วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2562
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดสุราษฯ พอดีช่วงนั้นลุงกับป้าติดธุระสำคัญ กว่าจะเสร็จและเดินทางไปร่วมงานก็เป็นวันเผาพอดี ขับรถไปถึงวัดช่วงเย็นไปทันพิธีเผาศพ ทุกอย่างเรียบร้อยดี จากนั้นญาติผู้ใหญ่ก็ชวนลุงกับป้าให้ไปนอนที่บ้านหลานชายที่เสียชีวิต จะได้อยู่พูดคุยกันสะดวก ช่วงค่ำวันนั้น ก็เหมือนวันรวมญาติๆ ที่มาจากต่างจังหวัด ซึ่งพักอยู่ที่บ้านนั้นอยู่ก่อนแล้ว นั่งพูดคุยกันพอสมควรแก่เวลา ทุกคนต่างรีบขึ้นนอนที่ชั้นบนจนเต็ม ไม่มีใครนอนชั้นล่างเลย ลุงกับป้าเลยนอนที่ชั้นล่างกัน 2 คน มาทราบภายหลังว่าศพของหลานชายเป็นศพตายโหง ซึ่งโบราณเขาถือว่าศพที่ตายผิดธรรมชาติ หรือตายโหง เขาจะไม่ให้เข้ามาไว้ในบ้าน ซึ่งก่อนพิธีเผา พ่อแม่ของหลานชายได้เอาศพเข้ามาไว้ที่บ้านนี้ ชาวบ้านระแวกนั้นที่มาร่วมงาน หากใครพูดถึงนินทาว่ากล่าวคนตาย ไฟจะดับโดยไม่มีสาเหตุ เดี๋ยวพัดลมติดเองบ้าง ดับเองบ้าง จนชาวบ้านต่างกลัว รีบมางานและรีบกลับทันที
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
เรื่องสยองที่เมืองทอง!!
เหตุการณ์ที่จะเล่านี้ผ่านมาประมาณปีกว่าๆ แล้วค่ะ ช่วงนั้นเราเป็นเด็กกิจกรรมของชมรมในโรงเรียน ซึ่งมันก็จะมีกิจกรรมเข้ามาอยู่เรื่อยๆ หนึ่งในนั้นคือการไปประกวดชมรมที่ต่างสถานที่ และที่ที่จะไปกันคือย่านเมืองทอง จังหวัดนนทบุรี ไปกับรุ่นพี่ คณะครู และเพื่อนๆ รวม 30 กว่าคนได้ ไป 3 วัน 2 คืนค่ะ ทุกคนจะถูกแบ่งที่พักกันไว้เรียบร้อยแล้ว สถานที่พักเป็นคอนโดเก่าๆ แห่งหนึ่ง คนที่อยู่ย่านเมืองทองน่าจะรู้จักกันดี พอไปถึงเราก็รับกุญแจอะไรเรียบร้อย ต่างกลุ่มต่างก็แยกย้ายกันไปที่ห้องพักของตัวเอง เราได้นอนกับเพื่อนอีก 3 คน รวมเราเป็น 4 คน ไขกุญแจห้องเข้าไปทุกอย่างดูปกติดีค่ะ ขวามือเป็นห้องน้ำอยู่ติดกับประตูเข้าห้อง ลักษณะห้องเป็นห้องแฝด มีห้องข้างในกับข้างนอก เรากับ เอ (นามสมมติ) นอนห้องข้างใน ส่วนเพื่อนอีก 2 คนนอนห้องข้างนอกค่ะ.. คืนแรกพอจัดของจัดอะไรเสร็จ เราเป็นคนแรกที่อาบน้ำค่ะ ตอนเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เราเห็นเส้นผมที่พื้นกระจุกหนึ่ง ในใจก็คิดว่าแม่บ้านคงทำไม่สะอาด ก็ไม่ได้สนใจ พออาบไปได้สักพัก เราก็ได้ยินเสียงคนทุบผนังห้องน้ำค่ะ ทุบแบบดังมาก ตกใจเลย แต่ก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าอาจจะเป็นเสียงห้องข้างๆ ที่อยู่ติดกัน พอเราอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องอีกค่ะ ‘ก๊อกๆๆ’ เรากำลังจะเอื้อมมือไปเปิด แต่เอมาห้ามเอาไว้ บอกว่าอย่าเปิด ให้ส่องตาแมวดูก่อน พอเอพูดจบเสียงเคาะประตูห้องก็ดังอีกค่ะ ‘ก๊อกๆๆ’ เรายืนอยู่หน้าประตูอยู่แล้วก็เลยส่องตาแมวดู แต่กลับไม่มีใคร.. เราเลยเดินงงไปที่เตียง แต่ก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเพราะเสียงเคาะประตูมันดังขึ้นอีก! บี (นามสมมติ) เพื่อนเราอีกคนทนไม่ไหว เลยเดินไปเปิดประตูออกไปดู ปรากฏว่าไม่มีใครจริงๆ ค่ะ บีคิดว่าอาจจะเป็นรุ่นพี่มาแกล้ง เลยยืนรอที่ประตูกะว่าถ้าเคาะอีกก็จะรีบเปิดเลย แล้วเสียงประตูก็ดังขึ้นอีกจริงๆ ค่ะ ‘ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆ’ คราวนี้เคาะรัวกว่าทุกครั้งเลย บีรีบเปิดประตูออกไปทันที แต่สิ่งที่เห็นคือ ไม่มีใครเลย.. คือถ้าวิ่งหนีก็ต้องได้ยินเสียงร้องเท้า แต่ใครจะวิ่งได้ไวขนาดนั้น? แต่นี่คือว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงา พอบีเห็นแบบนั้นมันก็คิดว่าคงโดนแล้วแน่ๆ เลยรีบปิดประตูวิ่งกระโดดขึ้นเตียงทันที ที่เหลือก็รีบพากันอาบน้ำแล้วก็รีบเข้านอนเช่นกัน
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ชายที่ตามมา!!
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เองครับ ตัวผมทำงานอยู่ที่โรงงานเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี เป็นโรงงานเก่าแก่ครับ เช้าวันหนึ่งช่วงก่อนเข้าพรรษา ขณะที่ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปทำงานตามปกติ อยู่ๆ ก็มีความรู้สึกว่ารถผมเร่งไม่ค่อยขึ้นเหมือนเคย ตอนนั้นผมก็คิดว่ารถผมคงมีปัญหาที่เครื่องยนต์ ก็ไม่ได้คิดอะไร ผมไปถึงที่ทำงาน และเข้างานตามปกติ แต่ตอนทำงานผมมีความรู้สึกปวดเมื่อยที่หัวไหล่ทั้งสองข้างอย่างมาก ตอนเวลา 11 โมง ผมเลยขออนุญาตหัวหน้าไปพักก่อนเวลา หัวหน้าเลยให้ไปนอนที่หอพักพนักงาน ซึ่งผมขอเอาไว้ห้องหนึ่งเผื่อเวลาฝนตก หรือทำโอทีดึก จะได้นอนพัก ผมเข้าห้องไปก็นอนหลับเลยครับ แล้วก็เริ่มฝัน ในความฝันของผมมันสะเปะสะปะ แต่ในเรื่องราวจะมีผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก อยู่ในฝันทุกๆ เรื่อง ผมนอนจนถึงเวลาใกล้บ่ายกำลังจะตื่นไปทำงาน ผมนอนในท่าเอามือขวาก่ายหน้าผาก แล้วผมก็มีความรู้สึกว่าแขนขวาผมที่ก่ายหน้าผากมันยกไม่ขึ้นครับ และเหมือนมีแรงกดลงมาที่หน้าผมแรงมากๆ แรงจนรู้สึกเจ็บที่หน้า ผมพยายามลืมตาแต่ก็ลืมได้เพียงลางๆ ผมเห็นเงาผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ยืนมองมาที่ผม ด้วยความที่ผมเป็นคนที่เชื่อ แต่ไม่กลัวเรื่องแบบนี้เท่าไร ผมจึงนึกในใจว่า ‘ต้องการอะไรก็บอก อย่าแกล้งกันแบบนี้ จะไปทำงาน ปล่อยเราแล้วอยากจะได้อะไรก็บอกมา..’ แต่ไม่เป็นผลครับ แขนผมยิ่งหนัก และกดลงมาที่หน้าแรงกว่าเดิม ผมพยายามต้านจนเริ่มโมโห จึงนึกในใจไปอีกว่า ‘ไอสัส กูจะไปทำงาน อยากได้อะไรทำไมไม่บอกดีๆ แกล้งกูทำเหี้ยอะไร? ถ้ามึงยังไม่หยุดกูจะแช่งไม่ให้มึงไปผุดไปเกิด’ แต่สถานะการณ์ก็ยังเหมือนเดิมครับ..
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ผีหยอกกลับ!!
เรื่องนี้อาจจะฟังดูแปลก แต่ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเราเองค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 5-6 ปี ตอนเราเรียนอยู่ชั้น ม.2 เราเรียนที่โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เราเป็นเด็กกิจกรรมเป็นแดนเซอร์ของโรงเรียน และอย่างที่รู้กันว่าเด็กกิจกรรม มักจะต้องมีเหตุให้กลับบ้านค่ำกว่าคนอื่นๆ แน่นอน.. ช่วงนั้นเราต้องซ้อมเต้นทุกวัน ซึ่งก็เป็นไปตามปกติราบรื่นดี ถึงแม้ว่าเราจะเคยได้ยินรุ่นพี่เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องผีในโรงเรียนอยู่บ่อยๆ ซึ่งเราเองก็ยังไม่เคยเจอหรอก จนมาวันหนึ่ง วันที่เกิดเหตุการณ์ที่เราจำได้ไม่เคยลืม.. วันนั้นช่วงประมาณ 6 โมงค่ะ เราซ้อมเต้นอยู่ในโรงยิม จู่ๆ เราก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ เลยชวนรุ่นพี่ไปเป็นเพื่อนด้วย 1 คน ลักษณะห้องน้ำมันจะเรียงติดกันยาวๆ เรากับรุ่นพี่เข้าห้องน้ำติดกัน แต่เราทำธุระเสร็จก่อนรุ่นพี่ แล้วเราก็นึกสนุกค่ะ เราไปแอบข้างประตูแล้วร้อง ‘ตั๊กแก่’ ให้รุ่นพี่ที่ออกมาทีหลังตกใจเล่น ซึ่งก็ได้ผลค่ะ รุ่นพี่ตกใจร้องกรี๊ดลั่นเลย รุ่นพี่คนนี้แกกลัวตุ๊กแกมากๆ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
เรื่องของผลกรรม!!
ตอนเรายังเด็ก เรามีนิสัยชอบทรมาณสัตว์ ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงอย่างหมาแมวอะไรแบบนั้นนะคะ อย่างช่วงที่เราย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ ไปอยู่กับตาที่ภาคเหนือใหม่ๆ เราไม่เคยเห็นหอยทากมาก่อนค่ะ เห็นมันมีตายื่นออกมาแปลกดี เราเลยไปเอากรรไกรมาตัดลูกตาของมันทั้ง 2 ข้าง เราก็นั่งดูมันหดกลับเข้าไปในเปลือก แล้วเราก็หยิบตัวมันโยนลงพื้นแรงๆ แล้วเหยียบซ้ำๆ อีก ต่อไปเป็นเรื่องของมดค่ะ อันนี้คือติดนิสัยเลย เวลาเห็นมดแดงเดินตัวเดียว เราจะจับมันมาแบบทนุถนอม ก่อนจะหาอะไรคมๆ มาตัดหัวมัน แล้วคอยดูว่ามันเดินยังต่อได้อีกนานไหม? ซึ่งมันก็ยังเดินไปได้อีกพักหนึ่งเลย ก่อนที่จะตายไปสุดท้ายคือการจับปลาตัวเล็กๆ มาใส่ในขัน โดยน้ำในขันจะเป็นน้ำผงซักฟอก หรือไม่ก็น้ำเย็นๆ ปลาที่เอามาก็พวกปลาหางนกยูงที่พ่อเลี้ยงไว้ในบ่อซีเมนต์นั่นล่ะค่ะ จับมาวันละตัวๆ ดูมันค่อยๆ ตายในขัน.. แล้วเราก็ทรมานสัตว์ซ้ำๆ อยู่แบบนี้ไปเรื่อย จนพอโตขึ้นเราก็เลิกนิสัยนี้ไปเอง แต่ว่า.. ทุกวันนี้พอเรามองย้อนกลับไป เรารู้เลยค่ะว่าเราคงได้รับผลกรรมจากสิ่งที่ทำแล้ว ไล่ทีละเรื่องเลยนะคะ เรื่องตัดตาหอยทาก ทำให้เรากลายเป็นคนสายตาสั้นมากและมัวมาก คือสายตาเรียกว่าเสียไปเลย ทุกวันนี้แว่นที่ใส่ยังหาความพอดีไม่เจอเลยค่ะ ตัดยังไงก็มัว.. ส่วนเรื่องมด ทำให้เราปวดหัวบ่อย ปวดจี๊ดแบบไม่มีสาเหตุ ไปหาหมอหมอก็บอกว่าเป็นไมเกรน ทุกวันนี้ไม่รักษาแล้วนะคะ รักษายังไงก็ไม่หาย.. สุดท้ายคือปลา ทำให้เราเป็นท้องอืดถ่ายไม่เป็นปกติ ท้องไส้แย่ระดับแย่มากกกกก 7 วันจะถ่ายครั้งนึง แถมแพ้อากาศเย็นสุดๆ เวลาอาบน้ำจะอาบน้ำเย็นไม่ได้เลย ผิวแสบไปหมด..
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562
ฝังไว้ในพื้นดิน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องของน้องคนหนึ่งที่ผมรู้จักชื่อว่า ฝ้าย ครับ ฝ้ายเล่าเรื่องราวน่ากลัวนี้ให้ฟังว่า เมื่อปี พ.ศ. 2559 ฝ้าย กับ แพรว เพื่อนอีกคนหนึ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด เข้ามาหางานทำในเมืองเหมือนคนทั่วไป โดยไปอาศัยอยู่บ้านญาติก่อน พออยู่บ้านญาติได้ 2 เดือนก็ออกไปหาห้องเช่าอยู่ เป็นห้องแถว 2 ชั้นอยู่สุดซอยแห่งหนึ่ง มีต้นโพธิ์ และชิงช้าอยู่หน้าตึกพอดี พอฝ้ายกับแพรวย้ายเข้าไปแล้วก็ตกใจ เพราะในห้องมีผ้ายันต์สีแดงติดอยู่ ไม่พอ ที่อ่างล้างหน้าก็พบกำไลวางอยู่คู่หนึ่ง คิดในใจว่าคงเป็นกำไลข้อเท้า ครั้นจะไม่เอาห้องนี้ก็ไม่ได้ เพราะเป็นห้องเดียวที่ว่างอยู่ สองสาวขนของเข้ามาเตรียมพร้อมที่จะเข้าอยู่ คืนแรกทั้งสองคนฝันเหมือนกันว่า มีผู้หญิงใส่ชุดนางรำเดินรำวนรอบเตียงนอน แล้วพอตื่นขึ้นมาก็ต้องแปลกใจ เมื่อกำไลมาใส่อยู่ที่ข้อเท้าของทั้งสองคน แต่ใส่คนละข้าง ทั้งคู่รีบถอดออก แล้วก่อนไปทำงานก็เอากำไลนั้นไปวางไว้ที่โคนต้นโพธิ์หน้าตึก แต่พอเลิกงานกลับมาพร้อมกัน ก็พบว่ากำไลคู่นั้นกลับมาวางอยู่ในห้องที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอีก! เหตุการณ์นี้เป็นไปแบบเดิม 6 วัน จนคืนวันที่ 7 ทั้งสองคนถือกำไลออกมาจากห้องเพื่อจะไปทิ้งที่ใต้ต้นโพธิ์เหมือนเดิม ขณะนั้นเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ คนในห้องแถวนั้นหลับพักผ่อนกันหมดแล้ว ฝ้ายที่กำลังเดินตามหลังแพรวอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงดนตรีไทยปี่พาทย์ลอยมาตามลม.. จังหวะที่แพรวนั่งลงไปวางกำไล ฝ้ายหันไปมองที่ห้องตัวเองก็ถึงกับตาค้าง เพราะเห็นเงาดำที่หน้าต่างเป็นนางรำกำลังรำอยู่ในห้อง! ฝ้ายตกใจมากรีบสะกิดบอกแพรว แต่พอแพรวหันมา ภาพที่เห็นคือ แพรวตาขวางแล้วค่อยๆ ทำท่าตั้งวง ก่อนจะลุกขึ้นเดินรำไป เดินรำไปที่ห้องซึ่งเปิดประตูไว้อยู่ ฝ้ายเดินตามไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ พยายามเรียกชื่อแพรว แต่แพรวก็ยังคงเดินหน้ารำต่อไป..
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
เริ่มต้นรู้จักผี!!
เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นการรู้จักผีของเราเลยค่ะ ย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ เราเป็นเด็กบ้านนอก อาศัยอยู่กับตายาย เราชอบออกไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายกับตา ตายายมีอาชีพเลี้ยงวัวเลี้ยงควายขายค่ะ ตั้งแต่เราจำความได้ เราไม่เคยรู้เลยว่าผีคืออะไร ไม่เคยกลัวผี แต่ตาบอกว่าเรามักจะมีอาการบางอย่าง ทุกครั้งที่มีผีหรือวิญญาณเข้ามาใกล้ ซึ่งตาของเราจะรู้ดีเพราะแกเป็นหมอผีค่ะ มีวันหนึ่ง เราไปดูตาไถนากับญาติพี่น้อง เรานั่งรอที่กระท่อม กว่าตาจะไถนาเสร็จก็ปาเข้าไป 6 โมงเย็นแล้ว ล้างมือล้างเท้าเพื่อเตรียมจะกินข้าวกัน ก็จุดไฟตะเกียงเพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว ขณะที่นั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ๆ เราก็แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ตาเราดูออกทันที เลยรีบหยิบพระที่แขวนบนเสามาห้อยคอให้เรา เราก็หาย แต่ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ชายในฝัน!!
เรื่องมีอยู่ว่า.. สมัยอายุ 17 ปี เราทำงานด้านเอกสาร และพักอาศัยอยู่กับพี่สาวค่ะ อยู่ด้วยกัน 2 ปีได้แล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งเราชอบนอนฝันว่ามีผู้ชายหน้าตาดีมาหา มาพาเราไปเที่ยว ไปกินอาหารดีๆ ในความฝันเรามีความสุขมากๆ เราเห็นหน้าตาเขาชัดเจน ทุกวันนี้ยังจำได้ดีเลยค่ะ เราฝันแบบเดิมๆ อยู่หลายคืน รวมช่วงเวลาราว 5-6 เดือนได้ ทุกครั้งที่ฝัน เราจะได้ไปในที่เดิมๆ และทุกครั้งก่อนที่เราจะตื่น ผู้ชายคนนี้จะถามเราว่า ‘อยากไปอยู่กับผมไหม?’ หรือ ‘ไปอยู่ด้วยกันไหม?’ แต่เราก็ไม่เคยตอบเขาเลย จะสะดุ้งตัวตื่นทุกครั้งที่เขาถาม.. เราลองไปเล่าให้พี่สาวฟัง พี่สาวก็บอกว่าอย่าไปตอบตกลงนะ ถ้าไปตกลงเราจะตาย เราก็อึ้งๆ แต่ก็เชื่อพี่สาว
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
มีคนฆ่าตัวตาย!!
เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี่เองครับ วันนั้นผมไปทำงานตามปกติ เลิกงานกลับมาถึงห้อง 2 ทุ่มกว่า หลังจากอาบน้ำเสร็จ กำลังจะนั่งดูทีวี ปรากฏว่าได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องมาจากห้องข้างๆ ถัดจากห้องผมไป 2 ห้อง คนในชั้นต่างออกมาดู พบว่ามีคนผูกคอตายอยู่ในห้องเป็นผู้ชาย ผู้หญิงที่เป็นแฟนเป็นคนเปิดประตูไปเจอ คาดว่าน่าจะตายมาตั้งแต่กลางวันแล้ว เพราะแฟนคู่นี้เข้าคนละกะกัน แต่ที่สำคัญ ผมดันรู้จักกับทั้ง 2 คนนี้เสียด้วย โดยเฉพาะคนที่ตายเคยมาเล่นกีต้าร์ให้ผมร้องเพลง ดื่มเบียร์กันที่หน้าห้องผมบ่อยๆ หลังจากตำรวจ และหน่วยกู้ภัยมาเก็บศพไปแล้ว แฟนผู้ตายก็ออกไปนอนห้องเพื่อน ไม่กล้านอนที่ห้อง ราวๆ เที่ยงคืน ทุกคนบนชั้นได้ยินเสียงคนผิวปากเดินมาหน้าห้องผมที่ติดกับระเบียง แล้วมีเสียงเปิดปล่องทิ้งขยะแล้วปิดเบาๆ เสียงผิวปากนั้นเป็นเสียงของคนที่ตายแน่นอน แกชอบเอาขยะออกมาทิ้งตอนเที่ยงคืน ผมเปิดประตูออกมาดูแต่ก็ไม่พบอะไร.. คืนนั้นก็ผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
หญิงเสื้อแดง!!
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับตัวเอง แต่เกิดกับน้าชายสมัยเกือบ 20 ปีที่แล้ว ที่อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ค่ะ ตอนนั้นเราอยู่บ้านกับแม่ น้าชาย และยาย ช่วง 4 ทุ่มของวันหนึ่ง มีคนโทรเข้ามาที่บ้านบอกว่าน้าชายรถมอเตอร์ไซค์ไปล้มอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง มีสัปเหร่อไปเจอเข้าจึงได้ช่วยเหลือไว้ ยายกับแม่เป็นห่วงน้าชายมากจึงถามอาการ แต่น้าชายไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เล็บเท้าฉีก และมีแผลถลอกตามตัว แต่เสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยดินดำแบบแฉะๆ ค่ะ จากนั้นก็มีคนขี่รถมาส่งน้าชาย แต่ว่าตอนก่อนที่น้าจะมาถึงบ้าน มีเสียงหมาหอนรับกันเป็นทอดๆ จากหน้าซอย แลดูน่าขนลุกมาก เราจำได้ดีวันนั้นแม่พูดขึ้นว่า ‘ใครที่มาด้วยไม่ต้องเข้ามานะ!’ น้าชายได้ยินก็ถึงกับชะงัก ยืนเนื้อตัวสั่นอยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้าน ส่วนแม่ก็ไปเอาน้ำมนต์ที่ได้มาจากวัด มาให้น้าชายดื่ม และล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงหน้าบ้าน และแม่ก็พูดขึ้นอีกว่า ให้น้าเข้ามาได้คนเดียว ส่วนคนอื่นไม่อนุญาตนะ! ต้องบอกก่อนว่าแม่เราเป็นคนมีเซ้นส์แรงมาก ทุกคนในบ้านรู้ดี
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2562
คนนั้นคือใคร?!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนรู้จักเราเองค่ะ ชื่อพี่เปิ้ล พี่เปิ้ลเป็นคนมีเซ้นส์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีอยู่วันหนึ่ง พี่เค้าต้องไปงานเผาศพพ่อของแฟนเพื่อนซึ่งเป็นตำรวจ พอไปถึงจอดรถเสร็จกำลังเดินจะเข้างาน พี่เปิ้ลก็มองเห็นนายตำรวจ 3 นายยืนอยู่หน้างานคอยอำนวยความสะดวก พอเดินไปใกล้ๆ ก็สังเกตเห็นนายตำรวจหนึ่งในสามนั้นหน้าตาคล้ายผู้ตายมาก แต่ลักษณะจะท้วมๆ ผมดกดำ ในขณะที่ผู้ตายจะผอม ผมบาง เพราะป่วยหนักก่อนจะเสียชีวิต พอเดินไปถึงจุดที่นายตำรวจยืนอยู่ พี่เปิ้ลก็ยกมือไหว้ทั้งสามทีละคน จนมาถึงคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ทางขวามือ พี่เปิ้ลสังเกตเห็นเค้าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองพี่เปิ้ล แต่ตอนนั้นด้วยความรีบก็เลยไม่ได้สนใจอะไร.. ก็อยู่ร่วมพิธีจนไปวางดอกไม้จันทน์ พอลงมาเห็นแฟนของเพื่อนนั่งร้องไห้อยู่ ก็เลยเข้าไปคุยไปแสดงความเสียใจ อยู่ๆ พี่เปิ้ลคิดยังไงไม่รู้ไปถามเจน (ลูกสาวผู้เสียชีวิต) ว่า ‘..เจน ลุงชาญมีฝาแฝดหรือเปล่าอ่ะ?..’ เจนหยุดร้องไห้แล้วหันมาตอบว่า ‘ไม่มีค่ะพี่ พ่อหนูไม่มีฝาแฝด..’ พี่เปิ้ลเลยถามย้ำอีกที ครั้งนี้เจนเรียกน้องสาวมายืนยันคำตอบด้วย ซึ่งคำตอบก็คือ ‘ไม่มี..’ เจนเลยถามว่ามีอะไร ทำไมถามแบบนี้? พี่เปิ้ลก็เลยเล่าให้ฟัง น้องสาวเจนเลยให้พี่เปิ้ลพาไปหาคนที่บอกว่าหน้าเหมือนพ่อ แต่ปรากฎว่าไม่เจอแล้ว.. พอเสร็จพิธี ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน เหลือเพียงญาติ และผู้ใกล้ชิดเท่านั้น
