วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2561
8 เรื่องเล่าผีสุดหลอน เรื่อง ห้องน้ำหญิงชั้น 5 ตึกศิลปศาสตร์ !!
ว่าด้วยเรื่อง ห้องน้ำหญิงชั้น 5 ตึกศิลปศาสตร์ ตอนนั้นอยู่ปี 1 หลังจากเลิกประชุมชั้น 9 เดินลงมาเข้าห้องน้ำที่ชั้น 5 เวลาน่าจะห้าหกโมงเย็นได้ มองดูแล้วประตูเปิดทุกห้อง ไม่มีใครอยู่เลย นี่ก็ไม่ได้คิดอะไรล้างหน้าส่องกระจกอยู่ดีๆ หางตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดขาว นั่งก้มหน้าอยู่ติดกำแพง ห้องสุดท้าย… แล้วความเงียบก็เข้าครอบงำ ยิ่งเงียบใจยิ่งสั่น นิ่งประมาณ 5 วินาทีได้ ตัดสินใจคว้ากระเป๋าวิ่งลงมาจากชั้น 5 มาอย่างไว!! จากวันนั้นก็ไม่เคยเข้าห้องน้ำที่คณะคนเดียวอีกเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
8 เรื่องเล่าผีสุดหลอน เรื่อง ชั้น 5 คณะทาง 3 แพร่ง !!
ต้องเกริ่นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องราวจากเพื่อนของเรานะ ที่เขาได้มาเล่าให้เราฟังอีกที เรื่องมีอยู่ว่า คณะที่ตั้งตรงทาง 3 แพร่ง (คณะสื่อสารมวลชน) เป็นเรื่องราวเมื่อสมัยตอนปี 2 ตอนนี้ปี 4 แล้ว ที่จะต้องจัดเตรียมซุ้มรับเละให้กับน้องๆ ปี 1 แล้วแต่ละสาขาก็ต้องส่งตัวแทนไปไหว้ตามจุดภายในคณะ ซึ่ง 1 ในสถานที่ คือ ชั้น 5 ชั้นที่ไม่มีการปรับปรุงในเวลานั้นค่อนข้างออกไปทางร้างเลย ก็ต้องเอาเครื่องเซ่นไปวางไว้ตรงนั้น เพื่อนเล่าว่าผู้ที่นำไหว้ได้บอกว่าถ้าวางเครื่องเซ่นแล้วให้เดินกลับหลังแล้วอย่าหันกลับมองอีก… แต่ด้วยเพื่อนคนนี้เปิดตาที่สาม (เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์นะ) ซึ่งสามารถมองเห็นสิ่งแปลกๆ ได้ บอกว่าเมื่อวางเครื่องเซ่นปุ๊ป!!! ไม่ทันได้หันหลังก็เห็นเป็นมือหลายๆ มือรุมหยิบของที่วางไว้หลายมือมากจนต้องหันหลังลงมาแล้วมาเล่าให้คนอื่นฟังที่จัดซุ้มอยู่ข้างล่าง… ตอนนั้นเป็นเวลามืดแล้ว ประมาณ 2 ทุ่มได้
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่าเฮี้ยน รอบรั้ว ม.รามฯ เรื่อง ห้องเซรามิก !!
เล่ากันมาจากรุ่นพี่ที่มีสัมผัสที่ 6 คนหนึ่งว่า เห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยใส่ชฎารำอยู่ข้างในห้อง ตอนแรกก็คิดว่าเด็กเรียนรำไทยมาฝึกซ้อมที่นี่กันหรือเปล่า พอตอนเช้าเขาไปถามได้คำตอบว่า “ไม่มี” รุ่นพี่จึงสงสัยว่า นางรำที่เขาเห็นนั้นอาจจะไม่ใช่คนแน่ๆ และเป็นประจำที่หน้าห้องนี้เวลาดึกๆ หมาจะหอนกันเกรียวเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่าเฮี้ยน รอบรั้ว ม.รามฯ เรื่อง ตึกภาพพิมพ์ !!
ระหว่างที่เรียนมีโอกาสได้ทำหนังสั้นแนะนำมหา’ลัยออก แนว reality หนังผี ตอนนั้นมีรุ่นพี่รุ่นน้องไปกันเกือบ 10 คน ตอนตี 1-3 ได้มีโอกาสตะเวนไปตามตึกที่เขาร่ำลือกันว่าน่ากลัว โดยเริ่มแรกที่ตึกภาพพิมพ์ ซึ่งเมื่อก่อนมีคนโดนฆ่าแล้วถูกนำศพมาทิ้งไว้ที่บ่อน้ำ ข้างๆ ตึก ในตอนนั้นหลายคนนึกว่าเป็นหุ่นของทางคณะศิลปกรรมนำมา ใช้โปรโมตละครเวทีจนเวลาผ่านไป 2-3 วัน ศพเริ่มเน่าและอืดอยู่ในบ่อน้ำ จึงได้รู้ความจริงกันว่าไม่ใช่หุ่นธรรมดา แต่มันคือ ศพคนตาย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่าเฮี้ยน รอบรั้ว ม.รามฯ เรื่อง ตึกวิศวกรรมศาสตร์ ชั้น 8 !!
ตอนนั้นตั้งใจจะขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 8 เพื่อสำรวจความน่ากลัวตามที่ร่ำลือกันมาว่ามีอาจารย์เสียชีวิตอยู่ในห้องดรอว์อิ้ง ขณะที่กำลังสำรวจนั้น อยู่ดีๆ ลิฟต์ก็เปิดออกและปิดในทันทีพร้อมกับขึ้นไปที่ชั้น 8 โดยที่ยังไม่มีใครกดลิฟต์ในชั้นใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนั้นเพื่อนทุกคนก็ถอยกรู ขนลุก ปรากฏว่าไม่มีใครอยากขึ้นไปอีกเลย… ทุกคนต่างๆ พยายามที่จะออกจากลิฟต์กันให้ได้
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เรื่องเล่าเฮี้ยน รอบรั้ว ม.รามฯ เรื่อง หอพักหญิงตรงลานเกือกม้า !!
หอพักหญิงชวนขนหัวลุกนี้ มีเพื่อนสนิทที่เจอผีเข้าจังๆ ที่ห้อง 516 เตียง 7 เป็นเตียงชั้นบน [เตียง 2 ชั้น] เวลาเกิดเหตุอยู่ในช่วงตะวันใกล้โพล้เพล้แล้ว เพื่อนนอนหลับ แต่ระหว่างที่สะลึมสะลือจะตื่น ก็เห็นผู้หญิงไต่เตียงขึ้นไปหา ผู้หญิงที่เห็นใส่ชุดดำ ไว้ผมยาว กระโดดมาทับตัวเพื่อน ดิ้นไม่ได้เลย ทั้งยังบีบคอ จนต้องท่องนโมหลายจบ แล้วเขาก็หายไปในที่สุด พอสะดุ้งตื่นมาจริงๆ ไม่เจอใครในห้อง แล้วเตียงนั้นก็ไม่มีใครยอมมานอนอีกเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่าเฮี้ยน รอบรั้ว ม.รามฯ เรื่อง นักศึกษาตายในลิฟท์ห้องสมุด !!
รหัสแก่ๆ อาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในปี 42 หรือ 44 ไม่แน่ใจเท่าไหร่นะ วันที่มหาวิทยาลัยปิดยาว ช่วงเทศกาลปีใหม่ [วันที่ 31 ธันวาคม 1-2-3-4 ติดเสาร์-อาทิตย์] เปิดเรียนอีกทีก็วันจันทร์เลย คือวันที่ 31 ธค.ในห้องสมุด วันนั้นยามเห็นว่าไม่มีคนแล้ว เลยปิดห้องสมุดโดยไม่ได้ตรวจตราความเรียบร้อย ปิดสวิสไฟหมดเลย โดยไม่รู้เลยว่า มีนักศึกษาติดอยู่ในลิฟท์ 5 คน… เรื่องนี้มารู้กันอีกที ก็วันที่เปิดเรียนคือวันจันทร์ที่ 5 เปิดห้องสมุดมามีนักศึกษาตายอยู่ในลิฟท์ 5 คน น่าสงสารมากเลย [เรื่องนี้เค้าปิดข่าวนะ แต่ถ้าใครเรียนตอนนั้น จะเห็นว่าเค้าเอาพวงหรีดมาวางหน้าห้องสมุดด้วยอ่ะ] ใครที่ขึ้นลิฟท์ ห้องสมุดคนเดียว ระวังหน่อยนะ จะเจอดีโดยไม่รู้ตัว
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่าเฮี้ยน รอบรั้ว ม.รามฯ เรื่อง ผีห้องกิจกรรม !!
ต่อด้วยเรื่องผีที่ตึกกิจกรรมละกันนะ เกิดขึ้นในชมรมเก่าแก่ชมรมนึงของราม เมื่อก่อนชมรมนี้พอทำกิจกรรมของชมรมเสร็จ หน้าที่เก็บกวาดห้องจะเป็นของเด็กที่เพิ่งเข้าชมรมใหม่ๆ วันนั้นรู้สึกจะเหลือนศ.หญิงเข้าใหม่แค่ 2 คน ทำความสะอาด เมื่อก่อนตึกกิจกรรมปิดเวลา19.00 น. นะ 2 คนนี้ก็ทำถึงประมาณ 6 โมงครึ่ง อีกครึ่งชม. ตึกจะปิด เลยรีบทำกัน นศ.1 อยู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เธอๆ เธอเชื่อเรื่องผีรึเปล่า” นศ. 2 ได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า “เออสิวะ ไม่เชื่อได้ไง เขาว่ากันว่าชมรมของเราอ่ะ เฮี้ยนจะตาย” นศ.1 ได้ยินดังนั้น ก็ทำหน้าเซ็งๆ แล้วบอกว่า “ถ้ามีจริงก็มาให้เห็นเถอะ จะขอหวยซะให้เข็ด”
สิ้นคำพูดนั้น นศ.1 ก็ได้ยินเสียงกระดิ่งข้อเท้า แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าหูแว่ว สักพัก ขณะที่นศ.1 กำลังทำความสะอาดชฎาสวมหัวอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกระดิ่งแถวเท้าตัวเอง เลยก้มลงไปดู ก็เห็น เท้าเหี่ยวๆ ใส่กระดิ่งข้อเท้าอยู่ข้างหลังตัวเอง (มองลอดหว่างขา) ก็ตกใจ แต่ก็ยังกลั้นใจหันไปมอง แต่ก็ไม่พบสิ่งใด ในห้องนั้นมีแค่เธอกับเพื่อนแค่ 2 คนเท่านั้้น แต่ก็กลั้นใจ คิดว่าตาคงฝาด รีบกลับดีกว่า ชักไม่ค่อยดีแล้วเธอก็หันกลับมาตรงที่วางชฎา เพื่อดูความเรียบร้อยอีกรอบ แล้วเธอก็เห็น หัวของชายแก่สวมชฎาซึ่งมีแค่หัว หันมายิ้มมาให้เธอ เท่านั้นแหละเธอก็กรี๊ดแล้วก็สลบไป ข่าวบางกระแสว่าเธอเลิกเรียนแล้วกลับไปอยู่บ้าน บางกระแสบอกเธอช็อคจนเสียสติไป บางกระแสบอกว่าเธอเป็นเจ้าหญิงนิทรา หลับไม่ตื่นเพราะว่าโดนดึงวิญญาณไป… อันนี้เราก็ไม่รู้นะอันไหนเป็นเรื่องจริงไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเธอเป็นอย่างไรบ้าง?
