโคราช 173 กิโลเมตรครั้นเริ่มสร้างทางรถไฟสายนี้เมื่อประมาณปี 2434 ถึงปี 2439 ช่วงสระบุรีโคราชค่อนข้างทุรกันดารนะเพราะต้องตัดผ่านภูเขาหลายต่อหลายรูปเต็มที่นายจ้างต้องสั่งให้ระเบิดภูเขาบ้างก็กู้เขาบ้าง บางแห่งต้องใช้วิธีวางทางลัดเลาะเข้าไปในภูเขาใกล้ถึงตำบลมวกเหล็กขนาดนั้นทุกทีถึงผาเสด็จพอดีตอนนั้นยังไม่มีชื่อหรอกเป็นแค่ภูเขาลักษณะตลาดมีหินใหญ่สูงตระหง่านชะโงกน้ำยื่นออกมาดูน่าสะพรึงกลัวบรรดานายช่างก็ปรึกษากันว่าสมควรระเบิดหินใหญ่นั้นทิ้งไปวางรางรถไฟรุดหน้าเข้าไปสู่เป้าหมายอัศจรรย์นักโดยจุดชนวนระเบิดหลายครั้งชะโงกป่านั้นก็หาได้สะทกสะท้านไม่บรรดาคนงานจีนเสียงหัวเราะเกรียวกราวตามหลังเสียงระเบิดก้องสะท้อนสะท้านไปมาตามหุบเขา ล้วนแต่หน้าซีดตัวสั่นเกิดความงามงกตกประหม่าอกสั่นขวัญหายกันทุกคนหัวหน้างานคนงานก็เราแจ้งเรื่องนี้ให้พวกนายช่างฟังบางคนหัวเราะเยาะแต่บางคนก็เชื่อตกลงตั้งศาลเพียงตามีเหล้าไหไก่ขวดเครื่องเซ่นจุดธูปเทียนบวงสรวงต่อเจ้าป่าเจ้าเขาขอให้กระทำการต่อไปจนสำเร็จลุล่วงด้วยเถิดจากนั้นก็ให้จุดชนวนระเบิดอีกครั้งแต่ฉันโง่ผาหน้าครั้งตามนั้นก็หาได้ระเบิดสมใจไม่นายช่างน้อยใหญ่ล้วนแต่หวาดหวั่นพรั่นพรึงไปจนหมดสิ้นในตำนานระบุว่าเมื่อเหตุอัศจรรย์นี้ทรงสร้างพระเจ้าอยู่หัวพระองค์จึงเสด็จขึ้นทอดพระเนตร ทรงพระกรุณาโปรดให้นำตราแผ่นดินไปปักไว้ตรงหินชะโงกนั้นแล้วทรงรับสั่งให้นายช่างจุดชนวนระเบิดทันใดสิ้นเสียงสนั่นหวั่นไหวที่จะงอกนั้นก็ยังโดดเด่นอยู่ตามเดิมไม่แปรผันพระพุทธเจ้าหลวงทรงอัศจรรย์พระธารณะตรัสว่ามีเทพารักษ์สถิตรักษาอยู่แน่แท้จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างศาลพระภูมิที่บริเวณนั้นเป็นการสักการะขึ้นหลังหนึ่งชาวบ้านร้านช่องทั้งปวงจึงพากันเรียกว่าผาเสด็จตั้งแต่นั้นมาไม่ช้าทั้งการรถไฟโดยสารสถานีรถไฟขึ้นณบริเวณใกล้เคียงนั้น ตั้งชื่อว่าสถานีผาเสด็จขึ้นมาถึงทุกวันนี้อย่าทวดลาวาภูเขาแห่งนั้นมีต้นไม้ใหญ่น้อยรวมทั้งลืมหินและเขื่อนทำซับซ้อนชอบกลนัก มีพระธุดงค์ขึ้นไปปากโกรธหาความสงบวิเวกภิกษุอีกหลายรูปก็ไปจำศีลภาวนานั่งสมาธิอยู่ตามโคนไม้และในโครงการเป็นนิจศีลแม่ชีชราหลายคนก็มาถือศีลบำเพ็ญธรรมท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นเยือกเย็น บางคนก็สังขารแตกดับอยู่บนผาเสด็จนั่นเองเราเคยนั่งรถไฟไปกับพ่อแม่พี่น้องถ้าสถานีผาเสด็จคนนึกถึงเรื่องราวย่าทวดเล่าว่าเคยเห็นร่างของแม่ชีลอยวนเวียนอยู่บนหน้าผาเขาขาวๆพริ้วลมไสวจนในๆยกมือไหว้ทุกคนไปและเรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ครับ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เสกคนเป็นจระเข้ !!
สมัยก่อนบ้านผมอยากโดนพ่อเป็นทหารในตัวจังหวัดเงินเดือนทหารยกคู่มือสมัยก่อนก็ไม่กี่บาทยายกับแม่รวมทั้งตัวผมอยู่ชนบทนานๆก็จะเข้าบ้านสักหลังใหญ่กับแม่ผมรับจ้างทำนาและแกก็เสริมด้วยการเก็บข้าวตกนาของคนอื่นคือข้าวที่เขาเกี่ยวเสร็จแล้วที่นี้บางเมล็ดข้าวมันตกข้างนอกข้างในถ้าพวกนี้เจ้าของนาก็ไม่เอาแล้วจะให้คนอื่นเข้าไปเก็บเกี่ยวเอาไปกินได้ไม่หวงกันแกเก็บเล็กผสมน้อยผสมกันได้เป็นยุ่งเหมือนกันบ้างก็มากินเยอะแกก็จะขายตอนนั้นถึงจะจนแต่ก็มีความสุขอย่าให้ผมเป็นคนเล่าเรื่องได้เก่งมากและมีจังหวะในการเล่าสนุก และมีทิ้งช่วงชวนให้ติดตามผมก็เป็นเพื่อนๆทางบ้านชอบมานั่งฟังยายผมเล่านิทานยายของผมมักจะบอกว่ามันเป็นเรื่องจริงทุกเรื่องแล้ววันนี้ก็เช่นกันอย่าให้ผมเสร็จจากงานนาแกก็อาบน้ำที่คลองหน้าบ้านสมัยก่อนนี้น้ำสะอาดมากไม่เหมือนสมัยนี้ลงไปคันมันตั้งแต่ขายังระบาดแค่อาบน้ำเสร็จก็ล้อมวงกันกินข้าวอิ่มเสร็จแม่เก็บสำหรับเอาไปล้างส่วนใหญ่โรงเรียนก่อกองไฟช่วงนั้นอากาศหนาวเย็นแถมควันก็ช่วยไล่ยุงไปได้ด้วยเพื่อนๆต่างวิ่งไปเอาเสื่อมาปูนั่งหนองยายผมสยายผมนั่งตรงกลางแล้วแกก็เล่าที่บอกว่านี่คือเรื่องจริงถ้าทวดของแกเอง คือพ่อยายเป็นคนมีวิชาอาคมสูงมากแก่คอยช่วยคนโดนคุณไสยให้เดือดร้อนหาแกแกก็มักจะถอนให้โดยไม่คิดเงินตาทวดผมมีลูก 4 คนผู้ชาย 2 คนผู้หญิง 2 คนคนโตเป็นผู้ชายบวชเป็นพระผมเกิดทันท่านเวลาจะธุดงค์จะมาที่บ้านก่อนแล้วยายจะให้ผมพากินอาหารให้ท่านท่านก็รับวิชาจากพ่อคือตาทวดของผมไปเติมเต็มส่วนพี่ชายคนรองของใหญ่อีกคนก็ได้เมียอยู่ที่กรุงเทพฯไม่รับเอาวิชาจากพ่อไปเลยส่วนใหญ่ผมกับน้องสาวอีกคน พ่อแก่ให้ท่องคาถากำแพงเจ็ดชั้นก็ต้องไปคืนหนึ่งมีคนตัวใหญ่มานั่งตรงหัวนอนแกแกกลัวหรือเลือกทั้งสองคนอย่าลืมเล่าว่าสมัยตอนแก่เด็กๆพ่อแก่ชอบเข้าป่าไปเก็บสมุนไพรคือแกมีวิชาแต่แกก็เป็นหมอแผนโบราณสมัยก่อนโรงพยาบาลก็ไม่เจริญชาวบ้านมักจะไม่ไปส่วนมากจะรักษากับหมอพื้นบ้านก็ตั้งนานตัวยาจะหาในป่าแก่มักจะเข้าป่าโดยใช้เรือคือจะทำเรือที่มีหลังคากันแดดกันฝนและนอนในเรือได้จะไปทีนึงก็จะมีเพื่อนๆของแกด้วยกันสามสี่คน ต้องไปค้างในป่าป่าไหนผมก็ลืมถามยายเพราะแกก็เสียไปแล้ววันนั้นตาทวดเองติดธุระอะไรไม่รู้แกไม่ได้ไปกับคาราวานเพื่อนแกเพื่อนแกในกลุ่มคนมีวิชาเหมือนกันคือทิศเย็นก็มีวิชาแค่เอาตัวรอดแต่ไม่เท่าตาทวดก็เลยเป็นผู้นำทีมเราต้องค้างคืนกันไปในป่าต้องมีวิชาพอตัวถึงจะเอาตัวรอดกลับมาได้ แก้นำทีมไปถึงชายป่าขึ้นเงินไปเก็บสมุนไพรส่วนเมียก็อยู่เฝ้าเรือเตรียมหาฟืนมาก่อกองไฟหุงข้าวหุงปลาและป้องกันสัตว์ร้ายพอเย็นๆผัวก็กลับมากันที่เรือเมียก็ทำอาหารไว้รอแล้วได้ยินมาถึงก็วางกระสอบสมุนไพรแล้วจัดแจงกินข้าวเลยเมียทำต้มปลาไว้แล้วส่วนเมียแต่เย็นเก็บของเสียชนิดของสมุนไพร ยังไม่กินข้าวเย็นกินอิ่มแล้วก็จะอาบน้ำก็รู้สึกร้อนๆตัวแกก็ลงไปอาบน้ำข้างเรือถูตัวเหมือนว่าหนังแกเอ่ยขึ้นมาแล้วมันร้อนมากขึ้นมากขึ้นแกไม่ถามเมียเพราะสงสัยอยู่ตอนจัดเตรียมอาหารไม่ได้เอาปลามานี่นาแล้วเมียแกเอาปลามาจากไหนแกถามเมียที่ยังอ้วนอยู่กับสมุนไพรอยู่เมียแกก็บอกว่าปลามันกระโดดขึ้นมาเป็นเดือนอ่ะเห็นมันตัวโตดีเลยทุกหัวแกงก็เลยแต่เย็นเป็นคนพอมีวิชารู้ตัวแล้วว่าโดนคุณไสยประเภทลมเพลมพัดปล่อยมาตามกระแสน้ำ หรือพูดกับเมียว่าเคยบอกแล้วเวลาปลากระโดดขึ้นเรือเดี๋ยวเอามากินมันมีตัวเมียแกก็คงลืมแก่เลยบอกให้เมียและคาราวานกลับไปแล้วไปบอกให้ตาทวดผมว่าแกแกอีกแกก็บอกว่าอย่าเกิน 7 วันไม่งั้นเขาจะแก้ไม่ได้จากนั้นแต่เย็นตัวลงน้ำกลายเป็นจระเข้ร่องน้ำออกกลางของละมุดน้ำหายไปมีอะไรเย็นเห็นดังนั้นก็ตกใจร้องไห้กลับบ้านด้วยความเสียใจเมื่อไปถึงบ้านเมียจะเย็นแกก็เล่าให้ตาทวดผมฟังตาทวดแกก็เข้าไปในบ้านเอาขวดน้ำมนต์ เอาไว้ด้วยการสวดมนต์ทุกคืนไปด้วยอย่าให้ผมตอนนั้นแกก็ยังเด็กๆอยู่จะขอไปด้วยแต่ก็โดนปลาไม่ให้ไปเมียแต่เย็นและคณะพาไปตรงจุดที่ใส่เองกลายเป็นจระเข้งดน้ำหายไปหากันอยู่พักหนึ่งก็เห็นจระเข้ตัวหนึ่งนอนนิ่งอยู่บนตลิ่งเหนือขึ้นไปตาทวดเรียกชื่อไอ้ทิดเย็นจระเข้มันหันหัวมาก็บอกว่าตัวนี้ไม่ผิดแน่เอาเรือเข้าไปใกล้ๆมัน แล้วแกก็เทน้ำมนต์ลงขันที่เตรียมมาบริกรรมคาถาอีกทีแล้วสาดไปที่ตัวจระเข้ มันเหมือนโดนน้ำร้อนเดี๋ยวหัวบิดตัวกลิ้งตกน้ำจากนั้นมันก็กลายร่างเป็นตาเย็นตามเดิมตาทวดคุยกับตาเย็นโอเครู้สึกยังไงตอนเป็นจระเข้ แกก็เลยบอกว่าตอนเป็นจระเข้มันเหมือนๆกับแกฝันไปอีกใจก็คิดว่าเป็นตัวแกแต่ใจมันก็ว่าแกเป็นจระเข้จริงๆ อ้ายอายเล่ามาตรงที่บอกว่าตายเย็นกลายเป็นจระเข้ผมก็บอกกับยายว่ายายมีมานิทานนี่นาไหนบอกว่าเรื่องจริง แกยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเลยดีกว่าเดี๋ยวแกจะไม่เล่านิทานให้ฟังอีก พอผมโตขึ้นก็เลยสนใจในพระเครื่องและชอบอ่านประวัติของพระอาจารย์ต่างๆ ไปเจอประวัติหลวงปู่ศุขที่บันทึกโดยกรมหลวงชุมพรเรื่องหลวงปู่ศุขเสกทหารเอกกรมหลวงชุมพรให้เป็นจระเข้ให้กรมหลวงชุมพรดูแล้วแก้คืนด้วยหลวงปู่ศุขเอาน้ำมนต์สาดก็กลับขึ้นมาเป็นคนอีกครั้ง อันนี้เสียดายเหมือนกันที่ย้ายผมก็เสียไปซะแล้วไปถามแม่ผมก็บอกแม่ทันตาทวดตอนเล็กๆเหมือนกันรับรู้เรื่องราวมาจากยายเหมือนเหมือนกันกับผมเรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ครับ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วัดใต้บาดาล !!
เหนือเขื่อนใหญ่อันดับต้นๆของประเทศในจังหวัดที่ผมอยู่เราเหมือนว่ามีวัดจมอยู่ใต้ผืนน้ำที่มีความลึกเกือบ 200 เมตรตอนสร้างเขื่อนนั้นมีชาวบ้านได้รับเงินเยียวยาจากรัฐแล้วก็พากันอพยพไปอยู่ที่อื่นตัวเรือนไม้พอขนย้ายได้ก็ย้ายกันไป แต่ตัววัดทั้งโบสถ์และวิหารขนย้ายไม่ได้ก็ต้องปล่อยจมน้ำพระลูกวัดพากันย้ายไปวัดอื่น มีเรื่องน่าแปลกคือหลังจากที่มีการสร้างเขื่อนแล้วท่านเจ้าอาวาสก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยไม่มีใครสามารถติดต่อท่านได้ พระลูกวัดบอกว่าหลวงพ่อซึ่งตอนนั้นอายุเพียง 38 ปีขอให้ทุกคนออกเดินทางไปกันก่อนส่วนตัวท่านเองจะขอนั่งวิปัสสนาอยู่ในโบสถ์อีกสักพักแล้วถึงค่อยตามไปถึงก็ผ่านไปหลายวัน ทางการเริ่มสร้างเขื่อนพื้นที่ชุมชนจมน้ำพร้อมกับวัดแห่งนั้นปริมาณน้ำที่มากสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เป็นจำนวนมหาศาลทุกคนตื่นเต้นกับเรื่องนี้จนเป็นข่าวใหญ่โตกว่าจะมีคนนึกได้ว่าท่านเจ้าอาวาสยังไม่ปรากฏตัวขึ้นพอเริ่มไม่สบายใจชาวบ้านก็บ่นว่าท่านอาจมีบางอย่างทำให้ติดอยู่ในโบสถ์แต่บรรดาศิษย์จำนวนมากว่าท่านเป็นพระสายกรรมฐานถึงเว้นปลีกวิเวกป่านนี้อาจจะออกธุดงค์ไปไหนๆแล้วก็ได้ ผ่านไปราว 20 ปีเริ่มมีข่าวเรื่องวัดใต้บาดาลที่นักประดาน้ำลงไปสำรวจพบว่าสภาพของวัดยังคงงดงามสมบูรณ์อยู่มาก และภาพถ่ายที่บันทึกจากใต้น้ำได้รับความสนใจมากขึ้นทีมข่าวช่องหนึ่ง ส่งทีมลงพื้นที่ทำสกู๊ปพิเศษแต่เมื่อถามชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียงก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่ค่อยมีใครให้ความร่วมมือนะหลายคนพูดทำนองว่ามีคนลงไปยุ่งจะเป็นการรบกวนท่าน ท่านที่ว่าคือใครนักข่าวก็เลยสงสัยที่เขาพากันกระจายตัวไปคุยกับชาวบ้านอีกหลายๆคนโดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านและอบตได้ความว่าชาวบ้านเชื่อกันว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสยังคงจำพรรษาอยู่ที่วัดใต้บาดาลนั้นเพราะทุกเช้าเย็นมักจะได้ยินเสียงสวดทำวัตรเช้าเย็นดังก้องสะเทือนไปทั้งคุ้มน้ำทั้งที่ในบริเวณนี้ไม่มีวัดที่ไหนหรือมีและเสียงส่วนก็เป็นเสียงของท่านแน่ๆ ทีมข่าวมองหน้ากันเลิ่กลั่กจะมาทำข่าวเกี่ยวกับโบราณสถานที่จมน้ำกลายเป็นเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ด้วยสิแล้วแต่ก็ดีเหมือนกันค่ะแบบนี้คนไทยชอบกันนักหนาวันรุ่งขึ้นนักประดาน้ำพิมพ์ข่าวประมาณถึงแต่เมื่อเห็นพื้นที่ที่น้ำลึกเป็นร้อยร้อยเมตรก็เริ่มกังวลเพราะในทีมมีเพียงคนเดียวที่สามารถดำน้ำลึกได้ขนาดนั้นและอีกอย่างน้ำกลางฤดูหนาวโดยเฉพาะในตอนเช้านี้เย็นยังกับแช่ตู้เย็นทางทีมเลยขอผลัดไปลงดำช่วงเย็นเพราะน้ำจะอุ่นกว่าช่วงเย็นตัวแทนนักประดาน้ำคนดำลงไปสำรวจวิจัยวันๆใครอยากมาที่น้ำจืดหรือดำมืดสนิทแรงดันน้ำมหาศาล แถมต้องไปถ่ายรูปวัดร้างใต้น้ำอีก แต่ด้วยหน้าที่ก็กัดฟันดำลงไปตั้งใจว่ามืดถ่ายวีดีโอจนครบทุกมุมแล้วจะรีบกลับนักประดาน้ำลงไปเรื่อยๆน้ำอุ่นเพียง 10 เมตรต่ำจากผิวน้ำถัดลงมาถึงคงเย็นเฉียบชายหนุ่มหนาวจนกัดฟันกระทบกันพยายามใช้ไฟตามหาวัดใต้บาดาลตามพิกัดที่ใดมา แรงดันใต้น้ำทำให้เขาหายใจเริ่มลำบากขยับตัวได้ช้าในที่สุดแสงจากไฟกล้องส่องกระทบเข้ากับแสงประกายสีทองแวววาวเข้าๆเข้าไปดูใกล้ๆยอดเจดีย์สวยงามสีทองหน้าขึ้นตรงที่ไม่มีคราบตะไคร่น้ำสักนิดเดียวราวกับเพิ่งสร้างใหม่นักประดาน้ำดิ่งลงลึกอีกเพื่อเก็บภาพทุกมุมเท่าที่จะทำได้เพราะส่องแสงไฟกล้องใต้น้ำบันทึกภาพไปเรื่อยๆติดอยู่ๆก็เริ่มได้ยินเสียงสวดทำวัตรเย็นเข้ามาเต็มสองหูอย่างไม่น่าเชื่อจะเป็นไปได้ยังไงที่มันมีน้ำเขาเริ่มกลัวว่ายวนรอบอุโบสถรีดผ้าอย่างเร็วแล้วเตรียมขึ้นจากน้ำแต่ก็ต้องตกใจจน บางนาเมื่อเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งกำลังเดินจงกรมสำรวมอยู่ใกล้โบสถ์ชายผ้าเหลืองปลิวไสวกิริยาของท่านดูปรกติดีเราเดินอยู่บนบกแต่ไม่มีอุปกรณ์ดำน้ำอะไรสักอย่างเขาเห็นแล้วเห็นว่าไปทั้งตัวนักประดาน้ำกลัวจนประสาทเสียรีบถีบตัวเพิ่งขึ้นไปหาผิวน้ำอย่างรวดเร็วก่อนได้ยินเสียงไล่หลังโยมอย่าเพิ่งไปโยมนักประดาน้ำรีบจนตะคริวกินขาน้ำที่เย็นจะทำให้อาการแย่ลงเขายังไม่ได้มองเห็นพระรูปนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆแล้วก็ตกใจจนสลบมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่อยู่บนตลิ่งแล้ว โดยมีทีมชาบูล้อมรอบยังไม่มั่วปรางเราว่ามีพระรูปหนึ่งช่วยนักประดาน้ำขึ้นมาจากน้ำและมาวางไว้ที่นี่ก่อนหายไปชาวบ้านที่มุมต่างพากันนั่งลงยกมือกราบลงบนพื้นพระหนุ่มท่าทางแข็งแรงถูกร่างสูงใหญ่มีกล้ามเป็นมัดใช่ไหมหนุ่มทีมงานพากันมองหน้าไปมาหรืออาจเป็นพระของวัดที่อยู่ในละแวกนี้แถวนี้ไม่มีวัดมานานแล้วไกลสุดก็อาจเป็น 10 โลน่าจะมีใครช่วยชายหนุ่มขึ้นมาจากน้ำลึกขนาดนั้นได้โดยไม่เป็นไรผมน่าจะมีอยู่ลูกเดียวแล้วล่ะว่าแล้วทุกคนก็มองไปที่ผิวน้ำในเขื่อนกว้างใหญ่ในยกมือสาธุกันอีกครั้ง แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บริการหลอน !!
