วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เรื่องเล่า จากทางหลวง!!
เมื่อช่วงเดือนสิบที่ผ่านมา ดิฉันกลับบ้านที่พัทลุง ตามประเพณีปฏิบัติของลูกหลานชาวใต้ เพื่อไปทำบุญส่งตา ยายที่บ้าน สำหรับคนใต้ ในช่วงสารทเดือน10นั้น ก็เหมือนวันพบญาติกลายๆ พอเจอกัน ได้รวมญาติกัน ก็มีเรื่องราวให้ต้องคุยกันมากมาย และก็รวมถึงเรื่องผีสางด้วย เพราะเรื่องส่งตา-ยาย ก็เกี่ยวกับผีสาง เลยไม่แคล้วที่จะวกไปคุยเรื่องนั้นกัน ส่วนตัวของดิฉันเองนั้น ญาติๆรู้อยู่แล้วว่าดิฉันสัมผัสอะไรแบบนั้นได้ เขาเลยไม่ค่อยมาเซ้าซี้ถามเรื่องผีกับดิฉันมากนัก การเล่าในครั้งนั้น ที่ญาติๆดิฉันสนใจ เป็นการเล่าให้ฟังจากลูกพี่ลูกน้องของดิฉัน คือ พี่จิน พี่แกไม่ได้เป็นคนมีสัมผัสอะไรหรอก ออกจะแนวๆไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้มาแต่เดิมด้วยซ้ำ แต่หลังๆ แกก็เหมือนแบ่งรับแบ่งสู้ว่ามันมีจริงๆ เพราะพี่จินแกเจอมากับตัว พี่จินแกก็นั่งเล่าให้ฟังไม่ยาวมาก แต่ละเรื่องก็สั้นๆนะ แต่ก็ทำแกมึนตึ้บจนบัดนี้ ว่าที่แกเจอถ้าไม่ใช่ผีแล้วคืออะไร พี่จิน บ้านแกอยู่ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เอาจริงๆก็ไม่ไกลจากบ้านดิฉันเท่าไหร่ เพราะแค่ข้ามคลองไป ก็เป็นดินแดนนครแล้ว พี่จินอายุเกือบๆ30 แกทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งนึง ในหาดใหญ่ แกมีคู่หูคือ พี่บ่าว ก็ไปทำงานโรงงานเดียวกัน สำคัญคือ ทั้งคู่เนี่ย ชอบการขับมอเตอร์ไซค์มาก พี่จินขี่เวฟ พี่บ่าวขี่ฟีโน่ พี่จินกับพี่บ่าว เช่าห้องอยู่ที่หาดใหญ่ แต่พอวันศุกร์เลิกงานเย็น ก็จะพากันขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านที่พัทลุง เพราะหยุดเสาร์-อาทิตย์ พอเย็นวันอาทิตย์ ทั้งคู่ก็จะบึ่งมอไซค์กลับสงขลา แล้วชอบขับไปกลับแบบนี้เย็นๆค่ำๆตลอด พี่จินก็บอกว่า ที่ชอบขับกลางคืน เพราะอากาศมันไม่ร้อนดี ส่วนเรื่องยางรั่วยางแบนตัดปัญหาไปได้เลยเพราะพี่จินแกเป็นช่างเก่า เรื่องปะยางรถ แกถนัด พอขับไปกลับตอนกลางคืนตลอด แกกับพี่บ่าวเลยได้เจออะไรแปลกๆระหว่างการเดินทางเยอะ ดิฉันจึงฟังแกเล่าแล้วนำมาเล่าต่อสู่กันฟังค่ะ สถานที่คือ ทางหลวงเอเซียสายหลัก เส้น พัทลุง ลงไป หาดใหญ่ ค่ะ พี่จินเล่าว่า วันนั้นฝนพรำๆทั้งวัน เป็นเย็นวันอาทิตย์ พี่จินกับพี่บ่าวก็ออกจากชะอวดตอนเกือบๆทุ่ม จะลงไปสงขลา เพื่อทำงานในวันจันทร์ ฝนไม่ได้ตกหนักนะ แต่ตกเรื่อยๆ พี่แกก็ขับแบบเรื่อยๆตามกันไป ไม่รีบร้อน เพราะถนนลื่น และรถใหญ่เยอะ พอเลย4แยกนาโหนดไป สักพัก ก็เข้าสู่ทางค่อนข้างเปลี่ยว แล้วฝนเทหนักลงมา หนักชนิดที่ว่าทั้งลมทั้งความแรงของเม็ดฝน ทำพี่จินเกิดอาการตัวรถโบกส่ายตามแรงปะทะ จนต้องลดความเร็วลง พี่จินจำไม่ได้ว่า ตรงนั้นเขาเรียกว่าอะไร แต่พอเลยโค้งไป จะเป็นทางตรง แต่ไม่มีบ้านคนเลย และเพราะพายุฝนที่ลงหนักจนรถเซ พี่จินเลยชะลอรถ ให้พี่บ่าวขับมาจอดเทียบ พี่จิน แกเห็นศาลาข้างทางสีขาวลางๆ ในความมืดเปลี่ยว แกเลยชวนพี่บ่าว เข้าไปหลบพายุฝนให้เบาลงก่อนดีกว่า ก็เลยพากันขับเข้าไปจอด พี่จินว่าศาลาหลังนั้น ดูสวยงาม ผิดแปลกศาลาข้างทางทั่วไป