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่าเฮี้ยน รอบรั้ว ม.รามฯ เรื่อง ผีตึกวิทย์ !!
สมัยผมเรียนปี 1 (2544) มีเรื่องนึงดังมากฟังมาจากรุ่นพี่อีกที คือมี นศ.คณะวิทยาศาสตร์คนนึง ทะเลาะกับแฟน เลยประชดแฟนโดยการกระโดดตึก จากชั้น 4 ของตึกวิทยาศาสตร์เก่า ถ้าบางคนไม่เคยผ่านตึกนั้นตอนโพล้เพล้คงไม่รู้ว่าน่ากลัวแค่ไหน? ยิ่งมีข่าวนี้เข้ามาด้วย ช่วงนั้นเด็กที่อ่านหนังสือแถววนั้นหายหมด เพราะมียามเห็น นศ.สาวยืนอยู่บนดาดฟ้าตึก แล้วโดดลงมาประจำ บ้างก็เห็นเธอยืนยิ้มริมทางทั้งที่เสื้อเปื้อนเลือด ไม่ทราบว่าตอนนี้เธอยังอยู่หรือเปล่า วาน นศ.ที่เรียนบริเวณนั้นช่วยไปดูให้ทีนะ…
ยังไม่หมดแค่นี้สำหรับเรื่องเล่าของตึกวิทย์ ยังมีอีกเรื่องที่น่ากลัวไม่แพ้กันก็คือ นศ.คณะนิติมาโดดที่ตึกนั้นเสียชีวิต น่ากลัวจริงๆ ใช่ตอนปีหนึ่งมีเด็กนิติกระโดดตึกวิทย์นั้นแหละ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร อาจจะเป็นการเรียนหรือความรัก ก็เธอติดอยู่ 2 เล่ม lw103 กับ 312 มั้งถ้าจำไม่ผิด ตอนเช้ามืดหลังจากที่เธอตายได้ 3 หรือ 7 วันนี่แหละ เจ้าหน้าที่เจอเธอมาทำเรื่องจบ เลยต้องทำบุญมหาลัยเลย แต่ก็ส่งผลดีต่อผู้ที่สอบไม่ผ่านสองวิชานี้นะ เพราะเทอมนั้นอาจารย์ออกข้อสอบง่ายเป็นพิเศษเลยทำให้ผ่านกันเกือบยกบอร์ด
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ทางเดินระหว่างตึก !!
ทางเดินที่ว่านี้ มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีสามีภรรยานักการของคณะสถาปัตย์ได้ทะเลาะกัน ฝ่ายภรรยาได้เอาปืนยิงสามีจนเสียชีวิตเลือดสาดไปทั่วหน้าห้องทางเดินนี้ ต่อมาเมื่อทางคณะได้มีการปรับปรุงพื้นชั้นหนึ่งได้มีการเทปูนไว้ แต่มีเฉพาะหน้าห้องนี้เท่านั้นที่ไม่ยอมแห้ง ทิ้งไว้นานสักเท่าไรก็ไม่ยอมแห้ง ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2561
4 สถานที่สุดเฮี้ยน ตำนานหลอน เรื่อง ตำนาน บ้านอีสาน !!
พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หรือที่เด็ก มมส. เรียกกันว่า บ้านอีสาน เป็นสถานที่รวบรวมเด็กหลายคณะมาใช้เวลาว่างในการพักผ่อน รวมทั้งใช้ในการซ้อมการเปิดตัว ก่อนทำการแสดงของคณะศิลปกรรม คณะดุริยางค์ศิลป์อยู่บ่อยๆ ใครจะรู้ว่าสถานที่ที่เราคุ้นเคยเช่นนี้จะมีที่มาที่ชวนขนหัวลุก พิพิธภัณฑ์ มมส. ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2542 โดยมีความมุ่งหมายเพื่อสื่อสารถึงอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
จากเดิมทีที่เจ้าของบ้านดังกล่าวได้เสียชีวิตในบริเวณของพื้นที่มหาวิทยาลัย ทางมมส.เลยขอซื้อสถานที่ดังกล่าวเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ จากนั้นมหาวิทยาลัยก็ได้ขอจัดซื้อเข้ามาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ จริงๆ มีอยู่ สองสถานที่ที่มีบ้านโบราณนี้อยู่นั้นคือ สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช ทางพระธาตุนาดูน กับ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขตพื้นที่ขามเรียง (ม.ใหม่ )
บ้านหลังใหญ่นั้นส่วนใหญ่เป็นของเจ้านายในสมัยก่อน ส่วนหลังเล็กนั้นจะเป็นของบ่าวไพร่ และบริวารของเจ้านาย ทุกบ้านมีเจ้าของอยู่แล้วมีนิสิตบางคน เข้าไปสำรวจแล้วมักจะเจอสิ่งแปลกประหลาดกลับมาทุกครั้ง มักจะเจอเหมือนมีคนเสมือนว่าอยู่ในบ้าน ทำโน้นทำนี้ แต่แท้ที่จริงแล้ว ไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เจอเป็นคนแก่ ผู้ชายบ้าง ผู้หญิงแก่บ้างแทบทั้งนั้น!! ยามที่อยู่บริเวณนั้น คอยดูแลยังพบเจออยู่ จึงมีการเปลี่ยนผลัดยามบ่อยๆครั้ง(ขอย้ายหรือลาออก) เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ถึงบ้านจะยังคงเก่า แต่เจ้าของบ้านยังคงรักและผูกพันธ์ ดูแลบ้านของตัวเอง หากใครไปทำข้าวของเสียหายหรือขโมยไปอาจจะต้องได้เจอดีกันทุกคน
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
4 สถานที่สุดเฮี้ยน ตำนานหลอน เรื่อง อุโมงค์ผีผ่าน !!
ว่ากันว่า อุโมงค์ มอเก่า สร้างขึ้นเพื่อให้ คนเดินลอดข้ามฝั่ง ได้ปลอดภัย เพราะเวลาผู้ปกครองมาส่งลูกหลาน ทั้งตัวผู้ปกครองเอง และเด็กนักเรียนเอง ถูกรถชน ทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตบ่อยครั้ง ทั้งนิสิตเอง ที่จะข้ามไปเรียน ระหว่างตึกก็เช่นเดียวกัน ทางการจึงได้สร้างอุโมงค์ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ แต่ในทางกลับกันการสร้างอุโมงค์เพื่อแก้ปัญหากลับสร้างอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตของคนเพิ่มมากยิ่งขึ้น
เมื่อก่อนสิบกว่าปีตอนที่ช็อปปั้นของศิลปกรรมยังอยู่ที่มอเก่า ตอนที่กำลังสร้างอุโมงค์ เจ้าหน้าที่ขุดทางเป็นช่องแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดถนนด้านบน (ลักษณะเหมือนถนนขาด) มีมอเตอร์ไซค์ขับมาเร็วมาก เบรคไม่ทัน!! ตกลงไปคอหักตาย!! รุ่นพี่วิ่งไปดูเห็นกับตา ตายคาที่ อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ประมาณปี 2553 มีเหตุนิสิตหญิงคณะการบัญชีและการจัดการ ประสบอุบัติเหตุ 2 คนเป็นพี่น้องกัน ขี่มอไชต์มาจากทางวิทยาลัยพลศึกษามาถึงตรง ยูเทิร์น หน้ามอเก่ามีรถยนต์มาขับมาด้วยความเร็วยูเทิร์นรถพอดีและด้วยความที่ไม่ทันระวังจึงชนเข้ากับสองพี่น้องนั้นอย่างแรง คนแรกเสียชีวิตทันที คนที่สองเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล
และเหตุการณ์สุดท้ายที่ต้องทำให้ อุโมงค์นี้ถูกปิดไปพักใหญ่คือเหตุการณ์ที่มีนิสิตหญิง ถูกฆ่าปาดคอใต้อุโมงค์ เมื่อประมาณปี 2554 ขณะนั้นมีเสียล่ำลือกันถึงเงาผู้หญิงใต้อุโมงค์กันเป็นจำนวนมาก เป็นหญิงสาวที่วิญญาณยังคงวนเวียนอยู่บริเวณนั้นเพื่ออยากจะบอกกับคนที่ผ่านไปผ่านมาว่าเธอยังอยู่ที่นี้ มหาวิทยาลัยจึงต้องปิดปรับปรุงอุโมงค์นี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า ซ่อมแซมอุโมงค์ ทั้งๆ ที่ อุโมงค์นี้ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลย ความเฮี้ยนถูกเล่าต่อกันมารุ่นต่อรุ่นจงเป็นที่ติดปากกันว่า ” อุโมงค์อาถรรพ์ ”
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
4 สถานที่สุดเฮี้ยน ตำนานหลอน เรื่อง ซอยหนองไผ่ !!
