วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ตำนานปอบม้า​ ล้านนา​ ผีม้าบ้อง !!


           ผมชื่อชมครับเป็นคนบ้านป่าเมื่อสมัย 30 ปีที่ผ่านมาผมไม่อยู่ประมาณ 20 ปีถือว่าเป็นหนุ่มใหญ่แล้วในสมัยนั้นการเรียนก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากนักเรียนจบแค่ชั้นปอ 4 ก็พออ่านออกเขียนได้ส่วนผู้ใหญ่คนในหมู่บ้านก็จบการศึกษาภาคบังคับคือปอ 4 แล้วก็ไม่มีใครเรียนต่อหาเป็นเพราะว่าฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจนและโรงเรียนที่จะเรียนต่อชั้นสูงสูงก็อยู่ห่างไกลหมู่บ้านต้องเดินทางกันไปเป็นหลายสิบกิโลเมตร ชาวบ้านที่นี่ล้วนแต่ทำนาทำไรจึงต้องการแรงงานลูกหลานไว้ช่วยงานในไร่นา เมื่อผมจบชั้นปอ 4 ก็ต้องไปช่วยพ่อแม่ทำนาเพื่อนที่จบชั้นปอ 4 พร้อมกันบางคนอายุ 16-17 ปีก็แต่งงานมีลูกมีเต้ากับเราผมเองรูปร่างหน้าตาจะเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งหล่อตามประสาหนุ่มบ้านนอกและก็มีแฟนแล้วซึ่งอยู่กันคนละหมู่บ้านกับกำลังจีบกันอยู่ ดูใจกันมาเกือบปี ลุกขึ้นหลังจากที่ทำงานบ้านเสร็จก็จะทานข้าวเย็นหลังจากนั้นประมาณ 1 ทุ่มก็จะไปบ้านของแฝดเรียกว่าแต้วสาว สาวๆสมัยเมื่อ 30 ปีที่แล้วก็ไม่ได้ดูหนังดูละครในหมู่บ้านยังไม่มีไฟฟ้าใช้อย่างดีก็ได้แค่ฟังวิทยุทรานซิสเตอร์ซึ่งใช้ถ่านไฟฉายฟังนิยายหรือรายการเพลงลูกทุ่งหมอลำก็แค่นั้น สาวๆก็จะเอางานมาทำเช่นสานตะกร้าทอผ้าคัดย่อเครื่องมือจับปลาหรือตำข้าวและอีกหลายๆอย่างเพื่อรอหนุ่มๆมาจีบจีบกันไปจีบกันมาแล้วฝ่ายชายก็มาช่วยหญิงสาวทำงานไปด้วยเป็นความสุขตามประสาหนุ่มบ้านนาสาวบ้านไร่ ชื่นเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมอายุแก่กว่าผม 1 ปีแต่ผมก็เรียกชื่อแกเฉยๆว่าเชิญเพราะเราสนิทกันมาเป็นเพื่อนรักและเพื่อนตายกันเลยก็ว่าได้ ชื่นมีนิสัยชอบช่วยเหลือเอื้อเฟื้อคนโดยเฉพาะสาวๆเขามีแฟนที่จิ๊บๆกันอยู่หลายคนไม่มีทีท่าว่าจะชอบพี่สาวของแฟนผมมา ดังนั้นทุกคืนเวลาเราแล้วสาวก็จะชวนกันไปหาระยะทางจากบ้านผมไปหาหมู่บ้านของแฟนผมน้องเตยมีเวลาห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตร เดินไปตอนกลางคืนก็ไม่ไกลเท่าไหร่เดินไปคุยไปหยอกล้อกันไปก็สนุกดี เพราะถึงบ้านของน้องเตยผมก็ไปช่วยน้องเตยทำงานส่วนเชิญก็ไปคุยกับพี่สาวของน้องเตยที่ชื่อหอม เวลาผ่านไปจึงใกล้เที่ยงคืนเราทั้งสองคนก็พากันกลับบ้านส่วนพ่อและแม่ของน้องเตยก็เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้คุยกันจึงพากันไปเข้านอนก่อนแล้วมันเป็นอย่างนี้ทุกคืนยกเว้นว่าวันไหนฝนตกหรือมีงานอยู่เราก็จะไม่ได้ไป