*หมายเหตุ เรื่องเล่านี้ เต็มไปด้วยศัพท์ใต้ ใครที่ไม่ค่อยเข้าใจ กรุณาปล่อยผ่าน* แตร๊ด แตรด แตร่ๆๆๆๆ เสียงดนตรีกับเสียงร้องมโนราห์แว่วมายามดึก เลยให้นึก ถึงความเก่า แต่หนหลังอันตัวเรา จะบอกกล่าว เล่าให้ฟัง เมื่อแต่ครั้ง เวลา กาลก่อนมา สมัยที่เรายังเด็กๆ เกิดคดีสะเทือนขวัญเกิดขึ้นในหมู่บ้านนั่นคือที่หมู่บ้าน มีการจ้างคณะโนราห์คณะหนึ่งมาทำการแสดง ข้ามเขามาจากฝั่งพัทลุง เป็นคณะแสดงเล็กๆ คืนนั้นเราก็ได้ไปดูด้วย เพราะเราเป็นคนชอบดูมโนราห์ แต่รำไม่เป็น และหนึ่งในโนราห์ที่มารำ หน้าตาดี เราก็ดูจนจบก็หลบบ้านนอน ตื่นเช้ามา มีตำรวจมาที่หมู่บ้าน พ่อเราก็ไปฟังข่าว ก็กลับมาเล่าสู่แม่ฟัง เราเลยรู้ว่า มีผู้หญิงถูกฆ่าตาย ด้วยการจับผูกคอกับต้นไม้ และคนที่ตายคือหญิงสาวหน้าตาดี ที่เป็นมโนราห์ที่มารำเมื่อคืนนี้เอง ถูกฆ่าที่ในป่าข้างหมู่บ้าน ตำรวจไปตรวจสอบแล้ว น่าจะเป็นการฆาตรกรรมอำพราง เพราะการตรวจสอบ พบว่ามีร่องรอยการต่อสู้ในจุดไม่ไกลที่พบศพ แล้วกางเกงในก็ถูกถลก ตกอยู่ในพุ่มไม้ ตามเนื้อตัวศพก็พบรอยเหมือนถูกดูดเป็นจ้ำๆที่เต้านม ช่องคลอดก็มีคราบเลือดเกรอะ น่าจะถูกข่มขืนแล้วฆ่า ด้วยการจับผูกคอกับต้นไม้ สมัยนั้นโซเชียลยังไม่มี ก็เลยเป็นข่าวแค่ในวงแคบๆตำรวจก็พาศพไป เพื่อตามสืบจับคนร้ายคนในหมู่บ้านที่เป็นผู้ชาย น่าสงสัยโดนเรียกตัวไปสอบหมด รวมทั้งพ่อเราด้วย แต่ก็ไม่ได้อะไร ตำรวจก็ทำงานต่อไป พอตายไป พี่ผู้หญิงคนนั้นคงจะแค้นมาก แกก็ออกมาหลอกคนในหมู่บ้านเรา ที่เดินผ่านต้นขนุนต้นที่แกโดนผูกคอ ลือกันไปทั้งบ้าน จนไม่มีใครกล้าผ่านต้นขนุนต้นนั้นสักคน ขนาดตอนกลางวัน ถ้าเลี่ยงได้ คนก็ไม่กล้าผ่าน ผู้ใหญ่บ้านเคยมานั่งคุยกับพ่อเรา เราก็ไปนั่งฟัง ผู้ใหญ่บ้านบอกพ่อกับแม่เราว่า แกโดนเต็มๆไม่กี่วันก่อน "เห้ เห้อ อีสาวที่โดนฆ่าผูกคอฮั้น แลท่าเฮี้ยนจังแล แรกวันก่อน หวันบ่าย กูถือปืนขึ้นเขา ว่าอีไปหาหมูเถื่อน พอขาหลบหวันเย็น หลบผ่านต้นหนุนนั้นแนะ ว่าห่าง100เมตรได้ มายืนใส่ชุดโนราห์รำอยู่ใต้ต้นหนุน กูแบกปืนแล่นฉ้าบตาย" "มันคงแค้นแรง พรือใครที่ทำมันสักที ม่ายโร้นายอีจับได้ตอใด ไอ้พวกที่ทำ" พอลุงผู้ใหญ่บ้านโดนหลอก แกก็เที่ยวไปเชิญหมอผี