วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2561

2 วิญญาณขุนโจรแห่งเมืองพัทลุง !!


                ดิฉันเป็นคน  อ.ป่าพะยอม  จ.พัทลุง เคยเรียนที่โรงเรียนควนขนุน  ของ อ.ควนขนุน  ซึ่งเป็นอำเภอติดกันถึงจะจบการศึกษาชั้น   ม.ต้น  แล้วไม่ได้ต่อ ม.ปลาย ที่นั่น เพราะสอบได้โรงเรียนใหญ่ในตัว  อ.เมืองก็ตาม แต่ก็คงยังมีเพื่อน  เป็นคนควนขนุนอยู่หลายคน  ที่ปัจจุบันยังมีนัดเจอไปมาหาสู่กันอยู่  ชอบไปนั่งกินอาหารที่ ร้านหลานตาชู   และชอบไปนั่งเรือดูนกชมปลาที่ทะเลน้อย ล่าสุด  ดิฉันนัดเจอกับเพื่อนคนนึง  ที่เป็นสาวชาวควนขนุน  บ้านอยู่ในเขตเทศบาล  อาศัยว่าเป็นเพื่อนสนิทกันสมัย  ม.ต้น   ถึงจะแยกย้ายกันไปตามทาง  แต่ก็ยังสนิทอยู่แต่อาจจะน้อยกว่าแต่ก่อน  แต่ก็ยังสนิทพอจะไปนอนที่บ้านเพื่อนคนนี้ได้  พอไปนอนไปเที่ยวบ้านเพื่อนคนนี้  เราจะชอบขับรถไปตรงนั้นตรงนี้ในเขตเทศบาลควนขนุนนั่นแหละ สำหรับดิฉัน  ดิฉันว่า  อ.ควนขนุน  เป็นอำเภอที่น่าอยู่ และมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเหมือนกันนะ  หากมีใครสนใจจะสืบค้น  เพราะสถานที่ดังๆหลายที่อาทิ  วัดเขาอ้อ   ทะเลน้อย  วันดอนศาลา   ก็อยู่ที่อำเภอนี้  นอกจากนี้  หากย้อนรวมไปถึงอดีตแล้ว   ควนขนุน  ขึ้นชื่อมากในเรื่องของ  ชุมโจร และโจรผู้โด่งดัง  และตัวอำเภอควนขนุนเอง  ก็เป็นสถานที่จบชีวิตของขุนโจรชื่อดังถึง2คน คือ  รุ่ง ดอนทราย  และดำหัวแพร ทั้ง2ขุนโจรนี้  คนพัทลุงในย่านนี้  หากสูงอายุสักหน่อย  ไม่ค่อยมีใครไม่รู้จัก  2ขุนโจรผู้โหดเหี้ยม  และมีสัจจะ โดยเฉพาะ ดำ  หัวแพร นั้น  ดังขนาดมีอนุสาวรีย์  จนเคยมีกระแสก่นด่าคนพัทลุงว่าบูชาโจร  เป็นเมืองแห่งโจร หลายๆคนอาจจะทราบว่า  รุ่ง ดอนทราย  ผู้เป็นหัวหน้า  ตายก่อน  และถูกทางการนำศพไปแขวนติดไว้กับต้นตาล  เพื่อเป็นการประจานมิให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง  ที่วัดสุวรรณวิชัย  และดำ หัวแพร เองก็ถูกกระทำเช่นเดียวกันเมื่อโดนปราบได้และเสียชีวิตลง  แต่หลายๆคนอาจไม่ทราบว่า  สถานที่ที่เคยใช้ผูกศพประจานของ2โจรนั้น  มันไม่ใช่บริเวณที่เป็น วัดสุวรรณวิชัย  ที่ตั้งอยู่ในปัจจุบัน หากแต่วัดสุวรรณวิชัยเดิมนั้น  ชื่อวัดกุฏ  และมีการย้ายสถานที่ตั้งจากเดิม  ไปอยู่ใกล้ๆคลอง  ที่เป็นที่ตั้งในปัจจุบัน และที่ดินที่เป็นวัดกุฏแต่เดิม  ปัจจุบัน กลายมาเป็น   โรงเรียนบ้านควนขนุน  และ โรงพยาบาลควนขนุน เพื่อนของดิฉันเล่าให้ฟังว่า  เมื่อตอนทวดของเธอยังอยู่  ทวดของเธอเล่าให้เธอฟัง  เพราะไม่อยากให้เธอไปอยู่ในโรงเรียนบ้านควนขนุนจนค่ำมืด   นางบอกว่า สมัย พ.