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่หนุ่ย พี่หนุ่ยเปิดร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้านอกจากรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลูกค้าเอามาซ่อมแล้วที่ร้านแกรับออกไปซ่อมนอกสถานที่ด้วยวันหนึ่งเวลาประมาณ 6 โมงเย็นพี่หนุ่ยได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่งสวัสดีครับร้านรับซ่อมเครื่องใช้ไฟ้ามีอะไรให้รับใช้ครับปลายสายไม่ตอบถึงพี่หนุ่ยถามซ้ำอีกครั้งคุณครับต้องการให้ซ่อมอะไรหรือเปล่า จากนั้นก็มีเสียงตอบจากปลายสายน้ำเสียงเย็นๆชวนให้อึดอัดมาดูตู้เย็นให้หน่อย พี่หนุ่ยฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเลยอยากวางสายมากแต่ก็ทนคุยต่อแล้วบ้านน้องอยู่ไหนผมจะรีบไปดูให้ เธอตอบว่าบ้านอยู่แถวสวนมะม่วงติดสะพานไม้ข้ามคลองมีหลังเดียวพี่น่าจะรู้จัก พอพูดจบสายนั้นก็ตัดไปพี่ดุ่ยพยายามนึกถึงบ้านที่ว่านั้นก็อยู่ที่ไหนพอนึกออกก็เลยเตรียมอุปกรณ์และขับรถไปยังบ้านหลังนั้นไปถึงก็ต้องแปลกใจเราบ้านนั้นปิดประตูเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ สวัสดีครับมีใครอยู่ไหมครับพี่หนุ่ยตะโกนเรียกเรียนสักพักจึงมีคนออกมา เป็นหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาสะสวยอายุน่าจะ 20 ต้นๆปะแป้งขาวๆเต็มหน้าเธอมีท่าทางนิ่งๆ ไม่พูดจาอะไรเลย พี่หนุ่ยรีบถามว่าไหนครับตู้เย็นที่จะให้ดูเธอเดินนำหน้าพี่หนุ่ยไปเพราะเข้าไปในบ้านพี่หนุ่ยรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกบรรยากาศชวนก็ควรใจมากกว่าแกอยากรีบออกจากบ้านนั้นไวๆ ภายในบ้านดูหม่นๆทุกๆทั้งที่เปิดไฟอยู่ เพราะมันถึงหน้าตู้เย็นพี่ดุ่ยรีบตรงก็ไปแล้วหันหน้าจะมาถามแต่หญิงสาวคนนั้นหายไปซะแล้วตอนนี้ใจคอพี่หนุ่ยเริ่มไม่ค่อยดีแล้วแต่ยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อแกก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าๆกลิ่น สาปแรงมากลอยมาเตะจมูกพี่หนุ่ยเอามือปิดจมูกมองซ้ายมองขวาก่อนตัดสินใจจะเดินกลับออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกุกๆกักๆในตู้เย็น ตอนนั้นพี่หนุ่ยได้ไปยืนขาแข็งเหงื่อท่วมตัวด้วยใจระทึกคิดในใจวันนี้มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ยด้วยความสงสัยแกเลยค่อยๆดึงประตูตู้เย็นออกมาสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าร่างผู้หญิงกลิ้งออกจากตู้เย็นหญิงสาวคนนั้นเองร่างของเธอถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ที่คอมีรอยมีดบาดเป็นรอยลึกยาว เลือดไหลออกมาเต็มไปหมดแล้วสิ่งที่ทำให้พี่หนุ่ยต้องขวัญกระเจิงเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นนั่งยองยกมือไหว้และยิ้มให้พี่หนุ่ยพร้อมพูดว่าขอบคุณมากนะพี่หนูอยู่ในนี้มาหลายวันแล้วเพียงเท่านั้นพี่หนุ่ยวิ่งกันเลยออกจากบ้านนั้นมาทันที ก็รีบขับรถออกมาพอเข้าเขตบ้านคนถึงรีบโทรแจ้งตำรวจตำรวจเมื่อถึงให้พี่ตุ๋ยพาไปบ้านหลังนั้นพร้อมกับหน่วยกู้ภัยตำรวจและหน่วยกู้ภัยเข้าไปในบ้านก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรง เห็นตู้เย็นปิดเป็นปกติอยู่ตำรวจเลยให้หน่วยกู้ภัยเปิดตู้เย็นนำร่างหญิงสาวคนนั้นออกมาจากการสันนิษฐานของตำรวจเธอน่าจะเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3 วันแล้วสาเหตุการตายน่าจะถูกฆาตกรรมเพราะมีผู้ชายมาติดพันเยอะเลยเกิดความหวงเป็นเหตุให้เธอถูกฆ่าตายก็ได้ จากนั้นมาพี่หนุ่ยก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เธอซึ่งไปดูเองก็ยังสงสัยไม่หายว่าทำไมเธอถึงเลือกโทรหาแกได้หรือเธออาจจะจำเบอร์ที่เขียนติดป้ายไว้หน้าร้านก็ได้แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ครับ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
ห้องข้างๆ !!
ขอนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องต่างๆเรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรปราการครับคุณเณรย้ายมาอยู่ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งในจังหวัดนี้เป็นแบบห้องแถวชั้นเดียวมีทั้งหมด 17 ห้องส่วนใหญ่คนที่มาเช่าห้องแถวนี้จะใช้เพื่อเปิดร้านมากกว่ามีร้านทำผมร้านทำอะไรพวกนี้คุณเมย์เข้าไปอยู่ได้ก็ยังไม่มีอะไรอยู่ๆไปก็เริ่มสนิทกับร้านทำผมที่อยู่ห้องติดๆกันข้างหลังบ้านนั้นจะเป็นที่ล้างจานซึ่งกันเอาเอาไว้แค่ครึ่งเดียวอีกครึ่งเป็นเหล็กดัดแค่เพียงนิดเดียวก็มองไปเห็นห้องที่ติดกันได้แล้ว เวลาคุณเนล้างจานแล้วร้านทำผมออกมาหลังบ้านเหมือนกันก็จะทักทายพูดคุยกันร้านทำผมนี่เสียอยู่อย่างคือคนที่เป็นผัวชอบเมากลับบ้านมาทะเลาะกับเมียเสียงดังเป็นประจำวันนึงนี่ก็ได้ไปสระผมที่ร้านนี้แล้วจะทำสีต่อแต่คนเป็นผัวก็มาที่ร้านแล้วกระชากเมียออกไปทะเลาะหน้าบ้านอยู่ครู่หนึ่งนี่รู้สึกไม่ค่อยดีก็เลยขอตัวกลับก่อนแล้วบ่เข้าห้องมาก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทปรากฏว่าแม่เพื่อนเสียก็เลยไปช่วยงานเขาและค้างคืนอยู่ที่นั่นอยู่ถึง 6 วันพอเสร็จจากงานศพก็กลับมาถึงห้องเช่าประมาณ 2 ทุ่ม วันนั้นในซอยเงียบผิดปกติมีแค่วงเหล้าอยู่ฝั่งตรงข้ามห้องเช่านั่งกินกันอยู่ร้านที่เคยเปิดทำการจนถึงดึกดื่นพากันปิดหมดปิดแบบไม่มีใครอยู่ในบ้านเลยนี่ก็สงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากพอเดินมาถึงห้องตัวเองก็มองไปที่ห้องข้างๆที่เป็นร้านทำผมห้องนี้ก็ล็อคเหมือนกันแถมมีจุดๆเหมือนหยดเลือดให้อยู่หน้าห้องด้วย ก็เริ่มรู้สึกแปลกแล้วนี่ก็เข้าห้องไปจบประมาณ 4 ทุ่มก็มีเสียงคนเปิดประตูห้องข้างๆ น่าจะเป็นเสียงจากร้านทำผมก็เลยอุ่นใจขึ้นมากเลยลุกไปเข้าห้องน้ำที่หลังห้องเพราะออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเนย์มาจากร้านทำผมก็เลยโชคหน้าไปมองสะดุ้งสุดตัวเพราะเห็นหน้าพี่ร้านทำผมโวทวดมาเหมือนกันแต่โทรมาแค่ครึ่งหน้าเห็นแค่หน้าผากถึงจมูกแล้วทางนั้นก็ไม่ได้เปิดไฟซะด้วยพี่ร้านทำผมชักชวนให้มาทำสีผมต่อให้เสร็จแล้วกำลังว่างอยู่พอดีเป็นนี้เพิ่งกลับมาก็เลยไม่ค่อยอยากจะทำอยากพักผ่อนก่อนเลยปฏิเสธไปนี่ก็ถามกลับไปว่าพี่ไปไหนมาเพิ่งกลับมาเหรอตามนั้นก็ตอบมาว่าแฟนพี่มันขังที่เอาไว้ในนี้ทำเสียงแบบสะอื้นสะอื้น ช่วยพี่ด้วยนี่ก็เลยเดินไปที่หน้าบ้านก็เห็นว่าห้องนั้นถูกล็อคอยู่จริงๆก็เลยตะโกนเรียกวงเหล้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามให้มาช่วยเปิดห้อง พอได้ยินดังนั้นวงเราก็หันไปมองแบบนึงแล้วก็มีคนหนึ่งในนั้นกวักมือเรียกเนเน่ไปถึงก่อนสิให้แนฟังว่า น้องห้องแถวตรงนั้นเขาไม่มีใครอยู่มันแล้วนะแฟนเจ้าของร้านทำผมมันโดนผัวเอาไขควงแทงคอตายไป 3 4 วันแล้วนี่ก็ตกใจน้ำตาเริ่มไหลแล้วก็เริ่มสงสัยว่ามีอะไรก็เลยเล่าให้ฟังว่าเจออะไรมาบ้างเพราะเราจบก็มีคนนึงในวงเหล้าเราว่าห้องข้างๆร้านทำผมด้านในก็เคยโดนกันโทรมาแค่ครึ่งบนของหน้าแล้วก็คุยคุยไปแล้วหน้าก็ค่อยๆลอยสูงขึ้นสูงขึ้นสูงจะติดเพดานเลยพอดีรู้อย่างนั้นก็ให้คนพวกนั้นไปเป็นเพื่อน แล้วก็เก็บของย้ายออกไปเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561
โรงแรมจิ้งหรีด !!
สวัสดีครับวันนี้เรื่องเล่าสยองขวัญขอนำเสนอเกี่ยวกับประสบการณ์ขนหัวลุกที่โรงแรมจิ้งหรีดแห่งหนึ่งสมัยหนุ่มผมได้ชื่อว่าเป็นนักเที่ยวฉกาจฉกรรจ์คนนึงในฐานะเด็กกรุงเทพตัวจริงเสียงจริงก็คือเกิดที่นี่และเรียนหนังสือจนโตเป็นหนุ่ม อายุต้นสามสิบก็ตะลอนตะลอนอยู่ในเมืองหลวงนี่แหละครับ ต่างจังหวัดนานๆถึงจะโผล่ไปเที่ยวสักครั้งบ้านช่องที่ไม่ใช่ๆอยู่ถนนทรงวาดครับแถวราชวงศ์หรือเยาวราชในถือเป็นบ้านตัวเองเพราะยังเป็นเพื่อนจนทะลุปรุโปร่งเกิดกล้าเข้ามีเพื่อนฝูงเยอะแยะเลยได้ไปเที่ยวถึงเกาะเต่าเกาะโพธิ์ยันต์โรงหมูตรอกสลักหินหัวลำโพงที่มีตัวสมัยนั้นเรียกผีเสื้อราตรีคือใครว่าแถวนั้นนักเลงเยอะคงไม่จริงมั้งครับขอเป็นเพื่อนผมล้วนแต่นักเลงเรียกพี่จะเข้าตรอกไหนซอยเปลี่ยนรองเมืองหรือข้ามฟากไปสะพานเหลืองบอกได้คำเดียวว่าหายห่วงจริงๆ สมัยนั้นถือว่าเป็นแหล่งกินเที่ยวเล่นๆนะครับไม่ว่าใครชอบอะไรเป็นมีสนองทุกอย่างโรงแรมใหญ่ๆเห็นไทเป 22 กรกฎาคึกคักแทบทั้งวันทั้งคืนโรงแรมเล็กๆซึ้งไมตรีจิตสันติภาพแล้วก็อีกหลายโรงแรมก็ด่าเดือนเต็มไปหมดรวมทั้งโรงแรมรายชื่อตามซอยแคบๆขนาดพอเดินสวนกันได้บันไดขึ้นอยู่ติดกับทางเดินนั่นเอง สนใจเลี้ยวขวาขึ้นไปได้ทันทีไม่ว่าบนวงเวียนหรือตามโรงแรมจิ้งหรีดที่ว่าจะมีผีเสื้อราตรีมาคอยล่าเหยื่อหน้าตาประมาณว่าไม่ต่ำกว่าร้อยคนขึ้นไปต่อมาเรียกว่าผีเสื้อราตรีไม่ถูกต้องแล้วนะครับเพราะพวกเธอเดินสายบิดสะโพกตอนกลางวันก็มี นักเที่ยวเรียกกันว่ารอบเช้ารอบค่ำไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับเราเช้านครา 8 โมงก็มายืนที่สอดส่ายสายตาหาเหยื่อกันแล้วราว 4 5 โมงเย็นถึงจะหายหน้าไปคราวนี้ก็ถึงเวลาของพวกรอบค่ำออกมาครอบครองพื้นที่แทนจนดึกดื่นค่อนคืนพวกนักเที่ยว ยืนยันตรงกันว่ารองเท้าขาวสวยหมวยอึ๋มกว่ารอบบ่ายแต่ทุกคนจะถือถุงโชคดีเป็นเครื่องหมายการค้าพวกเราชาวมักจะมาจากที่อื่นพวกรอบเย็นส่วนมากเช่าห้องโรงแรมจิ้งหรีดอยู่ต่างบ้านไปเลยอะไรก็ไม่น่าสนใจเท่ากับรุ่นพี่ที่พาผมขึ้นไปดูตัวตามห้องเลยเพราะสนิทกับหลงจู๊และสาวๆที่เช่าห้องอยู่ถาวรบางวันเราก็นึกครึ้มไปเปิดห้องโจ้เหล้าคุยกันเรื่องบ้าบ้าๆบอๆตามประสาขาเมาผมเคยเมาจนไม่อยากกลับบ้าน ขอนอนค้างที่นั่นเลยคืนแรกก็เจอดีเข้าเต็มเปาเลยล่ะครับคืนนั้นเป็นเพื่อนๆกลับกันหมดแล้วผมก็หลับสนิทอยู่บนเตียงเก่าแก่ไม่ต้องมีมุ้งแบบก่อนเพราะมีมุ้งลวดตามยุคสมัยไม่แน่ใจว่ากำลังตกอยู่ในความฝันหรือลืมตาตื่นกันแน่เมื่อได้ยินเสียงลากเกียไปมาอยู่หน้าห้องตามเรื่องกลิ่นแป้งน้ำชุนเชียวสะกดคำว่ารู้สึกว่าเหมือนอย่างประหลาดเสียงทุบประตูดังขึ้น 3-4 ครั้งผมอยากจะร้องถามว่าใคร จึงลุกไปเปิดประตูให้ดูรู้แน่แต่ทําไมหนังตามันหนักอึ้งเหลือเกินเนื้อตัวก็เหมือนถ่วงด้วยท่อนเหล็กถึงแต่ประหยัดไม่ไหวได้ยินเสียงโครมแล้วชายกำยำกว่าพันลวดเข้ามาผมคิดว่าเราออกไปด้วยความตกใจแต่ไม่ได้ยินเสียงตัวเองแม้แต่นิดเดียวเห็นหญิงสาวผมยาวนุ่งโสร่งดอกหนาเป็นออกจากเตียงเราพร้อมๆกับชายนั้นเชียงดาวดุเดือดพล่านเนื้อมีดถึงช่วงอกหญิงสาวอย่างเหี้ยมเกรียม ผมผลิกตัวถนนหลักตกเตียงตอนนั้นเสียงแผดร้องโหยหวนชวนสยองดังลั่นห้อง เลือดแดงฉานพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุโป่งดอกหนาหลุดกองกับพื้นสะโพกหนาขาวอวบขาวมีเลือดแดงๆไหลย้อยลงมาขณะที่ใช้นั้นเนื้อมีดขึ้นอีกครั้งคราวนี้ก็ร่วงลงที่ทรวงอกตัวเองจนมิดด้ามผมอ้าปากค้างตะลึงงันมีชายหญิงคู่นั้นหันขวับมาหาผมเหมือนเพิ่งจะมองเห็นร่างอาบเลือดและแววตาคุณขวางที่จ้องมองเล่นเอาผมแทบสติแตกในตอนนั้นนรกเป็นพยานร่างบาททั้งสองก้าวเข้ามาหาช้าๆขณะที่กรีดเลือดขาวรกรุงถึงแทคยอนผมอยากจะเป็นหมี แต่ก็ลุกไม่ไหวได้ไปตะกายหนีถอยหลังตาเหลือกหลานด้วยความหวาดกลัวสุดขีดแต่ร่างหญิงชายจากอเวจีคุณยังก้าวเข้ามาก้าวเข้ามาไม่หยุดยั้งสุดจะทนทานได้แล้วผมรู้สึกเหมือนสมองกำลังระเบิดเป็นเสียงร้องตะโกนแทบคอแตกแต่ได้ยินเสียงแว่วๆเท่านั้นเองก่อนที่สรรพสิ่งจะวูบวาบดับหายไปในพริบตา สะดุ้งตื่นขึ้นมาลุกพรวดขึ้นนั่งตัวสั่นเทาหอพักๆรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นระทบทวนการแตกรากเต็มหน้าผากสองแก้มเปียกโชกด้วยน้ำตาเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝันไม่มีพิมพ์ดีดผลการออกไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำรวมแล้วเห็นออกจากโรงแรมตั้งแต่เช้าตรู่ตั้งแต่นั้นมาผมไม่กล้าไปนอนโรงแรมที่ไหนคนเดียวอีกเลยไม่อยากเจอเหตุการณ์เหมือนในคืนนั้นอีกและเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
อ่างเก็บน้ำหลอน !!