พระ แม่ชี ร่างทรง ซินแส มาช่วย แต่ก็ทำไม่ได้สักคน ท่านๆว่า ผีผู้หญิงมโนราห์คนนั้น มีความแค้นสูงมาก มากจนน่ากลัว พระที่ท่านไปปราบ ท่านก็ว่า ผีนางนี้ นอกจากไม่กลัวใครแล้ว ยังมากระทืบเท้าขู่ท่านกลางดึกถึงหน้ากุฏิ จนแทบไม่ได้จำวัด "ไอ้บ่าวชาติ มันหลบมาแต่กรุงเทพ มันไปยิงนก พอเดินหลบมันก็เดินผ่านต้นขนุนต้นนั้น มันว่า เงยหน้าขึ้นมองจะหายิงนกบนยอดไม้ อีผีนั้น มาห้อยต่องแต่ง แต่งตัวเต็มยศ เอาเท้าเกี่ยวกับกิ่งขนุน ยืดแขนรำโนราห์ไปมา หน้าบวมอืดเลยนะแลบลิ้นใส่อีก จนไอ้บ่าวชาติ ทิ้งปืนแก๊ป วิ่งหนี่เยี่ยวแตกเต็มกางเกงลงมาบ้าน" พ่อว่า ตอนที่พ่อไปเยี่ยมพี่บ่าวชาติ เราก็ไป อ่อ จับไข้หัวโกร๋น ได้เห็นแล้ว เป็นงี้เอง พอฟื้น พี่บ่าวชาติก็เปิดกลับกรุงเทพไปเลย ผีสาวมโนราห์นั้น แกก็ไม่ไปไหนนะ เที่ยววนเวียนให้คนเห็นบ่อยๆ บางทีก็มาเป็นเสียงคนร้องบทโนราห์ แบบ ว่า อ้อ ออ ออ อ้อ ออ ออ... คนบ้านที่ใกล้ๆจุดนั้นอยู่ไม่เป็นสุขสักคน กลัวเดินมาหาที่บ้าน ผ่านไปครึ่งปีได้ ตำรวจก็ยังจับคนทำไม่ได้ แต่พอถึงวันนึง ก็มีการแตกตื่นอีก มีผู้ชายไปผูกคอตายซ้ำที่ต้นขนุนต้นนั้น มีคนผ่านไปเจอ พอเจอศพก็ไม่รู้ว่าใคร รองเท้าไม่ใส่ มีรอยเดินตรงมาที่ต้นขนุน แล้วก็ผูกคอเลย พอสืบไปสืบมา เป็นคนอีกหมู่บ้านใกล้ๆนี่เอง คนก็พากันกลัว ลักษณะคือ น่าจะเดินข้ามเขามาเพราะมีรอยตีนเห็นชัดนะ แต่ทำไมถึงต้องเดินข้ามเขาเพื่อมาผูกคอตายที่ต้นขนุนต้นนั้นด้วย จนหลายๆคนพากันบอกว่า คงโดนผีสาวนั้นอำมาผูกให้ตายตามแน่ๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดหรอกนะว่า ชายคนที่ตายน่าจะเป็นคนข่มขืนผู้หญิงคนนั้น แต่เราได้ยินพ่อคุยกับแม่เราว่า "กูว่าไอ้บ่าวนั้นแนะ ข่มขืนแล้วผูกคออีสาวนั้น มันเลยเอาคืน" ทุกคนคิดว่าน่าจะจบแล้ว แต่พอผ่านไปอีกเดือน ก็มีคนเจอศพผู้ชายมาผูกคอตายอีกคน ซ้ำจุดเดิมเลย คนในหมู่บ้านบางคนก็รู้จัก ว่าเป็นคนพัทลุง ข้ามเขามาเที่ยวเล่นจีบสาวในหมู่บ้านประจำ คนก็งงกันไปอีก เพราะรถเครื่อง ขับเข้ามาจอดทิ้งไว้ใกล้ๆ แล้วก็เดินดุ่ยๆเข้าไปผูกคอตายเหมือนศพแรกเลย ผู้ใหญ่บ้าน แกก็ทนไม่ไหวแล้วไง คนมาตายที่เดิม รวมผู้หญิงด้วยก็3ศพแล้ว