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ยายผู้โดดเดี่ยว!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องของป้าเราเองค่ะ ชื่อป้าแหวว ป้าแหววแกทำงานอยู่โรงพยายาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี เป็นผู้ช่วยพยาบาลค่ะ แล้วมีคนไข้อยู่เตียงหนึ่งเป็นคุณยายแก่ๆ ป่วยด้วยโรคชรา แกไม่มีลูกมีหลานมาดูแล ไม่มีญาติที่ไหนเลย ป้าแหววก็มาดูแลคุณยายคนนี้ตลอด ทั้งเช็ดตัว ป้อนข้าว ป้อนยา ดูแลอย่างดีเลยทีเดียว คุณยายยังเคยบอกกับป้าเราอีกว่า ‘เดี๋ยวยายจะยกที่ดิน ยกเงินทองให้เอ็งหมดเลยนะ เอ็งดูแลยายดีมากเลย ลูกหลานยายไม่มีใครมาดูมาแล มีแต่เอ็งนี่แหละ..’ ป้าแหววก็ตอบยายไปว่า ‘โอ้ย หนูไม่เอาหรอกยาย หนูดูแลยายตามหน้าที่ ไม่เป็นไรหรอกจ้า ไม่ต้องยกอะไรให้หนูหรอก ยายเก็บไว้นะ’ ยายก็ยิ้มไม่พูดอะไรต่อ วันหนึ่งยายก็อาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียชีวิต ส่วนป้าแหววช่วงนั้นไม่รู้ว่ายายเสีย เพราะไปดูแลคนไข้ที่ตึกอื่นอยู่หลายสัปดาห์ จนวันหนึ่งเลิกงานกลับมาบ้าน ด้วยความเหนื่อยล้า ป้าแหววก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย.. ถึงตรงนี้ปู่เราเป็นคนเล่าต่อให้ฟังว่า ย่าเห็นป้าแหววแปลกๆ ไป นั่งอยู่ใต้ต้นไผ่คนเดียวไม่พูดไม่จากับใคร ปู่กลับจากทำงานก็เดินไปดูป้าแหวว เรียกป้าก็เอาแต่หลบหน้าไม่พูดด้วย ปู่เลยถามว่า ‘นี่ใครเนี่ย? ใช่ไอ้แหววลูกพ่อไหม!?’ แต่ป้าก็ไม่ตอบ ปู่ถามเท่าไหร่ก็ไม่พูด จนปู่หมดความอดทน โวยวายขึ้นมา ‘มึงเป็นใครมาจากไหน ออกไปเลยนะ! ออกไปจากตัวลูกกูซะ!!’ ปู่เราเป็นคนมีของอยู่บ้าง ก็เลยรู้ว่ามีใครอยู่ในร่างป้าแหววแน่ๆ แต่หลังจากนั้นเรื่องราวก็ยังไม่จบ เพราะทุกคนในบ้านต้องใช้ชีวิตอยู่กับป้าแหววที่มีใครอีกคนมาอยู่ในร่าง
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
เรื่องสยองหลังเหตุฆาตกรรม!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และเป็นข่าวหน้าหนึ่งตามหนังสือพิมพ์อยู่ระยะหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ เมื่อประมาณไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีข่าวฆ่าปาดคอครูสาวที่หอพักแห่งหนึ่ง ในจังหวัดทางภาคอีสาน คือครูคนนี้มีปัญหากับสามี เลยแยกออกมาเช่าหออยู่คนเดียว พักอยู่ชั้น 2 หอนี้ที่จริงเป็นหอพักสตรี แต่คนห้องข้างๆ จะมีแฟนแอบปีนขึ้นมานอนด้วยประจำ ในวันเกิดเหตุ คนข้างห้องกับแฟนของเค้าก็เล่นยากันเหมือนเคย แต่ไม่รู้ยังไงคืนนั้นผู้ชายเค้าปีนเข้ามาห้องของครูเพื่อที่จะลักทรัพย์ ตอนนั้นก็ดึกมากแล้ว ประมาณตี 1 ครูอาบน้ำออกมาเจอคนแปลกหน้าอยู่ในห้อง ก็ตกใจร้องโวยวายเสียงดัง ผู้ชายคนนั้นเลยรีบเข้ามาล็อคคอ แล้วก็สู้กันอยู่พักหนึ่ง คนร้ายพลั้งมือเอามีดปาดคอครู ครูดิ้นสุดแรงจนหลุดแล้ววิ่งออกมาจากห้องหาคนช่วย วิ่งไปเลือดที่คอก็พุ่งกระเซ็นติดตามพื้นผนัง เป็นคราบเลือด เป็นรอยมือของครูที่เกาะผนังลงมาหาคนช่วยเต็มผนังไปหมด โชคไม่ดีที่ห้องข้างล่างเค้าไปเที่ยวกันหมดยังไม่กลับ ครูเองก็เสียเลือดมาก ไม่มีเสียงไม่มีแรงจะร้องเรียกให้คนช่วยแล้ว สุดท้าย ประมาณตี 3 ถึงมีคนมาพบร่างครูนอนเสียชีวิตที่ตรงบันไดทางลงข้างล่าง ส่วนคนร้ายก็หนีไปก่อนหน้าแล้ว.. แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน คนร้ายก็ถูกจับกุมจนได้
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ภาพจำ!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้ฟังมาจากพี่คนหนึ่งที่ผมเคยรู้จัก ชื่อว่า พี่วิน ครับ แกทำงานเป็นช่างถ่ายรูป และได้เล่าประสบการณ์หลอนครั้งหนึ่งให้ผมฟังว่า เมื่อหลายปีก่อนพี่วินได้ไปเที่ยวที่จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ จังหวัดนี้ค่อนข้างที่จะสงบ แหล่งท่องเที่ยวมักจะเป็นดอย เป็นภูเขาเสียส่วนใหญ่ แกมักจะไปสถานที่หนึ่งเสมอ เพราะอากาศและทิวทัศน์ดีมาก หลายครั้งแกสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งดูวัยรุ่น และหน้าตาน่ารักนั่งอยู่บนอาคารสูง มองเหม่อไปยังภูเขาข้างหน้า พี่วินเลยเดินขึ้นไปชั้นบนนั้นเพราะคิดว่าวิวที่น้องเขามองคงสวยมาก แกถือกล้องขึ้นบันไดไป ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น แดดร่มลมตกแสงสวยมาก พอขึ้นไปถึงปรากฏว่าน้องผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว พี่วินสงสัยนิดนึงแต่ไม่ได้อะไรมากมาย ถ่ายรูปไปเรื่อยจนพอใจ นั่งพักแล้วเดินลงมาราวๆ 6 โมงเย็น พอลงมาข้างล่างก่อนจะเดินไปขึ้นรถกลับ แกหันไปมองชั้นบนอีกครั้ง ปรากฏว่าเจอผู้หญิงคนเดิมนั่งเอามือเท้าคาง สายตามองไปข้างหน้า แกบอกว่าแปลกใจนะเพราะทางขึ้นมันมีทางเดียว ถ้าน้องขึ้นไปก็ต้องเดินสวนกันสิ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
รถตู้เที่ยวดึก!!
ย้อนกลับไปสมัยที่ผมขับรถตู้วินเถื่อนใหม่ๆ สมัยนั้นกฏหมายยังไม่เข้มงวดเหมือนตอนนี้ ครั้งนั้นเดินทางเที่ยวดึกไปแม่สอดครับ มีผู้โดยสารเป็นนักศึกษาทั้งหมด 5 คน นั่งข้างผม 1 คน นั่งแถวหลังคนขับ 2 คน และแถวหลังสุด 2 คนเป็นแฟนกัน ส่วนแถวกลางว่างไว้ พอเดินทางไปถึงแถวหน้านิคมพรหมบุรี น้องนักศึกษาที่นั่งข้างผมก็ทักว่า ‘พี่ๆ มีคนโบกรถ จอดเลยพี่!’ ผมก็มองๆ นะ มันเป็นศาลาริมทางมืดๆ มีเงาตะคุ่มๆ ก็เลยจอด แต่พอมองเข้า มองไปรอบๆ กลับว่างเปล่าไม่มีใครเลย ผมกับนักศึกษาข้างๆ เลยมองหน้ากันแบบงงๆ แล้วในขณะที่งงกันอยู่นั้น น้องเบาะหลังก็เปิดประตูรถแล้วบอกว่า ‘เอ้าขึ้นมาเลย รออะไร?’ ผมกับน้องที่นั่งข้างๆ ก็มองหน้ากันอีก ผมเปิดไฟในห้องโดยสารแล้วหันไปถามน้องที่เปิดประตูว่า ‘น้องเรียกใครอะ พี่ไม่เห็นมีใครเลย..’ น้องเลยตอบว่า ‘เอ้า ก็เห็นเพื่อนบอกมีคนเรียก พี่จอดรถรับคนไม่ใช่เหรอคะ?’ ผมไม่ได้พูดอะไร แล้วออกรถต่อ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2562
ย้ายร่าง!!
เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยผมเรียนอยู่ ม.5 ที่จังหวัดขอนแก่นครับ ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ ที่หน้าบ้านของผมเฉียงๆ ออกไปทางซ้ายมือจะเป็นบ้านของลุงคนหนึ่ง แกเป็นอาจารย์สักยันต์ มีลูกศิษย์มาสักกับแกเรื่อยๆ ล่ะครับ แต่จู่ๆ แกก็ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาต แบบขยับไม่ได้ พูดคุยได้อย่างเดียว เวลานอนลูกชายแกก็จะคอยพลิกตัวให้ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง อยู่มาวันหนึ่ง ตกดึกคืนนั้นผมรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา เวลาราวๆ เกือบเที่ยงคืนได้ครับ ผมก็ลุกออกมาฉี่ข้างกำแพงบ้านผมนั่นล่ะ เพราะผมไม่ค่อยเข้าไปฉี่ในห้องน้ำตอนกลางคืน ทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เลยติดมาจนชินเป็นนิสัย พอผมฉี่เสร็จกำลังจะเข้าบ้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นหลังบ้านของลุงที่ป่วย หลังบ้านแกจะอยู่เยื้องๆ กับหน้าบ้านผม หน้าบ้านลุงแกจะติดถนนในหมู่บ้าน ระยะห่างจากบ้านผมกับบ้านแกก็ห่างพอสมควร ผมเห็นลุงแกทำอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียว ผมเลยสงสัย และเดินเข้าไปถามดูด้วยความที่สนิทกัน
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
รักครั้งแรก!!
สมัยที่ยังเป็นสาวน้อย เราเป็นคนขี้อายมากค่ะ มากๆๆๆๆ เวลามีใครมาแซวมาจีบจะวิ่งหนี คือแถวบ้านเราจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ร้านหนึ่งที่เราจะต้องผ่านทุกวันตอนไปโรงเรียน ร้านนี้จะมีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อ พี่แจ๊ค ค่ะ ขาว ตี๋ สูง ตรงสเปคสาวๆ หลายคน พี่แจ๊คจะมาช่วยงานที่ร้านตลอด เวลาเราเดินผ่านทางนี้จะเห็นเค้ายืนลวกก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าร้านประจำ เราเองยอมรับว่าชอบแอบมองพี่เค้าตลอด วันไหนที่ไม่เห็นก็อดชะเง้อเข้าไปมองในร้านไม่ได้ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่ามันคือความรักไหม เพราะไม่เคยแสดงออกว่าแอบชอบเค้า วันไหนเดินผ่านแล้วเค้ามองมา ใจมันเต้นแรง หน้าร้อนผ่าววูบวาบ เขินมากค่ะ นั่นเป็นครั้งแรกที่แอบชอบใครแบบนี้ เล่าไปก็เขินไป.. จนมาวันหนึ่ง เราขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านร้านพี่แจ๊คช่วงค่ำๆ เห็นพี่เค้ายืนจัดของอยู่หน้าร้านและหันมาส่งยิ้มให้ แต่ความรู้สึกมันต่างไปจากทุกวัน เรารู้สึกว่าหน้าเค้าเศร้าจัง เศร้ามากๆ ก่อนหน้านี้ร้านเค้าก็ปิดไป 3 วันติด ก็เลยคิดว่าเค้าคงจะมาเตรียมของสำหรับเปิดร้านในวันรุ่งขึ้น เราเลยตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะชวนเพื่อนมากินก๋วยเตี๋ยวร้านพี่เค้าสักหน่อย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ห้องน้ำที่ปิดไว้!!
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเองครับ เมื่อตอนเรียนอยู่ ปวช.ปี 3 ช่วงนั้นผมทำงานพิเศษเยอะมาก ทั้งเวลาหลังเลิกเรียน ไปจนถึงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นเป็นวันเสาร์ซึ่งผมไปทำงานพิเศษที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ผมมีหน้าที่เป็นนักศึกษาคอยช่วยอาจารย์สอนนักศึกษา กศน. คอยยกเครื่องเสียงลำโพง โปรเจ็คเตอร์ไปตามห้องต่างๆ ตามที่อาจารย์จะสั่ง วันนั้นมีนักศึกษามาทำงานพิเศษแค่ 3 คน (ปกติจะมีครั้งละ 6-7 คน) ผมก็ไม่ได้อะไร อาจารย์มาสั่งตอน 10 โมง ว่าให้ยกโปรเจ็คเตอร์ขึ้นไปชั้น 5 ผมกับเพื่อนอีกคนเลยยกขึ้นไป ตอนนั้นยังไม่มีนักเรียนมาเลยสักคน เปิดประตูห้องเข้าไปวางโปรเจ็คเตอร์ไว้ แล้วเดินไปเปิดหน้าต่างทีละบาน สายตามองไปเป็นปล่องเมรุของวัดที่อยู่ใกล้ๆ เห็นเหมือนมีใบหน้าของผู้หญิงครึ่งเสี้ยวโผล่มาจากปล่องนั้น ผมคิดว่าคงตาฝาด เลยขยี้ตาแล้วมองดูใหม่ หายไปแล้วครับ.. ผมหันมาเห็นเพื่อนกำลังเอาซาวด์เบ๊าท์เสียบหูนั่งฟังเพลงอยู่ แต่ท้องเจ้ากรรมผมดันมาปวดถ่ายหนัก เลยบอกมันว่า ‘เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ จะรอหรือลงไปก่อนก็ได้..’