สวัสดีครับวันนี้เรื่องเล่าสยองขวัญ ขอนำเสนอเกี่ยวกับอ่างเก็บน้ำเก่า เรื่องนี้ผมได้รับฟังมาจากพี่ที่ทำงานที่อยู่ด้วยกันกับผมครับชื่อวิชัยเป็นเรื่องที่แกประสบมาด้วยตัวเองแก้เล่าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่แกอายุประมาณ 23 ปี แกไปทำงานกับเพื่อนที่ชื่อพี่สมที่กรุงเทพทำงานมาประมาณ 4 ปีก่อนที่แกจะกลับมาบ้านแล้วที่หมู่บ้านข้างๆที่มีอ่างเก็บน้ำเก่าที่ท้ายหมู่บ้านอ่างเก็บน้ำนี้บรรยากาศดูเงียบสงบออกไปทางบางเลนเลยล่ะ มีปลาชุกชุมมากๆแต่ก็ไม่ค่อยมีคนไปตบกันเลยจนวันหนึ่งพี่ส่งไม่ชวนพี่ชายไปตกปลาที่อ่างเก็บน้ำนั้นด้วยความที่เป็นคนชอบตกปลามากๆเป็นคนเดิมอยู่แล้วก็เลยตกปากรับคำชวนของพี่สมเพราะเตรียมอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยขอขับมอเตอร์ไซค์ไปคนละคันพากันเดินทางไปที่อ่างเก็บน้ำนั้นกันทันที อ่างเก็บน้ำนั้นจะอยู่ห่างจากหมู่บ้านออกไปลาว 2 กิโล ไปถึงอ่างก็ราวๆ 4 โมงเย็นแล้วก็เลยจัดแจงหาทำเลขายทำเลมัน ลักษณะของอ่างนั้นจะเป็นธรรมดาสภาพเหมือนสระที่ขุดเอาไว้ซะมากกว่า แล้วรอยๆอ่างจะมีต้นไม้ขึ้นรอบๆดูอึมครึมเลยทีเดียว พี่ชายเรียกปักหลักอยู่แถวๆต้นมะม่วงต้นใหญ่ต้นหนึ่งส่วนผสมเหรียญต้นไม้ต้นหนึ่งที่ห่างกันราว 100 เมตรแล้วมันจะมีกอไผ่อยู่กอ 1 คันระหว่างที่ใช้กับพี่สมเอาไว้ทำให้มองไม่เห็นกันแต่สามารถตะโกนคุยให้พอได้ยินเสียงกันได้เป็นที่ใช้ก็คือแบบฝรั่งนั่นแหละพี่ชายเอาเหยื่อปลอมติดเน็ตแล้วก็เหวี่ยงออกไปแล้วก็เอาไม้มาปักเป็นหลักปักดิ้นเพื่อมัดติดกับคันเบ็ดไว้ จะได้ไม่ต้องนั่งถือให้เมื่อยเพราะนั่งเฝ้าเป็นไปได้สักพักแล้ววันนี้อากาศร่มรื่นตัวนี้ง่วงพิชัยก็เผลอหลับไปมาสะดุ้งตื่นรู้ตัวอีกทีฟ้าก็เริ่มโอเคแล้วน่าแปลกที่ปลาชุมขนาดนั้นกลับไม่กินเบ็ดเลยพี่ชายก็เลยถอดใจเตรียมจะเก็บไปกลับบ้านแล้วตะโกนเรียกพี่สมเพื่อจะชวนกลับบ้าน แต่พี่สมแกก็ไม่ตอบพี่ชายก็สงสัยว่าพี่สมหายไปไหนเลยจะเดินไปดูแต่ไม่ทันจะก้าวขาเลยพี่ชายก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะอยู่ดีๆได้ยินเสียงเหมือนมีคนกระโดดน้ำดังตูมใหญ่พี่ชายหันขวับตามต้นเสียงระยะที่พิชัยยืนอยู่ห่างจากต้นเสียงนั้นประมาณ 10 เมตรพี่ชายพยายามมองลงไปในน้ำ ตรงจุดที่น่าจะเป็นต้นเสียงนั้น ช่วงเวลาโพสแบบนั้นก็พอมีแสงเล็กน้อยที่พอจะมองเห็นอะไรได้บ้างมองสักพัก ก็เห็นเหมือนวัตถุอะไรสักอย่างลักษณะกลมกลมลอยพริ้วๆอยู่ในน้ำใจถ้าไม่ดีและรีบดึงไปกลับทันทีแต่บินกลับหนักๆเหมือนไม่เกี่ยวกับอะไรสักอย่างแกจึงพยายามดึงรอกกลับ พอดึงเข้ามาใกล้ในระยะ 5 เมตรพิชัยก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ สิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นมันเป็นหัวคนใช้ปากคาบเบ็ตเอาไว้มีผมยาวสยายแต่อยู่ในน้ำดวงตากลวงโบ๋เป็นหลุมลึกใบหน้าซีดขาวดูน่ากลัวมากแล้วทันใดนั้นหัวผีอันนั้นก็พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นเรียกว่าชอบมากมายตกปลาน่ะแล้วก็หัวเราะเสียงวิญญาณหลอนๆ วินาทีนั้นไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายพี่ชายพุ่งทะยานวิ่งตรงออกจากตรงนั้นทิ้งคันเบ็ดเอาไว้ไม่เหลียวหลังมองเลยขวารถมอเตอร์ไซค์บิดออกจากที่นั่นอย่างเร็วโดยไม่สนใจเลยว่าพี่สมอยู่ที่นั่นหรือเปล่า เพราะถึงบ้านแกก็ไม่พูดจากับใครเอาแต่นั่งตัวสั่นเงียบเอาผ้าห่มมาคลุมโปงจนเผลอหลับไปจนรุ่งเช้าพี่ชายก็พอมีสติแล้วถึงได้ไปหาพี่ส่งที่บ้านแล้วเล่าให้พี่สมฟังเราจบเลยถามพี่สมว่ากูตะโกนเรียกมึงทำไมไม่ตอบวะผสมเลยตอบเสียงไร่อ้อยว่ากูน่ะมาก่อนมึงอีกกูก็เจอเหมือนมึงนั่นแหละกูกลัวจากกูเลยไม่ทันได้บอกมึงเพราะเราให้คนแถวบ้านฟังเขาก็เลยพูดว่ามึงสองคนไม่รู้เรื่องน่ะสิมัน 3 ปีก่อนอ่างนั้นน่ะมีคนไปตกปลาแล้วเจอหัวผู้หญิงถูกตัดเอามาโยนทิ้งอำพรางศพอยู่ในอ่างเก็บน้ำนั่น เมื่อพี่สมและพี่ชายได้ยินเรื่องเล่าอย่างนั้นก็คิดว่าคงต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นแน่นอนหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้แวะเข้าไปที่อ่างเก็บน้ำนั่นอีกเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วิณญาญที่ออฟฟิศเก่า !!
บริษัทประกันภัยที่ผมทำงานอยู่แถวสี่พระยานี่เองครับความเจริญไม่ต้องพูดถึงก็ได้เพราะเป็นย่านธุรกิจการค้าที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของกรุงเทพฯเมื่อหลายสิบปีแล้วตอนเที่ยงๆพนักงานบริษัทและห้างร้านลูกเดียวกันออกไปหามื้อเที่ยงกินมองจากตึกสูงสูงเห็นแต่หัวดำๆเหมือนมดเหมือนปลวกไม่มีผิดเฉพาะบริษัทผมแห่งเดียวก็ปาเข้าไปตั้งเกือบร้อยคนเมื่อเรา 2-3 ปีก่อนเกิดเรื่องสยองติดๆกันคือพนักงานสาวกินยาตายในห้องน้ำ สาเหตุจากปัญหาท้องไม่มีพ่อกับอกหักกระโดดตึกที่หนังสือพิมพ์เขาเรียกว่าโหม่งโลกฆ่าตัวตายนั่นแหละครับตึกสูง 10 กว่าชั้นจะไปมีอะไรเหลือล่ะพี่แอ๋วผู้ช่วยฝ่ายการเงินไปเข้าห้องน้ำเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มหมดสติกว่าจะมีคนไปพบและนำส่งโรงพยาบาล พี่แอ๋วก็กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเกือบ 1 เดือนก่อนจะเสียชีวิตเพิ่งจะเผาศพเธอไปอยู่ยงน้องหมวยสาวสวยประจำแผนกบริการลูกค้าเพิ่งจะออกจากห้องน้ำมาอยู่ๆกลับมานั่งโต๊ะเดี๋ยวเดียวก็จะเล่นทวดขึ้นส่วนตัวก่อนจะล้มฮวบลงบนพื้น มือหนึ่งตะกายเก้าอี้ตีลูกล้อมันลื่นหนีไปเรื่อยๆพอเพื่อนๆวิ่งมาดูก็แตกตื่นร้องวี๊ดว๊ายไปต่างๆกัน น้องหมวยแต่งหน้าศพกับท่อนแขนปากอ้าในตาลืมค้างเบิกโพลงเหมือนมองเห็นภาพที่สยดสยองสุดขีดก่อนจะสิ้นใจช่วงเวลาเดือนเศษๆมีทั้งฆ่าตัวตาย 2 รายกับตายด้วยอุบัติเหตุรวมทั้งหัวใจวายอย่างละ 1 รายปาเข้าไปทั้ง 4 ศพจะไม่ให้คนขวัญอ่อนกลัวผีได้ยังไงพนักงานส่วนมากมักหน้าตาไม่ค่อยสบายนะดูซีดเซียวๆในชอบคนมักจะเหลียวหน้าเหลียวหลังด้วยอาการหวาดระแวงเกือบตลอดเวลาเรียกว่าแท้ไม่มีกะจิตกะใจทำงานก็คงจะไม่ผิดนะ มีเสียงซุบซิบหัวเจ้าที่แรงบ้างผีดุบ้างเมื่อราว 3 ปีกว่าๆมาแล้วเคยมีคนงานเช็ดกระจกพัดหล่นลงไปคอหักตายเชื่อว่าวิญญาณที่เจ็บปวดคงจะวนเวียนอยู่บริเวณนั้นไม่ยอมไปผุดไปเกิดกลายเป็นวิญญาณดุร้ายเฮี้ยนจะตามรังควานคนชะตาขาดเพื่อเอาไปอยู่เมืองผีติดๆกันถึง 4 คนจนอกสั่นขวัญหายกันไปทั้งบริษัท พอจะทราบไปหน่อยนะติ๋มแม่บ้านประจำชั้นเราเกิดเป็นลมตายในห้องพักขึ้นมาได้ที่ห้องที่ว่าจะเรียกกันว่าห้องกาแฟคือมีทั้งตู้เย็นกาน้ำร้อนชั้นวางขวดเครื่องดื่มต่างๆเช่นน้ำชากาแฟโกโก้โอวัลตินทำตาเต้คอฟฟี่เมตสำหรับบริการพนักงานอาวุโสกับแขกที่มาติดต่อธุรกิจแทบทั้งวันมีโต๊ะอาหารเล็กๆเตียงเตี้ยสำหรับนั่งพักผ่อนแต่ไม่ถึงกับเป็นหลังหรอครับพอมีแขกมากหน้าหลายตาจะนะติ๋มกับผู้ช่วยที่พี่แป้งไม่ค่อยมีเวลาหยุดจนเท่าไหร่นะวันเกิดเหตุมีลูกค้ามาติดต่อเรื่องเคลมประกันตอนใกล้เลิกงานพอดีพี่แป้งเล่าว่าน้าติ๋มชงกาแฟ 2 ที่วางซองน้ำตาลให้เรียบร้อย แล้วส่งให้เธอเอาไปบริการที่ห้องโรงงานหัวหน้าแผนกแต่พอกลับมาก็เห็นน้าติ๋มนอนหลับตาเห็นหน้านิดๆปากเผยอเหมือนคนนอนหลับทั้งนั้นที่เพิ่งแยกมาอยู่ๆนี่เองน้าติ๋มตายแล้วพี่แป้งมีงูออกจากห้องกาแฟมาร้องไห้โฮจนพวกเราลุกพวกผมวิ่งไปดูก็เห็นน้าติ๋มสิ้นลมไปแล้วจริงๆพวกผู้หญิงที่ตามหลังมาทำท่าทางเหมือนจะเป็นลมเป็นแล้งต้องไล่กลับไปที่โต๊ะหมดทุกคนบางวันอาทิตย์เป็นลมตายบางกว่าเป็นโรคหัวใจกำเริบบางก็ว่าโดนผีหลอกพี่แป้งไม่กล้ามาทำงานต่อจะลาออกท่าเดียวหัวหน้าต้องเรียกน้าแหม่มแต่ชั้นบน ลงมาช่วยงานและอยู่เป็นเพื่อนพี่แป้งยังไม่วายขวัญหนีดีฝ่อตรงตามน้าแหม่มแจขนาดจะเข้าห้องน้ำแต่ยังต้องขอให้น้าแหม่มมาอยู่หน้าห้องเลยครับ เวลาผ่านไปเกือบเดือนพวกเรากำลังจะลืมเรื่องนี้อยู่แล้วก็พอดีก็มีลูกค้าเก่ามาหาลูกอาจดูเหมือนจะมาเยี่ยมเยียนธรรมดาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องงานเลขาหน้าห้องก็บอกไปทางนะแหม่มพี่แป้งที่อยู่ใกล้ๆก็กุลีกุจอเก็บน้ำตากับคอฟฟี่เมตมาใส่ให้พร้อมน้าแหม่มหันหน้ามายื่นถ้วยกาแฟให้แต่ใบหน้านั้นกลับกลายเป็นใบหน้าของนักเตะที่ตายไปแล้วชัดๆโลกของพี่แป้งแต่ก็ได้ในพริบตาเสียงร้องกรี๊ดวันเกิดไฟไหม้พวกเราเห็นพี่แป้งร้องไห้โฮในตาเหลือกลานพูดไม่เป็นภาษานอกจากชี้ไม้ชี้มือไปข้างหลังได้ยินแต่ว่าน้าติ๋ม ผีน้าติ๋มผีน้าติ๋มพี่แป้งลาออกไปแล้วไม่ว่าใครจะอ้อนวอนให้อยู่ต่อไปก็ไม่ฟังเสียงยืนยันแต่ว่าตกงานยังดีกว่าโดนผีหลอกจนช็อคตาย แต่เรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ครับ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สามล้อผีสิง!!
ในปีพ.ศ 2521 เราบวชเป็นสามเณรน้อยที่วัดป่าศาลาวิเวกอำเภอเมืองจังหวัดมุกดาหารเป็นวัดป่าที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองถนนหนทางเปล่าเปลี่ยวไฟฟ้าไม่สว่างห่างไกลจากผู้คนในรถและผู้คนส่วนมากไม่ค่อยกล้าเข้าไปที่วัดนั้นช่วงกลางคืนยิ่งไม่มีคนเลยเราและเพื่อนสามเณรอาศัยอยู่ที่วัดป่าเรา 5-6 ลูกทุกๆเย็นจะต้องเดินไปเรียนที่วัดศรีบุญเรืองตำบลในเมืองตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็นครึ่งถึง 2 ทุ่มเป็นประจำเพราะเลิกเรียนพวกเราก็เดินกลับวัดถ้าเลิกไม่พร้อมกันเราเลิกก่อนก็จะเดินกลับลำพัง รู้สึกเฉยๆมากกว่ากลัวก็เดินจนชินแล้วเส้นทางระหว่าง 2 วัดนั้นมีสามล้อปั่นรับจ้างสำหรับผู้ต้องการความสะดวกอีกด้วย อยู่มาวันหนึ่งเราได้ทราบข่าวว่ามีรถบรรทุกสิบล้อชนคนปั่นสามล้อตายคาที่ชาวบ้านเชื่อว่าคนที่ตายโหงต้องนำศพไปฝังที่วัดจนครบ 5 ปีถึงจะขุดขึ้นมาเผาดังนั้นทุกคนถีบสามล้อเก๋งถูกนำไปฟังใกล้ๆกุฏิที่เราอาศัยอยู่ขนาดนั้นกุฏิในวัดป่าจะสร้างห่างกันมากและข้อบังคับของทางวัดก็คือห้ามอยู่ด้วยกันคือกุฏิ 1 หลังจะต้องอยู่คนเดียวขึ้น 1 หลังจากเลิกเรียนเราติดธุระกับเพื่อนสามเณรในวัดศรีบุญเรืองพูดคุยธุระกับเพื่อนเกือบ 4 ทุ่มเดินทางกลับไปยังวัดป่าช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาดึกมากแล้ว ก่อนถึงวัดป่าลาว 1 กิโลเมตร เราเดินมาเรื่อยๆท่ามกลางความมืดสลัวสองข้างทางมีแต่เสียงหมู่ไม้ดำทะมึนตีนเสียงนกร้องลมพัดไม้วิวสวยในวังเวงใจยิ่งนักเราปลอบใจตัวเองก็คงไม่มีอะไรเพราะเคยเดินไปมาคนเดียวบ่อยครั้งขนาดนั้นเองก็ได้ยินเสียงเหมือนคนปั่นสามล้อตามมาข้างหลัง เมื่อมาแต่ไกลตัวก็มองเห็นสารถีมีผ้าโพกหัวสีแดงสะพายย่ามใบโตด้านหลังมีมีดเล่มใหญ่เขาเอ่ยปากทางขึ้นว่าเณรจะเข้าไปในวัดป่าใช่ไหมเราก็ตอบกลับไปว่าใช่แล้วโยมแต่แล้วใจ 1 คนนึกไปถึงคนที่สามล้อที่ถูกรถสิบล้อชนตายแม้เดี๋ยวนี้ศพก็ยังฝังอยู่ในวัดคนปั่นสามล้อเลยชวนเราขึ้นรถแต่ก็ปฏิเสธไปบอกว่าจะเดินกลับเองเพราะไกลจนถึงวัดแล้ว แต่เขาขยันขยะถึงเราใจอ่อนตัดสินใจขึ้น สามล้อจนได้ตอนที่นั่งอยู่นั้นก็นึกสงสัยว่าเวลาเกือบ 5 ทุ่มแล้วสามล้อคนนี้จะเข้าไปในวัดทำไม แต่ก็ไม่กล้าถามได้แต่คิดในใจตลอดทางเราไม่ได้พูดจาอะไรกันเลยจนใกล้จะถึงจุดหมายเรารู้สึกว่าสามล้อค่อยๆช้าลงช่วงนั้นมีต้นไม้ปกคลุมแสงสว่างจากไฟฟ้าก็ไม่มีมีแต่แสงสลัวจากดวงจันทร์ในความเงียบเชียบเท่านั้นมันถึงหน้าคนตีคนถีบสามล้อถามว่าถึงกุฏิหรือยัง เราก็ตอบว่าถึงแล้วเราก็ถามไปว่าเอาเท่าไรโยม เขาบอกว่าไม่เอาหรอกสามเณร ขนาดที่ลงรถแล้วมองไปที่ใบหน้าของแต่ละทียามดึกก็เห็นใบหน้าเขาดำปี๋เหมือนไม่ใช่คนเล่นเอาใจระทึกแต่ก็ตอบเขาไปว่าขอบใจมากนะคุณโยมก่อนจะเดินขึ้นกุฏิ รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้เหลียวมองไปยังคนปั่นสามล้อที่หันหลังกลับคุณพระช่วยก็ปั่นสามล้อไปที่หลุมฝังศพแล้วก็เลือนหายไปเราสะบัดหน้างงๆไม่แน่ใจว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่าหรือเป็นเพียงภาพลวงตาก็ได้เพราะขนาดนั้นดึกมากแล้วกับพี่แสงจันทร์ส่องสลัวเท่านั้นเหตุการณ์แปลกประหลาดในคืนนั้นเราก็เก็บเงียบไม่ได้เล่าให้เพื่อนๆหรือผู้อื่นฟังแม้แต่คนเดียวรุ่งขึ้นเป็นวันพระขึ้นนั้นเราก็ไปเรียนที่วัดศรีบุญเรืองตามเคยขากลับก็กลับคนเดียวเหมือนคืนก่อนปรากฏว่า ได้พบกับสามล้อคนเก่าและเหตุการณ์ก็เหมือนกับคืนแรกทุกประการเราอย่างแน่ใจแล้วว่าโดนผีสามล้อหลอกหลอนเขาจริงๆถึง 2 คืนติดๆในที่สุดนำเรื่องขนหัวลุกไปเล่าให้เพื่อนๆนะเจ้าอาวาสฟังท่านอาจารย์จึงแนะนำให้เรากรวดน้ำแผ่เมตตาให้กับวิญญาณของ สามล้อผู้นั้นเราก็ปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านแต่โดยดีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเราก็ไม่ได้พบกับ สามล้อนั้นอีกเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
คนขับรถหัวลาก !!
เรื่องจะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆหรือพ่อบุคคลที่เคยเอ่ยปากบอกว่าผีมีที่ไหนคิดไปเองกันทั้งนั้นแต่จู่ๆกลับมานั่งเล่าเรื่องสยองก่อนนอนให้เราฟังพ่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวมีรถเทรลเลอร์รับจ้างขนส่งสินค้าทั่วประเทศโดยที่พ่อเป็นคนขับรถเทเลอร์เองเพราะอาชีพนี้แหละพ่อเดิมประสบการณ์ขนหัวลุกต่างๆมากมายเรื่องที่พ่อเล่าให้ฟังมานานมาแล้วพ่อต้องไปส่งสินค้าที่โรงงานข้างภูเขาทองวัดสระเกศไปกันสองคนกับพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ออกเดินทางมุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทางกว่าจะถึงที่หมายก็มืดค่ำซะแล้วเมื่อถึงทางเข้าพ่อเห็นยามโบกรถอยู่ข้างทางเข้าตามทางที่ยามบอกให้ผ่านเข้าเข้าไปจอดข้างในหรือยังคนนั้นก็ตะโกนบอกพ่อว่าเข้าไปข้างในๆเลยนะพ่อก็ไม่ได้เอะใจอะไรกับคำพูดของยามที่ตะโกนบอกมาอย่างนั้นพ่อเลี้ยวรถเข้าไปตามทางที่ยาวปกให้ผ่าน เมื่อผ่านทางเลี้ยวเข้ามาพ่อบอกว่ามันมืดออกมามองอะไรไม่ค่อยจะเห็นเห็นก็เห็นได้แค่นิดเดียวก็คือจอดรถเลยเพราะข้างหน้าไม่เหมือนกำแพงไม่สูงมากกันอยู่พอดีจอดรถนอนก็ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าพ่อนอนไปได้สักพักใหญ่แต่ยังไม่หลับสนิทเพราะรู้สึกตัวพอได้ยินเสียงเหมือนมีใครเดินวนอยู่รอบรถแต่มันดึกมากแล้วคุณคิดว่าเป็นยามที่โบกรถเมื่อตอนเข้ามาแต่เสียงเจ้ากรรมเหมือนเดินวนไม่หยุดเดินวนอยู่รอบรถเรียงนั้นสักพักเสียงก็หยุดไปเพราะคิดว่าไม่มีอะไรเลยนอนต่อ ต้องหัวรถที่พ่อนอนค่อยออกแบบโยกเยกกันรู้สึกได้เลยว่ารถโคลงเคลงจะว่าคนแกล้งก็ไม่ใช่รถมันใหญ่และหนักมากพ่อบอกว่าเขย่าแรงมากพอตกใจลุกขึ้นนั่งดูรถที่เขย่าก็หยุดลงพอมองไปรอบๆรถมองหาว่าใครมาแกล้งหรือมาทำอะไรให้ตกใจกลัวหรือเปล่าแล้วพอก็ได้ยินเสียงหวีดดังใกล้ๆพ่อเลมองตามเสียงมาทางด้านหน้ารถสายตาจับจ้องไปที่กำแพงแล้วพ่อก็ถึงกับผงะกับสิ่งที่มองเห็นพ่อบอกว่าสิ่งที่พ่อเห็นนั้นขอยืนยันและแน่นอนว่ามันคือผีหรือวิญญาณที่พ่อบอกว่าไม่เคยมีจริงณที่นั้นเพราะเห็นร่างเอาสาวนั่งอยู่บนกำแพงทำถ้าฉัน โอ๊คหน้าเข้ามาทางด้านหน้ารถเสียงร้องหวีดไม่เป็นภาษาน่ากลัวมากๆนั่งจ้องพ่ออยู่อย่างนั้นและโยกตัวไปเพราะพ่อตกใจล้มตัวลงนอนก็ยังได้ยินเสียงเดินวนรอบรถและเขย่าหัวรถพร้อมเสียงร้องหวีดมาเป็นระยะระยะพ่อนอนทนฟังจนกระทั่งฟ้าสามรสที่เขย่าก็หยุดลงเสียงเดินหายไปพร้อมกับเสียงผู้หญิงฟ้าสว่างพอลุกขึ้นมามองไปรอบรอบรถสายตาผ่านไปเห็นกำแพงทุกด้านหน้าของรถกำแพงเป็นกำแพงวัดที่บรรจุกระดูกคนตายพอรีบถอยรถออกแล้วขับงูเข้าไปยังที่ลงสินค้าอย่างรวดเร็วพอบอกว่าน่าจะเชื่อคำยามให้เขามาจอดอยู่ข้างในไม่รู้ว่ากล้าไป จอดได้ยังไงตรงกำแพงบรรจุกระดูกคนตายทั้งเปรี้ยวทั้งวังเวงขนาดยางเองยังต้องอยู่ข้างๆไม่กล้าเข้ามาข้างในเลยพ่อบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่เห็นผีแบบจะๆอย่างนี้แต่เรื่องราวก็มีเพียงเท่านี้ครับ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2561
แช่งชัก !!
สวัสดีครับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้รับการถ่ายทอดมาจากป้านวลซึ่งเป็นวันก็เล่าให้ฟังว่าในสมัยปี 2529 สมัยนั้นบ้านเมืองและถนนหนทางไม่ได้เจริญเหมือนในปัจจุบันท่านเป็นคนทั้งหมดสงครามตั้งแต่เกิดเลยตอนนั้นก็เพิ่งจะออกเรือนแต่งงานได้ใหม่ๆแล้วก็ย้ายมาทำงานในกรุงเทพส่วนสามีแกรุ่งสวนเป็นคนขับรถส่งนักท่องเที่ยวซึ่งก็ต้องพานักท่องเที่ยวไปต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆต้องบอกก่อนว่าลุงสวนแกเป็นคนเจ้าชู้มากๆเป็นคนนิ่งขรึมอัธยาศัยดีชอบคุยกับคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยหลังจากลุงสวนแกทำงานไปได้สักพักแกก็บอกกับตาว่า ต้องกลับบ้านที่จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อไปเยี่ยมทั้งบ้านของแกแต่ครั้งนี้ป้าแกแปลกใจเพราะปกติลุงแกถ้าจะกลับบ้านที่เมืองกาญใกล้จะออกปากชวนป้าทุกครั้งหนึ่งในช่วงนั้นประจวบเหมาะกับป้าต้องไปออกหน่วยแพทย์ของส่วนราชการแห่งหนึ่งซึ่งโดยปกติแล้วรุ่งสวนแกจะเป็นคนไปรับไปส่งป้าขึ้นรถเป็นประจำแต่ครั้งนี้ลุงสวนแกบอกว่าจะกลับบ้านที่เมืองกาญก็เลยทำให้ป้าต้องไปขึ้นรถเอง ป้าแกไม่ได้ว่าอะไรแต่ในใจก็คิดว่าลุงต้องพาใครไปต่างจังหวัดแน่ๆ อ้ายการติดต่อส่วนใหญ่ในสมัยนั้นโทรศัพท์ก็จะเป็นแบบตั้งโต๊ะซะส่วนใหญ่ตาแกก็เลยพูดกับลุงว่าถ้าพาผู้หญิงหรือกิ๊กไปด้วยก็ขอแช่งให้รถคว่ำตายใน 3 วัน 7 วัน ซึ่งลุงสวนแกก็ยังพูดติดตลกอยู่ว่าจะพาใครไปได้ป้านวลแต่งตัวออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปขึ้นรถเอง 1 สัปดาห์เต็มที่วันดวลต้องทำงานที่ต่างจังหวัดไม่กี่วันก็นวลก็กลับบ้านโดยให้น้องชายมารับซึ่งลุงสวนก็กลับจากเมืองกาญพอดีในช่วงนั้นวัดแถวบ้านของลุงสวนจังหวัดกาญจนบุรีมีทอดกฐินพอดีลุงสวนแกก็เลยชวนป้านวลไปกันที่วัดนี้ซึ่งก็ออกเดินทางกันในเช้ามืดของอีกวันนึงใช้เวลาออกเดินทางกันมาไม่นานก็มาถึงวัดแห่งนี้เพราะทอดกฐินอะไรกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเที่ยวกันต่อที่แกร่งแห่งหนึ่งกลับจากเที่ยวเกาะ 5 6 โมงเย็นแล้วลุงสวนพร้อมเพื่อนที่มาด้วยกัน 1 คนป้านวลและน้องชายของแกก็คุยกันว่าน่าจะหาที่พักแถวนี้สักคืนนึงแล้วค่อยกลับพรุ่งนี้ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วเพื่อนของลุงสวนก็เลยบอกว่าแถวๆนี้มีโรงแรมอยู่ที่ 1 ขับรถจากที่นี่ไปไม่น่าจะเกิน 10 กิโลจึงตกลงแล้วตัดสินใจขับรถไปที่โรงแรมแห่งนี้กันสองข้างทางทางที่จะไปยังโรงแรมนี้มีแต่ป่ารกตอนนั้นป้าแกก็จำไม่ได้แล้วว่าโรงแรมนี้ชื่ออะไรเพราะมันมืดออกมาเพราะไปเถอะ ถึงโรงแรมก็เกือบสามทุ่มแล้วก็จัดการเช็คอินแยกย้ายกันไปที่ห้องโดยป้าแก่นอนห้องเดียวกันกับลุงสวนส่วนน้องชายของป้านวลนอนอีกห้องหนึ่งกับเพื่อนของลูกสวน เมื่ออาบน้ำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วเวลาประมาณสัก 4 ทุ่ม เสียงโทรศัพท์ในห้องประจำคลื่นชนวนแกบอกว่าแกก็เดินไปรับโทรศัพท์ต้นสายคือพนักงานต้อนรับของโรงแรมบอกว่ามีโทรศัพท์ด่วนปลายสายบอกว่าเป็นญาติโทรมา ป้าก็แปลกใจคนรู้ได้ยังไงว่าเรามาพักกันที่โรงแรมแห่งนี้ซึ่งยังไม่ได้บอกใครเลยแกก็ฮัลโหลไปเสียงปลายสายเงียบมีเสียงกุกๆกักๆประมาณเหมือนทีวีไม่ชัดคงจะนึกออกนะครับแกฮัลโหลไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีคนตอบคนเลยวางสายไปแล้วก็มานั่งบ่นให้ลุงสวนฟังว่ามีใครก็ไม่รู้โทรมาบอกว่าเป็นญาติจะคุยด้วยแกก็บ่นๆจากนั้นก็นอนหลับไปรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงโทรศัพท์ในห้องมันดำขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งดูเวลาตอนนั้นน่าจะประมาณตี 2 เกือบตี 3 ได้แล้วด้วยความที่นอนหลับกันหมดแล้วใครที่อยากจะลุกขึ้นมารับโทรศัพท์ป๋าแกก็เลยต้องลุกขึ้นมารับโทรศัพท์อีกป้าแกเล่าให้ฟังว่าครั้งนี้แกรับโทรศัพท์ก็เหมือนเดิมปลายสายนั้นเงียบแก้โหลไปหรือเสียงยิ่งหงุดหงิดจากที่ถูกๆกลางดึกแบบนี้แล้วแกก็ถามไปว่า ว่ามีใครน่ะเสียงเงียบไปได้ไม่นานก็มีเสียงผู้หญิงเป็นเสียงเย็นๆก็ตอบสวนกลับมาทันทีว่าถ้าอยากรู้ก็เปิดหน้าต่างดูสิเมื่อบ้านนวลก็ได้ยินเสียงแบบนั้นแกเล่าให้ผมฟังว่าแกรีบวางสายทันทีแล้วก็วิ่งไปนอนตัวสั่นพุ่มพวงอยู่ข้างๆโรงสวนลุงสวนรับรู้ได้ถึงความผิดปกติก็เลยตื่นแล้วถามป้านวลว่าเป็นอะไรดึกๆดื่นๆแล้วทำไมไม่ยอมนอนป้านวลแกก็เลยเล่าเรื่องที่เจอให้ฟัง เป็นกลางดึกนั้นลุงสวนแกต้องเดินลงไปที่โรงแรมด้านล่างพร้อมกับขอรูปพนักงานมาดอกนึงนวลบอกว่าแกต้องหรือพูดอะไรสักอย่างอยู่พักหนึ่งแล้วก็เอาธูปไปปักที่ใต้ต้นไม้แถวๆหน้าโรงแรมคืนนั้นก็กลับไปนอนกันจนถึงเช้าก็ออกเดินทางกลับบ้านเพราะมาถึงบ้านลุงสวนก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่าตอนที่ป้านวลแกไปออกหน่วยที่ต่างจังหวัดลุงสวนแก่พาน้องผู้หญิงคนนี้ไปด้วยซึ่งก็ไปเที่ยวกันที่เมืองกาญนี่แหละเที่ยวอยู่ได้สัก 2 วันก็ไปส่งน้องผู้หญิงคนนี้ที่บ้านเพราะลุงสวนแกกลับบ้านที่เมืองกาญรู้ข่าวอีกทีว่า ผู้หญิงคนนี้ขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปซื้อของแล้วรถมอเตอร์ไซค์คว่ำรถสิบล้อที่ตามหลังมาเบรกไม่ทันแอบเสียชีวิตคาที่นุ่งสวนแกก็ไปช่วยทางญาติน้องผู้หญิงเขาจัดการงานศพจนเสร็จแล้วก็กลับมาที่กรุงเทพซึ่งก็เป็นวันเดียวกันกับที่ฟ้ากลับถึงบ้าน ป้าบอกว่าไม่รู้อะไรดลใจป้าถึงได้พูดแบบนั้นในวันนั้นเรื่องราวที่พูดไว้กลับเกิดขึ้นจริงหรือมันจะบังเอิญก็เถอะแต่ป่าก็ยังรู้สึกผิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นจนถึงปัจจุบันส่วนลุงสวนเองเพราะเกิดเหตุการณ์นี้ขอสัญญากับป้านวลว่าจะเลิกโกหกป้านวลไปตลอดชีวิต
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สะพานไม้ข้ามคลอง !!
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของพี่คนนึงที่ผมสนิทครับพี่เขาชื่อว่าการบ้านพี่เขาอยู่แถบชานเมืองติดกับคลองแถวบ้านมีท่าน้ำยื่นออกไปในคลองเต็มไปด้วยผักตบชวามีการเล่าว่าเพิ่งจะหายจากอาการทางประสาทผมถามว่าทำไมถึงเป็นครับพี่เก๋บอกเจอผีแล้วช็อกไงอยากฟังไหมผมก็พยักหน้าย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อนพี่กานได้ทำงานเป็นเซลล์ขายของแก้กลับบ้านไม่ค่อยตรงเวลาสักเท่าไหร่บางครั้งก็หัวค่ำทุ่ม 2 ทุ่มบางทีก็เที่ยงคืนตีหนึ่งตีสองก็มี มาวันหนึ่งก็กลับมาจากที่ทำงานประมาณ 3 ทุ่ม เดินขึ้นสะพานไม้ข้ามคลองกำลังเดินอยู่ได้ยินเสียงคนเดินตามหลังมาหันกลับไปดูเป็นสาวออฟฟิศคนนึงเดินขากระเผกอยู่แกเห็นจะหยุดถามว่าให้ช่วยอะไรไหมใส่ส้นสูงอย่างนั้นเดินลำบากหากไม่รังเกียจกันพยุงไปส่งบ้านไหมเธอคนนั้นยิ้มแล้วพยักหน้าให้แกก็เข้าไปพยุงน้องน้องก็บอกว่าให้ไปส่งที่ท่าน้ำหน่อยถามว่าทำไมไม่ให้ไปส่งที่บ้านเธอบอกว่าเดี๋ยวแฟนเธอจะมารับถึงที่ท่าน้ำเธอพูดขอบคุณแค่ถามว่าดึกแล้วนะจะมารับตอนไหนน้องก็ตอบว่าอีกแป๊บเดียวพี่กานต์กลับบ้านแล้วตอนเช้าก็มีงานในกรุงเทพเลยต้องออกจากบ้านเร็วแต่เช้ามืด เดินไปถึงท่าน้ำเจอเธอคนนั้นยืนอยู่ที่เดิมแต่ถามว่าแฟนยังไม่มาเหรอคือบอกว่ายังเลยแกก็ตกใจบอกบ้านไกลไหมจะไปส่งเธอบอกว่าไปไม่ได้หรอกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวกลับเองพี่กานเลยไปทำงานมองลงมาจากสะพานเห็นเธอชี้ไปที่กองผักตบชวาที่มีดอกสีม่วงคิดว่าเธอคงจะบอกว่ามันสวยดีแต่กลับบ้านอยู่ติดกัน 3 คืนทุกครั้งที่กลับมาจะเจอเธอคนนั้นที่ท่าน้ำยิ้มให้และเอามือชี้ไปที่ดอกผักตบชวาตลอดแกก็ยิ้มให้แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรคืนต่อมาแก้กลับมาพร้อมกับเพื่อนคนนึงพร้อมเครื่องดื่มและกลับแกล้ม เธอคนนั้นยิ้มและชี้ไปทางที่เดิมเพื่อนแกก็ถามว่าใครบอกว่าสาวบ้านอยู่แถวนี้ว่ารอแฟนมารับแกบอกว่าไปถามดูหน่อยไม่กลัวหรือไงวะอยู่ดึกๆทุกวัน ไปถึงเธอคนนั้นบอกแกกับเพื่อนมันหนาวก็เลยจะถอดเสื้อแขนยาวให้เธอก็ชี้ไปที่ดอกผักตบชวาก็เลยถามว่าทำไมหรอสวยดีอยากได้หรอว่าแล้วแกก็ลงคลองหกอ. ปากตกให้เก็บดอกมันส่วนเพื่อนแกที่ท่าน้ำได้ยินเสียงคนเดินจากข้างหลังหันไม่ดูไม่เห็นใครแล้วก็แปลกใจเมื่อสาวออฟฟิศคนนั้นหายไปแล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงพิการร้องลั่นกระโดดลงไปช่วยขึ้นมาแต่ละว่าจะทิ้งแกหมดไปแล้วเพราะไม่ถึงบ้านพ่อแม่แก่เอาพระมาคล้องคอแล้วเอาน้ำมนต์มาส่งให้ถึงตอนเช้าสติแกกลับมานิดนึงแกก็รอให้ฟังว่าเมื่อคืนที่ลงไปในท่อ เพราะถึงดอกผักตบชวาก็จะหันไปดูสาวคนนั้นถึงมือแกไปคว้าเอาอะไรบางอย่างมันคือขาคนที่บอกว่ามื้อที่กำลังถึงดอกผักตบมือหนึ่งมันจำไว้มองดูมันคือร่างคนๆนึงลอยคว่ำอยู่ศีรษะที่บวมอืดตาถลนทางแห่งการหลุดออกจากเบ้าร่างนั้นหันมาหาแกแล้วก็พูดว่าหนาวจัง อยากได้ดอกไม้เอาศพหนูขึ้นไปทีถึงกับร้องลั่นโทรไปบอกคนแถวบ้านเลยบอกว่าเห็นมีผู้ชายคนนึงตามหาแฟนเขาบอกว่าเป็นสาวออฟฟิศที่นี้ก็ไปดูเธอก็เจอจริงๆ แต่เธออืดหมดแล้วใครพอเธอคงเจ็บขาใส่ส้นสูงเดินบนสะพานแล้วพลัดตกลงคลองแล้วน้องว่ายน้ำไม่เป็นด้วยที่ไม่มีใครเห็นศพเพราะกอผักตบชวาร้อยมาวางไว้เรื่องนี้ทำให้พิการโรคประสาทต้องรักษากับจิตแพทย์อยู่ 2 ปีถึงจะหายและเรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ครับ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สยองใต้ต้นก้ามปู !!