เดิมทีซอยหนองไผ่เดิมทีเป็นทางเกวียนเล็กๆ ใช้สำหรับลำเลียงศพเพื่อนำไปฝังที่กลางป่าช้า ซึ่งปัจจุบันป่าช้าได้ถูกถางออกปรับเปลี่ยนเป็นแปลงปลูกหม่อนข้างคอนโดอาจารย์ ตามคติความเชื่อของคนภาคอีสาน เด็กที่ยังอายุไม่ถึง 12 ปี จะถูกนำไปฝังซึ่งที่ฝังปัจจุบัน ก็คือป่าหม่อนข้างคอนโดอาจารย์ ส่วนศพที่ต้องการไปเผา ก็จะนำไปเผาที่เชิงตะกอนชายป่าช้า ซึ่งเป็นที่ตั้งของ อบต.ขามเรียง ในปัจจุบัน ซอยหนองไผ่ อยู่บริเวณข้างร้านซ้อมมอเตอร์ไซค์โพธิ์ฯ จากปากซอยจนไปถึงหอหลังแรกของซอยมีระยะทางประมาณเกือบ 200 เมตร จากทางเข้าด้านซ้ายมือจะเป็นหนองน้ำ ส่วนด้านขวามือจะเป็นป่าละเมาะ เรื่องที่จะเตือนต่อไปนี้ จะเป็นเรื่องของ 200 เมตร ที่จะชี้ชะตาคุณ ว่า ถ้าคุณไม่ปฏิบัติตามคำเตือนคุณจะพบกับอะไรบ้าง
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
4 สถานที่สุดเฮี้ยน ตำนานหลอน เรื่อง ตายคาลิฟท์ตึก RN !!
เรื่องมันเกิดตอน ช่วงปิดเทอมในช่วงซัมเมอร์เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้วมีนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ได้ลงลิฟท์ในช่วงเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ หลังจากสอบเสร็จในวิชาสุดท้ายจากชั้น 7 ของตึกที่เรียนรวม ทำให้นักศึกษาตัดสินใจลงลิฟท์แทนการขึ้นลงบันไดเพื่อจะกลับบ้าน ในขณะเดียวกัน รปภ.ที่เฝ้าดูแลตึกนี้ได้กดสวิชต์ตัดไฟ เพราะคิดว่านิสิตได้ลงมาจากตึกจนหมดแล้ว ทำให้ไฟในลิฟท์หยุดชะงักนักศึกษาหญิงคนดังกล่าวได้ติดอยู่ในลิฟท์และขาดอากาศหายใจ เสียไปในที่สุด ช่วงเวลาเปิดเทอมการเริ่มต้นในการศึกษาถือว่าเป็นข่าวที่ดังในรอบหลายๆ ปีเพราะศพของนักศึกษาหญิงคนดังกล่าวถูกติดแหง็กอยู่ในลิฟท์จนแห้ง
หลังจากพิสูจน์หลักฐานพบว่า ช่วงเวลาที่นักศึกษาคนดังกล่าวติดอยู่ในลิฟท์เป็นเวลา ถึง 3 เดือนในวันสุดท้ายของการสอบ ตลอดระยะเวลาไม่มีใครสอบว่ามีนิสิตติดในลิฟท์ จนไม่ได้รับการช่วยเหลือถึงแก่ชีวิต ปัจจุบันถึงแม้ลิฟท์ดังกล่าวจะถูกถอนออกไปแล้วแต่บริเวณพื้นที่ลิฟท์ก็ถูกสั่งปิดตายห้ามขึ้นใช้ในบริเวณฝั่งซ้ายเพื่อไว้อาลัยแกนักศึกษาหญิง วันดีคืนดีอาจารย์ บุคลากร รวมทั้งนิสิตที่มีเรียนในช่วงตอนดึกจะเห็นมีผู้หญิงยืนหน้าลิฟท์ส่งเสียงร้องว่าช่วยด้วยจนในปัจจุบัน ถ้าเกินสี่โมงเย็นเป็นต้นไปจะเห็นว่าทั้งอาจารย์ บุคลากรรวมทั้งนิสิตเองนั้นถึงม้จะมีเรียนชั้น 7 -8 ก็จะเดินขึ้นบันไดและหลบหลีกบริเวณลิฟท์ดังกล่าวเพราะต่างหวาดกลัวกับความหลอนของนิสิตสาวที่มีจิตผูกติดในสถานที่นั้น
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ห้องมืด (ห้องล้างฟิลม์) !!
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้ แล้วไม่ได้กลับออกมาอีกเลย มีคนเข้าไปหาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครพบ ได้มีนิสิตรุ่นน้องต่อๆ มาเล่าให้ฟังว่า ยังมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นอีก เช่น มีนิสิตได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้ ขณะที่เข้าไปนั้นก็คิดว่าตนนั้นเข้าไปกับเพื่อน ก็มีการพูดคุยกัน แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเพื่อน บอกให้หยิบของส่งให้ ก็มีคนหยิบส่งให้ แต่พอออกมาเห็นเพื่อนของตนอยู่นอกห้อง จึงได้รู้ว่า ตนเข้าคนเดียว แล้วใครล่ะ? ที่เป็นคนหยิบของส่งให้ ยังคงเป็นปริศนาอยู่
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ห้อง Sound Lab !!
ห้องไหนไม่รู้ และไม่รู้ด้วยว่าตึกที่ถูกทุบไปหรือตึกที่ยังอยู่ปัจจุบัน เพราะอักษรมี Sound Lab เยอะมาก อาจารย์หญิงท่านหนึ่งรับฝากชั้นเรียนไว้ได้รับคำฝากฝังให้เปิดเทปให้นิสิตฟัง และคอยเช็คชื่อก็พอ ขณะกำลังเปิดเทป มีนิสิตหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หลังห้องไม่ยอมใส่หูฟัง อาจารย์เดินไปถามก็ตอบว่าเจ็บคอ พอตอนออกจากห้อง อาจารย์คอยเช็คชื่อ เห็นคนครบแต่ไม่มีชื่อเด็กคนที่ไปคุยด้วย และเด็กก็ไม่ยอมออกมาสักที เลยเดินกลับไปหา ไปดูที่โต๊ะก็ไม่เจอ แต่พอหันออกมาจะกลับ ก็เห็นเด็กยืนอยู่กลางห้องสายหูฟังพันคออยู่ และโยงไปที่เพดาน อาจารย์หมดสติไปเลย มาทราบทีหลังว่ามีเด็กเพิ่งฆ่าตัวตายในห้องนั้น
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง คณะวิศวกรรมศาสตร์ ห้องสมุด !!
เราไม่เคยเข้านะ เลยไม่รู้ว่าห้องนี้ยังใช้อยู่หรือเปล่า แต่ที่ได้ยินมาคือ เป็นห้องที่ดัดแปลงจากอาคารเดิมเป็นตึกเรียนเก่า กลางวันแสกๆ วันหนึ่งมีอาจารย์ท่านหนึ่งเข้าไปค้นหนังสือในส่วนที่ห้ามนิสิตเข้า คือ ยืมได้แต่ห้ามเดินเข้าไปเองน่ะ ทีนี้อาจารย์ท่านนั้นกำลังก้มหน้าส่องหาหนังสืออยู่ตามชั้นต่างๆ พอขยับหน้าผ่านไปตรงช่องว่างระหว่างหนังสือ ก็เห็นฝั่งตรงข้ามมีหน้าจ้องผ่านร่องหนังสือเข้ามา เห็นว่าใส่ชุดนิสิตอยู่ด้วย อาจารย์ตกใจและโกรธด้วย เลยเดินไปถามว่านิสิตเข้ามาได้ยังไง แต่พอเดินไปถึงช่องนั้นก็ไม่มีใครอยู่เลย ที่สำคัญพออาจารย์เดินหาจนทั่วพบว่า แม้แต่เจ้าหน้าที่ห้องสมุดเองก็ไม่อยู่ด้วยซ้ำไม่มีทางที่ใครจะมาโผล่หน้าให้เห็นได้ แต่เมื่ออาจารย์เดินกลับไปหาหนังสือที่ชั้นเดิมก็ได้กลิ่นฉุนกลิ่นเหม็นไหม้ที่แรงมาก
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ชั้นที่มีห้องพัก !!
เพื่อนเราเพิ่งจบโทมาปีสองปี (สำหรับเพื่อนสาธิตรามขอบอกว่าคือ โอชิน) เล่าว่า วันหนึ่งค่ำแล้วฝนตกหนักทุกคนกำลังจะกลับบ้าน แต่เลอะเทอะกันมากเลยกลับมาห้องพักนิสิตปริญญาโท เพื่อหลบฝน และล้างโคลน เพื่อนเราไปล้างโคลนคนเดียวในห้องน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องพัก พอดีไฟดับ เพื่อนเราเลยโผล่ออกมาดูคนอื่นๆ ว่าเป็นไงบ้าง เห็นเงาดำๆ อยู่ห่างออกไปตรงทางเดิน ทำท่าเหมือนกำลังเดินเข้ามาหา เมื่อดูรูปร่างแล้วเลยเรียกชื่อเพื่อนผู้ชายในกลุ่มที่หุ่นแบบนี้ แต่เงาดำไม่ตอบ และเดินเท่าไหร่ก็ไม่ใกล้เข้ามาสักที แป๊บนึงอยู่ดีๆ เงาดำก็หายไป เพื่อนเราคนนี้ก็เหมือนคนที่แล้ว คือ ไม่ยอมบอกเพื่อนกลัวเพื่อนจะกลัว เดินกลับเข้าห้องไปรวมกลุ่มเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ประตูอังรีฯ!!
เพื่อนเราอยู่คณะวิทยาศาสตร์ (สำหรับเพื่อนสาธิตรามขอบอกว่าคือ แนน) ขับรถมาทางประตูรัฐศาสตร์ อังรีฯ จะวกรถออกไปแยกสุรวงศ์ เลยต้องไปรอเลี้ยวรถกลางถนน พอไฟส่องไปที่ใต้สะพานลอย ฝั่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ก็เห็นคนนั่งยองๆ อยู่ใต้สะพาน ทุกอย่างเหมือนคนทั่วไป นอกจากหน้าเหมือนปูนปลาสเตอร์ที่ยังไม่แห้งแล้วโดนสาดน้ำน่ะ คือขาวๆ ย้อยๆ ไฟหน้ารถเธอจับอยู่นานพอดู เพราะต้องรอกลับรถ เมื่อเธอหันไปดูเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่นั่งมาด้วยกัน ก็ไม่มีทีท่าว่าเห็นอะไร เหมือนเธอเลย เธอก็เลยทำเฉยๆ กลัวว่าเพื่อนจะกลัว
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ห้องล้างรูป !!