วันนี้อีกเช่นเคยผมกับชื่อหลังจากทานข้าวเย็นกันเสร็จก็นัดแนะกันไปแอ่วสาว วันนี้ฉันแต่งตัวเซ็กซี่ผ้าขาวม้าลายสก๊อตแดงขาวคาดอยู่ที่ผม ส่วนผมก็ไม่น้อยหน้าอีผ้าขาวม้าเหมือนกันแต่ของผมเป็นสีน้ำเงินขาวใช้พาดบ่าและไว้คอยไล่ยุงได้ด้วยแล้วออกจากบ้านประมาณ 19:00 เดินไปตามทางที่จะไปบ้านของน้องเตย คืนนี้แทบไม่ต้องใช้ไฟฉายเลยเพราะแสงของพระจันทร์สว่างจนมองเห็นทาง เราเดินไปได้ประมาณ 1 กิโลเมตรจะมีทางแยกไปอีกหมู่บ้านหนึ่งทางซ้ายในบ้านที่เราจะไปแยกไปทางขวามือ ตรงนี้เรียกว่าทางสามแยกหรือทางสามแพร่งดี ชื่อก็พูดกับผมว่าชมเอ็งรออยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะถ้าอยากฉี่ว่ะ วันนี้ องค์รู้สึกแปลกในเมื่อฉันอยากฉี่ทำไมไม่ฉี่ตามริมทางเหมือนทุกวันเช่นเดินแยกไปทางด้านซ้ายมือเอียงสักครู่ก็เดินออกมา ผมคิดว่าชื่นคงจะไปฉี่จริงๆเพราะแป๊บเดียวก็มาแล้วจากนั้นเราทั้งสองจึงเดินมุ่งหน้าไปบ้านของน้องเตย วันนี้น้องเตยกับพี่สาวแล้วงาดำที่ปลูกไว้มาขยี้และทำการนวดหลังไฟเผือกและใบห่อเหลือแต่เมล็ดงาสีดำแล้วก็เก็บใส่ขวดเอาไว้น้องเตยบอกว่าเอาไว้คลุกกับขนมข้าวต้มมาทานงาดำดีมีประโยชน์ เพราะคุยกันไปจนได้ยินเสียงนกกลางคืนร้องผมก็เลยชวนชื่นกลับบ้าน วันรุ่งขึ้นเราก็ไปทำหน้ากันตามปกติจนถึงเวลาปลุกข้ามก็ได้เวลาแอ่วสาวผมกับเพื่อนคู่หูคนเดิมก็ชวนกันไปบ้านของน้องเตยเราพากันเดินมาได้สักระยะหนึ่งก็ถึงทางสามแยกเชิญก็มีอาการปวดฉี่เราชื่นก็พูดกับผม ให้ชมเอ็งรอข้าสักแป๊บนะปวดฉี่ว่ะ เช่นเคยชื่นเดินไปทางแยกด้านซ้ายมือหายไปหลังพุ่มไม้ผมก็มองตาเป็นเงาดำของต้นไม้บ้างไม่เห็นจะผอมเลยเก็บความสงสัยว่าทำไมพอมาถึงตรงทางสามแยกซึ่งจะต้องมีอาการปวดท้องฉี่ทุกครั้งของเราจึงเชิดเดินออกมาแล้วเราก็พากันเดินต่อไป ระหว่างทางชื่นคงสังเกตเห็นอาการอยากรู้ของผมก็เลยพูดว่าวันนี้เองเป็นอะไรไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาเลย ผมก็ตอบไปว่าไม่มีอะไรแต่ในใจจริงๆของผมแล้วผมนึกสงสัยว่าเชิญไปทำอะไรที่หลังคุมใหม่พรุ่งนี้ผมต้องตามไปพิสูจน์ให้รู้ให้ได้ เพราะถึงบ้านของน้องเตยพ่อกับแม่ของน้องเตยก็เข้านอนแล้วเหลือเพียงแต่น้องเตยกับพี่สาวคืนแยกกับผมไม่ช่วยหอมต่ำข่าวส่วนผมก็ช่วยน้องเตยฟักข้าวเพื่อเอาข้าวเปลือกออก แม้กลางคืนจะมืดมาแต่บ้านของน้องเตยก็ใช้ตะเกียงเจ้าพายุโดยใช้น้ำมันก๊าซและสูบลมอัดเข้าไปให้สว่างเหมือนยังตอนกลางวัน พวกเราทำงานกันไปคุยกันไปจนถึงเวลาใกล้เที่ยงคืนก็ลากลับ เช้าวันต่อมาหลังจากผมไปดูนาข้าวแล้วผมยืมจักรยานของน้าชายปั่นไปที่ทางสามแพร่งให้หายข้องใจว่าเชิญไปทำอะไรตรงนั้นทุกคืน เพราะถึงทางสามแพร่งจึงเดินเข้าไปที่หลังกลุ่มใหม่ก็พบหัวกะโหลกสาดซึ่งน่าจะเป็นหัวกะโหลกของลูกวัวที่ถูกขโมยมาแล้วฆ่าเพื่อเอาเนื้อ ส่วนหัวกะโหลกถูกทิ้งเอาไว้ก็รกๆตัวดูเหมือนจะถูกเลียจนเวียร์เกลี้ยงกล่าวชมสงสัยว่าหรือว่าทุกคืนชื่นแอบมาเลียกินหัวกระโหลกตรงนี้มีความคึกคะนองและนึกสนุกผมอยากแรงชื่อหลังจากที่ผมกลับไปแล้วตกเย็นผมจึงได้กลับไปที่ทางสามแยกอีกครั้งพร้อมกับพริกขี้หนูประมาณ 2 กำมือตำพอแหลกแล้วไปลูบที่หัวกระโหลกของลูกวัวเพราะถึงเวลาแอ่วสาวผมกับชื่นก็ไปด้วยกันเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเดินมาถึงทางสามแพร่งซึ่งก็มีอาการปวดฉี่แล้วเชิญก็บอกผมว่าเอ็งรอตรงนี้นะยกข้ามาปวดฉี่ว่ะ วันนี้ผมตอบไปว่ารีบๆก็แล้วกัน ผมแม่พิมพ์และคิดว่าเรื่องอะไรคงจะหล่อท่าเดียวชื่นมันคงจะรู้ว่าผมแกล้งแล้วก็มาไล่ติดผมเป็นแน่ผมเลยวิ่งหนีไปบ้านของน้องเตยก่อนเมื่อไปถึงที่บ้านของน้องเตยก็เห็นว่าพ่อของน้องเตยยังไม่เข้านอนเพราะเห็นของกระรอกวิ่งมาก็ถามผมว่าวิ่งหนีอะไรมาแล้วเพื่อนอีกคนไปไหน ผมจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อของน้องเตยฟังแต่ยังไม่ทันพูดจบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของม้ามาแต่ไกล พ่อของน้องเตยรีบยกบันไดกลับหัวโดยเอาด้านล่างขึ้นบนด้านบนลงล่างแล้วก็บอกว่าเจอผีม้าบ้องแน่ๆตามคำโบราณกล่าวว่าผู้ใดรู้จักหรือรู้เห็นว่าใครเป็นผีมาบอกเมื่อแสงอาทิตย์ขึ้นขี่ม้าป้องกันจะตาย ดังนั้นเพื่อไม่ให้ใครรู้จักมันก็ต้องฆ่าคนที่รู้ตัวตนของมันพ่อของน้องเตยพูดว่าห้ามลงจากบันไดบ้านจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นแล้วก็เป็นจริงอย่างที่พ่อน้องเตยบอกชื่อเป็นผีม้าบ้องหัวเป็นคนตัวเป็นหมา วิ่งรอบบ้านของน้องเตยแต่มันไม่สามารถขึ้นมาได้ได้แต่ร้องว่าบ้านใช่บันไดไม่ใช่บ้านใช่บันไดไม่ใช่ วิ่งวนเวียนอย่างนี้ตลอดทั้งคืนทุกคนนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว ตอนนั้นผมนึกขึ้นได้ว่าจะต้องไปทำงานตอนเช้าประมาณตี 5 นัดกับพ่อของผมเอาไว้แล้วดังนั้นผมจะต้องกลับก่อนตี 5 แต่พระอาทิตย์ยังไม่คืนผีมาตอนจะต้องฆ่าผมแน่ๆผมบอกพ่อของน้องเตยว่าจะกลับบ้านก็ตอนพระอาทิตย์ขึ้น โชคดีที่พ่อของน้องเตยมีคาถาอาคมแซ่จึงบอกให้หอมไปหยิบไข่ไก่ที่นอกชานมาเจ็บไปจากนั้นก็ทำพิธีเสกคาถาใส่ไข่ไก่และบอกผมว่าให้วิ่งไปหน้าเลี้ยวหลังไปมองดูถ้าได้ยินเสียงฝีเท้าม้าวิ่งเข้ามาไกลให้ขว้างใครไกลฟังที่ 