เมื่อปลายปี 2555 เราได้มีโอกาสเดินทางไปยังบ้านพักของพ่อที่จังหวัดลพบุรีซึ่งพ่อทำงานอยู่ที่นี่ได้เจอะเจอกับเหตุการณ์สยองขวัญที่ชีวิตนี้ไม่มีทางลืมวันนั้นเรามาถึงลพบุรีประมาณ 10 โมงแต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปหาพ่อที่บ้านขับรถลัดเลาะหาที่เที่ยวไปเรื่อยๆเราไม่มีโอกาสได้มาแวะเที่ยวแวะกินถึงบ่ายแก่ๆถึงตัดสินใจกลับมาถึงบ้านก็สวัสดีพ่อพูดคุยกันนิดหน่อยพอบอกว่าให้เราขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้ลงมาทานข้าวพร้อมกันต้องอธิบายลักษณะบ้านบ้านหลังนี้เป็นบ้านปูน 2 ชั้นฝั่งตรงข้ามบ้านเป็นป่าหญ้า แล้วก็มีต้นก้ามปูใหญ่สูงตระหง่านอายุไม่ได้ต่ำกว่า 30 ถึง 40 ปีบ้านหลังนี้นอกจากพ่อแล้วก็ยังมีลุงจิตเป็นเพื่อนพ่อและภรรยาของแกอาศัยอยู่ด้วยเราทั้งสี่คนนั่งทานข้าวไปดูทีวีไปทางหลังทานข้าวเสร็จก็นั่งทานผลไม้แล้วก็คุยสัพเพเหระเกือบ 4 ทุ่มก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอนรุ่งกิจกับภรรยาแกนอนที่ชั้นล่างของบ้านสวนเรานอนห้องใกล้ๆห้องๆซึ่งแต่เดิมเป็นห้องผู้ชายโรคจิตที่ตอนนี้เขาไปทำงานอยู่ที่เมืองนอกนานๆจะกลับบ้านมาสักทีหลังจากเข้าห้องมาได้สักพักพอก็มาเคาะประตูเรียก เราเปิดประตูออกไปถามพ่อว่ามีอะไรเหรอพ่อพ่อเราบอกว่าคืนนี้นอนที่เห็นลืมสวดมนต์บอกเจ้าที่เจ้าทางด้วยนะแล้วก็ถ้าเด็กๆได้ยินเสียงอะไรผิดปกติห้ามลุกมาดูห้ามถามห้ามพูดอะไรทั้งนั้นเข้าใจไหมเราค่อนข้างแปลกใจกับสิ่งที่พ่อพูดแต่ก็พยักหน้ารับทราบแม้ในใจตอนนี้อยากจะถามว่าไปแต่ก็พอจะรู้ก็คงไม่บอกจริงๆมันไม่ได้มีอะไรเพราะอาจจะมาแค่เตือนตามปกติเพราะพ่อรู้ว่าเรามีสัมผัสที่ 6 ชอบเห็นภูตผีวิญญาณเที่ยงคืนกว่าแล้วเรานั่งนอนดูทีวีอยู่ความคิดแปลกที่ทำให้นอนไม่หลับก็เลยดูนั่น ดูนี่ไปเรื่อย นอนคิดว่าพรุ่งนี้จะไปไหนอีกทีมาที่นี่ทั้งทีก็ต้องเที่ยวให้คุ้มแล้วก็คงปล่อยหลักไปรู้สึกตัวอีกทีตอนตี 2 กว่าๆรู้สึกปวดฉี่อยากเข้าห้องน้ำแต่ห้องน้ำมันอยู่ชั้นล่างต้องเดินออกจากห้องและเดินออกไปนอกห้องไม่มืดอย่างที่คิดคงเป็นเพราะตำแหน่งของเสาไฟฟ้าที่อยู่หน้าบ้านพอดีขึ้นทำให้ความสว่างสาดเข้ามาถึงในบ้านแต่ระหว่างที่เรากำลังเดินลงบันไดไปชั้นล่างถึงตอนนี้ก็ยืนอยู่ตรงทางเชื่อมบันไดจากตรงนี้เรามองผ่านหน้าต่างออกไปยังถนนหน้าบ้านตำแหน่งของหน้าต่างที่เรายืนอยู่เยื้องกับต้นก้ามปูเล็กน้อยและระหว่างที่เราสบสายตาไปเรื่อยเราก็เห็นผู้หญิงคน 1 เดินอยู่ข้างทางแต่งตัวแบบชาวบ้านนุ่งผ้าถุงใส่เสื้อยืดสีขาวสวมรองเท้าแตะตอนนั้นในใจเธอเป็นชาวบ้านแถวนี้ที่น่าจะออกมาหากบหาเขียดหรือไม่ก็อาจจะไปไหนมาแล้วก็เพิ่งกลับมาก็ได้เพราะเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรกำลังจะก้าวขาเดินลงบันไดไปต่ออยู่ดีๆก็มีเสียงหอนดังต่อกันมาเป็นทอดทอดระงมไปทั่วจากที่จะเข้าขาลงบันไดไปชั้นล่างตอนนี้กลายเป็นเปลี่ยนใจไม่ไปละห้องน้ำอั้นไว้ดีกว่าแต่ยังไม่ทันจะได้เดินกลับขึ้นไปชั้น 2 เหมือนมีบางอย่างไว้ใจให้เราหันกลับไปมองที่ต้นก้ามปูอีกครั้งและสิ่งที่เราเห็นก็คือผู้หญิงคนนั้นชื่ออยู่ใต้ต้นก้ามปูและกำลังจะปีนขึ้นไปเราค่อนข้างตกใจในสิ่งที่เราเห็นแต่ด้วยความอยากรู้ก็ยังยืนมองแต่ไม่คลาดสายตาจนเผลอหลุดปากออกไปว่าเป็นก็ไปทำไมวะและไม่นานคำตอบก็มาถึงเมื่อผู้หญิงคนนี้ปีนขึ้นไปบนต้นก้ามปูสำเร็จตอนนี้เราไม่เห็นตัวผู้หญิงคนนั้นแล้วเพราะต้นก้ามปูคนข้างมืดจนมองไม่ค่อยชัดว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่บริเวณไหนของต้นหลังจากนั้นไม่กี่วินาที เราก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงเสียงนั้นดังและแหลมมากตอนนั้นสายตาเราก็ยังจับจ้องที่ต้นก้ามปูเสียงกรีดร้องหยุดไปเลยอยู่ๆก็มีร่างของคนร่วงมาจากต้นก้ามปูเพียงแต่ดังนั้นไม่ได้ร่วงลงมาที่พื้นล่างนั้นคอยตกแต่งกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งของต้นก้ามปูโดยมีสิ่งหนึ่งรัฐอยู่ที่ลำคอร่างนั้นแล้วเสียงกรีดร้องขอกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงหมาหอนโหยหวนอย่างต่อเนื่องเราตื่นมาอีกทีที่ห้องรับแขกตอนเที่ยงของทุกวันครั้งแรกที่ได้ยินออกมาจากพ่อเจอจนได้ขนาดเตือนแล้วนะหลังจากที่พูดคุยกันได้จับใจความได้ว่าผู้หญิงคนนี้เมื่อถูก คอตายใต้ต้นก้ามปูเมื่อสองอาทิตย์ก่อนเพราะว่าสามีเขาหนีไปกับเมียน้อยทิ้งหนี้สินไว้ให้รับผิดชอบมากมายคงเครียดและหาทางออกให้ชีวิตตัวเองแบบนี้พ่อบอกว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องนี้ทุกคืนตั้งแต่เกิดเรื่องไม่พอไม่เคยออกมาดูเพราะพ่อรู้ว่าคืออะไรอีกอย่างอีกอย่างก็แรงมากขนาดเอาพระมาทำพิธียังไม่ไปไหนเลยและนี่ก็คือเรื่องราวที่เราไปประสบพบเจอมาตอนที่ไปเยี่ยมพ่อที่จังหวัดลพบุรี
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
รักที่ถูกบังคับ !!
สมัยวัยรุ่นผมอยู่ที่บ้านดงหลวงจังหวัดมุกดาหารชาวบ้านร้านช่องสมัยนั้นอย่างนับถือผีสางเทวดากันไม่ว่าจะเป็นผีฟ้าผีแถนผีปู่ผีตาว่าเป็นที่พึ่งทางใจความเปล่าเปลี่ยวของพื้นที่ซึ่งเป็นทุ่งนาป่าดงแทบทั้งนั้นไม่พ้นเรื่องเรื่องผีสางไปไม่พ้นไม่มีใครล้มตายก็ยิ่งลือกันว่าผีดุถ้าตายโหงด้วยแล้วรับรองว่าลืมกันไปเป็นเดือนๆจะจริงหรือเท็จยังไงก็ไม่รู้แน่นอนจนกระทั่งผมได้เจอะได้เจอกับโคตรผีดุเขากับตัวเองพี่เดือนเป็นสาวสวยวัยต้น 20 ปีผู้ใหญ่โดนผู้พ่อแกหวงนักหวงหนาพวกหนุ่มๆในย่านนั้น ไม่มีใครข้องแวะด้วยแต่เป็นที่รู้จักกันดีว่าพี่เดือนมีคนรักชื่อที่ม่วงลูกนาของผู้ใหญ่บ้านนั่นเองมีคนแอบเห็นเธอต่อไปพบที่พ่วงที่กระท่อมปลายนาบ่อยครั้งนักเรียนมันดื้อรั้นเดี๋ยวใครล่ะแต่การขอเหล้าประจำตำบลเคยพูดกับเพื่อนของแกในร้านเจ๊คุยก็จะขยายความต่อเองดูจมูกมันสิวะนอกจากจะโด่งพี่สาวคนอื่นตรงปลายมันยังเชิดร้านบอกว่าดื้อบรรลัยเชียวไม่มีใครคัดค้านนอกจากห่วงใยแต่พอเธอรู้เข้าจะเกิดเรื่องรุนแรงปานใดที่จุผู้ใหญ่ดอนก็รับมั่นสัญญาว่าจะยกลูกสาวให้ลูกชายเจ้าของโรงสีจากในจังหวัดเมื่อคืนว่าพี่เดือนปิดประตูห้องร้องไห้พะอืดพะอมไม่ยอมกิน ข้าวปลาอยู่หลายวันจนกระทั่งกำหนดแต่งงานใกล้เข้ามามีคนแอบเห็นเธอหลบไปหาคนรักในตอนค่ำคืนรุ่งขึ้นก็อย่าไปตั้งบ้านหัวกี่เดือนหายไปไหนผู้ใหญ่โดนยกโขยงออกติดตามก็ไปพบลูกสาวกลายเป็นศพศพแขวนคอตายที่ต้นมะม่วงป่าริมทางเปลี่ยวหลังหมู่บ้านนั่นเองมีเรื่องกับกลายลงเอยด้วยความเศร้าสลดศพพี่เดือนถูกฝังที่ป่าช้าเรียบร้อยติดม่วงก็หายหน้าไปข่าวลือเรื่องผีสาวเราวาดก็โด่งดังขึ้นทันทีลุงปั่นชักเวียนผ่านมาตอนโพล้เพล้อยู่ๆก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นคร่ำครวญเข้ามาในหู มันดังมาจากต้นมะม่วงที่ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านอาศัยเป็นเรือนตายทำให้ลุงปั่นแหงนหน้าขึ้นมองเห็นว่าไปทั้งตัวศพสาวเดือนห้อยโตงเตงนั้นเล่นเอาลุงปั่นร้องตะโกนลั่นด้วยความตกใจสุดขีดฆ่าเวียนหัวแต่มึงไม่รู้ฝนเหนือฝนใต้มาถึงบ้านได้ก็สลบคาที่ผีพี่เดือนหลอกหลอนทุกคนตายแล้วหลายเราแต่ผมยังไม่เคยเจอกับตัวเองสักทีจนวันหนึ่งผมกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ม้าหน้าบ้านกับเพื่อนเฉยพูนป้าคำใสอยู่บ้านใกล้ๆกันก็มาขอแรงให้ไปเป็นเพื่อนด้วยเถอะเพราะแกจะไปเก็บยอดแต่โดนเอามาจิ้มแจ่ว ไปคนเดียวก็กลัวผีผมกับไอ้พูนขอตกลงกลางวันแสกจะไปกลัวอะไรสักอย่างงามจริงๆครับร่างอ้วนๆของผ้าครามใสกว่าเด็ดยอดก็โดนมันอ่อนๆใส่ตะกร้าเราสองคนช่วยกันเก็บเลิศเพลินทุกท่าทางมีเสียงแมวร้องดังขึ้นมาแมวจากไหนล่ะ ก็ว่าหูแว่วได้ยินกันทุกคนผมเหลียวซ้ายแลขวาก็อ้าปากค้างนึกขึ้นได้ว่าแถวนั้นคือที่ตายของพี่เดือนขณะที่แสงแดดจางหายอากาศเย็นยะเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็วเสียงเยือกเย็นน่าขนลุกดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้ชัดเจนเราเงยหน้าขึ้นมองเป็นจุดเดียวกัน เห็นมะม่วงต้นนั้นยืนทำงานโรงกลึงแมวดำปลอดม. อยู่บนกิ่งใหญ่จ้องมองเราด้วยนัยน์ตาเหลืองจ้าแยกเขี้ยวขาววัดหน้าสยองแมวเจ้ากรรมร้องแต่ฟังคล้ายเสียงคนร้องไห้ก็จะกระโดดแถวหายไปในกิ่งใบดกหนาข้างบนผมเกือบจะถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่แล้วเชียวก็พอดีมีเสียงซู่ซ่าขึ้นมาฟ้าเป็นพยานนี่มันเกิดจากนรกจบเกรดอะไรขึ้นมา มะม่วงกิ่งใหญ่ที่แมวดำเกาะอยู่เมื่อกี้หยกๆ กลับกลายเป็นร่างพี่เดือนที่ทิ้งตัวลงมาจากข้างบนมาห้อยโตงเตงลิ้นจุกปากนัยน์ตาถลนออกมานอกเบ้าตาคำใสทิ้งตะกร้าร้องไห้โฮไปไหนไม่ไหวนั่งไปอยู่ตรงนั้นเองส่วนปูนวิ่งแหกปากร้องโอ๊ยโอ๊ยไปด้วยโดยมีผมวิ่งตามหลังมันก็จะติดไม่คิดชีวิตเลยในที่สุดผู้ใหญ่ดอนก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ลูกสาวอีกครั้งปีศาจสาวเขียนก็หายสาบสูญไปจนถึงทุกวันนี้เรื่องราวที่พี่เดือนก็ค่อยๆเงียบลงและไม่มีใครพบกันเลยส่วนตัวผมเองหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้ย่างกรายเข้าไปที่ต้นมะม่วงนั้นอีกเลยผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้วตอนนี้ต้นมะม่วงต้นนั้น ก็ได้ถูกโค่นลงไปแล้วแล้วก็ไม่มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นมาอีกเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เจอปอบ !!