ว่ากันว่า ห้องล้างรูปรวมของศิลปกรรมน่ากลัวที่สุด เพราะนอกจากเรื่องเห็นขาแกว่งแล้ว ยังมีแสงลูกไฟสีต่างๆ แวบไปแวบมาในห้องล้างรูปอีกด้วย (ซึ่งห้องล้างรูปจะต้องมืด หรืออาจให้มีแสงสีแดงได้สีเดียว) บางทีก็มีเสียงเก้าอี้นั่งรอล้างรูปดังอี๊ดอ๊าด ทั้งๆ ที่ไม่มีคนนั่งรอ หรือนิสิตบางคน ก็ได้ยินเสียงคนตบแท็งค์น้ำในห้องล้างรูปทั้งๆ ที่ไม่มีคนอื่นในห้องเลย… ว่ากันว่านิสิตขอให้คณะย้ายห้องหลายครั้งแต่คณะไม่มีงบฯ อันนี้เป็นข้อมูลหลายปีแล้ว ไม่รู้ป่านนี้ย้ายห้องหรือยัง
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ศาลหน้าตึกอักษรฯ !!
โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของรุ่นพี่ ม.ศิลปากร ชื่อ ‘พี่โดนัท’ โดยเล่าให้ฟังว่า เคยมีเพื่อนเค้าคนหนึ่ง จู่ๆ ก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาไหว้ศาลแล้วก็ขี่ออกไป สักพักคนที่ขี่ก็ได้ยินเสียงอะไรครูดคราดที่ด้านหลัง หันกลับไปเห็นคนครึ่งตัวคลานตามมา (ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง เพื่อนพี่โดนัทไม่น่าจะทำแค่ไหว้ น่าจะทำอะไรร้ายแรงกว่านั้น ไม่งั้นคงไม่โดนคลานตาม จริงมะ?) เรื่องของศาลตึกอักษรฯ ยังไม่หมดแค่นี้ น้องๆ ในคณะหลายคนบอกว่า ศาลที่คณะจัดได้ว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรส่วนใหญ่จะสำเร็จทุกทีไป แต่มีกฎก็คือ “ขอได้ แต่ห้ามบน” น้องคนเดิมเล่าให้ฟังต่อว่า เคยมีรุ่นพี่มาบนเรื่องสอบ แล้วปรากฏว่าสอบได้จริงๆ แต่ดันไม่ไปแก้บน คืนหนึ่งรุ่นพี่คนนี้ก็ฝันว่า “ตัวไปอยู่ในโรงละครทรงพลพร้อมกลุ่มเพื่อนๆ ที่ไปบนด้วยกัน แล้วก็มีเพชฌฆาตร่างสูงใหญ่ เดินมาฟันหัวพวกเค้าทีละคน” (น่ากลัวมาก)
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ชั้นสองตึกอักษรฯ !!
คณะอักษรศาสตร์ นับได้ว่าเป็นคณะแรกของวิทยาเขตสนามจันทร์เลยก็ว่าได้จ้า (ถ้าข้อมูลผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยนะ) มีคนเล่าต่อๆ กันมาว่าที่ชั้นสองของตึกคณะ มีหลายคนเคยพบเห็นคนโบราณนุ่งโจงกระเบนสีแดงสดอยู่ หลอนกันเลยทีเดียว
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ณ หอเพชรรัตน์ !!
มีเรื่องหนึ่งที่ถูกเล่าขานกันมาว่า ครั้งหนึ่งมีนักศึกษากำลังนอนหลับอยู่ในห้องพักคนเดียวได้ยินเสียงคนเดินมาช้าๆ จนเสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ห้องพักของนักศึกษาคนนั้น จึงมองลอดช่องตาข่ายมุ้งลวดออกไปดู ปรากฏว่าเห็น คนนุ่งโจงกระเบนสีแดงลากโซ่ตรวนเดินผ่านไป
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง เรือนนางสนม !!
ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังคณะวิทยาศาสตร์ เรือนไม้เก่าหลังนี้มีอายุเก่าแก่มาก น่าจะมีมาตั้งแต่ในช่วงสมัย รัชกาลที่ 5 แล้วนะ และมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า กลางดึกหากนักศึกษาคนไหนปั่นจักรยานผ่านเรือนไม้ดังกล่าวก็จะเห็นคนรำอยู่ในเรือนผ่านช่องหน้าต่างไม้ บ้างก็เห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยมีเล็บยาวปรากฏตัวให้เห็น จนทำให้เรือนนางสนมต้องปิดหน้าต่างทุกบานให้หมดในที่สุด เพราะมักจะมีนักศึกษาเห็นผู้หญิงรำฟ้อนอยู่ในบ้านเรือนไทยหลังนั้นนั่นเอง
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ตึกศิลป์ !!
อีกหนึ่งเรื่องเล่าจากรุ่นพี่ เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวพี่โดนัทเองเลย พี่โดนัทเรียนอยู่คณะมัณฑนศิลป์ ช่วงรับน้องก็อยู่มหาวิทยาลัยกันดึกดื่นเตรียมทำพร็อพ ระหว่างนั้นเองก็มีเพื่อนอีกคนนึง ควักเอากล้องวิดีโอขึ้นมาถ่าย ปรากฏว่าระหว่างถ่าย เค้าเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาววาบผ่านหน้ากล้องไป เพื่อนคนนี้ก็ตกใจรีบเรียกเพื่อนๆ มาดู ก็กรอเทปย้อนกลับไป (สมัยนั้นเป็นเทปมินิ DV) แล้วพอเปิดเล่นใหม่อีกครั้ง ก็ยังพบว่าถ่ายติดผู้หญิงชุดขาวคนนั้นอยู่ในกล้องด้วย ทุกคนต่างก็ตกใจ จึงรีบลบออกทันที แต่เรื่องยังไม่จบง่ายๆ คืนต่อมาพวกพี่โดนัทก็ยังคงทำพร็อพกันต่อ เพื่อนอีกคนที่เพิ่งมาใหม่ (พี่โดนัทเล่าว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนมีเซ้นส์) เพื่อนคนที่มีเซ้นส์นี้เองที่ได้บอกพี่โดนัทว่า ให้บอกเพื่อนให้เบาๆ หน่อย มีคนมาดูอยู่นะ เป็นผู้หญิงชุดขาว (ทั้งๆ ที่พี่คนนี้ไม่ได้รู้เรื่องผู้หญิงชุดขาวในกล้องมาก่อนเลย)
เรื่องนี้ยังมีภาค 2 ต่อมาอีกนะ คือพี่โดนัทเนี่ยมีเพื่อนคนนึงชื่อพี่เอ (ทุกวันนี้เป็นอาจารย์สอนที่ศิลปากรด้วย) พี่เอเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีเลย พอพี่เอรู้เรื่องที่เพื่อนๆ ถ่ายติดผี แกก็ไม่เชื่อ ก็มานั่งทำงานพร็อพด้วยกันในอีกคืนหนึ่ง ระหว่างนั่งกันอยู่พี่เอก็ดีดฝาน้ำเล่นๆ แต่ฝาที่ว่า กลับลอยไซด์โค้งไปปิดสวิตซ์ไฟดับ ซึ่งไอ้สวิตช์ไฟที่ว่าเนี่ยอยู่ไกลมาก แค่ดีดให้ฝาน้ำไปปิดสวิตช์ไฟดับได้ก็ยากแล้ว นี่ลอยไซด์โค้งข้ามกลุ่มเพื่อนไปดับได้อีก เท่านั้นแหละ ทุกคนพากันวิ่งป่าราบอยู่ไม่ไหวแล้วหลังโดนกันมาหลายคืน และเช้าวันต่อมาทุกคนก็เอาดอกไม้ เอาลำไยมาขอขมา โดยวางไว้บนตู้ดับเพลิง ตกเย็นมาดูปรากฏว่า ลำไยถูกแกะซะงั้น พี่โดนัทก็บอกว่าไม่น่าจะใช่ฝีมือสัตว์ เพราะตู้ดับเพลิงมันอยู่สูง ก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง เพลงกลิ่นจันทร์ !!
เพลงนี้เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัย หากใครร้องยามค่ำคืนต้องร้องให้จบ ไม่งั้นจะเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทย (เรื่องนี้คล้ายๆ กับตำนานเพลง “เจ้านกน้อย” ของมหิดลอยู่เหมือนกัน แต่ของมหิดลนี่ถ้าร้องไม่จบจะมีผีมาช่วยร้องต่อให้จบ)
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง สะพานข้ามดาว !!
นักศึกษาที่นี้จะรู้กันดีว่า เวลาเที่ยงคืนห้ามปั่นจักรยานผ่านสะพานข้ามดาว (สะพานจะอยู่แถวๆ ลานทรงพล) หากไปปั่นว่ากันว่าจะไม่ได้กลับมายังที่เดิม (น่าจะหมายถึงทะลุมิติอะไรแบบนั้น ถ้าไม่กลัว ก็ลองไปพิสูจน์กันเองเลยจ้า)
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง สไบเขียว-สไบแดง !!
มีเรื่องเล่าอยู่ว่า เมื่อปรมาณ 8-9 ปีที่แล้ว ในสมัยนั้นนักศึกษาส่วนใหญ่มักจะขี่จักรยานในมอกัน หากปั่นเส้นเลียบคลองตอนเที่ยงคืน (ตอนนี้เป็นตึกหมดแล้ว) ปั่นไปเค้าว่า จะเจอผู้หญิงใส่ชุดไทยโบกมือให้จากริมคลอง ถ้าเจอสไบขียวก็โชคดีไป แต่ถ้าเจอสไบแดง ห้ามหันไปมองให้เค้ารู้ตัวเด็ดขาด ไม่งั้นเค้าจะตามกลับไปบ้าน
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง สระแก้ว !!