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ล่องแพเมืองกาญฯ!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พี่ที่ทำงานเล่าให้ฟังค่ะ เราเพิ่งเคยส่งมาเล่า ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้นะคะ พี่คนที่เล่าให้เราฟังชื่อ พี่เบิร์ด เป็นผู้ชาย พี่เค้าไปเที่ยวแพกาญกับเพื่อนๆ ไปกันเยอะเพราะมีรับน้องกันที่นั่น ลักษณะเป็นแพบ้าน 2 หลังติดกัน จะมีบ้านตรงกลาง ขวามือเป็นส่วนครัว ซ้ายมือเป็นชานโล่ง มีพื้นที่ลงเล่นน้ำได้ และเชื่อมติดกับแพหลังที่ 2 กลุ่มที่รับน้องก็ทำกิจกรรมกันอยู่ที่แพหลังที่ 2 ส่วนแพของพี่เบิร์ดจะมีแต่พวกผู้หญิงที่ทำครัว กับผู้ชาย 2-3 คน รวมถึงพี่เบิร์ด ที่ติดสอยไปเที่ยวด้วย ไม่ได้ร่วมกิจกรรมรับน้อง เพราะพี่ๆ เค้ารู้จักกับ พี่ตั๊ก ซึ่งเป็นพี่ว๊ากหัวโจกในการรับน้อง คืนนั้นพี่เบิร์ดก็นั่งกินเหล้าโต้รุ่งกับเพื่อนๆ เค้า สักพักกำลังจะลุกไปฉี่ ก็หันไปเห็นเงาอยู่ฝั่งตรงข้ามแพ ซึ่งเป็นป่าหญ้ารก (ต้องบอกก่อนว่าแพจะเป็นแพล่องอยู่บนน้ำ แต่ผูกไว้ไม่ได้ไหลไปกับน้ำ) พี่เบิร์ดก็คิดในใจว่า ‘เหมือนคนเลยว่ะ..’ ลักษณะของเงาที่เห็นเหมือนคนยืนอยู่ไกลๆ แต่ก็ไม่ได้เอะใจ คิดว่าคงตาฝาด ดูนาฬิกาก็ดึกแล้ว เกือบๆ ตี 3 ละ สักพักเพื่อนอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็มองไปทางที่พี่เบิร์ดมองอยู่ แล้วพูดขึ้นมาว่า ‘เฮ้ย! เหมือนมีคนยืนอยู่ตรงนั้นเลยว่ะมึง..ดูดิ’ พี่เบิร์ดก็พยีกหน้ารับ แล้วสักพักก็ได้ยินเสียงพี่ตั๊กที่อยู่อีกแพหนึ่ง ตะโกนออกไมค์ขึ้นมาเสียงดังว่า
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ซิสเตอร์ที่โบสถ์!!
เราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์สยองขวัญในคืนวันเกิดของตัวเอง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ เมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้ว ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เป็นวันเกิดอายุครบ 19 ปีของเรา คือหลังจากที่เรียนจบ ม.6 ที่ไทย เราก็ไปต่อที่อเมริกาในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่ไฟแรง เราเลยอ่านหนังสือที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย บางทีก็นอนมันตรงนั้นเลย (ห้องสมุดเปิด 24 ชั่วโมง) แต่ในคืนวันเกิดเรา ที่บ้านโทรตามให้กลับไปฉลองกัน เราเลยกลับบ้านเร็วกว่าปกติ มองดูนาฬิกาตอนนั้นก็ 3 ทุ่มเกือบๆ 4 ทุ่ม ยังไม่ดึกมาก ด้วยความที่อยากกลับถึงบ้านเร็วๆ เราเลยเดินลัดไปที่โบสถ์เพราะจะได้ไม่ต้องเดินอ้อม และเราเพิ่งเคยกลับทางนี้เป็นครั้งแรกด้วยค่ะ เราเดินไปเรื่อยๆ จนเดินมาถึงภายในโบสถ์ ก็ได้ยินเสียงระฆังจากหอนาฬิกาดังขึ้นบอกเวลา 4 ทุ่ม เราก็เดินไปอย่างชิลๆ เพราะรอบๆ เปิดไฟสว่างไว้ตลอด
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2562
อพาร์ตเม้นต์ย่านอโศก!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราอยู่ในเหตุการณ์ในสถานที่นั้น แต่เราไม่ได้เห็นอะไร เป็นคนอื่นเห็นค่ะ คือเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เราไปอยู่กับน้าที่เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์แห่งหนึ่งแถวอโศก เป็นตึกใหม่เพิ่งเปิดได้เพียง 6 เดือนเอง ให้เช่าแบบรายวัน กับรายเดือน ห้องของน้าเราจะอยู่ชั้น 6 ค่ะ ทุกๆ วันหลังเลิกเรียน ประมาณ 5-6 โมงเย็น เราจะพาลูกชายของน้าอายุ 2 ขวบครึ่ง ไปเล่นที่ชั้นดาดฟ้า ซึ่งมันจะเป็นสวนหย่อมและสระว่ายน้ำ วันนั้น 5 โมงเย็น เรากับน้องก็เดินไปที่ลิฟท์จะขึ้นไปข้างบนตามปกติ ลิฟท์จะมีอยู่ 2 ตัว ตัวแรกอยู่ติดโถงทางเดิน ตัวที่ 2 อยู่ถัดไป หน้าลิฟท์จะเป็นบันได ถ้าเดินลงบันไดมาจากข้างบนจะต้องเดินผ่านลิฟท์ตัวที่ 2 มา พอเราเดินไปถึง น้องก็ทำลูกบอลหล่นกลิ้งลงไปชั้น 5 เราก็พาน้องลงไปเก็บ ทีนี้พอลงไปถึงชั้น 5 กำลังจะเดินอ้อมผ่านลิฟท์ตัวที่ 2 มาตัวที่ 1 อยู่ๆ น้องเราก็หยุดเดินแล้วดึงมือเราไว้ เราก็เลยจะปล่อยมือ คิดว่าน้องคงจะรอตรงนี้ แต่น้องก็ไม่ยอมให้ปล่อยมือ เอาอีกมือกอดขาเราไว้แล้วร้อง ‘พี่แนทๆ ผีหลอกๆๆๆ’ แล้วก็มองไปที่ลูกบอล พร้อมกับเหลือบตามองสูงขึ้น แล้วหลับตาปี๋ เราก็งง เลยอุ้มน้องแล้วเดินไปหยิบลูกบอล น้องก็ยิ่งร้องใหญ่ เรายื่นลูกบอลให้ก็ไม่ยอมจับ เอาแต่ร้องไห้ซบหน้าที่บ่าเรา เราก็งงนะ บวกรำคาญ เลยพูดเสียงดังใส่น้องว่า ‘ผีที่ไหนไม่มีหรอก! นี่ยังสว่างอยู่เลย..’ แล้วตอนนั้นเองเราก็ได้กลิ่นเหม็นโชยมากับลมเย็นๆ แต่เราก็คิดว่าคงมีคนแอบเอาหมาหรือแมวมาเลี้ยง เลยไม่ได้คิดอะไร.. จนกลับไปที่ห้องก็เล่าให้น้าเราฟังนะ น้าก็ว่าเปิดหนังผีให้น้องดูล่ะสิ ไม่งั้นน้องจะรู้ได้ยังไง?
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
คนในฝัน!!
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
น้ำล้างเท้าแม่!!
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผม และพี่ๆ ที่ไปต่างจังหวัดด้วยกันครับ ย้อนกลับไปเมื่อตอนผมเรียนอยู่ ปวช. ปี 2 ผมได้ไปฝึกงานที่สาธารณสุขอำเภอเมือง และได้มีโอกาสไปช่วยอาสาที่มูลนิธิ ซึ่งต่อมาวันหนึ่ง พี่เต่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาบอกกับผมตอนพักกินข้าวว่า สาธารณสุขจะจัดอบรมนอกสถานที่ 5 วัน มีลงพื้นที่ด้วย สนใจไปด้วยไหม? ผมเลยถามพี่เขาว่าไปที่ไหนครับ? พี่เต่าบอกว่าไปสุรินทร์น่ะ ค่าใช้จ่ายออกให้นะ ผมเห็นว่าน่าสนใจเลยบอกพี่เต่าว่าจะไปด้วย วันออกเดินทางมีไปด้วยกันทั้งหมด 8 คน ไปถึงที่สุรินทร์ก็เกือบบ่ายคล้อยมากแล้ว ที่พักคือบ้านของชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งมีบริเวณกว้างใหญ่หลายหลัง เดาได้ว่าน่าจะฐานะดีพอสมควรเลย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคนต่างแยกกันไปพัก โดยมีผม พี่เต่า พี่นนท์ และพี่เจต อยู่บ้านหลังหนึ่ง พี่พลอย พี่กันต์ พี่วิ และพี่อ้อ อยู่อีกหลังหนึ่ง หลังจากเก็บของกันเรียบร้อยแล้ว ก็พากันออกมากินข้าว พี่เจ้าของบ้านบอกยินดีต้อนรับทุกคน ที่นี่ห่างไกลจากในเมืองสักหน่อย แถมเป็นอีสานใต้ยังไงพวกคุณก็ระวังหน่อยแล้วกัน.. แกเกริ่นมาเสียพวกเราหวั่นใจ พี่เต่าเลยถามว่า ‘อีสานใต้มีอะไรเหรอครับ ทำไมพวกผมต้องระวังตัวด้วย?’ แกยิ้มและบอกว่า ‘ที่นี่มีคนเล่นของ คาถาอาคมสายดำเยอะน่ะ ไปเจอะเจออะไรก็อย่าทัก อย่าขานรับถ้ามีเสียงแปลกๆ เรียก เผื่อบางทีคนลองวิชาปล่อยมา ของมันจะเข้าตัว!’ พี่เต่าก็พยักหน้า หันไปมองหน้าพี่นนท์ และพี่เจต ประมาณว่าไม่เชื่อที่แกพูดหรอก แล้วพวกเราก็พากันกลับเข้าไปนอน
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
กอด!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องประจำคณะของเราค่ะ สมัยตอนอยู่ปี 1 เรื่องนี้ดังมาก (ขออนุญาตไม่บอกชื่อมหาวิทยาลัยนะคะ) ทุกครั้งที่มีการรับน้องในคณะ พวกรุ่นพี่จะชอบเล่าเรื่องนี้ให้ฟังตลอด เรื่องมีอยู่ว่า.. เคยมีคู่รักนักศึกษาอยู่คู่หนึ่ง เป็นเด็กปี 2 อยู่หอเดียวกัน ทั้งคู่กินอยู่กลมเกลียวกันดี ฝ่ายหญิงอยู่ในคณะเรานี่เองค่ะ ส่วนฝ่ายชายอยู่อีกคณะที่ตึกติดกัน วันหนึ่งฝ่ายหญิงต้องไปทำโปรเจคบ้านเพื่อนถึงตี 2 กว่าๆ พอตอนกลับ ระหว่างที่เธอขี่มอเตอร์ไซค์ก็ได้โทรคุยกับฝ่ายชาย โดยมีการตกลงแบบคู่รักน่ารักๆ ว่า ‘เหนื่อยจัง..ถ้าถึงห้องแล้วขอกอดหน่อยนะ’ เธอขี่รถต่อไปได้อีกสักพัก ก็ต้องผ่านวงเหล้าที่นั่งกินกันข้างถนน เป็นพวกนักเลงขี้ยาที่กำลังเมาได้ที่ พอเห็นสาวสวยผ่านมาก็เลยเข้าไปหยอกล้อกันใหญ่ ฝ่ายหญิงเห็นท่าไม่ดีเลยจะเบี่ยงรถหนี แต่กลับไปชนลูกน้องคนหนึ่งในแก๊งเข้า คนในแก๊งเลยรุมกระทืบเธอ และเอามีดแทงท้อง กระซวกจนตายสนิท..
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
กุนตีลานัก!!
‘กุนตีลานัก’ ซึ่งเป็นผีสุดเฮี้ยนระดับตำนานตามความเชื่อของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเกิดจากสาวสวยที่ตายระหว่างตั้งครรภ์ กุนตีลานักมักจะอาศัยอยู่ในต้นกล้วยเหมือนกับผีตานีของบ้านเรา ใส่ชุดคลุมยาวสีขาว ผมยาวปิดหน้า ผิวสีขาวซีด เมื่อใดที่มีเสียงร้องไห้เบาๆ หรือเสียงสุนัขครางหงิงๆ แสดงว่าผีกุนตีลานักเริ่มเข้ามาอยู่ใกล้ๆ คุณแล้ว และถ้าหากได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้เสียงดัง หรือสุนัขหอนโดยไม่มีสาเหตุ หมายถึงผีกุนตีลานักได้เข้ามาในอาณาเขตบ้านของคุณแล้ว! สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือ ผีกุนตีลานักนั้นชื่นชอบการควักลำไส้เป็นที่สุด ด้วยความที่เธอมีเล็บยาวแหลมคม ถ้าใครโชคร้ายบังเอิญไปสบตากับผีรายนี้ ก็จะโดนควักลูกตาออกไปกิน แถมยังโดนดูดสมองออกไปด้วย ยิ่งถ้าเหยื่อเป็นผู้ชาย จะแถมด้วยการทำร้ายอวัยวะเพศอย่างโหดร้ายเข้าไปอีก.. บางความเชื่อเล่าว่า กุนตีลานักจะเลือกเหยื่อของเธอจากกลิ่นเสื้อผ้าที่ตากเอาไว้ ชาวอินโดนีเซียจึงมักจะไม่ยอมตากเสื้อเอาไว้นอกบ้านในเวลากลางคืนอย่างเด็ดขาด โดยปกติผีตัวนี้มักจะชอบยืนรอเหยื่อให้เข้ามาติดกับเองมากกว่า แต่เนื่องจากกุนตีลานักมักอาศัยอยู่ในต้นกล้วย วิธีกำจัดวิญญาณก็คือโค่นต้นกล้วยที่น่าสงสัยทิ้ง ซึ่งต้นกล้วยที่มีกุนตีลานักอาศัยนั้น จะมีอาการแคระแกร็น ไม่ออกดอกออกผลอย่างที่ควร การทำลายต้นกล้วยที่ถูกสิง ก็จะเหมือนกับการทำลายวิญญาณของกุนตีลานักไปด้วย ซึ่งนั่นคือวิธีการที่ชาวบ้านเชื่อว่าจะไม่ถูกเธอคอยตามหลอกหลอนสั่นประสาทอีกตลอดไป..