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองย้อนกลับไปเมื่อ 16 ปีที่แล้วพ. ศ. 2544 ผมทำงานได้เพียง 2 ปีผมก็ได้พบกับแฟนผมซึ่งก็คือภรรยาคนปัจจุบันนี่แหละครับทั้งผมและภรรยาอยู่ด้วยกันยาวๆ 6 เดือนเธอจึงชวนผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดพอดีจะได้รู้จักว่าที่พ่อตาแม่ยายและญาติญาติของเธอด้วยผมตกลงกลับพร้อมกันกับเธอเราทั้งสองเดินทางด้วยรถทัวร์กลับไปถึงบ้านเธอเรา 6 โมงเช้าไปพบกับพ่อแม่ที่แก่ทั้งหลายของเธอซึ่งก็เธอบอกว่าผมเป็นแฟนพวกเขาเหล่านั้นก็ยิ้มได้ชวนคุยหลายเรื่องถึงตอนอาหารเย็นแม่ยายกับป้าแฟนผมบอกว่าพรุ่งนี้ นี้จะไปทำโรงทานที่วัดป่าแล้วตอนเย็นก็มีการปฏิบัติธรรมด้วยผมสนใจจึงบอกว่าอยากไปปฏิบัติธรรมดูบ้างหลังจากนั้นวันต่อมาผมก็ได้ไปทำโรงทานที่วัดป่าแม่แฟนผมบอกกับพระอาจารย์ว่าผมเป็นลูกเขยอย่ามาลองปฏิบัติธรรมดูพระอาจารย์ยิ้มแล้วถามผมว่ากลัวพี่ไหมผมไม่ตอบท่านเอาแต่ยิ้มให้แฟนผมก็มาถามว่าอยู่ได้แน่นะที่นี่เขาบอกว่าผีดุมากผมบอกว่าอยู่ได้ลองดูสักคืนสองคืนเพราะคนที่มาทำโรงทานกลับไปหมดแล้วพระอาจารย์เอาชุดขาวทั้งชุดมาให้ผมท่านถามว่าผมสวดมนต์เป็นไหมผมบอกว่าได้บ้างบางผลครับท่านเลยบอกงั้นมาที่นี่ ตามกันมาพาผมเดินเลาะมาตามป่าไปขนมาภาพที่ผมเห็นคือศาลาหรือขุดหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางบ่อน้ำเดินตามไปตามทางเดินจนถึงคุณท่านบอกผมว่าที่คนนี้ไม่หลวงปู่ท่านนึงธุดงค์มาจากภูควายแล้วมาขอค้างที่นี่ก่อนผมเดินเข้าไปเจอท่านแล้วก้มลงกราบท่านพูดว่าการปฏิบัติธรรมมันไม่ใช่ง่ายๆมีสิ่งทดสอบหลายอย่างตลอดเวลาหลังจากนั้นพระอาจารย์ท่านก็เดินกลับกุฏิหลวงปู่ท่านให้ผมสวดมนต์ตามท่านแล้วก็ให้คำภาวนามาคำหนึ่งตอนนั่งสมาธิเวลาผ่านไปจนถึง 5 ทุ่มกว่าผมนั่งสมาธิพร้อมกับหลวงปู่จิตใจมันว่า แวะไปมาเหมือนลิงไม่อยู่นิ่งสักทีได้ยินเสียงหลวงปู่พูดว่าทำใจให้สบายกำหนดลมหายใจเข้าออกเอาไว้ซึ่งขณะที่ผมนั่งต่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวในบ่อน้ำตลอดเวลาคิดว่าปลาอะไรจะกระโดดนักหนาลืมตามาหลวงปู่นั่งอยู่บนขอบฟ้าแล้วพูดว่าอยากรู้ไหมว่าไดน้ำผมพยักหน้าท่านบอกผมว่าให้เอามือยื่นลงไปในบ่อที่มือผมไปสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างมีลักษณะคล้ายอะไรสักมือด้วยความสงสัยสิ่งที่สัมผัสอยู่จึงควรไปอีกครั้งผมว่ามันเป็นเกล็ดปลาอะไรสักอย่างแต่คงจะตัวใหญ่มากๆเพราะเด็กๆเดียวที่ใหญ่กว่ามือผมกำลังคิดว่าคืออะไรเสียงหลวงปู่ อู่พูดขึ้นมาว่ามีแค่ส่วนหางนะแต่ส่วนหัวอยู่ไปถึงน้ำชีโน่นผมชักมือกลับขึ้นมาเลยครับส่วนมากถ้าไม่มีคนมาหาหลวงปู่เขาจะขึ้นมาฟังธรรมด้วยผมถามท่านว่าพญานาคเหรอฉันได้แต่ยิ้มแล้วบอกผมให้เข้าไปนอนในกุฏิได้แล้วคืนต่อมาหลังจากทำทุกอย่างเป็นทั้งคนคอยถือย่านเมียหลวงปู่ตอนเช้าพี่กานไปบิณฑบาตกลับมาล้างบาศกวาดลานวัดล้างห้องน้ำประมาณ 3 โมงพระอาจารย์มาบอกผมว่าคืนนี้ไปปฏิบัติที่ป่าช้านะมีท่านกำลัง 2 ลูกและป้าคนหนึ่งกับผมร่วงเป็น 5 คนเดินเข้าไปในป่าช้าเวลา 3 ทุ่มครึ่ง มองเห็นกองฟอนที่ใช้เผาศพคนตายวางอยู่เสียงเงียบสงัดในคืนเดือนหงายได้ยินแค่เสียงลมหายใจตัวเองพระท่านไปปักกลดตามใต้ต้นไม้ต่างๆต้นไทรต้นโพธิ์ต้นก้ามปูส่วนผมมีมุ้งขาวมาอันนึงเข้ามากลางใต้ต้นจานหลังจากเข้าไปในมุ้งแล้วถึงได้รู้ว่าผมนั่งบนในสูตรหลับตาลงกำหนดลมหายใจเข้าออกและภาวนาได้ยินเสียงคนเดินออกมาจากป่าช้าเงียบใบไม้แห้งเสียงไม่หยุดนอกมุ้งผมพยายามไม่คิดอะไรเพราะว่าหน้าไปเรื่อยๆแต่ความคิดหยุดลงเมื่อมีความรู้สึกว่าเหมือนมีคนเอาลิ้นมาเลียใบหูข้างขวาสักพักก็ย้ายมาต้นคอ เสียงหายใจฟืดฟาดและมีกลิ่นเหม็นเน่าลาวกับสาวโสดวนเวียนอยู่รอบตัวเสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆผมค่อยๆหรี่ตามามองมันเป็นศรีษะของหญิงแก่มุดมุ้งเข้ามาเลี้ยวหัวผมตาของแกแดงกล่ำเลือดเขียวออก 2 ข้างผมลืมตาดูหรือความชอบมีเสียงพูดดังขึ้นว่าไปไหนก็ไปอย่ามากวนโยมเขาเดี๋ยวไม่ได้บุญนะแล้วหญิงแก่ก็เอาหัวออกจากมุ้งไปพบพระอาจารย์ยืนยิ้มให้ผมบอกว่ายายเมื่อกี้เป็นปอบตาได้ 2 เดือนทรมานมากไม่ค่อยได้บุญไม่ต้องกลัวไม่เป็นไรนะคิดในใจว่าผมแค่เลียหัวผมขนาดนี้ ไม่เป็นไรมั้งครับพระอาจารย์แล้วผมก็ไปนั่งสมาธิไกลๆกับท่านซึ่งผมก็ไม่ได้พบเจออะไรอีกที่ ท่านพาผมเดินจงกรมได้ทำวัตรเช้าต่อมาแฟนผมกับครอบครัวก็มาถวายจังหันที่วัดป่าแล้วก็รักผมกลับมีคนถามว่าทำไมเก่งจังนั่งสมาธิที่ป่าช้าได้ผมได้แต่ยิ้มให้อยากจะบอกว่าเจออะไรมาบ้างในเรื่องราวทั้งหมดของผมก็มีเพียงเท่านี้
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561
ติดรถไปด้วย !!
เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณพลอยและคุณทีที่เป็นแฟนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนม. ปลายจนตอนนี้เรียนมหาลัยปี 4 แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดที่อำเภออรัญประเทศทั้งคู่เราว่าวันหนึ่งในขณะที่ทีขับรถมาส่งตอนกลับบ้านหลังเลิกเรียนก่อนพลอยจะลงรถแม่พลอยก็วิ่งออกข้าวของเต็มมือพร้อมน้องชายของพลอยมาด้วยแม่พลอยบอกว่าเพื่อนแม่ป่วยแต่ไม่ว่างเลยงานยุ่งมากจึงให้ไปเยี่ยมแทนหน่อยนะเอาทั้งคู่ไปด้วยเพราะว่าป้าบ่นคิดถึงจะแย่ยังไม่ทันตกปากรับคำแม่ก็พาน้องขึ้นไปนั่งหลังครับพร้อมจัดของฝากใส่ท้ายรถให้เรียบร้อยแล้วก็รีบวิ่งเข้าบ้าน พลอยกับพี่มองหน้ากันแล้วหันมามองน้องภูอย่างเซ็งๆเพราะทางไปบ้านป้านานั้นไกลจะเปลี่ยวและคดเคี้ยวมากน้องภูอายุแค่ 3 ขวบพูดยังไม่ชัดเท่าไหร่เป็นเด็กช่างพูดช่างถามชวนคุยถามนู่นนี่ไปตลอดทางทั้งทีต้องบอกให้เงียบเพราะต้องใช้สมาธิในการขับรถตอนนั้นถนนเริ่มมืดแล้วไฟส่องทางก็มีบ้างไม่มีบ้างที่ขับรถไปตามปกติจนมาถึงทางสามแยกที่มีป้ายโปรดระวังเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งบ้านพนาต้องเลี้ยวขวาที่มองแล้วทางสายตาเหลือบไปเห็นเครื่องเส้นที่อยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งเต็มไปหมดเลย แค่มองด้วยก่อนที่รถจะผ่านทางแยกมาอยู่ๆน้องภูก็พูดขึ้นว่าพวกพี่ๆเขานั่งแย่งกินอะไรกันที่พื้นทำไมไม่กลับไปกินที่บ้านล่ะพอได้ยินแบบนั้นทีก็เริ่มแปลกๆรีบเหยียบคันเร่งออกจากแยกนั้นมาอย่างเร็วก็เลยไม่ได้นิดเดียว หน้าเวลาจะเจออะไรตอนมืดค่ำๆตามคำพูดเข้าใจไหมพลอยก็ได้แต่ปลอบน้องเพราะรู้ว่าตอนนี้ทีคงกำลังกลัวน้องภูเลยถามพลอยว่าทำไมไม่ให้หนูทักพี่พวกนั้นหนูทำผิดอะไรปล่อยก็ใจแป้วตามความเป็นเสียงสั้นๆน้องภูเห็นพี่ๆไหนหรอน้องภูตอบกลับมาเสียงดังว่าพวกพี่ๆตัวสกปรกที่นั่นแย่งกินอะไรอยู่ที่พื้นที่ทางแยกไอพี่น้อยไม่เห็นหรอคราวนี้ที่เหยียบเบรกกะทันหันเพราะมันน่ามาหาพลอยเราทั้งสองคนตอนนี้ชุ่มไปด้วยทั้งที่เปิดแอร์ในรถติดมากเพราะให้บอกให้ทีขับต่อไปจะได้รีบไปให้ถึงสักทีและประกอบลำโพงพี่คงไม่ทันมองแล้วมั้งเลยไม่เห็นแล้วทำไมห้ามทักล่ะต้องพกมาคำถามเดิมพอจะบอกว่าเราอยู่ในรถทักไปพวกเขาก็ไม่ได้ยินเราหรอกเมื่อกี้ ต้องโทรพูดเปล่าอยากตายต้องตอบกลับมาว่าทำไมจะไม่ได้ยินเพราะหนูพูดปุ๊บพวกพี่เขาก็หันมามองหนูปั๊บรอยสักทีใจเสียแล้วหน้าเงียบกันไปสักพักจนที่บอกว่ารถเป็นอะไรไม่รู้มันหนักๆเร่งไม่ค่อยขึ้นของท้ายรถก็ไม่ได้มีเยอะพอแล้วก็ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะตัวเองก็ไม่รู้สาเหตุแล้วเด้อสิบอกให้เร่งเครื่องเร็วใกล้ถึงแล้วส่วนของผู้ก็บ่นว่าอึดอัดเหมือนมีคนมาเปลี่ยนพูดซ้ำไปซ้ำมาใกล้จะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดเลยทีแม่บอกว่าปานามาพักอยู่กับพี่สาวที่บ้านใกล้ๆกับวัดน่ะเพราะขับเข้าซอยหน้าวัดอยู่ๆหมาแถวนั้นก็พร้อมใจกันเขาอ่อนยังดังจนน่ากลัวและก็น่าแปลกที่คนแถวนั้นเห็นรถทีบ้างก็ร้องอุทานว่างูเข้าบ้าน ถึงหน้าวัดก็เจอกับลงนามสกุลเก่าแก่ที่พลอยรู้จักตั้งแต่เด็กที่ชิดรถเข้าไปหาแกแกหันมาก็ได้น้อยก็งง น้อยเองจำได้ไหมนี่แฟนพลอยค่ะวันนี้ต้องโทรก็มาด้วยนะแม่เขาฝากมาเยี่ยมบ้านาน่ะลุงรู้จักบ้านพี่สาวก็ด่าไหมพลอยรีบตามไปเป็นชุดแต่งงานกับบอกว่าพวกเอ็งเอารถไปจอดในวัดอะไรคุณหลวงพ่อเดี๋ยวนี้เลยแล้วข้าจะพาไปหายายในทีก็งงว่าทำไมต้องจอดในวัดด้วยกลัวรถหายแต่ก็ยังพูดแกมบังคับให้ไปจอดที่วัดให้ได้ที่ให้พลอยกับน้องภูลงก่อน รีบขับรถเข้าไปจอดในวัดก็ได้อีกแล้วเพราะเกรงใจแต่ที่บอกว่าก็ได้ครับ ประกวดหางมืดสรุปทั้งสามคนก็นอนค้างบ้านพี่สาวพนาคืนเงินลูกเช้ามาลงอ่างวิ่งเรี่ยนตีไปที่วัดมีเรื่องใหญ่ลอยไปถึงวัดมองไปเจอรถตัวเองก็ตกใจขาดเลือดลอยมือเสกใบไม้ติดตามรถเต็มไปหมดชาวบ้านก็พากันประมงแล้วก็พูดพูดพูดพูดจับใจความไม่ได้ก้อหลวงพ่อต้องออกมาเอาล่ะเอาล่ะเงียบๆแล้วอาตมาจะคุยกับโยมลอยองค์ทีเขาเองที่ถามไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถโรงหนังก็ถามว่าอ้าวเมื่อคืนพวกเองไม่เห็นรอยพรุ่งนี้เหรอถ้ากับชาวบ้านเห็นตั้งแต่เมื่อคืนเองกลับเข้ามาแล้วหลวงพ่อเดิมถามว่าโยมได้ไปทำสิ่งไม่ดีท้าทายหรือไม่พูดจาล่วงเกินสิ่งที่มองไม่เห็นบ้างหรือเปล่าเพราะจับทีมองหน้ากันก่อนตอบว่าระหว่างทาง นี้เราผ่านสามแยกมาแล้วกูก็ทักว่าเห็นคนนั่งเล่นกินข้าวที่พื้นน้องภูบอกว่าพวกเขาหันมามองหน้าเราด้วยแต่รอยสักทีก็ยังไม่เห็นเราเห็นในเครื่องเสียงว่าอย่างนั้นพูดจบช้าบ้านกูว่าแล้วเชียวหลวงพ่อจงเล่าสิ่งที่เห็นให้ฟังเมื่อคืนอ่ะทำไมเห็นวิญญาณผีตายโหงหลายตนนั่งรถก็รถยนต์มาเต็มไปหมดเลยเพราะเขามาถึงวัดพวกเขาก็หายไปพอได้ยินแบบนั้นเลยนึกถึงสิ่งที่หนูพูดเมื่อคืนรอยสักทีขนลุกซู่ล่าช้ารีบไปลาหลวงพ่อและชาวบ้านแล้ววิ่งไปหยิบผ้าขี้ริ้วชุบน้ำของแม่กลัวไม่ใช่รอยเลื่อนลอยมือจนหมดแล้วพลอยบอกทีว่าจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยที่จะวิ่งไปขับรถไปบ้านพี่สาวพนาก็เก็บของและรับรองโทรกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านต้องโทรก็ยังบ่นตลอดทางอื่นทีก็นั่งรถเงียบกริบตลอดทางจนมาถึงสามแยกเดิมรถก็กระตุกเหมือนจะดำแต่พอผ่านสามแยกมาได้นิดเดียวก็หายเป็นปกติแต่เมาขึ้นเหมือนเมื่อก่อนหน้าที่เหยียบคันเร่งเกือบสุดไม่ใช่หรอไม่เบรคจนถึงบ้านที่ลงจากรถตามรอยพ่อบ้านบอกขอพักอยู่บ้านพลอยก่อนสักพักน้องภูเรียกทีเสียงดังพิธีลอยมือครับใหญ่จังพลอยกับทีหันไปดูเป็นรอยมือ 5 นิ้วเปื้อนฝุ่นฝั่งประตูคนขับพอดีเป๊ะ บ่ายวันนั้นพลอยทีและน้องภูพากันไปทำบุญกรวดน้ำทันที
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บวชพระที่ป้าช้า !!