สถานที่ตรงนี้ถือเป็นจุดที่มีความสวยงาม และชวนหลอนไปพร้อมๆ กัน เพราะในสมัยก่อนสระน้ำตรงนี้จะเป็นจุดที่นำนักโทษมาทรมาน โดยการถ่วงน้ำ เพื่อให้สารภาพผิด หรือเป็นการฆ่านักโทษด้วยการถ่วงลูกตุ้มให้ขาดอากาศหายใจตายนั่นเอง แต่ที่น่าแปลกใจคือ สถานที่แห่งนี้เคยเกิดเหตุการณ์น่าสลดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่มีนักศึกษากระโดดลงไปแล้วจมหายไปในวันเกิดตัวเอง บ้างก็มีคนทะเลาะวิวาทจนเกิดการต่อสู้แทงกันตายในที่สุด และยังมีเรื่องเล่าน่าขนหัวลุกคือ มีนักศึกษาเห็นขบวนแห่ของมหาวิทยาลัย ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าเป็นขบวนแห่ประจำปีทั่วไป แต่ก็ต้องตื่นตกใจเพราะขบวนดังกล่าวดันเดินลงน้ำไปดื้อๆ ถือเป็นอีกเรื่องเล่าที่ฟังแล้วใจเต้นไม่เป็นจังหวะกันเลยทีเดียว
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ลานทรงพล บริเวณคณะอักษรศาสตร์ !!
ถึงแม้ทุกวันนี้จะเป็นสถานที่ที่ดูร่มรื่นสวยงาม และเงียบสงบ แต่หากได้ฟังถึงประวัติความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้แล้วคงต้องผวากันแน่ๆ เพราะว่าที่ตรงนี้เคยเป็นลานประหารนักโทษเก่ามาก่อน คือ ในสมัยก่อนจะใช้ดาบในการฟันคอนักโทษ ก็จะนำนักโทษที่ถึงเวลาประหารมาที่ลานแห่งนี้ จากนั้นก็จะจัดการนักโทษด้วยการฟันที่คอ จนแน่นิ่งหมดลมหายใจ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลานทรงพลเป็นลานที่มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมา บ้างก็ว่ามีเด็กนักศึกษาเดินผ่านตอนกลางคืนแล้วเห็นเป็นเงาคนตัวสูงใหญ่กำลังฟันคอ คนที่นั่งอยู่กับพื้นจนขาดกระเด็น บางคนก็เห็นผู้หญิงนุ่งห่มสไบมายืนบริเวณลานทรงพล หรือบ้างก็บอกว่าห้ามสวดชินบัญชร ณ ที่ตรงนี้เด็ดขาด
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ก๊อกน้ำสยอง !!
อาคารเรียนรวมแพทย์ มีคนไปอ่านหนังสือกัน 2 คน พอดึกๆ ก็ไปซื้อไก่ทอดมากิน พอกินเสร็จแล้วก็หาที่ล้างมือ ไปเจอก๊อกน้ำข้างตึก จึงเดินไปล้างมือที่นั่น ตอนที่ล้างมืออยู่เพื่อนอีกคนก็ทำหน้าตกใจมากแต่ยังไม่พูดอะไร? คนที่ทำหน้าตกใจรีบจูงมือเพื่อนกลับมาใต้ตึก แล้วถามว่ารู้มั้ยเมื่อกี้เห็นอะไร อีกคนบอกไม่รู้ คนนั้นจึงบอกว่า เห็นผมของอีกคนซึ่งผมยาวชี้ขึ้นมากระจุกหนึ่งเหมือนมีคนจับขึ้นมา รู้ทีหลังว่าตรงนั้นเป็นที่ล้างศพ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ผีห้องน้ำ !!
ที่ห้องน้ำคณะสังคมศาสตร์ ที่เก่าๆ หน่อย ลองไปหาดูเอาเองนะ ลักษณะห้องน้ำคือ ประตูทางเข้าอยู่ตรงกลาง เมื่อเข้าไปแล้วโถฉี่จะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนอ่างล้างหน้ากับกระจกส่องหน้าจะอยู่ทางขวามือ รุ่นพี่ที่อยู่คณะสังคมฯ เล่าว่า มีคนเล่าให้ฟังมาอีกต่อว่า ตอนกลางคืนช่วงใกล้สอบ ได้ไปอ่านหนังสือที่คณะสังคมฯ แล้วปวดฉี่เลยไปฉี่ที่ห้องน้ำแห่งนี้ ไปเข้าห้องน้ำคนเดียว คนอื่นๆ ก็นั่งอ่านหนังสือต่อ คนไปฉี่ก็เข้าไปฉี่ตามธรรมดา ในห้องน้ำมีโถฉี่สองอัน คือ อันแรกติดประตู อันที่สองอยู่ด้านขวาถัดไปข้างในอีก เขาบอกว่า ตอนจะฉี่ก็จะฉี่ที่โถแรก เพราะใกล้ แต่ไม่รู้นึกยังไง เดินเลยไปฉี่ที่โถด้านใน ตอนกำลังฉี่ก็ยังไม่มีอะไร แต่ตอนฉี่เสร็จแล้ว มองออกไปที่กระจก ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นว่า กำลังมีคนยืนฉี่อยู่ที่โถฉี่อันแรก! (แต่หันหลังให้) นึกว่าตาฝาดเพราะหันไปดูก็ไม่มีอะไร แต่พอไปดูในกระจก ก็เห็นเหมือนเดิม?
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ป้าลูซี่ คณะมนุษยศาสตร์ !!
ป้าลูซี่ เป็นใครมาจากไหน ไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่า เขาคอยห่วงใย ดูแลเราอยู่ไม่ห่าง โดยเฉพาะช่วงเวลารับน้อง พวกเราจะเจอป้าลูซี่ทุกครั้ง…. บริเวณตึกคณะมนุษยศาสตร์ มช. จะมีเนินหญ้าที่เชื่อมระหว่างธารน้ำเล็กๆ และมีสะพานเดินข้าม ซึ่งเป็นบริเวณใกล้กับสถานที่รับน้องของคณะ ซึ่งช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม จะเป็นช่วงสุดท้ายของการรับน้อง ก่อนที่จะปล่อยกลับเข้าหอพัก ก็มีนศ.ชายคนหนึ่งเกิดไม่สบาย เป็นหอบ รุ่นพี่จึงพาไปยังห้องพยาบาล ซึ่งอยู่บริเวณเนินหญ้า หลังจากที่ปล่อยนศ.หญิงกลับหอพัก ส่วนนศ.ชาย อยู่รับน้องต่อจนกระทั่งมีเสียงหมาหอนดังขึ้นเป็นระยะๆ หลายคนสงสัยแต่ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งงานรับน้องจบลง มีนศ.น้องใหม่คนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า เห็นผู้หญิงใส่ชุดขาว ยืนดูอยู่กิจกรรมรับน้องอยู่นาน แต่ก็ไม่พูดอะไร เพราะคิดว่า คงเป็นอาจารย์ที่เดินมาดูแลความเรียบร้อย บางคนก็บอกว่า รู้สึกเหมือนมีคนมาลูบหัว จนกระทั่งเหตุการณ์นี้ ได้คลายความสงสัยลง เมื่อรุ่นน้องที่อยู่ในห้องพยาบาล ซึ่งรับรู้เรื่องแบบนี้ หรือเรียกว่า มีจิตที่สัมผัสได้ ก็ทักขึ้นมาว่า “เมือคืนหนักเลยละซิ เขา (ผู้หญิงใส่ชุดขาว) เป็นห่วงกลัวเด็กๆ เกิดอันตราย เลยต้องมาดูแลอยู่ไม่ห่าง”
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง หอนาฬิกา วนครบ 3 รอบเจอดีแน่ !!
อันเนื่องจากตรงที่ตรงนี้เคยเป็นป่าช้า และลานประหารเก่ามาก่อน ทำให้เรื่องเล่าเรื่องผีทั้งเก่า และใหม่มีมากมาย เรื่องนี้อยู่ที่หอนาฬิกาใหญ่ ตรงสี่แยกจากประตูหลังม.เชียงใหม่ ตรงนั้นจะเป็นวงเวียนสี่แยก ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้เป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เป็นคณะศึกษาศาสตร์ และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือเป็นหอ 4 (ชาย) และฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหอ 6 (หญิง) เรื่องนี้เล่ากันว่า ตรงหอนาฬิกา กลางวงเวียน มีเปรต หากไปลองของ อาจโดนดีได้
วิธีการลองดีคือ ตอนเที่ยงคืนให้ไปขับรถวนทวนเข็มที่หอนาฬิกา 3 รอบ (ปกติวงเวียนจะให้รถขับวนตามเข็มนาฬิกา) เล่ากันว่า ผู้ที่ลองทำอย่างนั้นไม่เคยมีใครขับรถทวนเข็มนาฬิกาได้ครบสามรอบซักคน ผู้มีประสบการณ์เล่าว่าในขณะที่วนรถอยู่นั้น จะรู้สึกได้ถึงลมที่เย็นผิดปกติ วนไปรอบสองก็ไม่เกิดอะไรขึ้น แต่พอมาถึงตอนจะวนครบสามรอบเท่านั้นแหละ จู่ๆ ก็มีเสาสองต้นมาตั้งขวางถนน ทำให้ต้องหักรถหลบ รถล้มบ้างแฉลบบ้างไปตามๆ กัน ใครอยากรู้ก็ลองดูนะ
อีกกรณีหนึ่งมีข่าวอยู่บ่อยๆ ว่านักศึกษาที่พักอยู่ในหอพักชาย 4 และหญิง 6 ฝั่งที่ติดกับหอนาฬิกา มักได้ยินเสียงแหลมๆ เล็ก ดังมาจากทางหอนาฬิกา สอบถามแล้วคืนนั้น เด็กสาธิตไม่มีการทำกิจกรรม และคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็ไม่มีกิจกรรม หรือการก่อสร้างใดๆ และที่สำคัญบางห้องได้ยิน บางห้องไม่ได้ยินทั้งที่อยู่ติดกัน
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง มิตรภาพอยุ่เหนือความตาย !!