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2562
เตียงบริจาค!!
ครั้งหนึ่งในอดีต ถึงเวลาที่แม่ของเราต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ด้วยเพราะอายุที่เข้าวัยชรา พอเห็นแม่แอบย่องเข้าห้องน้ำกลางดึกคนเดียว แล้วก็เกิดอุบัติเหตุหกล้มบ่อยๆ เราจึงตัดสินใจโทรไปที่มูลนิธิโรงพยายาลรัฐแห่งหนึ่ง เพื่อขอรับบริจาคหากมีเตียงคนไข้สักเตียง จะเอามาให้แม่นอน ยกไม้กั้นเตียงไว้แม่จะได้แอบลงมาเองไม่ได้อีก เราเองก็จะได้นอนหลับสนิทสักที คือเราคิดแค่นี้เองจริงๆ เราตัดสินใจปุบปับในเช้าวันนั้น แล้วโทรไปในเวลา 9 โมง ทางมูลนิธิแจ้งว่ายังไม่มีใครบริจาคเตียง ต่อมาราวๆ 11 โมง ทางมูลนิธิก็โทรมาแจ้งว่ามีคนบริจาคเตียงมาเมื่อสักครู่ เราจะรับไหม? เราเลยถามความเป็นมา ทราบว่าผู้บริจาคเป็นลูกสาวของคนไข้เจ้าของเตียง ตัวคนไข้คือคุณแม่ของเขาที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสักพักนี้เอง หลังจากเคลื่อนศพไปวัดแล้ว ผู้บริจาคจึงยกเตียงให้โรงพยาบาล เตียงยังใหม่มาก เราก็เลยตกลง.. เมื่อเตียงมาถึง มาพร้อมที่นอนและผ้าปูสีขาวเหมือนในโรงพยาบาล เราทำความสะอาดแล้วพาแม่ขึ้นเตียง ยกไม้กั้นเตียงขึ้น ความรู้สึกคือเหมือนเราชนะแล้ว ในที่สุดเราก็ขังแม่ไว้ได้ เราเห็นสายตาแม่ที่มองมา เอามือเล็กๆ นั้นจับไม้กั้นเตียงไว้ เราไม่รู้ว่าแม่คิดอะไร แต่มาวันนี้ เรารู้เพียงว่า เราคิดผิด เราไม่ควรนำมันเข้ามาเลย ถ้ารู้ว่าแม่จะต้องเจอกับอะไร เราจะไม่มีวันทำอย่างนี้เลย..
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ผีไหว้ศาล!!
คุณบูมเล่าว่า.. ตัวผมเองเป็นเด็กต่างจังหวัด ได้มีโอกาสไปเรียนต่างประเทศ พอช่วงปิดเทอมก็กลับมาที่ไทย ไปหาเพื่อนตามประสาวัยรุ่น เรื่องนี้เกิดขึ้นสัก 3 ปีได้แล้ว คือมีรุ่นพี่ของผมอยู่คนหนึ่งที่สนิทกันมาก เขาพาผมไปคอนโดของเพื่อนเขาอีกที เป็นคอนโดหรู ห้องอยู่ชั้นที่ 10 ต้นๆ นี่ล่ะครับ แล้ววันนั้นเจ้าของห้องเขาจะกลับบ้านพอดี เลยฝากห้องไว้กับเราสองคน ในห้องจะมีระเบียงยื่นออกมา ห้องนี้อยู่โซนด้านหลังของคอนโด ออกมานอกระเบียงมองลงไปก็จะเห็นบ้านคนอยู่ด้านล่าง พอตกดึกราวตี 1 กว่าๆ ผมกับรุ่นพี่ก็ออกมาสูบบุหรี่กันที่ระเบียงนี้ ผมมองลงไปด้านล่างเห็นมีศาลพระภูมิอยู่ และมีคนนั่งไหว้ศาลอยู่ ผมก็คิดในใจ ‘คนเหี้ยอะไรมาไหว้ศาลตอนดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนี้..’ พอคิดในใจเสร็จปุ๊บ ไม่ถึงพริบตา เขาคนนั้นก็ยืนขึ้น เงยหน้ามองมาที่ผม แล้วชี้หน้า ผมตกใจสะกิดรุ่นพี่ว่า ‘เห้ยๆ นั่นเห็นไหม คนที่ยืนหน้าศาลพระภูมิอ่ะ?’ รุ่นพี่บอกไม่เห็นมีอะไรเลย.. ผมเลยเปิดกล้องโทรศัพท์ แล้วซูมกล้อง เห็นเป็นแบบผู้หญิงใส่ชุดไทยเลย กำลังทำท่ารำ แบบเอาขาทั้ง 2 ข้างห่างจากกันแล้วย่อเข่า ส่วนแขนทั้ง 2 ข้างทำเหมือนจีบ แล้วกางออก รุ่นพี่บอกว่าเห็นๆ เห็นในกล้องโทรศัพท์ แต่มองตาเปล่ากลับไม่เห็น! ผมเลยกดถ่ายรูปดู ปรากฏว่ารูปออกมากลับไม่มีคนคนนี้! เท่านั้นล่ะผมรีบเข้าห้องมานั่งสวดมนต์เลย รุ่นพี่เขาก็ปลอบว่าไม่มีอะไรหรอกมั้ง แต่ผมอยู่ไม่ได้แล้วครับ เลยขอตัวขึ้นแท็คซี่กลับบ้านย่านอนเลย.. พอตอนเช้ามา ผมก็กลับไปที่คอนโดอีก ไปมองดูที่เดิมก็เห็นศาลนะ แต่ผมก็ไม่ได้ไปขอขมาอะไร และก็ไม่ได้ถามอะไรคนแถวนั้น จนถึงทุกวันนี้ นึกถึงทีไรก็ยังขนลุกทุกที
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
จอดทับที่!!
คุณมินเล่าว่า.. เราอยู่อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ดค่ะ วันนั้นเรามีนัดทำรายงานกับเพื่อนหลังเลิกเรียน เลยต้องไปค้างบ้านเพื่อนค่ะ แต่หลังเลิกเรียนเราต้องกลับบ้านไปช่วยที่บ้านทำอะไรให้เสร็จก่อน กว่าจะได้ออกเดินทางไปบ้านเพื่อนก็ 2 ทุ่มกว่าแล้ว ซึ่งต่างจังหวัด 2 ทุ่มคือเงียบมาก ยิ่งเราไม่ได้อยู่ในตัวเมือง อยู่ต่างอำเภอ แล้วบ้านเพื่อนเราก็เป็นหมู่บ้านที่อยู่นอกอำเภอไปอีก คือเงียบกริบ และมืดสนิทเลยค่ะ เราขี่รถมอเตอร์ไซค์ไป พอใกล้ถึงหน้าหมู่บ้านเพื่อนก็ดันกลัว เพราะไม่มีไฟข้างทางเลย เราเลยตัดสินใจจอดรถ แล้วโทรให้เพื่อนออกมารับที่หน้าหมู่บ้าน เพื่อนก็ออกมารับพาเข้าบ้านตามปกติไม่มีอะไร.. พอทำงานเรียบร้อยก็มานั่งคุยกันที่ครัว โดยเรานั่งหันหลังให้หน้าต่างหันหน้าเข้าหาเพื่อน ซึ่งแปลว่าเพื่อนเราจะมองเห็นข้างนอก ระหว่างที่คุย สายตาเพื่อนเรามันมองเลยหลังเราไปตลอดเหมือนมองอะไรอยู่ เพื่อนเราคนนี้มีเซ้นส์ค่ะ เพราะปู่มันเป็นหมอธรรมของหมู่บ้าน เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก็เข้านอนแล้วตื่นเช้าไปโรงเรียน
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
คนเรียกรถทัวร์!!
ปัจจุบันมีอายุ 60 กว่าแล้ว คุณมงคลเล่าว่า.. ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน ผมมีอาชีพขับรถทัวร์ทางไกล เวลาเดินทางก็มักจะเป็นเวลากลางคืน คือเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ช่วงหัวค่ำ ไปถึงที่หมายตอนเช้าอะไรแบบนั้น จากต้นทางบางครั้งก็ที่นั่งก็ไม่เต็ม แล้วพอที่นั่งไม่เต็ม ผมก็จะหารายได้เสริมด้วยการจอดรับผู้โดยสารที่โบกตามทางบ้าง ตามป้อมตำรวจบ้าง.. แล้วคืนที่เกิดเรื่องก็เป็นคืนที่ที่นั่งไม่เต็ม ว่างอยู่สัก 7-8 ที่ได้ ซึ่งก็น่าจะเป็นคืนที่ผมจะได้รายได้พิเศษ คืนนั้นก็ขับรถไป พอออกจากกรุงเทพฯ ผ่านอยุธยา จะเข้าอ่างทอง ถึงชัยนาทช่วงนั้น ก็จะมีป้อมตำรวจทางหลวง ผมก็จอดรับผู้โดยสารตามปกติ เป็นชายหญิง 2 คน เด็กรถที่รู้กันก็ไปเรียกเก็บเงิน จากนั้นผมก็ขับรถไปต่อ ไปเรื่อยๆ จนมีศาลารอรถริมทางอยู่ไกลๆ พอขับเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมา ทำท่าทีเหมือนกำลังจะโบกรถ ผมก็เปิดไฟสูงเป็นสัญญาณ ผู้หญิงคนนั้นก็โบก เป็นอันรู้กันว่าจะขึ้นรถด้วย ผมก็เลี้ยวเข้าข้างทางเพื่อรับผู้โดยสารคนนี้ พอเธอคนนี้ขึ้นรถมา แทนที่เธอจะไปนั่งตรงเบาะผู้โดยสารที่ว่าง เธอกลับไปนั่งตรงที่นั่งเด็กรถ ซึ่งอยู่ข้างหน้าสุด ตรงประตูหน้าข้างๆ กับที่นั่งคนขับ ผมเลยถามไปว่า ‘ทำไมคุณผู้หญิงไม่ไปนั่งตรงนั้นล่ะ?’ พร้อมกับชี้มือไปตรงที่นั่งผู้โดยสารที่ว่างอยู่ ผู้หญิงคนนั้นเลยบอกว่า ‘อ่อ..เดี๋ยวจากตรงนี้ไปอีกสัก 5-6 กิโล จะให้จอดรับแฟนหนูด้วย เลยกลัวว่าจะเดินมาบอกไม่ทันน่ะค่ะ..’ ผมก็เลยโอเค..ได้
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ถ้าเธอต้องเลือก!!
เรื่องราวนี้บอกเล่าจากรุ่นน้องของผมที่ชื่อว่า แจ็ค แต่เป็นเรื่องที่แฟนสาวของมันที่ชื่อว่า เอิง เล่าให้ฟังอีกที ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ตอนนั้นเอิงอายุได้ 17 ปี หลังจากเรียนจบมัธยมปลายแล้ว เธอตัดสินใจเข้ามาเรียนในตัวจังหวัด ซึ่งเอิงเลือกที่จะเรียนวิทยาลัยครู วิชาเอกนาฏศิลป์ด้วย ระยะทางจากบ้านไปวิทยาลัยราวๆ 15 กิโลเมตร ช่วงแรกก็ขึ้นรถประจำทางไป แต่หลังจากนั้นไม่นาน พ่อของเธอสงสารจึงไปออกรถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าดรีมสีขาวให้ เพื่อที่จะขี่ไปกลับ แล้วเอิงเป็นคนที่ไม่เคยกลับบ้านดึกเลย เต็มที่คือทุ่มครึ่งก็ต้องถึงบ้านแล้ว แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องน่ากลัวสำหรับเธอขึ้น
หลังจากเอิงเรียนเสร็จแล้วประมาณบ่าย 3 โมง เพื่อนๆ ได้ชวนเธอไปกินสุกี้หม้อรวมที่บ้าน ตอนแรกก็คิดจะปฏิเสธ แต่ทนเพื่อนๆ รบเร้าไม่ไหว เธอบอกว่าได้ แต่อย่าดึกนะ เดี๋ยวกลับดึกพ่อแม่จะเป็นห่วง จนเวลาล่วงเลยไป.. ดูนาฬิกาเป็นเวลา 3 ทุ่มแล้ว เพื่อนก็ชวนให้เอิงนอนค้างที่บ้านเลย แต่เอิงบอกว่าพรุ่งนี้วันเสาร์ที่บ้านจะไปวัดแต่เช้า ยังไงก็คงต้องกลับบ้าน เอิงขี่รถออกจากบ้านเพื่อนมาตามทางเรื่อยๆ อยู่ๆ ก็ปวดท้องเลยมองหาปั๊มแต่ก็ไม่มี ไปเจอป้อมตำรวจเล็กๆ และมีศูนย์อาสากู้ภัยติดกัน เธอจอดรถแล้วไปขอเข้าห้องน้ำ พอเสร็จธุระส่วนตัวแล้ว ออกมาเจอพี่กู้ภัยผู้หญิงกำลังนั่งคุยกับพี่ตำรวจตรงโต๊ะม้าหินอ่อนข้างหน้า พี่ผู้หญิงถามเธอว่าจะไปไหนดึกๆ แบบนี้? เอิงบอกจะกลับบ้านตรงนั้นๆ พี่ตำรวจเลยบอกว่า น้องมาทางไหนล่ะทุกวัน ถ้ามาทางเส้นหลักน่ะ เมื่อตอนบ่ายเขามาทำถนนใหม่นะ ไปลำบาก ต้องใช้ทางอ้อมอีกเส้นไป เอิงบอกเส้นที่มีป่าอ้อย ไร่ข้าวโพดใช่ไหม? ไม่เป็นไร เพิ่มอีก 2-3 กิโลก็ได้ค่ะ พี่กู้ภัยหญิงเลยบอกว่านี่ดึกมากแล้วนะ ให้พวกพี่ขับรถไปด้วยไหม? เอิงบอกไม่ต้องก็ได้ค่ะ แล้วเธอก็ขี่รถออกไป
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562
ชายที่มาอยู่ด้วย!!
