วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เขาตังกวน ชวนหลอนที่สงขลา !!
ดิฉัน เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา แต่เป็นชาวพัทลุงดิฉันคงจะไม่เล่าถึงประวัติตัวเองให้มาก เพราะได้เล่าเอาไว้แล้วในกระทู้แรกนี่เป็นกระทู้ที่ 2 ที่จะมาเล่าสู่กันฟังเพราะดิฉันเป็นคนที่เชื่อในเรื่องลี้ลับผีสาง อะไรแบบนี้ และจะขอยืนยันในฐานะคนที่สัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้ว่า เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องงมงายแต่อย่างใด และดิฉันก็ไม่สามารถจะไปบังคับให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด มาเชื่อในสิ่งที่ดิฉันเล่า เพียงแต่นำมาเล่าสู่กันฟัง ใครที่มองว่าเป็นเรื่องงมงาย ไร้สาระ ก็ขอเพียงแต่ท่านจงอ่านให้เป็นเพียงนิทานเรื่องหนึ่งเถิด เพราะความที่ดิฉันมาใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาอยู่ที่สงขลา แรกๆก็กลับบ้านทุก วันศุกร์-เสาร์ พออาทิตย์ก็กลับมา เพื่อจะเรียนในวันจันทร์-ศุกร์ ดิฉันเช่าหอพักอยู่แถวๆถนนราษฏร์อุทิศ 1 ก็เป็นหอใหญ่สะดวกสบายพอสมควร แต่พอดิฉันเริ่มรู้จักคนมากขึ้น มีเพื่อนมากขึ้น ก็ไม่ค่อยกลับบ้าน จะเตร็ดเตร่เที่ยวเล่นกับเพื่อนอยู่แถวละแวกนี้ ด้วยความที่ โสด ใส ซิง ไม่มีแฟน ทั้งที่รูปร่างหน้าตาก็ดี (คนรอบตัวบอกงั้น) ก็เลยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาทักท้วงเรื่องเที่ยวเล่นกับเพื่อนใหม่ๆ มอเตอร์ไซค์นี่เลย 3คัน ไปที6คนบ้าง 7คนบ้างไปได้เรื่อยๆ หลักๆก็จะชอบไปนั่งเล่นที่แหลมสมิหลา หรือไปนั่งดูเพื่อนตกปลา ถ้าไกลหน่อย ก็จะขึ้นแพข้ามฟากไปฝั่งหัวเขาแดง อ.สิงหนคร เพราะดิฉันมีเพื่อนเป็นมุสลิมบ้านอยู่ทางฝั่งนั้นด้วย อันว่าเรื่องการเที่ยวนี้ ดิฉันไม่ใคร่จะชอบเดินเข้าห้างสักเท่าไหร่ ออกแนวสาวลุย ชอบลุยธรรมชาติว่างั้น และการไปเที่ยวอะไรพวกนี้ ดิฉันก็หนีไม่พ้นเรื่องราวสัมผัสกับผี ตามประสาคนมีดีทางด้านนี้ ดิฉันไม่รู้ว่าจะเรียกว่ามีดีได้หรือเปล่า แต่มันก็ดีตรงที่ดิฉันเห็นจนชิน ชินจนเลิกกลัวไปแล้วเคยพยายามไปศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ทางพระท่านว่า เรื่องการสัมผัสผีได้เนี่ย มันได้มาจากการฝึกฝนจิต ที่อาจจะฝึกได้ในชาตินี้ หรือติดตัวมาแต่ชาติก่อน จริงหรือเท็จอย่างไรดิฉันก็มิทราบได้ เพราะมิสามารถระลึกชาติได้แต่อย่างใด อันว่าเรื่องราวของผีในเมืองสงขลานี้ หากจะมีเครื่องมือให้ไล่จับผีได้ เหมือนเกมส์ โปเกม่อน GO ดิฉันก็ขอแนะนำให้ไปจับที่เขาตังกวน เขาตังกวน เป็นเขาสูงโดดเด่น เป็นจุดที่สามารถขึ้นไปมองวิวของเมืองสงขลาได้รอบทิศ บนยอดเขาจะมีเจดีย์องค์ใหญ่อยู่ มองเห็นแต่ไกล หากใครมาเมืองสงขลา แล้วไม่ได้ไปขึ้นเขาตังกวน ก็เหมือนมาไม่ถึงเลยแหละ นักท่องเที่ยวคงคุ้นเคยกับการขึ้นเขาตังกวนด้วยลิฟต์ที่ตีนเขา แต่เขาตังกวนจะมีทางขึ้นถึง3ทาง