ที่มักจะเป็นหลังคาสังกะสีเหลืองๆ อันนี้ดูลักษณะเป็นศาลาหน้าจั่วทรงไทย สีขาวนวล แกก็พากันจอดรถ แล้วไปนั่งหลบฝนกัน ก็นั่งสูบบุหรี่แก้หนาวกันอยู่มืดๆนั่นแหละ รถบนถนนก็วิ่งผ่านไปมา ก็นั่งกันอยู่2คน ก็นั่งคุยกันเบาๆนะ ฝนก็เทกระหน่ำหนักไม่หยุดเลยตอนนั้น ทั้งฝนทั้งลม ก็นั่งหนาวกันไป พอผ่านไปสัก15นาทีได้ มัวแต่นั่งคุยกันเพลิน อยู่ๆพี่บ่าวแกก็สะกิดบอกพี่จินเบาๆว่า “จินๆ นั้นใครมานั่งตอนไหนวะ” พี่จินแกหันหลังอยู่ ก็เลยหันไปมอง แกว่า ก็เห็นใครไม่รู้ มานั่งเงาดำตะคุ่ม อยู่อีกมุมนึงของศาลา ศาลามันก็กว้างพอตัว แกว่าแกก็ชะงักนะ เพราะตกใจ จำได้ว่าตอนเข้ามาจอด ไม่เห็นว่ามีใครนั่งอยู่ แล้วอยู่ๆโผล่มาจากไหน โดยที่พวกแกไม่รู้ตัว หรือว่าเดินมา ก็ไม่น่าใช่ ทางมันมืดแล้วเปลี่ยวมาก ไม่มีบ้านคนเลยแถวนั้น ก็ไม่มีเสียงตอบมา แกสองคนก็นั่งมองไม่วางตาเหมือนกัน แกว่าเงาที่นั่งนั้น ดูยังไง ยังไง ก็ร่างคนชายแน่ๆแกกับพี่บ่าวก็นั่งกระซิบกระซาบกันแหละว่า ใครวะ มาตอนไหน จะเข้าไปใกล้ๆก็กลัว เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร แกมากันสองคนก็จริง แต่ไม่ได้มีอาวุธอะไรติดตัว นอกจากกุญแจล็อคล้อมอไซค์ ที่พอจะใช้ฟาดได้บ้าง แกว่าพอลังเลว่าจะเอาไงดี ไอ่เงาคนที่ว่า ก็เริ่มส่งเสียงนะ แบบได้ยินกันทั้งคู่เลย เป็นเสียงร้องไห้โหยหวนเลย แกว่า มันร้องประมาณนี้ ฮืออออออออ หึด ฮืออออออออออออ เฮออออออ แข่งกับสายฝน เสียงผู้ชายชัดๆเลย พี่บ่าวก็ใจกล้า ตะโกนถามเล ก็ไม่ตอบนะ ทีนี้มีรถสิบล้อคันนึง วิ่งสาดไฟเข้ามาจอด พี่บ่าวกับพี่จินก็ละสายตาหันไปมอง พอเข้ามาจอด คนบนรถลงมา ก็มากันสองคน พอพี่บ่าวหันไปมองตรงจุดที่มีคนนั่งร้องไห้เมื่อกี้ ก็ไม่มีใครแล้ว ส่วนคนสิบล้อพอเห็นพี่บ่าวกับพี่จินนั่งสูบบุหรี่ ก็เข้ามาคุยมาขอบุหรี่สูบ พี่จินกับพี่บ่าว เลยได้สองบ่าวรถสิบล้อ เป็นเพื่อนคุย พอคุยๆกัน พี่จินแกก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อกี้มีคนนั่งตรงนี้คนนึง แต่พอพวกสิบล้อเข้ามา หายไปไหนไม่รู้ ไวจริงๆ เมื่อกี้ยังนั่งร้องไห้อยู่เลย พอพวกสิบล้อได้รู้ ก็แบบ ห๊า!! ไปๆ ไปกันเถอะโดนแล้วนั่นเติ้ล2คน ก็ว่าจะมานั่งพักสักแปป หาที่อื่นนั่งดีกว่า พี่จินก็งงสิ ถามไปว่า โดนอะไร พวกสิบล้อก็ว่า ศาลานี้ เคยมีสิบล้อเข้ามาจอดนอนพัก พอตอนเช้ามีคนมาเจอคนขับโดนยิงตาย มีแต่พวกสิบล้อลือกัน ว่าเจอผีสิบล้อที่ตาย อยู่ศาลานี้ เขาไม่เชื่อเพราะไม่เคยเจอ เลยจะเข้ามานั่งพัก พอมารู้จากพี่จิน ว่าพึ่งเห็นคนมานั่งร้องไห้ พวกสิบล้อนั้นก็เลยพากันขึ้นรถขับออกไปเลย คงเพราะกลัว พี่จินกับพี่บ่าว พอเห็นสิบล้อสองคนรีบออกรถ ก็กลัวไปด้วย ว่าใช่แน่ๆ เลยรีบใส่เสื้อกันฝนแล้วรีบพากันบิดรถออกมาเลย ทั้งๆที่ฝันยังตกหนักนั่นแหละ แกไม่กล้ารอแล้ว เลยพากันไปนั่งศาลาถัดไปแทน ทุกวันนี้ หากใครเดินทางขับรถไปสงขลาจากพัทลุง สังเกตซ้ายมือดีๆ เมื่อผ่านสี่แยกนาโหนดไปแล้ว จะเจอศาลาสีขาวที่ว่าอยู่ค่ะ เชิญไปนั่งพักกันได้ตามสะดวกเลย แต่กลางคืนจะเปลี่ยวและมืดมากๆ น่ากลัวที่สุด
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น