ส่วนตัวเป็นคนค่อนข้างมีเซนส์ มักจะเจอเรื่องแบบนี้บ่อยค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจอมากับตัวสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเราเช่าหออยู่กับเพื่อนที่เรียนคนละคณะกัน เป็นหอเพิ่งเปิดใหม่ย่านรัชดา เราพักอยู่ชั้น 3 ห้องอยู่ริมสุดของตึก และเป็นฝั่งที่มีศาลพระภูมิตั้งอยู่ หอเราจะอยู่ค่อนข้างลึก ข้างๆ เป็นบ้านคนหลังเดียว นอกนั้นเป็นพื้นที่รกร้างค่ะ หลังจากที่เราย้ายเข้าไปก็ไม่มีอะไร จนผ่านไปประมาณ 1 เดือน วันนั้นเรากลับห้องเร็ว ส่วนเพื่อนยังอยู่ที่มหาวิทยาลัย เราเลยเอาหนังสือไปนั่งอ่านที่ระเบียง เพราะลมมันเย็น เราอ่านเสร็จประมาณ 5 โมงเย็น ก็จะลุกกลับเข้าห้อง ตอนเลื่อนประตูกระจก เราเห็นเงาสะท้อนเป็นผู้ชายเดินผ่านวูบไปทั้งๆ ที่เราอยู่ห้องคนเดียว ประตูหน้าห้องก็ปิดอยู่ และฝั่งด้านหลังก็ไม่มีตึกที่สูงพอจะสะท้อนเงาคนได้เลย.. เราก็ได้แต่คิดในแง่ดีว่าคงจะอ่านหนังสือจนตาฝาดไปเอง แต่เราก็ไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟัง
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ยังห่วงใย!!
นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอสิ่งที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า ‘ผี’ เจอในบ้านของเราเองเลยค่ะ บ้านเราอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย จะเป็น 2 หลังติดกัน คือบ้านป้า กับบ้านเรา บ้านป้าจะอยู่ด้านหน้า ถ้าจะมาบ้านเราต้องผ่านโซนห้องครัวเข้ามาก่อน บ้านเราเป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนแบบบ้านสมัยก่อน เราอยู่กับพี่สาว และยายค่ะ อธิบายลักษณะภายในบ้านก่อนนะคะ บ้านเราจะแบ่งโซน คือห้องนั่งเล่นที่มีเตียงนอนหน้าทีวี กับห้องนอน แต่เราไม่ชอบนอนในห้องนอน เลยมักจะนอนหน้าทีวีเลย ส่วนข้างทีวีเป็นโต๊ะรีดผ้าค่ะ.. พี่สาวเราเจอก่อน คือพี่สาวเราจะมีหน้าที่ล้างจาน แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงปรับปรุงบ้าน ตู้ไม้โบราณที่ใส่เถ้ากระดูกของทวดถูกย้ายไปอยู่ใต้ถุนบ้าน ใกล้ๆ ห้องครัวกับที่ล้างจาน (ตอนนั้นเรากับพี่ยังไม่รู้ว่าในตู้มีเถ้ากระดูกทวดอยู่) แล้วขณะที่พี่กำลังล้างจานอยู่ จู่ๆ นางก็วิ่งขึ้นบ้านมาเลย โดยที่มือยังมีฟองน้ำยาล้างจาน พอเราถามนางก็บอกว่า ‘เมื่อกี้เห็นคนแก่ใส่ชุดขาวเดินจากตู้ไม้ไปทางห้องน้ำ..’ ตอนแรกเราก็ขำใส่ บอกว่าตาฝาดหรือเปล่า? แต่นางบอกว่า ‘ทีแรกก็คิดแบบนั้น แต่คือเห็นหลายรอบมาก เดินไปเดินมาอยู่นั่นล่ะ เห็นจากหางตานะ แต่พอหันไปก็ไม่เจอใครเลย แถมบ้านป้าก็ปิดบ้านหลับกันหมดแล้ว’ แต่เราก็ยังไม่เชื่อ ยายเลยบอกว่า ‘คงเป็นทวดล่ะมั้ง เพราะเถ้ากระดูกทวดอยู่ตรงตู้นั้น..’
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ขาใคร?!!
เรื่องนี้ส่งมาจากคุณพี (นามสมมติ) ครับ คุณพีเล่าว่า.. เมื่อสัก 10 ปีก่อน ผมเข้าเรียนปี 1 ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านรามคำแหงครับ ด้วยการเดินทางที่ไกล ทำให้ผมเลือกที่จะเช่าหอพักอยู่ ก็ไปได้หอพักแห่งหนึ่งในซอยค่อนข้างลึก ตอนนั้นยังไม่มีเพื่อน ผมเลยอยู่คนเดียว ห้องผมจะอยู่ชั้น 3 ห้องสุดท้ายในสุด คืนแรกที่ผมย้ายของเข้ามาก็อาบน้ำ และเข้านอนไวหน่อย เพราะเหนื่อยมาก.. หลับไปนานเท่าไหร่ผมจำไม่ได้ แต่จำได้ว่าผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ เหมือนฝักบัวเปิดดัง ‘ซู่~’ แล้วหยุดไป.. ครั้งแรกผมก็ยังไม่ได้สนใจ นอนต่อ แต่แล้วมันก็ดังอีกครั้งครับ ‘ซู่~’ คราวนี้ค้างนานเลย แล้วก็หยุดไป ผมลุกขึ้นมานั่งละครับ กะว่าถ้าดังอีกจะลุกไปดูเลย สักไม่เกิน 3 นาที ‘ซู่~’ มาอีกครับ ผมเลยลุกไปดูว่ามันเสียหรือเป็นอะไรหรือเปล่า? แต่พอเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู เงียบสนิทครับ ไม่มีแม้แต่น้ำสักหยดเดียวที่ฝักบัว แถมพื้นห้องน้ำก็เกือบจะแห้งแล้ว จากที่ผมอาบน้ำไปเมื่อหัวค่ำ ถ้าน้ำมันไหลจริง พื้นต้องเปียกสิครับ ..ผมกลับไปนอนต่อพร้อมกับเก็บความสงสัยนี้ไว้
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
นางในหอพัก!!
เหตุเกิดในคืนหนึ่ง ตุ๊ดนี่ก็มานอนตามปกติ ขออธิบายภาพห้องเราก่อน เปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องน้ำอยู่ขวามือ ตู้เสื้อผ้าอยู่ซ้ายมือ เตียงนอนวางติดกับห้องน้ำ เราจะนอนหันหัวมาทางเดิน และ เอาเท้าชี้ไปที่ผนังห้อง.. ในระหว่างที่หลับกันนั้น อยู่ๆ เพื่อนตุ๊ดก็ลุกเดินออกไปจากห้องโดยไม่บอกห่าเหวอะไรอีคนที่นอนอยู่ด้วยเลย เราก็แบบเข้าใจว่านางจะไปนอนห้องผู้ละมั้ง เลยไม่ได้สนใจอะไร ก็หลับต่อ.. หลังจากนอนต่อได้สักพักนึง เราก็รู้สึกถึงนิ้วมือ และเล็บยาวๆ ยาวมากๆ มาลูบๆ ตรงข้อเท้าแล้วดึงเบาๆ นี่ก็เดาเบาๆ ว่าคงจะผ้าห่มตัวเองพันขา เลยกระตุกเท้าแล้วนอนต่อ
หลับไปอีกสัก 10 นาทีได้ ทีนี้มาอีกรอบ แต่คราวนี้ เหมือนเอาเล็บลากที่ข้อเท้าเราแรงกว่าเดิม และดึงขาแรงกว่าเดิม จนแบบ เอาล่ะ ไม่ใช่ผ้าห่มละ งานนี้ผีแน่นอน! เลยลืมตาผงกหัวมาดู เจอจริงๆ เห็นเป็นมือมือนึง เหมือนมือของนางรำที่เขาใส่ฟ้อนเล็บ (เรียกว่าอะไรไม่รู้) แต่เห็นแค่มือ ว่ามันหายเข้าไปในกำแพงฝั่งห้องข้างๆ! นี่ก็เลยลุกมานั่งแล้วเริ่มด่าผีตามสไตล์ ‘อยู่ห้องนั้นยังจะระรานอีก จะเอาอะไรก็ไปบอกห้องนั้นสิ คนจะนอน ถ้ามาอีกนะ จะแช่งให้ไม่ได้เกิด!’ หลังจากนั้นก็นอนต่ออย่างสงบ ไม่มีการรบกวนใดๆ จากนางอีก.. พอเช้า เพื่อนตุ๊ดก็โทรมา บอกว่าเมื่อคืนอะ นางโดนดึงขา แล้วก็เอาเล็บจิกแรงมากกกก จนข้อเท้ามีรอยแดงๆ แต่นางไม่กล้าบอก เลยรีบลุกกลับไปหอตัวเอง..
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ประมูลรถมือสอง!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่ศักดิ์เจ้าของเต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่งย่านพระราม 2 ครับ พี่ศักดิ์แกเป็นคนชอบตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อไปหารถเข้ามาไว้ในเต็นท์รถของตัวเอง บางครั้งก็จะไปงานประมูลรถ วันหนึ่งพี่ศักดิ์ไปงานประมูลรถ และไปเจอรถเก๋ง 4 ประตูคันหนึ่ง เห็นแวบแรกคือรถคันนี้ใหม่มาก สีก็ใหม่ ล้อก็ใหม่ ข้างในใหม่ ทุกอย่างใหม่หมดเลย ทั้งที่อายุการใช้งานก็ 10 กว่าปีแล้ว ก็เลยประมูลแล้วได้รถคันนี้มาในราคาไม่แพง แกดีใจมาก เพราะทุกครั้งที่ไปประมูลรถมาก็จะได้รถที่ไม่ค่อย 100% ต้องเอากลับมาซ่อมมาแต่ง จากนั้นแกก็ขับรถคันนี้กลับมาไว้ที่เต็นท์รถของตัวเอง ที่เต็นท์รถ พี่ศักดิ์จะมีลูกน้องคนหนึ่งชื่อว่า ปัญญา ซึ่งจะคอยเฝ้ารถ ดูแลความเรียบร้อยให้ทั้งกลางวันกลางคืน สิ่งที่แปลกสำหรับรถคันนี้ก็คือ เวลามีลูกค้ามาดู จะบอกว่ารถสวยจังเลย ใหม่มาก แต่พอไขกุญแจเปิดให้ดูข้างใน ทุกคนจะมีท่าทีบ่ายเบี่ยงหมด บอก เอาไว้ก่อนดีกว่าบ้าง.. ขอไปดูคันอื่นดีกว่าบ้าง..
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562
สิ่งที่ไม่มีใครเห็น!!
เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่มันยังค้างคาใจเราอยู่ตลอด ในตอนนั้นเรามีลูกชายวัย 2 ขวบกว่า วัยกำลังซุกซน เริ่มพูดจาถามตอบได้บ้างแล้ว เราอยู่บ้านสามีค่ะ ก็จะมีปู่ย่า พี่ต๋อง (พี่ชายสามี) สามี ตัวเรา แล้วก็ลูกชาย วันหนึ่งบนโต๊ะอาหาร ขณะที่กำลังทานอาหารเย็นกัน อยู่ๆ ลูกชายก็ชี้ไปที่หน้าต่างซึ่งอยู่ด้านหลังของพี่ต๋อง แล้วพูดว่า ‘คนนั้นใคร?’ ทุกคนเลยหันไปมองตาม แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครข้างนอก เลยไม่ได้สนใจ เราบอกลูกไปว่า ‘ไม่มีใครสักหน่อย ตั้งใจกินข้าวได้แล้วลูก..’ คิดว่าลูกชายคงพูดเล่นไปเรื่อยเปื่อย แต่ลูกชายเราก็ยังคงมองจ้องอยู่ที่หน้าต่างนั่นไม่ละสายตายไปไหนเลย หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่กี่วัน เย็นวันหนึ่ง ขณะที่เราเดินเล่นกับลูกชายอยู่ที่หน้าบ้าน พี่ต๋องก็ขับรถกลับมาจากทำงาน เราอยู่หน้าบ้านอยู่แล้วเลยอุ้มลูกแล้วเปิดประตูรั้วให้ พอพี่ต๋องจอดเสร็จออกมาจากรถ ลูกชายเราก็ชี้ไปในรถแล้วพูดขึ้นมาว่า ‘ในรถนั่นใคร ทำไมไม่ออกมา?’ เรากับพี่ต๋องก็งง ถามลูกชายว่า ‘มีใครในรถอีกเหรอ? แม่ไม่เห็นใครเลยค่ะ’ คือตอนนั้นไม่ได้กลัว แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแค่ว่าเด็กก็พูดไปเรื่อยตามประสา เราก็อุ้มลูกเข้าบ้านไป.. แล้วตอนทานอาหารเย็น เหมือนเดิมเลยค่ะ ลูกชายเราชี้ไปที่หน้าต่างที่เดิม แล้วพูดเหมือนเดิม ‘คนนั้นใคร?’ เป็นแบบนี้อยู่หลายวันมาก
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
เจ้าของบ้านเช่า!!