ศ.2545-2547 ยุคนั้น  เด็กๆจะชอบไปรวมตัวกันที่สนามโรงเรียนบ้านควนขนุน  เพื่อแตะบอล  เต้นแอโรบิค  และจีบกันแบบ ป๊อบปี้เลิฟ    ตอนนั้นเพื่อนของดิฉัน  นางก็ยังเรียนชั้นประถมเอง แต่นมเริ่มแตกพาน  เริ่มมีความดี๊ด๊าเวลาได้เจอหน้าพวกหนุ่มน้อยที่มาหยอกมาแซวแล้ว ทวดของเพื่อนดิฉันเล่าว่า  ตอนนั้นวัดสุวรรณ  ตั้งอยู่ตรงสถานที่  ที่เป็นโรงเรียนบ้านควนขนุน และโรงพยาบาลควนขนุนในตอนนี้   พอทางการจัดการปราบ  รุ่ง ดอนทราย  หัวหน้าชุมโจรชื่อดังได้  และหลังจากนั้นก็เป็นศพ ของ ดำหัวแพรก็เอาศพมามัดติดกับต้นตาลประจานให้คนดู    ตอนนั้นทวดของเพื่อนดิฉันก็ยังวัยรุ่นๆ  พอมีข่าวว่า  ทางการปราบขุนโจรตัวเป้งลงได้  และศพมาอยู่ที่วัด  ทวดก็ไปดู  ศพของทั้ง2โจรโดนผูกประจานอยู่จนน้ำเหลืองไหลนอง สภาพชวนอุจาดตาจนสาแก่ใจแล้ว  ก็ทำการเผาบนกองฟอน หลังจาก2โจรตายและโดนเผาทิ้งไปแล้ว  วิญญาณของ2โจรก็ไม่ได้ไปไหน  ยังคงวนเวียนอยู่ในวัด(เดิม)  อาจจะเพราะความแค้น หรือผูกพัน  หรือเพราะเวรกรรมทำให้ไปไหนไม่ได้    ทวดบอกว่า  มีคนเดินผ่านแถวนั้นตอนกลางคืน เจอผี2โจรมายืนถือพร้าขวางทาง    ตอนแรกผู้เดินทางก็คิดว่าโจรดักปล้น  เพราะตอนนั้นโจรมาก ผู้เดินทาง  เห็นว่าผู้ที่มายืนขวางทางยามวิกาล  มีแค่2 พวกตนมีกันมากกว่า  ก็ชักอาวุธพร้อมสู้ คนหนึ่งในกลุ่ม  ก็ชูตะเกียงขึ้นเหนือหัว  พร้อมกับโชว์มีดพร้า  ชี้ไปทาง2เงาที่ขวางทาง  ประกาศว่า “พวกมืงอิปล้นกุ เห้อ  โหม่สูมาแค่2 เอาต่ะ  โหม่เรามี5คน  เข้ามาลองแล” 2เงาที่ว่า ก็ยังยืนนิ่ง  ฝ่ายคนเดินทางทั้งกลุ่ม ก็ยืนดูเชิง  ไม่กล้าเดินเข้าใกล้  ตะโกนใส่ไปเท่าใด  มันก็ไม่ตอบ จนกลุ่มคนเดินทาง  กระสับกระส่าย  ว่าชะรอยจะเป็นกลลวง  เผลอๆอาจมีโจรอื่นๆแอบซุ่มอยู่ก็ไม่รู้ แต่แถวนี้ก็เขตวัด  ถ้ามีฟันมียิงกัน ก็อาจจะพอวิ่งหลบเข้าวัดได้อยู่  แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้   จนคนหัวหน้าตัดสินใจ ว่าเอาวะ เดินเข้าไปใกล้ๆมันพร้อมๆกันดู  ถ้ามันปล้น สู้ได้ก็สู้  สู้ไม่ได้ก็หนีเอาตัวรอด ทวดว่า พอกลุ่มคนนั้น  ค่อยๆเดินเตรียมท่าพร้อมเข้าหา2เงา  ว่าแสงไฟไปกระทบร่าง  แกก็ว่า เป็นร่างผุๆพองๆน้ำเหลืองนองตัว  ถือพร้าลืมงอเป็นเอกลักษณ์  สภาพที่เห็นคือเหมือนสภาพศพของ2โจรตอนโดนมัดประจานชัดๆเลย พอเห็นถนัดตา  กลุ่มคนเดินทาง  ก็ร้องโหวกเหวกโวยวายผีหลอก วิ่งหนีกันตัวปลิว  ผ้าผ่อนหลุดเพราะโดนหนามเกี่ยว เรื่องมีคนโดนผี2โจรหลอก  