ผมได้บวชอยู่ที่วัดปฏิบัติแห่งหนึ่งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีซึ่งวัดนี้เป็นวัดปฏิบัติแต่มีสาขาต่างๆมากมายตามต่างจังหวัดสาขาส่วนมากจะเป็นที่หลบวนาทดสอบจิตซึ่งเป็นที่ที่คนไม่ค่อยไปอยู่กันเช่นตามป่าลึกบ้างป่าช้าบ้างและรวมถึงที่นี่ด้วยก็คือป่าช้าที่ผมไม่อยู่นี่เองป่าช้านี้เป็นสถานที่ที่น่ากลัวดับต้นๆของบรรดาสาขาทั้งหมดพระบวชใหม่มักจะถูกพาไปทดสอบจิตที่นั่นเป็นประจำส่วนมากพระบวชใหม่มักจะกลัวการมาป่าช้าได้เกือบทุกองค์เพราะคำเล่าลือจากครูบาอาจารย์ที่ประสบพบเจอมาตอนนั้นผมได้มาอยู่ที่ป่าช้านี้ผมเดินทางมาทางรถไฟมาถึงป่าช้านี้ตอนตี 5 ก็ยังไม่สว่างดี ก้าวแรกที่เหยียบเข้าไปในป่าช้าขึ้นลานธรรมก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างต้องมองเราอยู่ตลอดเวลาเพราะพระอาทิตย์ขึ้นผมก็เริ่มอยากจะสำรวจป่าช้าขึ้นมาทันทีซึ่งชวนเพื่อน 3 4 คนเดินไปดูรอบรอบป่าช้าพอเดินไปถึงหลังป่าช้าผมก็พบกับกระดูกสะโพกชิ้นหนึ่งโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดินผมดีใจมากด้วยความที่ผมไม่ค่อยกลัวในการอยากรู้อยากเห็นมากกว่าผมจึงบอกเพื่อนว่าให้ช่วยกันคนกระดูกขึ้นมาแต่ก็ไม่มีใครกล้าคุณผมกับเพื่อนอีกคนถึงคุณกระดูกนี้ขึ้นมา 3 4 ชิ้นแล้วก็เดินไปดูที่อื่นต่อสรุปว่าเราหลงป่าช้าครับหาทางกลับไม่เจอไม่รู้เป็นเพราะอะไรเราพยายามช่วยกันหาทางกลับแต่ก็หาไม่เจอผมที่นึกขึ้นได้ว่าที่เขาบอกว่าผีบังตาเป็นอย่างนี้นี่เองผมจึงบอกเพื่อนว่าเราไปลบหลู่เขาเข้าให้แล้วล่ะขอขมาเขากันคิดดู เป็นพระต้องยกมือไหว้ขอขมาผีคือตอนนั้นเราห่วงอย่างเดียวว่าจะกลับไปฉันข้าวไม่ทันเพราะที่นี่ฉันมื้อเดียวไปไม่ทันก็อดแปลกไหมยกมือไหว้ผีเสร็จเดินไป 3 ก้าวเจอทางกลับเลยระหว่างทางเดินกลับก็จะมีต้นไม้เล็กใหญ่สลับกันไปแล้วเดินมาถึงกลางป่าช้าหรือต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งทุกท่านลงมาทำเป็นโรงศพใหญ่โรงหนึ่งทิ้งไว้กลางป่าช้าทำให้บรรยากาศน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆผมคิดมาตลอดทางว่าเดินกลับวันนี้ไม่ธรรมดาจริงแต่ไม่กล้าพูดกับเพื่อนเพราะรู้ว่าพวกเขาเริ่มกลัวขึ้นมาเหมือนกันเพราะกลับมาฉันข้าวเสร็จเราก็แยกย้ายกันเข้ามาหาที่พักซึ่งอยู่ตามส่วนต่างๆของป่าช้าแล้วแต่ใครชอบแบบไหนเรียนมากเรียนน้อยมีหมดจะเอาแบบเข้าถึงตัวล่ะขามาเห็นเสียงหลอนมีหมดแล้วแต่จะชอบแบบไหนใครชอบแบบไหนก็เลือกตั้ง โกรธกันตามใจชอบส่วนผมถือว่าตามดวงตามกรรมเลือกโซนกลางป่าช้าชิดขวาเดินเข้ามากิโลครึ่งก็เจอทำเลที่เหมาะที่จะบังเกิดเป็นเถาวัลย์ใหญ่ซึ่งมองแล้วรู้ทันทีเลยว่ามีจิตวิญญาณแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรจนตะวันตกดินบรรยากาศเปลี่ยนไปทุกทีทุกคนที่มาใหม่ลืมระวังตัวในคิดว่าคืนนี้จะเจออะไรบ้างเพราะสวดมนต์ทำวัตรเสร็จเวลาก็ประมาณ 3 ทุ่มเศษก็นั่งคุยกันสักพักเพราะตอนนั้นไม่มีใครอยากกลับเข้าไปที่พักแต่ก็ต้องแยกย้ายกันเพราะเดี๋ยวมันจะดึกไปกว่านี้เราได้รับรู้เรื่องที่ครูบาอาจารย์เราลืมมาพอประมาณและคิดว่าเกินพอสำหรับบรรยากาศในตอนนั้นผมหยิบไฟฉายคู่ใจแล้วแยกเดินกลับโกรธผมเดินเข้ามาในป่าช้าแต่ประมาณ 1 กิโลซึ่งผมคิดตลอดทางว่าเราจะเจอกับอะไรผมพยายามไม่คิดอะไรมากท่องพุทโธตลอดทางแต่แล้วก็มีเสียงอะไรตกมันจากต้น ไม้ข้างหลังผมผมจึงใช้ไฟกลับไปดูแต่ไม่ทันจะหันกลับมีผู้หญิงนั่งอยู่ข้างทางที่ผมยืนอยู่เธอนั่งพับเพียบพนมมือไหว้ผมกลางป่าช้าที่สำคัญเธอไม่มีหน้าผมชายไฟไปที่หน้าของเธอเรียบขาวทั้งหน้าผมรู้สึกว่าตัวเองชาไปหมดเลยไม่ได้หายใจไปชั่วขณะตอนนั้นผมคิดอย่างเดียวคืออย่าตกใจเดี๋ยววิ่งเดี๋ยวกลัวผมรวบรวมสติได้จริงใจกลับมาที่ทางเดินแล้วเดินภาวนาพุทโธต่อไปพอมาถึงโกรธก็รีบเข้ารถสวดมนต์แผ่เมตตาคลุมโปงนอนรู้สึกตัวอีกทีก็ถูกไล่ออกมานอกรถแล้วต้นน้ำตกใจมากมันมืดมองอะไรไม่เห็นเลยแต่รู้อย่างเดียวว่าตัวเองอยู่กลางป่าช้าพยายามใช้มือคลำไปรอบๆเกือบเสียสติเหมือนกันแต่พอดีครับไปเจอกรดหรือมุดเข้าไปนอนคลุมโปงแต่ไม่ได้หลับทั้งคืนแค่คืนแรก ไมโครต้อนรับอย่างอบอุ่นเลยเพราะตีสามครึ่งพระอาจารย์มาเรียกไปทำวัตรเช้าก็ต้องเดินออกมาอีกแต่เป็นตัวใหม่มันสับเปลี่ยนกันมารับแขกดีจริงๆเพราะตอนเช้าบอกพระอาจารย์ว่าเมื่อคืนถูกดึงออกจากกรดรายการยิ้มแล้วบอกว่าอย่าไปขุดกระดูกเขาขึ้นมาจากดินทำไมล่ะเขาเลยลากเราออกจากรถบ้านไงหล่ะจะรู้ได้ยังไงว่าเราไปขุดกระดูกมาเพราะไม่มีใครบอกท่านเลยท่านบอกให้ปฏิบัติมากๆภาวนาเยอะๆแผ่เมตตาให้เขาไปแล้วจะเล่าให้ฟังอีกมีอีกหลายเรื่องป่าช้านี้อยู่ที่จังหวัดอุบลชื่อสำนักสงฆ์ป่าช้าบุ่งมะแลงจริงๆไม่เชื่อไป ถามชาวบ้านแถวนั้นดูหรือถามร้านที่อยู่ที่นั่นก็ได้หรือถ้าใครสนใจจะลองไปปฏิบัติธรรมที่นั่นดูก็ได้ท่านจะได้ทั้งบุญและได้การต้อนรับจากที่นั่นอย่างอบอุ่นเป็นอย่างดี
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
มีอะไรแทะเท้าผมอยู่ !!
บางคนสงสัยว่าทำไมผมถึงได้เจอเหตุการณ์เหนือธรรมชาติปล่อยนัก ตัวผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไรแต่ผมค่อนข้างจะสัมผัสกับสิ่งพวกนี้ได้ตั้งแต่เด็กผมเลยจะมาเล่าให้ฟังเริ่มจากตอนผมเด็กๆจำไม่ได้ว่ากี่ขวบเป็นช่วงตรุษจีนจะมีการไหว้บรรพบุรุษที่บ้านผมเป็นคนเชื้อสายจีนก็จะมีการตั้งโต๊ะไหว้กันมีอาหารขนมเป็ดไก่เต็มโต๊ะพ่อผมบอกให้ผมกับพี่สาวคอยเฝ้าที่โต๊ะให้ดูแลธูปเทียนป้องกันไฟไหม้ผมก็นั่งเฝ้าตามคำสั่งระหว่างที่คุยเล่นกับพี่สาวเพื่อนๆสายตาผมก็มองไปที่ใต้โต๊ะเห็นเป็นขาคนสองคนแต่ผมเงยหน้าขึ้นมาบนโต๊ะครับไม่เห็นมีใครผมเลยก้มมองลงไปอีกทีก็เห็นเป็นแค่คนจริงๆคนหนึ่งใส่กางเกงขายาวสีดำไม่ใส่รองเท้าอีกคนใส่กางเกงพริ้วๆคล้ายผ้าแพรแบบขาบานบานสีดำไม่ใส่รองเท้าเหมือนกันเพราะเงยหน้าขึ้นมา ก็ไม่เห็นมีใครบนโต๊ะผมทำอยู่อย่างนี้ 3 ครั้งก็เห็นเหมือนเดิมเลยบอกให้พี่สาวดูบ้างว่าเห็นขาคนใต้โต๊ะไหมพี่สาวก็ก้มลงไปบอกว่าไม่เห็นมีผมก็เถียงเถียงกับพี่สาวจนพ่อเดินเข้ามาผมเลยเล่าให้พ่อฟังอย่างละเอียดพ่อเขาตกใจและบอกผมว่านั่นแหละอาม่ากับอากงคุณตันเสียไปก่อนผมเกิดหลายปีแล้วคงชอบใส่กางเกงขายาวสีดำส่วนมากชอบใส่กางเกงผ้าแพรสีดำต้นท่านเสียก็ใส่ชุดที่ผมเห็นนั่นแหละและนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับโลกหลังความตายครับยังมีเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆอีกหลายเหตุการณ์ที่ผมสัมผัสได้แต่จะไม่ขอเล่าฉันเล่าเฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ๆที่เจอมาแล้วกันนะครับเพราะผมโตขึ้นน่าจะอยู่ราวชั้นปอ 5 วันหนึ่งผมไม่สบายเป็นหวัดธรรมดานี่แหละก็ไปหาหมอได้ยามากินนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน 2 วันอาการก็เหมือนจะดี ขึ้นแต่พอวันที่ 3 ผมกำลังจะลุกจากเตียงไปอาบน้ำไปโรงเรียนปรากฏว่าขาผมอยู่ๆมันก็เดินไม่ได้ซะอย่างนั้นล้มลงไปกับพื้นผมตกใจมากที่จะโกรธเรียกแม่แม่ก็ขึ้นมาดูพยายามบีบนวดแต่ก็ไม่เป็นผลผมร้องไห้ใหญ่กลัวว่าจะเป็นการแม่เลยพาไปหาหมอซึ่งหมอวินิจฉัยว่าอาจเกิดจากความเครียดหรือไม่ก็เชื้อไวรัสลงขาหมอก็ฉีดยาและให้ยามากินแต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยคือมันเดินได้แต่ต้องเกาะขอบประตูขอบโต๊ะไปเรื่อยๆขาผมไม่มีแรงจะยกขึ้นเองเป็นแบบนี้อยู่เกือบอาทิตย์แม่ต้องพาไปหาหมอจนรอบตลาดรวมถึงโรงพยาบาลแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยมีอยู่คืนหนึ่งผมร้องไห้ถึงเพลียและหลับไปจนกระทั่งกลางดึกมีบางสิ่งดลใจให้ผมตื่นลืมตามองไปที่ปลายเตียง ผมเห็นอะไรก็กลมดำๆคล้ายลูกบอลอยู่ที่ปลายเท้าแต่พอผมเพ่งมองดีๆเราก็ต้องเป็นหัวคนครับหัวของผู้หญิงมีผมยาวๆกำลังอ้าปากงับที่เท้าของผมลักษณะเหมือนกำลังแพ็คอินทาวผมอยู่ประมาณนั้นผมไม่รู้สึกเจ็บอะไรแต่ขยับเท้าไม่ได้เลยตอนนั้นผมตกใจมากไม่รู้จะทำยังไงได้แต่สวดมนต์แต่เจ้าหัวผู้หญิงนั่นก็ยังไม่ไปไหนยังคงแทบเท้าผมอยู่ต่อไปจนผมหมดปัญญาได้แต่บอกว่าถ้าหยุดแท้เท้าผมแล้วถ้าผมกลับมาเดินได้เหมือนเดิมจะบวชให้ 1 เดือนแล้วกดว่าเจ้าหัวนั่นหยุดแท้เท้าผมแล้วตกลงไปที่พื้นน้ำพุแล้วก็กลิ้งหายไปในความมืดผมตกใจจนหมดสติไปเลยเพราะเช้าผมตื่นขึ้นมาสดชื่นแถมยังลุกขึ้นมาเดินได้ตามปกติทั้งแม่และผมดีใจมากผมก็เล่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ แม่ฟังทั้งหมดฉันโชคดีที่ช่วงนั้นใกล้สอบปิดภาคเรียนพอดีเพราะปิดภาคเรียนผมก็บวชตามที่สัญญากับเจ้าหัวผีนั่นไว้ตอนบวชผมได้พักอยู่กับหลวงตาท่านหนึ่งหลวงตาท่านดูดวงได้และยังชอบนั่งสมาธิเป็นประจำจะบอกว่าดวงของผมเป็นดวงที่มักเกิดขึ้นยังไม่ถึงเวลาเกิดแต่หนีเข้ามาเลยทำให้สัมผัสอะไรกับพวกนี้ได้ตามโอกาสจะอำนวยท่านห้ามผมไม่ให้เข้าพิธีใดๆทั้งสิ้นทั้งครอบครัวรับขันสวดภาณยักษ์ท่านบอกว่าวิธีเหล่านี้จะยิ่งทำให้ผมสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ได้แรงขึ้นซึ่งผมก็กลัวไม่อยากเจออะไรแบบนี้อยู่แล้วจึงต้องเลี้ยงพิธีพวกนี้ตลอดช่วงที่บวชผมก็พยายามแผ่เมตตานั่งสมาธิอุทิศส่วนกุศลให้หัวปีนั่นตลอดจนก่อนผมรู้สึกไม่นานมีอยู่คืนหนึ่ง ขณะที่กำลังนอนหลับสนิทกูผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหนักกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ใต้เตียงชนขาเตียงดังกุกๆกักๆแต่ผมก็ไม่กล้าก้มลงไปมองเพราะกลัวว่าจะเจอในสิ่งที่ผมกลัวพอตั้งสติได้ผมรีบลุกขึ้นจากเตียงไปเคาะห้องหลวงตาที่อยู่ใกล้ๆคุณหลวงตาเปิดประตูออกมาผมก็เล่าให้ท่านฟังท่านจึงเดินมาที่ห้องผมหลับตาลงครู่หนึ่งแล้วท่านก็พูดออกมาว่าเณรบวชให้แล้วตามสัญญาเลิกรบกวนได้แล้วเอาบุญแล้วก็ไปสิในคืนนั้นผมต้องขอไปนอนที่ห้องประชุมเช้าเพราะไม่กล้ากลับไปนอนคนเดียวอีกหลังจากผมสึกผมก็ไม่เคยเจอกับโจ้หัวผีนั่นเลยเพราะโตขึ้นมาก็เริ่มเข้าใจว่าเจ้าหัวผีนั่นอาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรของผมก็เป็นได้
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เจอผีเขมร !!
เรื่องมันเกิดขึ้นในซัมเมอร์ปีหนึ่งเมื่อบรรดาสจ๊วตและแอร์รุ่นเดียวกับผมนัดรวมพรรคพวกที่มีเวลาว่างตรงกัน 10 คนจัดทริปไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งเคยพักที่บ้านกึ่งรีสอร์ทบนเกาะเล็กๆส่วนตัวห่างออกมาจากชายแดนประเทศกัมพูชาไม่มากนะด้วยความที่อยากทำตัวเป็นไฮโซติดดินพวกเราถึงทุลักทุเลเดินทางออกจากกรุงเทพโดยรถโดยสารปรับอากาศของบขสจากสถานีเอกมัยมาลงที่ตัวจังหวัดตราดแล้วต่อรถสองแถวไปที่ท่าเรือเพื่อต่อเรือไปยังเกาะที่พักอีกทีนึงซึ่งกว่าจะถึงที่หมายก็พบค่ำทุกคนกินอยู่นิดหน่อยเป็นอย่างยิ่งขนาดที่เรียกได้ว่าแทบจะคลานขึ้นบ้านพักกันเลย หลังจากเติมพลังด้วยอาหารเย็นที่เจ้าของรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้จนอิ่มหมีพีมันแล้วพวกเราจึงออกเดินสำรวจบ้านพักและบริเวณโดยรอบมันมีลักษณะเหมือนบังกะโลชายหาดในโบราณทั่วไปคือยกพื้นสูงประมาณเมตรกว่าๆตัวเรือนทำด้วยไม้มีหน้าต่างโดยรอบทำให้อากาศถ่ายเทได้เป็นอย่างดีด้านหน้าเป็นท้องทะเลสีครามกับสีฟ้าอ่อนของตัวบ้านด้านหลังแอบกับเนินเขาลูกเล็กๆที่มีบรรดาพืชพรรณต่างๆขึ้นเบียดเสียดกันอยู่มากมายเสียงสรรพสัตว์ต่างๆร้องเบาๆดังออกมาจากป่าละเมาะนั้นเสียงหนึ่งที่ทำให้ผมขนหัวลุกด้วยความกลัวบนขยะแขยงมากที่สุดคือเสียงของตุ๊กแกที่ไต่ยั้วเยี้ยอยู่ตามผนังบ้านระหว่างทางพวกเราได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้านที่มาทำงานที่รีสอร์ทแห่งนั้นทุกคนต่างมีอัธยาศัยดียกเว้นพ่อแม่ลูก 3 คนที่มองผม มองและซุบซิบกันด้วยท่าทีแปลกๆขึ้นนั้นพวกเรานั่งเฮฮากันริมชายหาดจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืนถึงเดินกลับเข้าตัวบ้านจะพักผ่อนด้วยความที่สนิทกันมากแต่ละคนจึงอยากลากเอาที่นอนหมอนมุ้งมานอนรวมกันที่ห้องใหญ่ห้องเดียวต่างพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานสักพักใหญ่ๆเสียงจ๊อกแจ๊กค่อยๆลดระดับลงเป็นเสียงกระซิบในเงียบไปในที่สุดแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องเห็นเป็นเงาสลัวดังๆเสียงเกลียวคลื่นกระทบฝั่งเบาๆประกอบกับความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำให้ผมหลับไปอย่างง่ายดายเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาไม่ได้ยินเสียงตุ๊กแกร้องอยู่ภายนอกเสียงนั่นทำให้ต้องรีบไปฟ้าผมขึ้นมาคลุมโปงเอามืออุดหูด้วยความกลัวน่าแปลกที่บรรดาเป็นเพื่อนยังคงนอนหลับกันอย่างสบายอารมณ์ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักพักเสียงตุ๊กแกก็สงบลง แต่คราวนี้กลับมีเสียงของชายหญิงคู่หนึ่งดังขึ้นเบาๆผมพยายามฟังว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกันแต่ไม่สามารถเข้าใจได้แม้แต่คำเดียวเหมือนกับเป็นภาษาเขมรผมค่อยๆพลิกตัวออกมาจากหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งเป็นที่มาของเสียงท่ามกลางความมืดมิดที่มีแสงจันทร์สลัวสลัวภาพหลังๆที่เห็นเบื้องหน้าคือชายหญิงและเด็กที่ผมบอกตอนนี้เล่นไม่ช่วงค่ำนั่นเองการสนทนาสะดุดหยุดลงทันทีเหมือนรู้ว่ามีคนกำลังแอบฟังอยู่ทั้งหมดจงมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เย็นชาพวกชาวบ้านที่ทำงานนี่เองผมคิดในใจพร้อมกับเอ่ยถามพวกเขาเบาๆด้วยเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเพื่อนที่นอนหลับอยู่มีอะไรเหรอครับ มาทำอะไรกันเด็กๆเป็นอย่างนี้เสียงของผมทำให้เพื่อนบางคนเริ่มขยับพลิกตัวเมื่อเหลียวไปมองก็เห็นเงาตะคุ่มตะคุ่มกำลังงัวเงียลุกขึ้นได้เพียงเสี้ยววินาทีที่ผมละสายตาจากภูเขานั้นรักก็กดผ้าของเด็กผู้ชายตัวเล็กที่อยู่ข้างนอกเมื่อสักครู่ไม่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอนถือไม้ท่อนใหญ่ท่อน 1 แขวงเล่นในมือผมงงงานกับภาพเบื้องหน้าไม่เข้าใจว่าเด็กนั่นแอบปีนเข้ามาในห้องพักของพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่โดยไม่คาดคิดแค่เริ่มออกวิ่งไปรอบรอบห้องกระโดดข้ามเพื่อนบางคนที่ยังนอนขวางอยู่กลางเอาไม้ที่ถืออยู่เพราะผนังดังก๊อกก๊อกก๊อกก๊อกพร้อมส่งเสียงกรีดร้องมันดังโหยหวนจนผมต้องยกมือขึ้นปิดหูถึงตอนนี้เป็นเพื่อนผมก็ตื่นกันหมดแล้วทุกคนต่างลุกขึ้นมานั่งแล้วมองหน้ากันด้วยความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นผมพยายามร้องห้ามแต่เด็กนั่นก็ไม่ยอมหยุดสักทียังคงวิ่งพล่านเพราะฝาผนังรอบ ต่อไปซึ่งผมจนปัญญาจึงหันไปหาสามีภรรยาที่ยังยืนอยู่ที่เดิมพี่ๆช่วยมาเอาลูกไปหน่อยสิครับส่วนจริงๆผมกวักมือเรียก 2 น่าแปลกที่เขาดูเหมือนจะไม่สนใจใยดีพอลูกตัวเองกำลังรบกวนการพักผ่อนของพวกเราอยู่คุยกับใครที่ไหนอยู่เหรอแล้วนี่เสียงอะไรใครร้องไห้เข้าป่าบ้านเสียงสั้นๆของเพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นพร้อมหันไปมองรอบๆอย่างน่ากลัวว่าไม่เห็นใครอยู่เลยอ้าวก็เรียกให้พ่อของแม่เด็กนี่มาเอาลูกออกไปนะสิวิ่งเล่นอยู่ได้ไม่หลับไม่นอนผมตอบอย่างเดียวจากนั้นก็อยากตัวลุกขึ้นอาศัยแสงจันทร์หาทางเดินไปยังแผงสวิตช์ไฟแล้วกดปุ่มให้มันทำงานแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นห้องทั้งห้องยังคงมืดมิดท่ามกลางความมั่นคงของเพื่อนๆผมกดปุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่าแข่งกับเสียงกรีดร้องเสียงเพราะผนังของเด็กน่านความกดดันบรรทุกขึ้นจนผมไม่สามารถทนได้ผมใช้นิ้วกระแทกย้ำย้ำไปที่สวิสหลายครั้งพร้อมตะโกนขึ้นอย่างเหลืออดไอ้หนูหยุดวิ่งวันนี้เมื่อสิ้นเสียงของ ผมแสงจากดวงไฟหลายดวงบนเพดานรันสว่างขึ้นเสียงอึกทึกและภาพของเด็กน้อยนั่นกลับหายไปในพริบตาห้องทั้งห้องกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้งผมมองไปรอบๆเห็นบรรดาเพื่อนๆดังรวมกลุ่มกันอยู่ด้วยความหวาดกลัวผมรีบสาวเท้าเดินไปที่หน้าต่างตรงหัวนอนก็มองหาทั้งสามคนนั่นแต่กลับไม่พบอะไรเลยแข็งใจมองฝ่าความมืดออกไปเงาตะคุ่มตะคุ่มกลุ่ม 1 เดือนอยู่ตรงท่าเรือพวกเขาหันมามองที่ผมอีกครั้งด้วยแววตาเฉยชาฉันเคยแล้วค่อยๆเดินห่างออกไปจนกระทั่งรับสายตาในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นผมเดินลงไปดูบริเวณที่เห็นสามีภรรยาเมื่อคืนพบว่ามีศาลเพียงตาตั้งอยู่ 2 หลังทำไมนะเมื่อวานพวกเราถึงไม่มีใครเห็นสารหนี้กันสักคนสอบถามคนงานดูทราบว่ามันถูกสร้างขึ้นให้สามีภรรยาและลูกชายที่นั่งเรืออพยพมาจากกัมพูชาเพื่อหนีสงครามเมื่อหลายปีมาแล้ว โชคร้ายที่เรือล่มจมน้ำตายหมดทั้งครอบครัวและศพถูกกระแสน้ำพัดมาเกิดกับบริเวณหน้าหาดบ้านหลังนี้ที่น่าแปลกก็คือไม่เคยมีใครพบวิญญาณพ่อแม่ลูกครอบครัวนี้มาก่อนและไม่มีใครได้พบกับพวกเขาอีกเลยหลังจากคืนนั้น
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
พื้นที่ชุมนุมผี !!