เสียชื่อหมู่บ้านที่สงบหมด แกก็ฟันธงแล้วว่า เป็นผีสาวในต้นขนุนทำแน่ๆ แกเลยบอก จะพาคนมาโค่นต้นขนุนทิ้ง พอตอนเช้าก็มีคนไปเจอรถเครื่องผู้ใหญ่บ้าน ตะแคงล้มอยู่ในป่าหญ้าคาข้างทาง คนก็ตามหากัน ไปเจอลุงผู้ใหญ่นอนหลบอยู่หลังพระพุทธรูปในวัด ผู้ใหญ่บ้านก็บอก แกขับรถเครื่องไปบ้านเพื่อนที่อีกหมู่บ้าน เรื่องจะหาคนมาตัดต้นขนุนทิ้ง เพราะคนในหมู่บ้านไม่กล้าตัด พอขากลับมาถึงจุดเกิดเหตุ แกว่า "อีโนราห์นั้นแนะ มายืนโบกรถข้างทาง กูก็บิดหนีดิ แหม่ วิ่งตามแล้วโดดซ้อนท้าย หน้ามันจะแปะหน้ากูเลย กูเลยทิ้งรถแล้ววิ่งเข้ามานอนในวัดนี้แนะ"พอผ่านไป2ศพแล้ว แถมเฮี้ยนเพิ่มขึ้นขนาดออกมาวิ่งยิกผู้ใหญ่บ้านแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าลองของ จำได้ว่าพอค่ำ แม่ก็จะปิดบ้านพาเรานอนทันที ถ้าเกิดใครมาเปิดเพลงโนราห์ให้ได้ยิน จะสะดุ้งกลัวกันเป็นแถวๆ จนวันนึง ก็มีตำรวจเข้ามาในหมู่บ้านอีก แล้วพาตัวน้าพงศ์ คนในหมู่บ้านไป พ่อไปฟังข่าว เลยรู้ว่า น้าพงศ์มาสารภาพผิดกับผู้ใหญ่บ้าน ขอให้เรียกตำรวจมาจับแกไปรับโทษ แกสารภาพว่า เป็นแกเอง กับคนที่ตายไปทั้ง2คนก่อนหน้านั่นแหละ ที่เป็นคนข่มขืนแล้วจับโนราห์สาวคนนั้นผูกคอปิดปากพอแกเห็น2คนนั้นตายเหมือนที่ทำกับสาวคนนั้นแกก็กลัว แกบอกแกแทบไม่กล้าไปไหนเลยกลางคืน ขี้ยังต้องขี้ใส่ถุงบนบ้าน เพราะห้องน้ำอยู่แยกจากบ้าน แถมตอนกลางคืน ก็มีเสียงคนมาเดินรอบบ้าน ร้องบทโนราห์กวนทั้งคืน จนกินไม่ได้ นอนไม่ลง แกยังไม่อยากตาย เลยชิงมามอบตัวขอรับผิดทุกวันนี้น้าพงศ์หลุดคุกออกมาแล้ว แต่โกนหัวไปบวชเป็นพระอยู่ที่วัด วัดนึง ที่นครศรีธรรมราช บอกว่าจะบวชไม่สึกเพราะถ้าสึกคงไม่รอดแน่ๆ ผู้หญิงคนนั้น เค้าไม่ยอมอโหสิ มาเข้าฝันว่า จะรอเอาหลวงน้าพงศ์มาผูกคอที่ต้นขนุนต้นนั้นให้ได้ จะรอจนกว่าหลวงน้าพงศ์จะสึก ปัจจุบันนี้ต้นขนุนต้นนั้นก็ยังอยู่ เพราะไม่มีใครกล้ายุ่ง แถมยังมีผ้าแพร7สีผูกเต็มต้น มีคนสร้างศาลเล็กๆให้อยู่ด้วย เพื่อไม่ให้ออกมากวนคน แต่ก็มีคนเจออยู่เป็นระยะนะ แต่ไม่บ่อย คงเพราะแค้นมาก เลยยังไงก็ไม่ยอม หลวงน้าพงศ์ท่านก็ไม่ยอมสึกมาตายเหมือนกัน
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น