ที่วัดสุวรรณวิชัย (เดิม)  ทำเอาคนไม่กล้าเดินทางผ่านวัด  พระเณรท่านก็อยู่ลำบากกัน ว่าโดน2ผีขุนโจรกวนทุกคืน  ไม่มีคนกล้าผ่านมาให้หลอก  ก็เที่ยวหลอกพระหลอกเณร  มาเดินถือพร้า ตัวโย่งๆเท่าต้นไม้ หมาหอนรับกันเกรียวกราวยามดึก   ท่านว่าออกมาหลอกอยู่แบบนั้น ตลอดจนคนกลัววัด ท่านว่า เจอมาตลอด  ขนาดยามเย็นมุ้งมิ้ง ไม่ทันมืดดีที  มันก็ออกมาหลอกถ้ามันอยากจะหลอก จนวัดย้ายจากที่เดิม  ลงไปอยู่ใกล้คลอง  เพื่อให้พระเณรตักน้ำใช้ได้สะดวก   ที่ตั้งวัดสุวรรณเดิมก็กลายมาเป็น โรงเรียนบ้านควนขนุน และโรงพยาบาลในปัจจุบัน   โดยเฉพาะที่โรงจอดรถของโรงเรียนบ้านควนขนุนนั้น ช่างก่อสร้าง  ขุดหลุม  จะลงเสาโรงจอดรถ  ขุดๆเจอกระดูกคนเต็มๆจนคนขุดกระเจิง เพราะตกใจ  ต้องทำพิธีขอขมา แล้วก็เอาผ้าแพร  พวกมาลัย  ผูกเสาโรงจอดรถไว้  แต่ตอนนี้รู้สึกจะไม่มีแล้ว ปัจจุบันนี้  2ผีขุนโจรคงจะไปตามทางของตัวเองแล้ว  เพราะเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนาน  และวัดที่ตัวเองโดนเอามาประจาน ก็กลายมาเป็นโรงพยาบาลและโรงเรียนไปแล้ว  แต่เพื่อนของดิฉันก็บอกว่า  ทวดของเธอบอกว่า  จุดที่ศพของ2โจรโดนผูกประจานจนน้ำเหลืองนองสภาพทุเรศทุรังนั้น  ปัจจุบันจะอยู่แถวๆต้นมะขาม  ใกล้ๆแท้งค์เก็บน้ำของโรงเรียน  ที่เป็นกำแพงกั้นระหว่างโรงพยาบาลของโรงเรียน  ทวดของเพื่อนของดิฉันก็เตือนว่า ไปแถวๆหลังอาคารนั้นบ่อยๆระวังเห๊อะ จะโดนผีหลอกเอา  ยิ่งพอทวดเล่าประวัติบริเวณที่ตั้งโรงเรียนให้ฟังเข้าไปด้วยแล้ว  เพื่อนดิฉันก็ไม่กล้าไปตรงต้นมะขามหลังอาคารครูโรงเรียนนั้นเลย ดิฉันก็ไม่ทราบว่า  จริงหรือไม่จริง  หรือเป็นกุศโลบายของทวดเพื่อนดิฉัน  ที่จะไม่อยากให้เพื่อนของดิฉันไปมั่วสุม หรือไปตรงที่เปลี่ยวๆก็ไม่ทราบได้ แต่มันช่างสยดสยองเหลือเกินตรงที่  ล่าสุดปรากฏว่า  มีชายคนนึง  บ้านอยู่ข้างโรงเรียน น้อยใจเมีย   แล้วเดินโทงๆไปผูกคอตายตัวห้อยโตงเตง   กับต้นมะขาม  ที่อยู่กลางสนามหน้าอาคารเรียนประถมจนเป็นข่าวดังในเขตเทศบาลนี่สิ  ทำไงล่ะทีนี้  เด็กๆที่ชอบไปเตะบอลจนเย็นๆค่ำๆ  ประวัติมันมีมายาวนานแล้วกับโรงเรียนนี้ เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง  และภาพด้านล่างนี้คือต้นมะขามที่ชายคนดังกล่าวผูกคอตายค่ะ  ที่น่าสยองคือ  ดำ หัวแพร  ตอนโดนปราบ  ไม่ได้ถูกตำรวจยิงตายค่ะ  แต่ตนเองพอโดนยิงบาดเจ็บ ไปต่อไม่ไหว ก็ชิงผูกคอตายไม่ยอมโดนปราบโดยตำรวจค่ะ  มันบังเอิญดีเหลือเกิน 

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...