1 ย้อนไปข้างหลังที่มาต้องชอบของข่าวมันจะกลับไปเลียกินก็ถือโอกาสนั้นรีบวิ่งให้สุดชีวิตอย่าให้มันมาทันเพราะถ้าหากว่ามันคร่อมตัวเราได้ก็จะต้องตายอย่างแน่นอน ทำกับใครไกลฟ้องอื่นๆอย่างนี้ไปจนถึงบ้านเพราะวิ่งขึ้นไปบนบานก็ยกบันไดกลับหัวลงมันจะไม่สามารถตามคืนมาได้ ผมได้ไข่ไก่มา 7 ฟองถือไว้ในมือแล้วรีบกระโดดลงบ้านของน้องเตยวิ่งกลับบ้าน ตอนนั้นผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าวิ่งไล่ตามมาเพราะเสียงใกล้เข้ามามากแล้วผมก็วางไข่ไก่ย้อนกลับไป 1 ปอก็รู้สึกได้ว่าเสียงม้าที่วิ่งตามมาเริ่มเบาลงและเงียบไป วิ่งต่อไปอย่างรวดเร็วสักพักก็ได้ยินเสียงหมาวิ่งตามมาอย่างกระชั้นชิดผมจึงวางไข่ไก่ไปที่ 2 ย้อนหลังไปอีกเสียงหมาที่วิ่งตามก็หายไปผมทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆวิ่งไปว่างไปจนไข่ไก่เหลือ 2 ฟองระยะทางเหลืออีกประมาณครึ่งกิโลเมตรผมคิดในใจว่าถ้าใครไกลเกิดหมดก่อนที่จะถึงบ้านผมจะทำยังไง ผมคงต้องตายแน่ๆ แม้ผมจะเหนื่อยมากแต่ผมก็พยายามวิ่งต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของน้าใกล้เข้ามาอีกผมทิ้งขว้างใครไปที่ 6 ไปแล้วเร่งความเร็วให้มากกว่าเดิมเท่าที่จะทำได้ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าพละกำลังมาจากไหนคนตื่นเต้นหนีตายมันเป็นอย่างนี้นี่ผมไม่เคยวิ่งได้เร็วและไม่รู้จักเหนื่อยแบบนี้มาก่อน จนในที่สุดใครทั้ง 7 ใบก็หมดไปผมถึงบ้านพอดีผมวิ่งขึ้นบ้านไปแล้วรีบยกบันไดกลับหัวกลับหางตอนนี้ผมยืนหอบอยู่บนบ่ารู้สึกปลอดภัยแล้วพี่มาต้องวิ่งรอบบ้านผมแล้วก็บ่นพึมพำว่า บ้านใช่บันไดไม่ใช่บ้านใช่บันไดไม่ใช่ บ้านใช่บันไดมีชายผมนั่งมองอยู่อย่างนั้นแล้วก็หลับไปด้วยความเพลียจนรุ่งสางผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงป้าแมนซึ่งอยู่บ้านใกล้กันกับผม ป้าแม้นเป็นแม่ของชื่นเธอร้องโวยวายลั่นบ้านว่า ตายแล้วๆ ชื่นเป็นผีมานอนตายอยู่ในมุ้ง ผมกับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงก็วิ่งกรูกันไปบ้านของป้าแม้นเมื่อไปถึงก็ยังเสื้อผ้าของเธอนอนตายบนที่นอนหัวเป็นคนมุดอยู่ในโหมดส่วนตัวที่เป็นมาโครมานอกวง ไอ้ชื่อตายแล้วไอ้ชื่นตายแล้วเป็นเสียงนั้นดังก้องหูของผมจากวันนั้นถึงวันนี้เวลาผ่านไป 30 ปีแล้วสิ่งนี้ก็ยังดังก้องอยู่ไอ้ชื่นตายแล้วไอ้ชื่นเป็นผีม้าบ้อง ผมยังรู้สึกหดหู่และคิดโทษตัวเองว่าเป็นเพราะผมที่ทำให้เพื่อนรักตายไม่น่าเลย

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...