ทางหนึ่งคือลิฟต์ ที่คุ้นเคยกันดีทาง 2 จะเป็นถนนเล็กๆ เป็นอิฐเรียงต่อๆกัน สามารถขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปถึงยอดเขาได้เลย ทางขึ้นด้านนี้ จะอยู่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเขา และอีกทางคือบันได อยู่ทางตะวันตก หากขับรถวนตามถนนรอบเขา หากสังเกตดีๆจะมองเห็นทางขึ้นที่ว่านี้ได้เอง ช่วงนั้นดิฉันกับเพื่อนสาวอีก2คน โดนชวนโดยเพื่อนชาย2คน ว่าจะไปขี่รถเล่นแก้ร้อนตอนกลางคืนกัน เราขี่รถตามกันไปเรื่อยๆ หญิงซ้อน 3 ชายซ้อน 2 ขับรถเคียงเมียงมองสอดส่องล่องตามทางตระเวนไปทั่วเมืองยามราตรี จนไปถึงเขาตังกวน เราขี่ตามถนนเลียบเขาตังกวน จนไปเจอทางขึ้นเขาที่เป็นด้านบันไดหัวพญานาค เพื่อนชายก็จอดรถ เราเลยจอดตาม เพื่อนชายก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เห้ย เรายังไม่เคยขึ้นเขาตังกวนทางบันไดนี้เลย ไปกันมะ” “จะดีหรอ มันมืดมากเลยนะมืง พวกเราก็ผู้หญิงด้วย อันตราย” “ไม่เป็นไรหรอก มีพวกเราเป็นผู้ชายตั้ง2คน ใครจะกล้าทำอะไร” พวกเราที่เป็นหญิง3คนก็มองหน้ากัน เหมือนจะหยั่งความเห็น “เอาไงแก ขึ้นป่าว” “หึ้ย มันมืดนะ เอาจริงดิ” “ลองดู มีผู้ชายมาด้วย ไม่เป็นไรหรอก” ดิฉัน ไม่ค่อยอยากจะขึ้นเท่าไหร่นัก เพราะแค่ยืนตีนเขา ดิฉันก็รู้สึกได้แล้วว่า มีความยะเยือกในแบบที่ไม่ใช่ความเย็นธรรมดา แถมกลิ่นที่โชยมาแตะจมูกนั้น มันก็ฟ้องอยู่ในจิตดิฉันแล้วว่า “กลิ่นขี้หมาแถวนี้มันแรงจริงๆ” แต่ก็อ่ะ ในเมื่อเพื่อนๆอยากลองขึ้นกัน เราก็ต้องเอาด้วย เลยเกาะกลุ่มกันเดินตามเพื่อนชายตามบันไดขึ้นเขาไปมืดๆ เราเดินตามกันมาจนถึงตะพักไหล่เขาตะพักแรก เหมือนจะเป็นที่โล่งๆ มีลักษณะเหมือนเป็นส่วนฐานของสิ่งปลูกสร้างอะไรบางอย่าง เราหันมองกลับไป มองเห็นไฟจากบ้านเรือน และมองเห็นไฟจากเรือในทะเลสาบอยู่ ท่ามกลางความมืดและเย็นบนไหล่เขาตังกวน มันชวนให้เราฟิน เราพากันนั่งมองวิวอยู่มืดๆแบบนั้น เพื่อนๆต่างก็บอกว่าเย็นจัง สบายตาด้วย มันเป็นธรรมชาติกลางเมืองที่เราสัมผัสได้จริงๆ ขณะที่เพื่อนๆกำลังนั่งฟินกับบรรยากาศอยู่นั้น ดิฉัน ผู้มีสัมผัสพิเศษ และมีวิญญาณของพี่สาวฝาแฝดคอยตามติดอยู่ ก็ได้ยินเสียงแว่วในหู ดังขึ้นเหมือนเราได้ยินเสียงพูดจากหูฟังว่า “ระวัง” เป็นคำพูดที่รู้สึกว่าชัดมาก เหมือนวิญญาณพี่สาวฝาแฝดดิฉันจะพยายามบอกอะไร แต่ก็ได้ยินชัดแค่นั้น แล้วหลังจากนั้น เสียงก็กลายเป็นเหมือนเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ไป จนไม่รู้ว่าจะเตือนให้ดิฉันระวังอะไร ดิฉันหันหลังไปมอง เห็นเจดีย์ที่อยู่สูงและไกลขึ้นไปเป็นเงาทะมึน ได้ยินเสียงเหมือนเสียงใครเคาะระฆังมาเบาๆ ดิฉันหันไปดู เพื่อนหญิงอีก 2 คนก็จับแขน และกระซิบกระซาบ “แก แกเป็นไร มองอะไร” เพราะเพื่อนสาวทั้ง2คนของดิฉัน จะรู้เรื่องที่ฉันสามารถสัมผัสวิญญาณได้ พอเห็นอาการของดิฉัน ที่เริ่มนั่งนิ่ง และพยายามเบิ่งตาเพื่อจับสัมผัสสิ่งเล้นลับ พวกเธอก็จับแขนดิฉันไว้แน่น “หึยยยยยย แก มีไรอ่ะ” “แก ไม่เอานะ กูกลัว อย่ามาสัมผัสอะไรตอนนี้ดิ กลับเหอะ” เพื่อนสาวของดิฉัน2คนก็เริ่มโวยวาย เมื่อเห็นอาการของดิฉัน หันไปดึงไม้ดึงมือเพื่อนชายอีก2คนชวนกันลงเขา แต่เหมือนเพื่อนชายจะอยากรู้มากกว่ากลัว เลยหันไปบอกเพื่อนหญิงทั้ง2ว่า “เธอนิ่งๆดิ “ พวกเพื่อนสาวเลยหุบปากลงได้ แต่ก็ยังนั่งหมอบอยู่ด้านหลังของดิฉัน เสียงดังคล้ายระฆัง ยังดังมาอีก เง่ง....เง่ง....เง่ง.... ทิ้งระยะห่างแต่ละเง่งพอสมควร แล้วดิฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนเป็นเสียงรอยเท้าคนเดินลงมา ดัง กุบ กุบ กุบ พวกเพื่อนๆก็ได้ยิน จนมันเผลอร้อง “เชี้ย” ออกมา แล้วก็ปรากฏเงา ลักษณะเหมือนเงาคนรูปร่างสูงใหญ่ กำลังเดินตามทางลงมา พวกเพื่อนๆมันก็เห็นกันทุกคน ก็เริ่มใจคอไม่ดี คนนึงข้างหลังของดิฉันมันกลัวจนตัวสั่น เพราะเงาที่เห็นนั้นมันชัดเจนมาก และกำลังเดินลงตรงมาทางที่กลุ่มของดิฉันที่นั่งกันอยู่เงียบๆ เงานั้นเดินๆมา พอใกล้ถึง ก็หยุดนิ่งกับที่ไม่ไหวติง “กูจะไม่ไหวแล้วนะโว้ย ฮือๆๆกูกลัว” เสียงนังเพื่อนคนหนึ่งของดิฉันเริ่มงอแง ดิฉันบอกให้มันนิ่งๆ เงาที่ว่านั้นก็เริ่มโงนเงนโอนเอนไปมาเหมือนต้นไม้โดนลม แล้วก็มีเงาอีก2เงาตามหลังเงาแรกมาจนทันกัน รวมเป็น3เงา ดิฉันเลยยืนขึ้น พวกเพื่อนๆก็ยืนตาม พอเรายืน เงาที่เราเห็นๆอยู่ก็หายแว้บไปกับตา เพื่อนสาวดิฉันเธอสติหลุด เลยกรี๊ดแล้วซอยเท้าวิ่งรัวๆลงบันได เพื่อนชายก็ไล่วิ่งไล่ตามเพราะกลัวเพื่อนสาวตกบันไดขึ้นเขาตาย ดิฉันเดินตามเพื่อนลงมาอย่างปกติธรรมดา เป็นวิญญาณที่มีพลังแรงมากทีเดียว 3ดวงนี้ เพราะออกมาให้คนเห็นได้ถึง5คน แม้แต่เพื่อนๆของดิฉันที่ไม่ได้มีสัมผัสอะไร ก็ยังเห็นได้ด้วยกันกับดิฉัน เราลงบันไดมาโดยมีดิฉันเดินรั้งท้าย จังหวะก้าวเท้าลงมานั้น เสียงแว่วๆจากผีพี่สาวฝาแฝดของดิฉัน ที่ตามติดตัวฉันอยู่ ก็ดังแว้บเข้ามาในหัวว่า “ข้างหลัง” ดิฉันเลยหันหลังไปเบิ่งตามอง เห็นเงารูปร่างสูงใหญ่ ยืนอยู่บนบันไดชั้นสิ้นสุดขั้นบันได บนตะพักแรก ในลักษณะ ยืนแยกขานิดๆ 2แขนห่างตัวเหมือนกำหมัด เขายืนนิ่งๆไม่ไหวติง แต่ดิฉันเห็นได้ว่า เหมือนเขามายืนมองพวกเรา แล้วพอดิฉันหันไปมองไม่ยอมวางตา เขานั้นก็กระโดดขึ้นต้นไม้ต้นหนึ่งบนนั้นหายไป จนดิฉันไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้อีก พวกเพื่อนชายที่ลงไปถึงรถแล้วก็ตะโกนเรียกขึ้นมา ดิฉันเลยเดินลงไปสมทบเพื่อนๆ ก่อนจะพากันขับรถออกมาจากตรงนั้น เพื่อนๆดิฉันถามว่า ผีใช่ไม๊มืงตะกี้ ดิฉันไม่สามารถตอบเป็นอื่นได้นอกจาก “อืมมมม” แต่จะเป็นใคร อันนั้นไม่รู้ แต่คงอยู่เฝ้าเขาตังกวนมานานพอดู ถึงมีบารมีมากขนาดโผล่มาให้คนเห็นได้แบบนี้ เพราะถ้าเป็นผีทั่วๆไป จะไม่สามารถโผล่มาให้คนเห็นได้พร้อมๆกันแบบเต็มตาแบบนี้เลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น