สมัยนั้นเราเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่บ้านเช่าแห่งหนึ่งกับเพื่อนร่วมภาค ตอนนั้นเราเขียน lab report หนักมาก ทำงานตอนกลางคืน ห้องนอนเราอยู่ชั้นล่าง คืนหนึ่งที่เราทำงานดึกๆ เราก็ออกจากห้องมาหาน้ำดื่ม เวลาประมาณตี 4 กว่าๆ เราเห็นเป็นขาคนใส่รองเท้าจ๊อกกิ้งกำลังลงมาจากบันได ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเพื่อนฝรั่งจะออกไปวิ่งแต่เช้าตรู่ แต่พอขานั้นเดินลงมา กลับมีแต่ขาโปร่งๆ ไม่มีตัว!! เรานี่วิ่งเข้าห้องแทบไม่ทัน ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่เคยออกมาจากห้องตอนกลางคืนอีกเลย แล้วที่สำคัญคือเราไม่ได้เห็นคนเดียวนะ การันตีโดยเพื่อนสาวชาวบราซิลเลี่ยนที่อยู่ร่วมบ้าน เธอ 2 คนกลับจากปาร์ตี้เวลาประมาณเดียวกันกับที่เราเจอ กำลังจะเดินขึ้นไปชั้นบนแล้วหันกลับมา เจอผู้ชายอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน แล้วเดินทะลุประตูออกไปเลย ที่สำคัญคือใส่รองเท้าวิ่งเหมือนกันเลย! สองสาวนั่นกรี๊ดลั่นบ้านจนทุกคนตื่นหมด.. แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นนะ เพื่อนฝรั่งผู้ชายที่อยู่บ้านเดียวกันไม่เชื่อ ลงทุนถ่างตารอไม่หลับไม่นอน นั่งเฝ้าข้างล่าง แต่ก็ไม่เคยเจอเลย
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
เงานั้นของใคร?!!
ครั้งหนึ่งผมไปเที่ยวประเทศจีนกับแฟนครับ แบ็กแพ็คไปกันเอง มันจะมีคืนหนึ่งที่ได้ไปค้างบนเขา เป็นบ้านพักตากอากาศ อารมณ์เหมือนบังกะโลเป็นหลังๆ เล็กๆ กระจัดกระจายไปตามเนินเขาครับ ข้างในบ้านไม่มีอะไรเลย มีเตียงเล็ก 2 เตียง กับโต๊ะเก้าอี้ชุดหนึ่งแค่นั้นเลย ห้องน้ำต้องออกไปเข้าข้างนอกเอา ผมกับแฟนกว่าจะมาถึงบ้านพักที่ว่าก็มืดแล้วครับ กะว่ามานอนเพื่อที่จะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าตรู่ คืนนั้นหลังจากอาบน้ำ ทำอะไรเสร็จเรียบร้อย ด้วยความเหนื่อยจากการเดินทางไกล ผมก็นอนหลับไปตั้งแต่ราว 3 ทุ่มได้ ผมนอนเตียงที่ติดกำแพงฝั่งประตูห้อง ส่วนแฟนนอนเตียงที่ติดกับหน้าต่าง ผมนอนไปได้สักพักใหญ่ ก็รู้สึกปวดฉี่ครับ ผมหันหน้าเข้ากำแพง พอลืมตามาก็เห็นเงาของแฟนผมนั่งอยู่ เพราะแสงจากนอกหน้าต่างฝั่งเตียงของแฟนมันสาดเข้ามา ทำให้เห็นเป็นเงาตกกระทบบนกำแพงฝั่งผม ผมก็เลยหันไปหาแฟนเพื่อที่จะถามว่า ทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่นอนอีก? แต่พอผมหันไป สิ่งที่ผมเห็นคือแฟนผมนอนหลับอยู่.. ผมเลยแปลกใจหันกลับไปดูที่กำแพงอีกที ยังเห็นมีเงาคนนั่งอยู่! ผมก็เลย อ้าว? ถ้าไม่ใช่เงาแฟนผมแล้วจะเป็นเงาใคร?
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ออกไปชั่วขณะ!!
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบออกกำลังกายด้วยการวิ่งครับ แต่ผมเคยตรวจร่างกายพบว่าตัวเองเป็นคนหัวใจเต้นผิดจังหวะ แต่ไม่ได้มีผลร้ายแรงอะไร หมอบอกว่าเหนื่อยก็ให้หยุด วันหนึ่งช่วงราวๆ 5 โมงเย็น ผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้า สวมรองเท้า แล้วออกไปวิ่งรอบหมู่บ้านตามปกติ ผมจะวิ่งที่ 4-5 กิโลเมตรเสมอ แต่วันนั้นประมาณ กิโลเมตรที่ 3 ผมเริ่มเหนื่อยครับ หัวใจเต้นเร็วแบบรู้สึกได้ แต่ผมก็พยายามลดความเร็วแล้ววิ่งต่อ.. ผมวิ่งไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมาเฉยๆ หนาวแบบเย็นยะเยือก ทั้งที่ผมวิ่งออกกำลังกายมันก็ควรจะต้องร้อนใช่ไหมครับ? แต่นี่คือหนาวแบบผิดปกติ ผมเริ่มมองซ้าย-ขวา ก็รู้สึกว่าฟ้ามันดูมืด ทั้งที่เวลาตอนนั้นแค่ 6 โมงเย็น อีกอย่างที่ผมรู้สึกผิดปกติคือ ทุกซอยในหมู่บ้านที่ผมวิ่งผ่าน ไม่มีคนเลย ทั้งในบ้านนอกบ้าน ผมยังคงรู้สึกหนาว แต่ก็ยังวิ่งต่อไป จนวนกลับไปจะถึงทางเก่าตอนแรก ถึงตรงนี้ผมกะจะวิ่งไปทางซ้ายที่ผมยังไม่ได้ไป แต่ผมได้ยินเสียงคนแก่ๆ เรียกชื่อผมจากอีกทางครับ ‘เบส.. เบส..’ ผมหันมองก็ไม่เห็นใคร เลยลองเดินผ่านหัวโค้งเข้าซอยทางขวาไป ภาพที่เห็นทำเอาผมแทบช็อคครับ ผมเห็นร่างของตัวผมเองนอนล้มพับอยู่ที่พื้นถนน ตอนนั้นคือผมทำอะไรไม่ถูก งงมากว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วตอนนี้ตัวผมที่มองร่างตัวเองอยู่คืออะไร? ผมตายแล้ว? ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ร่างตัวเอง แล้วก้มลงมองใกล้ๆ จากนั้นก็เหมือนภาพตัดครับ.. วูบบบ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ห้องน้ำที่ทำงาน!!
เรื่องนี้ส่งมาจากคุณปูครับ คุณปูเล่าว่า.. เราทำงานอยู่ที่ไปรษณีย์แห่งหนึ่งค่ะ ที่ที่เราทำงานอยู่ตอนนี้ สมัยก่อนเคยมีคนงานตายในห้องน้ำชั้นบน แต่ตายด้วยสาเหตุอะไรอันนี้เราไม่แน่ใจค่ะ ก็จะมีพวกพี่ที่ทำงานเล่ากันบ่อยๆ ว่า เจอคนมายืนตรงประตูห้องน้ำแล้วเอาเท้าสอดเข้ามาบ้างล่ะ เจอแบบมาเคาะประตูห้องน้ำ แต่พอเปิดออกไปก็ไม่มีใคร อะไรประมาณนี้ เป็นอันรู้กัน คนทีนี่ก็เลยจะไม่ค่อยไปเข้าห้องน้ำตรงชั้นบนนั้นสักเท่าไหร่
ที่ทำงานเราจะมีเวรเช้ากับดึก ถ้าตกเวรดึกนี่คือกลับประมาณ 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืนเลย วันนั้นเราตกเวรดึกค่ะ แล้วเป็นวันที่ห้องน้ำข้างล่างเสีย ก็เลยต้องขึ้นไปเข้าข้างบน ข้างบนขนาดตอนกลางวันก็จะค่อนข้างมืดอยู่แล้ว ตอนกลางคืนนี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ วังเวงน่ากลัวเลยทีเดียว.. ในห้องน้ำจะมี 4 ห้อง ทุกห้องว่างอยู่ เราเข้าไปแล้วปิดประตูหน้าห้องน้ำก่อน แล้วเดินไปเข้าห้องสุดท้าย ก็นั่งทำธุระไป สักพักเราได้ยินเสียงคนปิดประตูห้องที่ 3 ซึ่งก็คือห้องข้างเรา เค้าก็นั่งปกตินะ ทำธุระอะไรไป แต่ตอนนั้นเราก็แปลกใจว่า อ้าว!? เราปิดประตูข้างหน้าไม่สนิทเหรอ ทำไมไม่เห็นได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาเลย?
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562
ประสบการณ์หลอนตอนบวช!!
เริ่มจากพิธีการแห่นาค ผมก็จะนั่งอยู่ท้ายรถของพ่อ โดยมีลุงเป็นคนขับ มีญาติพี่น้องจำนวนมาก รวมถึงคนระแวกบ้านใกล้เรือนเคียงที่รู้จักหน้าตากันมาคอยช่วยในพิธี ผมนั่งโดยมีพ่อกับแม่นั่งซ้ายขวา ขณะที่ตั้งขบวนเสร็จ พร้อมเริ่มพิธีแห่ ก็มีหญิงแก่คนหนึ่ง ผมจำได้แม่นมากๆ แกใส่เสื้อลูกไม้สีขาว ผ้าถุงสีขาว ผิวออกจะดำกร้าน ตัวผอมซูบ เดินมาใกล้ๆ รถที่ผมนั่งอยู่ แกเดินมาไหว้ผมแล้วบอกกับผมว่า ‘ยายขอทำบุญด้วยนะลูก..’ แล้วก็ใส่เป็นธนบัตร 100 บาทมาบนพานที่ผมถือ ก่อนจะไหว้ผมอีกครั้งแล้วเดินจากไป.. ในขณะนั้นเป็นช่วง 6 โมงเช้า มันสว่าง บรรยากาศไม่น่าต้องไปคิดถึงเรื่องผีอะไรเลย ผมก็เลยไม่ได้อะไร ติดแค่ว่า ผมไม่เคยเห็นหน้ายายคนนี้มาก่อน จนพิธีอุปสมบทก็ได้เริ่มขึ้นจนเสร็จสิ้นไปด้วยดี
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ผู้หญิงในหอพัก!!
เรื่องราวที่จะเล่านี้เกิดขึ้นในปี 2540 ผมได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านบางนา แล้วก็ได้เข้าไปพักในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งซึ่งเป็นของป้าผม ที่เป็นญาติห่างๆ กันนี่เอง ก็คือผมได้อยู่ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นครับ อพาร์ทเม้นท์ที่ว่านี้มีอยู่ด้วยกัน 5 ชั้น ชั้น 1 และ 2 มีคนอยู่เต็ม ส่วนชั้น 3 ก็มีคนอยู่บ้างแต่ไม่เต็ม ชั้น 4 น่าจะมีอยู่เพียง 1 หรือ 2 ห้องเท่านั้น ส่วนชั้น 5 ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากห้องของผม สภาพโดยรอบนั้นตั้งอยู่ใจกลางชุมชนเล็กๆ ก็จะมีแต่บ้านทั่วไปชั้นเดียวถึง 2 ชั้นเท่านั้น อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้จึงโดดเด่น มองออกไปไกลๆ จากระเบียงก็จะเห็นแต่ป่าต้นกกไกลแสนไกล
ผมก็ขนของเข้ามาอยู่ โดยที่มีเพื่อนรูมเมทอีก 1 คนอยู่ด้วย เพื่อนผมคนนี้มันทำงานเสริมที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ในย่านนั้น ช่วงเวลาที่กลับจากทำงานจะประมาณ 5 ทุ่ม – เที่ยงคืนในทุกๆ วัน ส่วนตัวผมเองสัปดาห์นึงก็จะมานอนแค่ 2-3 วันเท่านั้น
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
คุณยายขายสร้อย!!
