วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2561
รถไฟสยองกลางป่า !!
ผมเป็นลูกแหง่ติดพ่อครับ สมัยผมเด็ก ๆ มักจะร้องงอแงไปทำงานกับพ่อด้วย ติดพ่อมากถึงขนาดเอาเชือกผูกไว้กับขาพ่อ เพื่อที่ตื่นไปทำงานกับพ่อด้วย ครั้งนึงพ่อผมต้องไปทำงานตอน ห้าทุ่มตอนนั้นผมอยู่ ป.3 อยากไปทำงานกับพ่อมาก ๆ แต่กลัวพ่อไม่ให้ไปเพราะพรุ่งนี้มีต้องเรียนหนังสือและพ่อผมมักจะแอบลุกจากเตียงเพื่อ เตรียมตัวไปทำงาน โดยที่ผมยังหลับอยู่ผมเลยเอาเชือกผูกปลายเท้าพ่อไว้กับปลายเท้าของผม พอพ่อจะตื่นไปทำงานเชือกจะกระตุกและผมก็จะตื่นและขอไปด้วย สรุปว่าด้วยการตื้อของผมก็ได้ไปทำงานกับพ่อในที่สุด ขบวนที่ไปวันนั้นเป็นขบวนรถสินค้ามีหัวรถจักรหนึ่งตู้ ตู้สินค้า 12 ตู้ และตู้ พห. ตู้ รถสัมภาระมีเครื่องห้ามล้อ ซึ่งตู้นี้คือตู้ที่พนักงานใช้ทำงานอยู่บนขบวนรถ มี พหล พรร(พ่อผม) และ ไอ้เด็กติดพ่อ รวม 3 ชีวิต ขณะที่รถไฟแล่นไปเรื่อย ๆ เวลาขณะนั้นประมาณ ตี 2 ก็ เกิดเหตุการณ์หัวจักรเสียต้องจอดรอเปลี่ยนหัวจักรใหม่ ตอนนั้นรถจอดนิ่ง ๆ รอหัวรถจักร กลางป่าเขามืด ๆ ไฟไม่มีในตู้ พห. นั้นมืดมากเพราะหลอดไฟบนตู้เสีย ผมเลยเดินออกมาที่ท้ายตู้ พห. ซึ่งท้ายตู้พห.นี้ จะมีคล้าย ๆ พวงมาลัย ซึ่งเอาไว้ห้ามล้อ ผมก็มายืนเกาะเอาไว้ มองไปรอบๆก็ยังพอมองเห็นอะไรบ้างจากแสงพระจันทร์ ผมมองไปรอบ ๆ ก็เห็นเป็นป่า ภูเขา ดูแล้วไม่น่าจะมีบ้านคนแถวนี้ ขณะที่มองเพลินๆอยู่นั้น ผมก็สังเกตุเห็นแสงไฟสปอดไลท์ สว่าง ๆ มาทาง หัวขบวน เหมือนจะมีรถไฟอีกขบวนวิ่งสวนมา ผมก็ไม่สนใจมาก แต่พอขบวนเริ่มเข้ามาใกล้ผมก็มองไปเป็นขบวนรถโดยสารแต่ตู้โบกี้แปลกมาก เหมือนเป็นโบกี้ที่เลิกใช้งานแล้ว มันดูเก่าและ โทรมมาก ๆ รถไฟขบวนนี้วิ่งช้า ๆ ผิดสังเกตุ ผมมองไปที่ตู้โดยสารเห็นผู้โดยสารนั่งกันปกติแต่ที่แปลกคือ ทุกคนนั่งหันหน้ามองกันและกัน หน้านิ่ง ๆ จ้องหนัากันอยู่(เขาจ้องหน้ากันเองไม่ได้มองมาที่ผม) แต่เมื่อผมมองไปซักพัก ผู้โดยสารเหล่านั้นเริ่มหันมามองที่ผมพร้อมกัน ตอนนั้นผมรู้สึกแปลกๆ แล้ว ต่อมาทุกคนเริ่มยิ้มให้ผมแต่ปากของแต่ละคนค่อยๆกว้างขึ้น กว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบถึงใบหู ตอนนั้นผมอึ้ง บอกไม่ถูกว่า กลัวหรือเปล่าแต่มันก้าวขาไม่ออก ผมยืนดูรถขบวนนั้นค่อย ๆ วิ่งผ่านไปช้า ๆ ทุกคนยังยิ้มมาที่ผมและ ขบวนรถนั้นก็ค่อย วิ่งหายไปในความมืด เข้าไปในป่าอีกด้าน ผมยังยืนเกาะอยู่ที่พวงมาลัยห้ามล้อ ตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ยืนตรงนั้นนานแค่ใหน จนพ่อเดินมาเรียกให้เข้าไปในตู้ เพราะรถหัวจักรมาเปลี่ยนแล้ว ขบวนรถของผมจึงค่อย ๆ วิ่งจากจุดเกิดเหตุนั้นไป ต่อมาเมื่อถึงสถานีปลายทางในตอนเช้า ผมยังไม่เล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟัง แต่ถามพ่อว่าช่วงเวลานั้นที่เรารอเปลี่ยนหัวจักรอยู่กลางเขา ได้มีขบวนรถโดยสาร วิ่งสวนมาหรือไม่ พ่อบอกไม่มี เพราะทางนั้นมีรางรถไฟแค่รางเดียวคือรางที่ขบวนผมอยู่ จะมีขบวนอื่นสวนมาได้ยังไง แค่นั้นแหละ ผมกลับเข้าไปนอนในรันนิ่ง และ ยกเลิกการเที่ยวในวันนั้นทุกรายการทั้งที่พ่อจะพาไปเล่นน้ำตก และเมื่อกลับมาถึงบ้าน ผมก็เล่าเหตุการทั้งหมดให้พ่อฟัง พ่อบอกว่าที่ตรงนั้นเคยมีอุบัติเหตุรถไฟตกราง และตู้โบกี้ตกเขาด้วย มีผู้เสียชีวิตมากมาย และหลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยงอแงร้องตามพ่อไปทำงาน แต่ก็ขอไปบ้างนาน ๆ ที
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น