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561
เจอดีที่สวนมะม่วง !!
เรื่องนี้อาจมีใครที่เคยอยู่บ้านที่มีสวนมีคลองคงนึกภาพออกนะครับย้อนกลับไปเมื่อ 17 ปีที่แล้วผมไปเรียนที่จังหวัดทางภาคตะวันออกจะไปเช่าบ้านอยู่ใกล้โรงเรียนผมมีเพื่อนอยู่ห้องเดียวกันกับรูมเมทแชร์ค่าห้องมันเป็นลูกเจ้าของสวนมะม่วงนานๆจะกลับบ้านทีวันหนึ่งทางบ้านโทรบอกว่าให้มันกลับไปบ้านพ่อกับแม่จะไปงานศพที่ต่างจังหวัดและเขาให้ไปบอกน้าชายมันที่ทำงานใกล้โรงเรียนผมมาด้วยเพราะช่วงนี้มะม่วงกำลังออกผล กลัวเขาจะมาขโมยกันเลยชวนผมกับเพื่อนอีกสองคนไปด้วยแต่ว่าจะจัดปาร์ตี้ดื่มกินกันนิดหน่อยกลับไปถึงตอนเย็นวันศุกร์ถึงปากทางเข้าบ้านมันก็จะประมาณทุ่มนึงข้างทางก็จะมีคลองไว้สำหรับให้ชาวบ้านที่อยู่ข้างในส่วนลึกๆไปเลยออกมาผมก็พากันเดินกลับเข้าไปถึงบ้านก็พากันอาบน้ำ? ผมอยู่ข้างล่างเพื่อนผมกับน้ำมันก็เดินลงมาบอกว่าเห็นเงาใครไม่รู้ 2 คนเดินในสวนสงสัยจะเป็นขโมยน้าแกก็เลยเดินไปหยิบปืนยาวของพ่อเพื่อนผมบอกว่าจะไปจับขโมยพวกผมก็เลยอาสาไปด้วยถึงแม้ว่าจะกลัวก็ตาม เดินไปตามต้นมะม่วงซึ่งดกมากท่านเขียวเสวยน้ำดอกไม้เพราะใกล้ถึงท้ายสวนริมคลองเห็นเป็นร่างคนสองคนคุยกันได้ความว่าแกมะม่วงสวนนี้หวานอร่อยดีนะรู้อย่างนี้ตอนเป็นคนมาขอกินแล้ว? พวกผมเลยพวดออกไปนะเธอพูดพร้อมยกปืนขึ้นเฮ้ยใครวะออกมา พูดจบไปฉายที่ผมส่งไปเป็นผู้หญิงแก่คนหนึ่งแต่ก็ขาดไม่เลื่อนตามตัวเต็มไปหมดสากลแทบหลุดออกมาจากเบ้ามือก็ยืนถึงมะม่วงอยู่ 2 ลูกแต่บางครั้งนึงก็โผล่ออกมาจากต้นมะม่วงจะเป็นผู้ชายที่ไม่มีหัวกำลังชักอยู่มีเสียงดังตู้มค่อยๆร่างนั้นนึกว่าเป็นมะม่วงหันรูปพร้อมกัน 4 คนกลายเป็นผัวผู้ชายแก่มองมาแล้วทำหน้าบึ้งพูดว่ากูกับเมียขอกินแค่นี้ไม่ได้หรอวะดังนั้นก็ทำท่าก้มเก็บหัว ไอ้พวกผมโยนมาโยนปืนแตกปากวิ่งขึ้นบ้านน้าชายเอาสายสินมาพันรอบบ้านพระพุทธรูปวางไว้ตรงหน้าจานบ้านทุกคนมารวมกันสักพักก็ได้ยินเสียงคนเดินรอบบ้านแล้วก็พูดว่าขอกินมะม่วงหน่อยของกินมะม่วงหน่อยอย่างนี้ทั้งคืนพอเช้ามาพวกผมก็รีบไปวัดเลยเพราะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หลวงพ่อฟังก็มีแต่ควันเล่าให้ฟังว่ามีลุงกับป้าที่บ้านท้ายสวนในสิ่งที่ชอบขายเรือขึ้นมาซื้อของวันนั้นที่เจอโจรปล้นอีท่าไหนไม่รู้ป่าโดนแทงตายส่วนลุงคงต่อสู้เลยโดนฆ่าแล้วก็ตัดหัว ตุ๊กแกอยู่ในเรือลอยขึ้นไปถึงปากทางคนรอรถอยู่วงแตกกันเลยครับเหตุการณ์นี้ทำให้ผมกับเพื่อนที่ผมร่วงหัวโกร๋นทั้งหมดเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
ทางส่งวิญญาณ !!
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ของหัวหน้าคนเบิ๊ดใจมาเล่าให้คุณเบิร์ดฟังเกิดขึ้นในบ้านของหัวหน้าแถวๆรังสิตประมาณ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาหัวหน้าได้ย้ายเข้าไปในบ้านหลังนี้ต่างเข้าจะเป็นซอยเก่าๆบ้านจะอยู่ประมาณเกือบเกือบท้ายซอยลักษณะเป็นบ้านปูนสองชั้นมีวันหนึ่งหัวหน้านั่งทำงานอยู่ที่ชั้น 2 ปกติหัวหน้าจะเป็นคนนอนดึกหัวหน้าได้ยินเสียงเหมือนม้าวิ่งอยู่ตรงลานข้างบ้านก็เลยเปิดกระจกบานเกล็ดออกไปดูปรากฏว่าเจอเงาดำลักษณะเหมือนคนขี่ม้าตัวใหญ่ๆกำลังวิ่งวนไปวนมาอยู่ร้านข้างบ้านหลังจากนั้นก็มีควันขาวๆซึ่งลอยมาตามถนนแต่พอมาถึงหน้าบ้านของหัวหน้าแล้วฝันนั้นก็ลอยเข้ามาภายในบริเวณของบ้านแล้วก็กระจายหายไปต่อหน้าต่อตาของหัวหน้า รวมทั้งเราคนที่ขี่ม้าด้วยหัวหน้าก็ไม่อยากคิดอะไรมากเพราะเดี๋ยวจะกลัวซะเปล่าๆหลังจากนั้นประมาณอีก 2 วันแต่มีมอเตอร์ไซค์คว่ำที่หน้าบ้านหัวหน้าจึงรีบวิ่งไปดูเลยช่วยคนเจ็บหัวหน้าเป็นแผลเล็กๆที่หัวแตกเลือดไหลออกมาเยอะมากหัวหน้าจะช่วยทำให้หลังจากนั้นอีก 1 อาทิตย์ก็ได้มีมอเตอร์ไซค์คว่ำตรงจุดเดิมซ้ำอีกแล้วก็เป็นแผลที่หัวกาลเวลาเริ่มสังเกตว่ามันแปลกๆอย่าลืมคิดในซอยนี้น่าจะมีอะไรและมีอยู่วันหนึ่งหลังจากที่หัวหน้าการทำงานเสร็จประมาณตี 2 เกือบตี 3 หัวหน้ากำลังเคลิ้มหลับอยู่บนเตียงก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเอามือมาขย้ำถุงอยู่ตรงบริเวณปลายเตียงแต่หัวหน้าเป็นคนสายตาสั้น ลุกขึ้นมานั่งและพยายามมองว่ามันคือเสียงอะไรในห้องพอจะมีแสงไฟจากข้างนอกสาดเข้ามาอยู่บ้างเห็นนิดๆผู้หญิงผมยาวยืนหันหลังให้แล้วเอามือไปถูกอยู่ตรงปลายเตียงหน้าลุกขึ้นมาเพ่งมองดีๆก็กดว่ามีคนแก่ยืนอยู่กลางเด็กผู้หญิงด้วยหัวหน้าก็พยายามมือเข้าไปดูเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาดหรือเปล่าแต่คนแก่ก็ไดเลื่อนมือมาจับแขนหัวหน้าไว้หัวหน้าก็เลยจัดที่แขนคนแก่ด้วยลักษณะจนเห็นๆหัวหน้าก็เริ่มแจกสติไม่อยู่กับตัวแล้วและจังหวะที่กำลังจะล้มตัวลงนอนเด็กผู้หญิงก็ได้หน้ามามองแต่อ่านแค่ตัวอยู่กับที่และก็ยิ้มให้หัวหน้าพยายามจะสวดมนต์ก็สวยไม่ออกแล้วก็นึกถึงแม่แท้สักพักได้ยินเสียง ลูกบิดประตูแรงมากทั้งเด็กและคนแก่ก็ค่อยๆจางหายไปแล้วเสียงลูกบิดประตูก็เงียบลงตอนเช้าหัวหน้าจึงได้ไปเล่าให้คนข้างๆฟังเขาก็เลยบอกว่าถนนตั้งแต่หน้าซอยท้ายซอยจะเป็นเหมือนทางส่งวิญญาณทุกๆวันที่ชอบมีเสียงหรือเหตุการณ์ในลักษณะนี้อยู่แล้วก็มีคนอยู่เป็นประจำบางคนได้ยินเสียงวิ่งที่ถนนหลายคนมันเป็นกองทัพแต่ก็มองออกไปก็ไม่พบอะไรเลยและทุกครั้งที่เป็นวันพระเสียงหมาเริ่มหอนกันตั้งแต่หัวค่ำไม่อยู่ข้างในวัยรุ่นตีกันอยู่ในป่าแถวๆหน้าบ้านแต่ก็ล้มลงเขาเห็นเป็นลักษณะคนแก่ตัวเล็กของผมไม่ใส่เสื้อๆก็โผล่มานั่งยองแล้วเอาปากดูดเข้าไปที่โต๊ะ แผลที่มีเลือดไหลลื่นไหลออกมารองพื้นโดยที่เจ้าตัวเหมือนจะไม่เห็นคนที่กำลังดูดแผลเป็นของตนเองอยู่หัวหน้าจึงเดินออกไปดูที่ท้ายซอยก็พบมีศาลหมายเลขตั้งอยู่กับพื้นแล้วก็มีพวกของเส้นว่าอยู่เต็มหน้าศาลแต่ที่แปลกคือมีแต่ของดิบเช่นเนื้อหมูถุงเลือดทุกวันนี้หัวหน้าของคุณเบอร์ก็ยังไม่ได้ย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้นเพราะเจอจนชินไปแล้วและนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เส้นทางไปเมืองกาญ !!
ผมมีอาชีพขับรถตู้ประจำทางซึ่งจะไปจากกรุงเทพไปอำเภอ 1 จังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งต้องผ่านอำเภอหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรีผมออกจากท่ารถสุพรรณเที่ยวแรกตอนตี 5 ท่าพระตรงจุดเกิดเหตุพื้นที่ตรงนี้คนขับในพื้นที่เขาจะรู้ว่าพื้นที่ตรงนี้มันแรงแต่ผมก็ยังไม่รู้อะไรผมออกมาจากคิวพร้อมผู้โดยสาร 1 คนเส้นทางมืดสนิทก็ดีไฟสูงมาตลอดทางออกมาประมาณตี 5 10 นาทีข้างหน้า?ไฟก็ส่งไปเห็นคนใส่ชุดขาวอยู่คนหนึ่งอยู่ใกล้ๆเพราะรถเข้าใกล้ๆ ก็เห็นแม่ชีคนหนึ่งใส่ชุดขาวก็เลยกับพี่ไฟไปเพื่อส่งสัญญาณว่ารถตู้มาจะไปไหมเขาก็บอกเราเราก็รู้ว่าไปกับรถเรารถก็ไหลชลอเข้าไปใกล้ก็เลยเอารถจอดเทียบข้างเพราะเทียบท่าเสร็จจ่อสักพักนึงก็ยังไม่เปิดประตูสักทีก็คิดว่าแม่ชีเขาจะเปิดประตูไม่เป็นหรือเปล่าก็เลยรบกวนให้ผู้โดยสารที่ไปด้วยกันเปิดประตูแต่พอเปิดประตูรถออกกลับไม่เจอใครเลยแม้ให้ผู้โดยสารปิดประตูด้วยความมืดผมก็เลยออกรถเปลี่ยนไปอีกเลนนึงแล้วถอยรถเพื่อจะใช้ไฟหน้ารถส่องอธิบายว่าต้องจุดนั้นสองข้างทางจะเป็นไร่มันสำปะหลังและก็ไผ่ใหญ่ๆอยู่เพราะไฟหน้ารถส่องไป แต่กลับไม่พบใครเลยเท่านั้นแหละผมก็เลยใส่เกียร์เดินหน้า? เร่งคันเร่งเดินหน้าออกไปทันทีพอใส่เกียร์ได้ผมก็เลยถามผู้โดยสารว่าเห็นแม่ชีไหมเขาบอกว่าเห็นซึ่งทำให้ผมมั่นใจว่าตอนนั้นเราไม่ได้เห็นแค่คนเดียวตาฝาดแล้วก็ขับรถต่อไปหลังจากนั้นผ่านไปไม่นานเท่าไหร่เหตุการณ์หลังจากนั้นผมออกจากกรุงเทพตอนหกโมงเย็นถึงเป็นเที่ยวสุดท้ายของเที่ยวรถการเดินทางใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาผ่านจุดเดิมช่วงแรกก็จะมีคนเต็มรถกลับขึ้นลงจากข้างทางบ้างจนลงไปเหลือแค่วัยรุ่นใช้กันอยู่ข้างหลังถ้าไม่รู้จะไม่มีไฟส่องขับไปผมก็ต้องตกใจล้นเขื่อนลงข้างทางรถวิ่งที่นั่งอยู่ข้างหลัง เสียงดังลั่นและเปิดไฟในรถแล้วถามผู้โดยสารว่าเป็นอะไรหรือเปล่าเขาไม่พูดไม่จาอะไรเลยแฟนเขาก็เขย่าตัวแต่น้องผู้หญิงคนนั้นก็ไม่พูดอะไรเอาแต่สั่งน้ำมูกน้ำตาไหลผมก็ขาดต่อไปจนถึงท่ารถประมาณ 3 ทุ่มก็ถึงคิวรถตู้น้องผู้หญิงและแฟนก็รอญาติมารับด้วยความที่ผมอยากรู้ก็เลยถามน้องเขาว่าเจออะไรนอกผู้หญิงเริ่มหายตัวก็เลยเล่าให้ผมฟังว่าตอนที่นั่งรถมาน้องเขาหลั่งมาตลอดทางจนมาถึงที่เกิดเหตุน้องบอกว่ามองออกข้างนอกด้วยความมืดก็เลยเห็นแค่เหงาระบุไม่ได้ว่าเป็นชายวิ่งหนีกูขับรถมาผมก็เลยถามน้องว่าเห็นจริงหรือเปล่า เพราะผมกลับมามันมีหลุมมีอะไรบ้างแต่ก็ขับมาเกือบร้อยแล้วนะน้องก็บอกว่าหนูเห็นจริงๆเขาวิ่งคู่มาตลอดทางเลยเขาก็เลยพยายามหลับตาเพราะหันไปมองอีกทีก็ยังอยู่จังหวะนั้นที่น้องเขากรี๊ดนอกนั้นดังที่เห็นวิ่งตามขนาดรถอยู่ก็กระโดดมาเป๊ะกับกระจกข้างที่น้องนั่งก็เห็นก็เลยกรี๊ดแต่จังหวะนั้นผมไม่เห็นฉันก็เป็นโชคดีของผมที่ไม่เห็นคุณทำผมเห็นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรถไม่คิวของผมมีทั้งหมด 18 คันซึ่งทุกคนก็ล้วนแต่เจอมาแล้วทั้งนั้นบางคนจนคนอยู่บนยอดกอไผ่ บางคนเห็นเป็นใส่ชุดไทยหญิงเล่นน้ำฝนบ้างบางคนเห็นมันเด็กวิ่งตัดหน้ารถคนแก่ๆยืนชี้หน้าอยู่บ้างมันหลายเหตุการณ์แล้วหลังจากที่ผมส่งน้องก็เสร็จผมก็ต้องเอารถไปเก็บแล้วขับรถของตัวเองกลับบ้านต่อไป 10 กิโลตอนนั้นผมคิดว่าจะเจออะไรอีกไหมเพราะผมต้องผ่านทางนั้นทุกวันการทำงานของผมต้องผ่านทางนี้ช่วงไหนที่ผ่านจุดนี้ถ้าไม่มีต้นมันสำปะหลังสองข้างทางก็จะโล่งอย่าตลอดทางแต่ถ้ามีมันสําปะหลังเริ่มโต บรรยากาศน่ากลัวมากๆจนผมพยายามถึงที่มาที่ไปว่ามันเป็นยังไงถามรถตู้เก่าๆที่มีมานานก็ไม่มีใครรู้บ้างที่ขับรถเป็นร้อยก็ยังเจอเสียงเคาะกระจกหลังมาบ้างเรื่องราวที่ผมเจอก็มีประมาณนี้ทุกวันนี้ส่งผู้โดยสารด้วยความจำเป็นตลอด
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...