เมื่อไม่นานมานี้ ผมสังเกตเห็นว่าสร้อยคอของหลานผมเริ่มสั้นและคับแล้ว เลยจะหาเส้นใหม่ให้ พอดีช่วงนั้นที่วัดแถวบ้านมีงาน จะมีพ่อค้าแม่ขายจากต่างอำเภอเอาของมาขาย ส่วนมากก็จะเป็นพวกพระเครื่อง อุปกรณ์เกี่ยวกับพระ และของแปลกๆ พวกของป่า ต้นไม้แปลกๆ หรือของอะไรที่ไม่ค่อยเคยเห็นมากมาย ผมเลยชวนหลานไปเดินเล่น เผื่อหาสร้อยคอใหม่ให้หลานด้วย หลานตัวเล็ก 5 ขวบครับ
ก็เดินเล่นในงานไปเรื่อยๆ จนมาเจอร้านหนึ่ง เค้าขายพวกสร้อยคอ มีวางอยู่ไม่กี่เส้นบนแผง เป็นพวกสร้อยเงิน ผมสะดุดตากับสร้อยเส้นหนึ่ง สวยมาก เส้นเล็กๆ กำลังดี เลยหยิบมาทาบคอหลานดู ปรากฏว่าใส่ได้พอดี เลยตกลงซื้อ ถามคนขายซึ่งเป็นยายแก่ๆ แต่งตัวคล้ายชาวเขา ดูแกจะชอบเด็กๆ พอเห็นหลานผมก็เข้ามากอดมาจับหลานผมใหญ่ แล้วยายแกก็หยิบสร้อยเส้นนั้นมาสวมคอให้หลานผม แล้วแกก็บอกว่า ‘ยายให้..’ ผมบอก ‘ไม่เอาๆ ยาย ของซื้อของขาย’ ยายแกก็ยืนยันคำเดิมว่าจะให้ แกบอกแกชอบเด็กรักเด็ก ผมเลยตัดสินใจควักเงิน 500 บาท ยัดใส่มือยาย แล้วพาหลานเดินออกมา จำได้ว่าสร้อยเส้นเก่าเป็นเงินก็ราคาประมาณนี้ ผมคงไม่ได้เอาเปรียบยายนะ.. แล้วผมกับหลานก็กลับบ้านไป
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ตะกรุดอาถรรพ์!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของผมเองครับ เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ตอนที่ภรรยาผมตั้งท้องลูกคนแรก หลังจากที่ผมกับภรรยาแต่งงานกันได้ 2 ปี ผมดีใจมาก พอครบ 6 เดือนไปอัลตร้าซาวด์ดูแล้วปรากฏว่าเป็นลูกสาว ผมตั้งชื่อให้น้องล่วงหน้าว่าน้อง ข้าวปุ้น เพราะภรรยาชอบทานขนมจีนมาก พอถึงเดือนที่ 8 เราตกลงใจกันว่าจะไปคลอดที่บ้านเกิดเธอที่ยโสธร ผมไปส่งเธอแล้วกลับมาพร้อมบอกว่า ‘ไว้ใกล้คลอดแล้วจะกลับมาหา..’ หลังจากที่ผมกลับมาทำงานต่อได้หนึ่งสัปดาห์ ทางเดียวที่จะติดต่อภรรยาได้คือตู้โทรศัพท์สาธารณะ ที่ผมจะโทรไปสหกรณ์ใกล้ๆ บ้านเธอ
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ฝากกุมารทอง!!
เมื่อนานมาแล้ว สมัยผมยังเรียนอยู่ชั้น ม.1 ผมได้ไปเที่ยวกรุงเทพฯ และอาศัยอยู่กับคุณแม่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวรามอินทรา กม.8 วันหนึ่งเพื่อนบ้านได้เอาสิ่งของอย่างหนึ่งมาฝากไว้ เพราะพวกเขาต้องเดินทางไปต่างจังหวัด สิ่งนั่นคือ กุมารทอง ครับ โดยที่เพื่อนบ้านคนนั้นบอกกับแม่ผมว่า ‘ฝากดูแลดีๆ นะคะ น้องไม่ดื้อหรอกค่ะ..’ แล้วเขาก็ขึ้นรถออกอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้แม่กับผมอยู่กับกุมารทองของเขา
คืนแรก แม่ได้นำกุมารทองมาไว้ในห้องของผม แล้วบอกกับผมว่า ‘ให้น้องอยู่ด้วยนะ คงไม่เป็นไรหรอก’ แล้วผมก็หลับไป.. ประมาณตี 1 ผมตื่นมาเพราะได้ยินเสียงคนเปิดน้ำในห้องน้ำ จากเบาๆ ก็เร่งความแรงขึ้น จนน้ำทะลักออกมาจากอ่าง ผมต้องลุกไปปิด พอปิดแล้วก็นอนต่อ.. สักพักได้ยินเสียงเปิดน้ำอีก คราวนี้มันมาพร้อมกับเสียงเด็กหัวเราะชอบใจในห้องน้ำ ‘คิกๆๆๆ’ ผมได้ยินแบบนั้นผมเลยไม่กล้าที่จะลุกไปปิดน้ำ แล้วปล่อยให้มันไหลไปอย่างนั้นจนถึงรุ่งเช้า
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562
วันจิตอ่อน!!
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 8 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นเรายังเป็นนักศึกษา เราได้ไปฝึกงานที่สถานีอนามัยแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรีค่ะ ไปกับเพื่อน 5 คน และอยู่บ้านพักในสถานีอนามัย ลักษณะของบ้านพักเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนเป็นไม้ มี 2 ห้องนอน ส่วนชั้นล่างจะเป็นห้องโล่งๆ มีหน้าต่างรอบบ้าน หน้าประตูบ้านมีต้นมะยมต้นใหญ่อยู่ หลังบ้านจะมีเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ มีต้นไม้ใหญ่อยู่รอบๆ สระ บรรยากาศตอนกลางคืนถือว่าวังเวงระดับนึงเลย เราอยู่ที่นี่ไปสักพักก็ปกติดีไม่มีอะไร จนวันหนึ่งเราไม่สบาย จึงขอตัวนอนชั้นล่างเพราะกลัวเพื่อนที่อยู่ด้วยกันจะติดไข้จากเรา เรากางมุ้งนอนอยู่ชั้นล่างคนเดียว เราเข้านอนประมาณเที่ยงคืนได้ ขณะที่เราล้มตัวลงนอน จำได้ว่าเรามองผ่านหน้าต่างไปเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดง พอกำลังจะหลับ ก็ได้ยินเสียงนกบินมาเกาะที่หน้าต่าง ซึ่งเป็นนกกาเหว่า มันร้องอยู่ประมาณ 2-3 ครั้งแล้วก็บินไป เราคิดในใจว่าคืนนี้อาจจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน แต่ก็ไม่ได้อะไร จนเราเคลิ้มๆ จะหลับ เรารู้สึกได้ถึงบริเวณมุ้งปลายเท้าเราถูกเปิดออก ตอนนั้นเรานอนตะแคงอยู่ เราจึงเปลี่ยนมานอนหงาย แล้วเราก็ต้องตกใจสุดขีด!! เพราะมีผู้หญิงผมยาวคลุมหน้า ใส่ชุดสีแดง กำลังคลานคร่อมตัวเราขึ้นมาจากปลายเท้า!! เรารวบรวมสติพยายามพูดออกไปว่า ‘ตอนนี้เราไม่สบาย อย่าทำอะไรเราเลยนะ..’ แต่เหมือนเขาไม่ฟังเรา เขากระโดดขึ้นมานั่งทับอกเราจนเราหายใจไม่ออก จะเรียกเพื่อนเสียงก็ไม่ออก ทั้งๆ ที่โทรศัพท์อยู่ติดมือเรา แต่เราไม่สามารถจับโทรศัพท์ได้ เราตัดสินใจตะโกนสุดเสียง คราวนี้เสียงออกมาค่ะ อย่างดังเลย เพื่อนๆ ก็วิ่งลงมา
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
คืนปล่อยของ!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องของแม่เราเองค่ะ เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 40 ปีก่อนได้แล้ว ตอนนั้นแม่เราอายุเพียง 17 ปี บ้านที่แม่อยู่ตอนนั้นอยู่ที่จังหวัดทางภาคอีสาน เป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง และจะมีน้ำท่วมทุกๆ ปี และปีนั้นก็เช่นกัน น้ำท่วมใต้ถุนบ้าน ตากับยายเราช่วยกันหาไม้เป็นแผ่นๆ มาตีเป็นทางเดิน จากบนบ้านออกไปถึงเนินดินที่เป็นที่ผูกเรือ เนื่องจากน้ำท่วม ดังนั้นตอนกลางคืนเวลาปวดหนักปวดเบา จะต้องขับถ่ายลงตรงรูแตกที่พื้นไม้แทน ซึ่งคืนที่เกิดเรื่องเป็นคืนวันพระใหญ่ค่ะ แม่ปวดเบาเลยลุกขึ้นมาถ่ายกลางดึก แม่เล่าว่า ตอนที่แม่เปิดแผ่นไม้ที่ใช้ปิดรู้กันสัตว์มีพิษขึ้นมานั้น มีลมเย็นๆ วูบหนึ่งพัดใส่หน้าแม่จนผมปลิว ตอนนั้นแม่ไม่ได้คิดอะไร รีบปล่อยรีบกลับเข้านอนเพราะง่วงมาก
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ทวงผมคืน!!
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณหาญ ใจสิงห์ครับ คุณหาญเล่าว่า.. หลานสาวของภรรยาผมชื่อว่า น้องปิ่น กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 ในกรุงเทพฯ น้องปิ่นเล่าให้ฟังว่าได้งานพิเศษทำนอกเวลา เกี่ยวกับการขายสินค้าที่ห้างแห่งหนึ่ง ปิ่นเป็นเด็กสาวหน้าตาดี ผิวขาว หุ่นดี พูดจาฉะฉานมีสัมมาคารวะกับคนอื่น ปิ่นอยู่กับแม่เพราะพ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุหลายปีแล้ว ตอนนั้นปิ่นมีผมสีดำสั้นแค่บ่า ซึ่งก็ดูน่ารักเหมาะกับเธอดี แต่เมื่อเดือนก่อน ห้างที่ปิ่นทำงานมีการจัดโปรโมชั่น เลยอยากให้ปิ่นแต่งตัวสวยๆ ใส่ชุดเหมือนพริตตี้อะไรแบบนั้น ปกติจะใส่แต่เสื้อขาวกับกางเกงเข้ารูป ผู้จัดการที่เป็นผู้หญิงเลยแนะนำว่า ถ้าใส่ชุดนี้แล้วปิ่นผมยาวจะสวยมาก ปิ่นเลยบอกว่า งั้นไปหาซื้อผมมาต่อก็ได้ค่ะพี่..
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
ห้องน้ำหลัง 2 ทุ่ม!!
สมัยก่อนเราเคยทำงานโรงพยาบาลค่ะ คืนหนึ่งเราปวดท้องถ่ายหนัก เลยไปเข้าห้องน้ำที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องน้ำของแผนกที่ปิดทำการไปแล้วตอน 2 ทุ่ม ที่ต้องมาเข้าที่นี่ก็เพราะเราต้องการความสงบ ถึงแม้ว่าจะต้องแลกกับบรรยากาศที่มืดวังเวง เพราะไฟปิดหมดแล้วเหลือแค่ไฟทางเดิน เราเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป พร้อมกับเอื้อมมือเปิดไฟ ห้องน้ำมีอยู่ทั้งหมด 4 ห้อง แต่ที่แปลกคือห้องแรกมันปิดไว้อยู่เหมือนมีคนเข้า พยายามเอามือดันๆ ก็ไม่เปิด เราเลยเข้าห้องถัดไปทำธุระของเราไป.. สักพักหนึ่ง อยู่ๆ เราก็ขนลุกวาบขึ้นมา เพราะนึกขึ้นได้ว่า เอ้า! ถ้ามีคนอยู่ในห้องน้ำ แล้วทำไมเขาไม่เปิดไฟห้องน้ำไว้ล่ะ จะอยู่มืดๆ ทำไม? ด้วยความสงสัย เราเลยก้มลงมองตรงช่องว่างด้านล่าง ว่ามีใครอยู่ไหม ถ้ามีอย่างน้อยก็ต้องเห็นรองเท้าหรือขาบ้างล่ะ ซึ่งปรากฏว่ามีค่ะ เป็นขาผู้หญิงใส่รองเท้าคัดชูสีดำ เราก็งงๆ ว่าทำไมเค้าถึงไม่เปิดไฟ หรืออาจจะรีบจนแบบว่า ถ้าเปิดไฟก็อาจะไม่ทันแล้วก็เป็นได้ 55555
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
หายไปในพริบตา!!
คืนนั้น เวลาประมาณ 4 ทุ่ม เรากำลังขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน บนเส้นทางหลวงริมโขงแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองบึงกาฬค่ะ พอถึงช่วงหนึ่งที่สองข้างทางมีแต่ป่า และเสาไฟถนนห่างๆ เราเห็นมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งแซงหน้าเราไป เป็นวัยรุ่นหญิง 2 คน ใส่กางเกงยีนส์ขายาว กับเสื้อยีนส์แขนยาวทั้งคู่ ลักษณะผมสั้นน่าจะเป็นเด็กมัธยมต้น สักพักมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็หักเลี้ยวกลับรถอย่างกระทันหัน โดยไม่ได้เปิดไฟเลี้ยวเลย ไอ้เราก็ตกใจเลยขับชะลอดู พอรถคันนั้นสวนทางผ่านเราไป เราก็มองตามผ่านกระจกทันที แต่ไม่มีอะไรเลย.. เราตกใจเลยจอดรถแล้วหันไปมองตาม แต่ถนนกลับโล่ง ว่างเปล่า.. ไม่มีอะไรเลย!? ทั้งที่ถนนเป็นทางตรง และสองข้างทางก็เป็นป่า ไม่มีทางเลี้ยวใดๆ แน่ๆ
สรุปคือเราทำงานหนักจนหลอนไปเอง หรือเราโดนเข้าแล้วจริงๆ ใช่ไหม? แต่เราก็ไม่อยากจะไปสืบหาว่า ถนนเส้นนั้นเคยเกิดเหตุอะไรมาบ้าง
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
งานศพหลาน!!
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...
-
เกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีก่อนที่บางแสนคุณตุ๊กตาได้เล่าว่าที่สี่แยกไฟแดงแหลมแท่นติดกับโรงเรียนแห่งหนึ่งจะมีซุ้มกาแฟโบราณอยู่แม่ค้าจะ...
-
เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ...
-
เราก็เคยเจอเหมือนกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นก็เจอพร้อมกัน มันเป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกินเหล้าในหอ อาจารย์มาพบหลักฐา...