เรื่องผีสุดสยองอันดับหนึ่งของมหาลัยเชียงใหม่ที่ใครๆ ต้องเคยได้ยิน เพราะความน่ากลัวถึงขั้นนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว เรื่องราวที่เล่าต่อๆ กันมาโดยไม่ทราบระยะเวลาเกิดเหตุที่แน่นอน แต่เรื่องราวสุดสยองเรื่องนี้ได้เริ่มต้นขึ้นที่หอหญิงในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่รู้จักกันดีคือ หอ 7 ซึ่งในสมัยนั้นมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนหนทางยังไม่ค่อยดีนัก การเดินทางค่อนข้างลำบากเพราะเป็นถนนลูกรัง เวลาฝนตกก็เต็มไปด้วยโคลน รถไปมาลำบาก ตอนกลางคืนก็ไม่ค่อยมีแสงไฟ…
เรื่องเกิดขึ้นกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอ 7 ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบพอดีนักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่ มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้อง ตอนหัวค่ำแล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่จึงไปไม่ไหวอยากพักผ่อน รูมเมทอีกคนเห็นเพื่อนสาวไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่า “เดี๋ยวจะไปทานข้าวเอง แล้วจะซื้อข้าวมาฝาก”
หลังจากนั้นนักศึกษาสาวที่ป่วยก็เผลอหลับไป และสะดุ้งตื่นมาอีกทีกลางดึก ก็พบว่าเพื่อนร่วมห้องยังไม่กลับมา สักพักก็ได้ยินเสียงดังมาจากชั้นล่างทางบันได “ป๊อก…ป๊อก…ป๊อก…ครืด…ครืด…ค..รื…ด” เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ เสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง สักพักหนึ่งก็มีเสียงเคาะห้อง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” แล้วเงียบไป
นักศึกษาหญิงตกใจคิดว่าไม่ใช่เพื่อนอย่างแน่นอน ถ้าใช่เพื่อนต้องเปิดประตู้เข้ามาแล้ว จึงได้เดินออกไปเพื่อเปิดประตูดูว่าเป็นใคร ก็พบว่าตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ข้าวแขวนอยู่ ก็แปลกใจว่า “แล้วเพื่อนอยู่ไหน? ทำไมไม่กลับมา?” มีแต่รอยเปียกน้ำ เป็นทางจากบันได คิดต่างๆ นานา แต่แล้วก็แกะข้าวออกมาทานเสร็จก็ทานยาตาม ได้ซักพักก็หลับไป
พอรุ่งเช้า… มีคนมาเคาะประตูห้องแล้วบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทางคาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ สภาพศพแขน และขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาด ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหิน หรือตลาดต้นพยอม หลังจากทานข้าวเสร็จทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว โดยเพื่อนฝากซื้อข้าว คนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ “แล้วอาหารที่มาแขวนหน้าห้องเมื่อคืนล่ะ?”
ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมา คือหลังจากที่ตายไปแล้วด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ที่ไม่สบาย และยังไม่ได้รับประทานอาหาร จึงนำข้าวที่เพื่อนฝากซื้อไปส่งให้ แต่แขนหักขาหักหมดแล้ว จึงใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยถนนพาตัวเองมาจนถึงหอพัก และลากตัวเองขึ้นบันไดมา เป็นเสียง ป๊อก…ป๊อก และเสียง…ครืด ที่ได้ยินคือ เสียงลากตัวเองจากบันได มาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกัน หลังจากส่งข้าวให้ได้แล้วก็หมดห่วง ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาหญิงคนนั้นเล่า แต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่า ในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนัก และลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมา ทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ และทำให้เรารู้ว่า “มิตรภาพอยู่เหนือความตาย” อ่านแล้วขนลุกมากๆ ซึ้งด้วย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ห้องน้ำชั้น 4 และนักศึกษาแพทย์!!
เรื่องมันก็เกิดขึ้น เพราะนักศึกษาแพทย์ฟังเรื่องเล่ามาจากรุ่นพี่ ว่าชั้น 4 ของคณะมีผี แต่ก็ไม่เชื่อเลยไปพิสูจน์แต่ไม่มีใครเป็นเพื่อน เพราะกลัว นักศึกษาปี 1 คนนี้ก็เลยไปทีล่ะห้องแล้วทำทุกวิธีที่เห็นผีได้ ทั้งมองลอดหว่างขา ตัดเล็บ ฯลฯ ทำห้องแล้วห้องเล่าก็ไม่เห็น ก็เลยเบื่อจึงเดินไปที่ห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ด้วยความเจ็บใจเลยทำหน้าตาทะเล้นแลบลิ้นปลิ้นตาใส่กระจก วันต่อมาชายคนนี้ได้เดินไปหาเพื่อน แล้วเล่าให้เพื่อนฟัง จนมาถึงเรื่องห้องน้ำ เพื่อนเค้าเลยบอกว่า นายโดนแล้วล่ะเพราะห้องน้ำชั้น 4 ไม่มีกระจก…..? แล้วคนที่เห็นในกระจกนั่นเป็นใคร?
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่องหลอนๆ ของนักศึกษาแพทย์ !!
มีนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งขึ้นลิฟท์ที่โรงบาลศรีตอนกลางคืน ในลิฟท์มีนักศึกษาแพทย์กับลุงอีกคน พอลิฟท์ลงไปเรื่อยๆ ลิฟท์ก็เปิด มีผู้หญิงแก่ถือไม้เท้ากำลังเดินมาที่ลิฟท์ แต่นักศึกษาแพทย์กลับรีบกดปิดลิฟท์ ลุงที่ขึ้นมาด้วยเลยถามอย่างตกใจว่า “ปิดทำไมไม่เห็นคุณยายหรอ” นักศึกษาแพทย์บอกลุงว่า “ลุงไม่เห็นหรอ ที่มือของยายแกมีด้ายแดงอยู่” (คนที่มีด้ายแดงก็คืออาจารย์ใหญ่ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว) ลุงแกเลยบอกว่า “แบบนี้หรือเปล่า” พร้อมกับชูแขนให้ดู… โดนแล้วล่ะ!!
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ตำนานสะพานขาว !!
สะพานขาว ตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่ ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเขตภาคอีสานโดยรอบเป็นป่าทั้งหมด ช่วงหน้าหนาวอากาศจะเย็นมากเพราะมีต้นไม้เยอะมาก แต่ก่อนพื้นที่ของมหาวิทยาลัยนี้เป็นที่อยู่ของพวกคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีการรบกันระหว่างคอมมิวนิสต์กับตำรวจทหาร ทำให้คอมมิวนิสต์ตายเป็นจำนวนมาก ศพไม่มีที่เผาจึงทำการฝัง จากนั้นมีการก่อตั้งมหาลัยเกิดขึ้น มีการสร้างถนนตัดผ่านช่วงหลุมฝังศพของคอมมิวนิสต์ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง และมีคนตายเป็นจำนวนมาก มีช่วงหนึ่งที่มหาลัยดังมาก คือช่วงหนุ่มสาวคู่หนึ่งขับรถมอไซค์มาด้วยความเร็วมีใครไม่รู้เอาลวดสลิงไป ขึงช่วงกลางสะพาน ทำให้คอผู้หญิงคนนั้นขาดแต่ผู้ชายยังไม่รู้ตัวว่าแฟนของตนตายแล้ว เพราะตนยังก้มหน้าขับรถ แบบคนขับรถเร็ว ทำให้ไม่โดนสลิง เมื่อขับไปถึงปั้มน้ำมันพอจะลงจากรถจึงเห็นแฟนตัวเองคอขาด จากนั้นก็มีอุบัติเหตุหลายครั้งเกิดขึ้นบนสะพานขาว จึงมีการอันเชิญซินแสมาทำพิธี ซินแสจึงบอกว่า ให้ทำการสร้างเสาสะพานขึ้นเพื่อเป็นการไม่เหยียบหลุมศพซึ่งเป็นการลบหลู่ จึงเกิดเป็นตำนานสะพานขาวเกิดขึ้นนั่นเอง และยังไม่หมดแค่นั้นเพราะได้มีเรื่องเล่าต่างๆ เกิดขึ้นตามอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องมีชายคนหนึ่งขับรถเข้าไปใน ม. ตอนดึก ประมาณเที่ยงคืน ตี 1 เขาเปิดวิทยุฟังเพลงไปด้วย เส้นทางที่จะเข้าไป ม. ต้องผ่านสะพานขาว พอใกล้ๆ สะพานขาว วิทยุเขาก็ดับไปเฉยๆ เขาก็เลยปิดวิทยุ แล้วลองเปิดใหม่ เสียงเพลงที่ได้ยิน คือ ธรณีกรรแสง ใครเล่นตลกอะไรนี่ เขาเลยปิดวิทยุไปเสียเลย เพื่อตัดปัญหา รถก็วิ่งไปเรื่อยๆ แสงไฟหน้ารถส่องไปทางข้างหน้า เขาเห็นคนสองคนเดินอยู่ไม่ไกลมากนัก แล้วเสียงเพลงธรณีกรรแสงก็ดังขึ้นมาอีก ก่อนที่รถเขาจะวิ่งถึงคนทั้งสอง เครื่องยนต์ก็ดับ เขาเลยจอดรถเสียงเพลงยังดังอยู่.. และพอสองคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ เขาก็เห็น ผู้ชายไม่มีแขน ส่วนผู้หญิงหิ้วหัวตัวเองอยู่ ทั้งคู่ยิ้มให้เขา (คนหรือผี) ทั้งสองเป็นใคร? ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ (เล่าไปขนลุก) และก็มีเรื่องเล่าอีกว่า เมื่อประมาณ 20 กว่าปีผ่านมาแล้ว สมัยนั้นมหาลัยมีสภาพเป็นป่าอยู่มาก และมีนักศีกษาอยู่น้อย (ปัจจุบันมี 16 คณะ นักศึกษาประมาณ 2 หมื่นคน) ได้มีหนุ่มคณะวิศวะคนหนึ่ง มีแฟนที่รักกันมากเป็นสาวคณะพยาบาล ขี่มอเตอร์ไซค์มารับแฟนที่หอพักเป็นประจำ และกลับหอพักทางสะพานขาวดึกๆ ทุกวัน มีอยู่คืนหนึ่ง ฝ่ายชายขับมอเตอร์ไซค์มารับแฟนที่หอพักไปเที่ยวในเมือง มีผู้ร้ายจ้องจะชิงทรัพย์ ทั้งคู่ถูกปล้น และตายทั้งคู่ (น่าจะเป็นเพราะผู้ร้ายขึงลวดสลิงไว้ ทั้งคู่จึงมีสภาพเช่นนั้น) เพราะเป็นการตายแบบที่เรียกกันว่า “ตายโหง” และสภาพการตายที่น่าอนาถ วิญญาณจึงเฮี้ยนมาก วิญญาณของทั้งคู่วนเวียนหลอกหลอนนักศึกษา และผู้คนทั่วไปที่ขับรถผ่านสะพานขาวเป็นประจำ ทางมหาลัยจึงได้ทำพิธีกรรม อัญเชิญอัฐิของทั้งคู่ฝังไว้ในเสาสะพาน โดยแยกไว้คนละด้านภายหลังมีพิธีรับน้องใหม่ โดยกลางดึกให้เฟรชชี่จับคู่ นับเสาสะพานมาจากคนละด้าน จะนับได้ไม่เท่ากัน และว่ากันว่าถ้ากลั้นหายใจระหว่างที่นั่งรถข้ามสะพานไปจนสุดสะพานได้ โดยที่ไม่ผ่อนลมหายใจ จะอธิษฐานขอพรอะไรก็ได้
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ตู้ผี !!
ฟังชื่อแล้วต้องบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังผีเกาหลีเกรดบี แต่นี่คือเรื่องจริงของนักศึกษาดวงซวยสุดๆ ในคืนวันมหิดล เมื่อสองปีก่อน ช่วงสอบกลางภาคตรงกับวันมหิดลพอดี นักศึกษาหญิงคนหนึ่งซึ่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่ภายในห้องพัก กำลังจะไขกุญแจตู้เสื้อผ้า เพื่อเอาผ้าขนหนูไปอาบน้ำ เครียดก็เครียดอ่านก็ไม่ทัน ไหนจะไม่ค่อยรู้เรื่องอีก ความซวยก็เข้าเยือนต่อทันที ขณะเดียวกันเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากข้างใน คว้าท่อนแขนนักศึกษาเอาไว้ พยายามดึงเธอเข้าไปในตู้ เท่านั้นแหละ… เสียงกรี๊ดดังลั่นมาถึงหอชาย เพื่อนร่วมห้องได้ยินก็กระวีกระวาดมาดู เห็นเจ้าหล่อนเป็นลมนอนฟุบอยู่กับพื้นห้อง จึงโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่หอให้รับตัวไปโรงพยาบาลทันทีสอบถามจากเจ้าหน้าที่หอพักก็ตีหน้าซื่อ แก้ตัวกับเหตุการณ์นี้ว่า “สงสัยเค้าจะเครียดมากไป” เป็นอันว่าเรื่องสยองในคืนวันมหิดลก็ยังเป็นปริศนาต่อไป ยาวไปหน่อย แต่อ่านแล้วขนลุกได้เลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง หอชาย !!
เชื่อหรือไม่? ในสมัยก่อนหอชายของมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เป็นหอหญิงมาก่อน บางคนอยู่มาเป็นปีๆ ไม่เคยจะรู้ ไม่เคยจะใส่ใจกับความเป็นมาตรงนี้เลย หอชายในปัจจุบันนั้นมีสภาพค่อนข้างใหม่กว่าหอหญิง (ยกเว้นแต่หอ 10) มีเรื่องเล่ากันว่า นักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตายภายในหอพัก วิญญาณก็ยังวนเวียนไม่ไปไหน คอยปรากฏตัวให้นักศึกษารุ่นหลังได้ประสาทกินกันเป็นพักๆ และในแต่ละปีจะมีนักศึกษาชายจำนวนมากที่โวยวายกับเจ้าหน้าที่หอพักเรื่องผู้หญิงชุดขาวที่เดินไปมาในบริเวณหอพัก ส่วนสถานที่หลักๆ ที่จะพบได้ก็คือ ทางบันไดหนีไฟ ใครที่ชอบเดินทางนี้บ่อยๆ ระวังให้ดี คุณไม่มีทางหนี นอกจากวิ่งชน หรือลงไปติดแหง็กอยู่ด้านล่าง และทางเชื่อมระหว่างหอ เมื่อมองจากระเบียง หรือด้านล่างของหอ นี่คือทางสามแพร่งที่ทุกคนต้องผ่านเข้าออกในแต่ละวัน โถฉี่ในหอพักหญิงเป็นเครื่องยืนยันอย่างดี แต่อย่าหวังคำตอบจากเจ้าหน้าที่หอเกี่ยวกับสาเหตุที่ย้ายมาเพราะต่อให้ตาย “…เค้าก็ไม่ตอบคุณหรอก”
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง บ้านเรือนไทย!!
เรือนไทยเป็นเรือนสีแดงสดตั้งอยู่ตรงข้ามตึกวิทย์เก่า เดินเข้ามาไม่ไกลก็จะพบได้อย่างง่ายดาย ด้วยความสวยงามและอากาศเย็นสบาย ทำให้เรือนไทยกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยม นักศึกษาหลายกลุ่มมานั่งติวหนังสือกันที่นี่ และบางกลุ่มก็ใช้เป็นที่พลอดรักกันอย่างน่าอิจฉา เรื่องเล่าเกี่ยวกับเรือนไทยมีมากมาย เพราะความคลุมเครือในที่มาของเรือนไทยโบราณหลังนี้ เมื่อ 2 ปีก่อน มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งเข้าไปอ่านหนังสือบริเวณเรือนไทย เวลาผ่านไปจนเริ่มเย็น ขณะนักศึกษาคนนั้นเก็บของเตรียมตัวกลับไปหอพักก็เหลือบไปเห็นเส้นสีดำๆ คล้ายผมของใครบางคนปลิวไสวอยู่ไม่ไกล เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่า เส้นผมที่ว่านั่น…เป็นเส้นผมของผู้หญิงใส่ชุดไทยโบราณ และกำลังห้อยหัวลงมาจากเสาเรือน ปากยิ้มแสยะเห็นฟันดำขลับ นักศึกษาคนนั้นกรีดร้อง และเป็นลมทันที พี่ยามได้ยินเสียงจึงเข้าช่วยเหลือทำการปฐมพยาบาล และนอกจากนี้รุ่นพี่ยังเล่าต่อๆ กันมาว่าเสาต้นหนึ่งในเรือนไทยเป็นเสาตกน้ำมัน ถ้าคุณไม่เชื่อเกี่ยวกับ “ความแรง” ของที่นี่ มีเรื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าที่เรือนไทยนี้อากาศเย็นสะท้านตลอดเวลาไม่ ว่าจะฤดูอะไร และวันนั้นแดดจะแรงขนาดไหนก็ตาม แต่ก็ยังเย็นอยู่ด้วย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง คอนโด C !!
คอนโดบริเวณประตูสาม จะถูกจองตั้งแต่เดือนเมษายน แต่จะมีอยู่ห้องหนึ่งในคอนโด C ซึ่งปิดขอบประตูโดยรอบด้วยยันต์ และแปะไว้ที่หน้าประตูอีกหนึ่งแผ่น ลองนึกภาพดูว่าบรรยากาศของห้องจะหม่นๆ เหมือนมีสายตาเฝ้ามองอยู่ตลอด ใครที่เคยอาศัยอยู่ย่อมรู้ถึงความกดดันได้เป็นอย่างดี ประวัติของห้องนี้ก็มีอยู่ว่า ช่วงปิดเทอมเมื่อ 4-5 ปีก่อนมีเด็กอินเตอร์คนหนึ่งกรอกยาฆ่าตัวตาย กว่าเพื่อนจะไปพบศพมันก็อืด เน่า เฟะ เละจนแทบจำไม่ได้ เด็กคนนี้เป็นผู้หญิงน้อยใจแฟนก็เลยประชดด้วยการลาโลก พองานศพเสร็จ เพื่อนๆ ทำใจไม่ได้ก็เลยขอย้ายไปพักที่อื่น คนที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราว พอตกกลางคืนมักได้ยินเสียงเปิดก็อกในห้องน้ำ บางครั้งก็ได้ยินเสียงกุกกักทั้งๆ ที่ไม่มีใคร แต่นั่น…ไม่ร้ายแรงเท่ากับนักศึกษาบางคนที่กำลังนอนหลับอยู่ และเหลือบไปเห็นผู้หญิงหน้าตาบวมปูดเหมือนศพ จับขาและกระชากลงจากเตียง เพื่อนที่เคยไปอาศัยอยู่ในห้องเจ้าปัญหา การันตีความเฮี้ยนระดับห้าดาว!! รูมเมทบางคนมองเห็นผู้หญิงเดินไปเดินมาในเวลากลางคืน และมักได้ยินเสียงร้องไห้ ปนโกรธแค้นที่ถูกทอดทิ้ง หลายคนก็ถูกผีอำจนอยู่ไม่ได้ เครื่องใช้ไฟฟ้า ข้าวของต่างๆ เปิด-ปิด เคลื่อนที่ได้เองอย่างน่าสงสัย เป็นอีกเรื่องที่ฮอตสุดๆ และเฮี้ยนสุดๆ ในรั้วศาลายา
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ผีถ้วยแก้ว !!
ขอยกเรื่องเล็กๆ ให้ฟังพอหอมปากหอมคอละกัน ก็มีอยู่ว่า… นักศึกษากลุ่มหนึ่งได้เล่นผีถ้วยแก้วในบริเวณหอพัก ทีนี้เมื่อเล่นจบก็ถกเถียงกันว่า ใครเป็นคนดันแก้ว เมื่อไม่มีข้อสรุป และด้วยความไม่เชื่อในเรื่องผีสางทั้งหมดก็เดินออกไปหน้า มหาวิทยาลัยเพื่อหาข้าวกินกัน เพื่อนต่างคณะที่นั่งรถแท็กซี่ เข้ามาได้สวนกับนักศึกษากลุ่มนั้นพอดี ภาพที่เห็นก็คือ ชายแก่คนหนึ่งเดินออกมาจากบริเวณศาลใกล้คณะอินเตอร์ และได้ยกมือชี้ร้องไล่ให้ผู้หญิงในกลุ่มออกไป แต่ทุกคนกลับไม่มีใครใส่ใจ เมื่อมาถึงหอพัก นักศึกษาคนหนึ่งก็เล่าให้เพื่อนฟังว่า “นี่ เมื่อกี๊เล่นผีถ้วยแก้ว มันบอกว่าเป็นผู้หญิงว่ะ อย่าให้กูจับได้นะว่าใครเป็นคนดัน” เพื่อนต่างคณะก็รีบเล่าเรื่องที่ชายแก่ไล่หญิงสาวในกลุ่มให้ฟัง ทุกคนก็ยืนยันว่ามีแต่ผู้ชายล้วนๆ ชายแก่คนดังกล่าวอาจเป็นวิญญาณเจ้าที่เจ้าทางที่รู้จักกันในนาม “พ่อปู่จันธูป” หรือ “เจ้าขุนทุ่ง” ส่วนผู้หญิงคนดังกล่าว จะเป็นคนเดียวกับในถ้วยหรือเปล่า? โฮะๆ คิดเอาเอง
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง เชือกในห้องน้ำ !!
เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ไม่นานประมาณปีกว่าๆ มีข่าวแพร่สะพัดตามหอพักว่า ช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม แม่บ้านคนหนึ่งได้ผูกคอตายในห้องน้ำชายห้องดังกล่าว และได้ถูกปิดตายไปพักใหญ่ เจ้าหน้าที่หอพักแก้ต่างเป็นพัลวันว่า “ห้องน้ำเสีย” นักศึกษาชายที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำนั้น มักได้ยินเสียงร้องไห้ระงมจากประตูเจ้ากรรมเสมอๆ เมื่อมองผ่านจากหอตรงข้าม มีคนสังเกตว่าบริเวณขื่อมีเชือกผูกอยู่จริง แม่บ้านที่ทำความสะอาดประจำชั้นนั้นก็หายหน้าหายตาไป เจ้าหน้าที่หอก็ชี้แจงต่อข่าวลือน้ำขุ่นๆว่า “เค้ากลับต่างจังหวัด” ในปัจจุบันห้องน้ำดังกล่าวได้เปิดใช้งานตามปกติแล้ว ถ้าเข้าไปแล้วเห็นแม่บ้านผิวดำผมหยักศกยิ้มให้ ก็อย่าลืมยิ้มตอบหล่อนด้วย ขอบอกเลยว่า “คุณคือผู้โชคดีแล้ว”
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง เตียง C !!
อีกหนึ่งความเชื่อเกี่ยวกับ วันสำคัญของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งกล่าวถึงนักศึกษาคณะแพทย์ศิริราช (ต่อไปจะขอเรียกสั้นๆ ว่า SI) ที่จะกลับมาเยี่ยมเยียน หอพักในวันนี้ของทุกๆ ปี แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา เสื้อนั้นย้อมด้วยเลือด และร่างเต็มไปด้วยบาดแผล เรื่องนี้จัดเป็นอันดับต้นๆ ของความเฮี้ยนสุดยอด ในวิทยาเขตศาลายา นักศึกษาแพทย์คนนี้ประสบอุบัติเหตุรถชนขณะข้ามถนนมายังมหาวิทยาลัย อาจเป็นเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจึงไม่รู้ตัวว่าได้เสียชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว ห้องพักดังกล่าวที่นักศึกษาแพทย์คนนี้อาศัยอยู่กลายเป็นห้องถูกปิดตาย ทราบแต่เพียงว่า เตียง C ของนักศึกษา SI ในคืนวันมหิดลเท่านั้นที่จะพบเห็นเค้าได้ ถ้าอยากทราบว่าความเฮี้ยนนั้นจัดขนาดไหน? ก็ลองสัมผัสได้จากบรรยากาศที่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ในคืนนี้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเป็นที่สนุกปากขนาดไหนก็ตาม
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ห้อง 926 !!
ว่ากันว่าในช่วงใกล้ๆ ถึงวันคริสต์มาส ทางหอก็จะนำต้นคริสต์มาสใหญ่มาประดับตั้งไว้ที่ล็อบบี้ ซึ่งเหตุเกิดนี้ เขาบอกว่าอยู่ที่ชั้น 9 (ห้อง 926) แฟนคู่หนึ่งเกิดทะเลาะกัน แล้วฝ่ายชายเกิดพลาดตกระเบียงลงมา หัวทิ่มปักเข้ากับต้นคริสต์มาสตายคาที่ (คือหอสกายวิวนี่ทางเดินน่ากลัวครับ ห้องจะเรียงเป็นวงกลมแล้วจะปล่อยเป็นโพรงใหญ่ๆ ไว้ตรงกลาง เขาตกลงมาที่โพรงนี้ล่ะค่ะ) เรื่องเล่าต่อมาว่า จากนั้นฝ่ายหญิงที่ยังอยู่ห้องนี่โดนเคาะห้องทุกคืน พอเปิดไปก็ไม่มีใคร จนหลังๆ เคาะถี่ขึ้น แรงขึ้น จนมีถึงขั้นจะเปิดประตูเข้ามา ผู้หญิงก็กลัวจนทนไม่ไหวเลยไปหาพระ พระท่านก็บอกว่าเขาแค้น กลายเป็นอาฆาต เพราะคิดว่าเราไปทำให้เขาตาย ถ้าเขามาอีก ก็ให้โยมลงไปนอนใต้เตียง เขาาจะได้ไม่เห็นโยม คืนหนึ่งก็เกิดเรื่องจนได้ เห็นว่ามาแบบออกตัวแรงซะด้วย คือกะเผด็จศึกเลยแหละ เคาะแรงมาก ดังมาก ลูกบิดประตูหมุนปึ้ดๆ น้องผู้หญิงคนนี้ก็เห็นท่าไม่ดี เลยลงไปมุดนอนใต้เตียงตามพระบอก แล้วประตูก็ดีดผึงออกมา! ผู้หญิงก็หลับตาปี๋ ไม่กล้ามอง ก็ได้ยินแต่เสียงลากเท้าดังครืด… ดังครืด… มาเรื่อยๆ แล้วเสียงก็มาหยุดเงียบลงที่เตียง ฝ่ายหญิงเห็นเงียบไปก็ไม่รู้จะเอาไงต่อ เลยกัดฟังเปิดเปลือกตาขึ้นมา ปรากฏว่าสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าเละเทะของผีแฟนเธอเต็มๆ (อธิบายคือถ้าตายปกติ เค้าก็คงจะเดินมาแหละครับ แต่คนนี้เขาตกลงไปหัวทิ่มตาย เขาเลยใช้หัวเดินแทนเท้าขึ้นมา แทนที่อยู่ใต้เตียงจะไม่เห็น เลยกลายเป็นจ๊ะเอ๋กันเต็มๆ)
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง เรือนไทย !!
ตรงบริเวณศาลของมหาวิทยาลัย จะมีเรือนไทยตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ในเวลากลางวันจัดว่าเป็นเรือนไทยที่มีความงดงามมาก แต่พอตกในเวลากลางคืนเท่านั้นแหละ ยังกับในหนังสยองขวัญเลย แถมรอบๆ ยังมีต้นไทรขนาดใหญ่เรียงกันอยู่อีกหลายต้น ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก เรือนไทยนี้มีคนโดนกันเยอะเลยค่ะ บางคนก็บอกว่า เวลาเดินผ่านจะได้ยินเสียงดนตรีไทยบ้าง หรือเรื่องที่มีเด็กนั่งทำงานกันอยู่บนเรือนไทย ก็เสียงดังกันตามประสาวัยรุ่น จังหวะนั้นก็มีน้องคนนึงมองไปที่ตู้ (บนเรือนไทยจะมีตู้ยาวๆ อยู่ เอาไว้เก็บชฎา เก็บเครื่องดนตรี) น้องคนนี้เขาเห็นมีผู้หญิงแต่งชุดรำเต็มยศ หน้าขาว ยืนจ้องมาจากในตู้ เอาแทบหนีกันลงมาไม่ทันเลย ช็อคกันสุดๆ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ห้องปฏิบัติการฝึกจำลอง !!
ที่วิทยาเขตกล้วยน้ำไท มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ใครที่ได้ลองขึ้นไปบนตึก (เวลาไม่มีใครอยู่) แล้วมองลอดช่องประตูห้องปฏิบัติการฝึกจำลอง ของภาควิชาการท่องเที่ยวการโรงแรมเข้าไปทางด้านใน จะรู้สึกว่ามีใครกำลังมองลอดช่องตอบกลับมา ในระยะประชิดแบบตาต่อตาเลยก็ว่าได้
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง นักศึกษาชุดดำ ในห้องเรียน !!
ที่อาคารเรียน 10 วิทยาเขตกล้วยน้ำไท มีห้องเรียนอยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งห้องเรียนนี้ก็ได้ใช้เป็นห้องเรียนตามปกติ แต่บางครั้งนักศึกษาภายในห้องกลับรู้สึกว่า มีนักศึกษาที่ไม่ได้รับเชิญมาเรียนด้วย โดยแต่งชุดดำ แต่พอหันกลับไปมองตรงนั้น กลับไม่เจอใคร!!
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
เรื่องเล่า ตำนานเฮี้ยน เรื่อง ศาลหน้าคอนโด !!
ศาลที่ว่านี้ตั้งอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัย ลงสะพานลอยมาจะเจอเลย เหตุผลที่ถูกเรียกว่า ‘ศาลแกรนด์คอนโด หรือศาลหอแกรนด์’ ก็เพราะว่าศาลตั้งอยู่หน้าหอแกรนด์คอนโด (หอแห่งนี้เป็นมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีเยอะมากๆ มีทั้งเรื่องเล่าผีอิสลาม ผู้ชายร่างยักษ์ที่มีดวงตาสีแดง เรื่องเล่าคนโดนยิง โดดตึก ครบหมดเลยจ้า) ซึ่งในตำนานที่เล่าต่อๆ กันมามีอยู่ว่า ศาลแห่งนี้ จะเห็นเฉพาะเด็กปี 1 ที่เข้ามาใหม่เท่านั้น และมีข้อแม้สำคัญอีกเรื่องคือต้องไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน โดนเด็ดขาด ไม่งั้นก็จะไม่เห็นอะไร ซึ่งผู้ที่พบเห็นก็จะเห็นกันในหลากหลายรูปแบบ ทั้งเห็นเป็นศาลไม้ ศาลสีเขียว แต่ส่วนใหญ่หลายๆ คนจะตอบตรงกันว่าเป็น ศาลปูนสีขาวขนาดใหญ่ เชื่อสิว่า มีนักศึกษาหลายคน ที่เคยเห็นศาลพระภูมินี้ตั้งอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันกลับไม่มีอะไรตั้งอยู่ตรงนั้น
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...