โดยเหตุการณ์นี้ได้เกิดเมื่อ 18 ปีที่แล้วเป็นมหาลัยแห่งหนึ่งที่อยู่ในภาคอีสานที่ใช้ชื่อเรื่องว่า บ่อน้ำหลังวิทยาลัย เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อขณะที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังศึกษาอยู่ในระดับ ปวช ที่วิยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ในตอนนั้นได้มีการจัดแข่งขันทักษะด้านวิชาการของวิทยาลัย โดยจะเป็นการแข่งขันร่วมกันกับวิทยาลัยอาชีวะทั้งภาคอีกสาน โดยทางเจ้าภาพที่จัดงานนั้นผู้ที่มาแข่งขันวิชาการให้ไปนอนรวมตัวกันที่วิทยาลัย เพื่อที่ว่าตอนเช้านั้นจะได้เดินทางไป ณ ที่จัดแข่งขันทักษะด้านวิชาการได้ทันเวลาทุกคน และเป็นไปตามคาดเมื่อมีวัยรุ่นมารวมตัวกันประมาน 100 คนนั้นคงไม่ได้นอนแน่ๆ ในตอนนี้ก็มีการจับกลุ่มเล่นกัน หรือดูหนังบางตามปกติ แต่ว่ามีอยู่กลุ่มหนึ่งนั้นได้มีนำโต๊ะปิงปองมา และได้มีการท้ากันเกิดขึ้นว่าระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องเนี้ยใครจะเก่งกว่ากัน โดยตั้งไว้ว่าถ้าใครแพ้นั้นจะต้องทำตามที่ผู้ชนะสั่ง แต่ทางฝั่งรุ่นน้องก็ได้แพ้รุ่นพี่ โดนที่ทางรุ่นพี่ก็กำลังปรึกษากันอยู่นั้นก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเอยขึ้นมาว่า "พามันไปดูผีที่บ่อน้ำหลังสนามฟุตบอลดิ" ซึ่งที่รุ่นพี่คนนี้พูดออกมานั้นไม่ผู้ใดในกลุ่มนั้นรู้ประวัติของบ่อน้ำนั้นเลย เปรียบเสมือนว่ารุ่นพี่ให้ทำไปเฉยๆเท่านั้น หลังจากนั้นรุ่นพี่ 3 คนก็ได้เอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดตารุ่นน้องเอาไว้ และก็พาน้องไปยังบ่อน้ำหลังสนามฟุตบอลในระหว่างทางนั้นจะอยู่ในระยะเวลา 100 เมตรโดยประมาณ โดยจะมีแค่รุ่นน้องหนึ่งคนกับรุ่นพี่อีกสามคนที่พาไปบ่อน้ำเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ตีปิงปองกันต่อ พอเวลาได้ผ่านไปประมาณ 10 นาที ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายแล้วก็วิ่งมาหาผู้ที่กำลังตีปิงปองอยู่ แต่ในระยะการมองเห็นในแสงสว่างนั้นก็จะเห็นเป็นรุ่นพี่สามคนนั้นแล้วตะโกนว่า ผีๆ พอรุ่นพี่มาถึงก็มุดเข้าใต้โต๊ะอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นรุ่นพี่ก็มีอาการที่พูดจาไม่รู้เรื่องถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง และก็จะมีอาจารย์ฝึกสอนที่ได้รับหน้าที่มาดูแลทุกคนพออาจารย์คนนี้มาถึงก็ได้มาพูดว่าพวกแกไปทำอะไรกันไปเล่นอะไรกันมา พวกแกได้เอาเหล้ามากินกันหรือเปล่า เด็กๆก็ตอบว่าไม่ได้ดินครับไม่มีไม่ได้มีใครกินเลย หลังจากนั้นพวกรุ่นน้องก็มองหาเพื่อนที่ไปบ่อน้ำว่ากลับมาหรือยังพอไม่เห็นกลับมาก็เลยพาอาจารย์ไปที่บ่อน้ำแห่งนั้น พอไปถึงก็บนกับน้องที่มากับรุ่นพี่สามคนกำลังนอนสลบอยู่ข้างบ่อน้ำ พอหลังจากนั้นก็ได้อุ้มรุ่นน้องที่สลบมายังโต๊ะปิงปอง และพยายามจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับไม่มีใครตอบได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเสียสติไปแล้ว แต่อยู่ๆน้องที่สลบไปนั้นกลับฝืนขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าไปหารุ่นพี่สามคนนั้นอย่างรวมเร็ว เหมือนกับว่าจะเข้าไปเอาเรื่อง โดยน้องคนนั้นก็ด่าใหญ่เลยว่า ทำไมถึงทิ้งผมเอาไว้อย่างงั้น ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่สุดอาจารย์ได้บอกน้องว่าตั้งสติแล้วบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นวิทยาลัยเราไม่มีอะไรนะไม่มีใครเคยพูดอะไรนะพวกแกไปเจออะไรมา ก็หนึ่งในสามคนนั้นได้ออกมาเล่าว่า ในระหว่างที่พาน้องคนนั้นในขณะผูกผ้าเช็ดหน้าไว้ให้ไปอยู่ที่บ่อน้ำแล้วนั้นรุ่นพี่สามคนก็ได้ถอยห่างจากน้องคนนั้นมาแล้วระยะเกือบ 10 เมตร และหลังจากนั้นก็ได้ให้น้องพูดเพื่อ ท้าทายให้ผีออกมาในขณะที่ปิดตาอยู่ และด้วยความลำคาญรุ่นพี่น้องคนนั้นก็ได้เอยปากออกไปว่า "มันมีไหมผีในบ่อน้ำนี้ออกมาหาดิ" จะรีบกลับไปเล่นต่อ ผ่านไปประมาณสัก 2 นาทีก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรมาเขย่าอยู่ข้างบ่อน้ำที่น้องกำลังยืนอยู่ มันคือเป็นต้นไม้ที่อยู่ริมบ่อน้ำ และสักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรสักอย่างหลนลงไปในน้ำ ในขณะที่รุ่นน้องนั้นไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นจะได้ยินแต่เสียง แต่ว่ารุ่นพี่สามคนได้เห็นว่าต้นไม้ข้างหน้าน้องได้เขย่าเองเหมือนมีคนขึ้นไปขย่ม กระโดดลงน้ำ และวิ่งบนน้ำข้ามไปอีกฝั่งของบ่อแล้วขึ้นไปบนต้นไม้ทำอยู่อย่างนี้เมื่อรุ่นพี่เห็นก็ได้เอยเป็นอุทานว่า "อุ้ยๆ" แต่ทางรุ่นน้องที่มองไม่เห็นนั้นก็ตกใจว่าเป็นอะไรกัน
รุ่นพี่ก็ได้ส่องไฟลงไปในน้ำกลับพบว่าเห็นว่าเป็นร่างเหมือนคนแต่ว่ามีครึ่งเดียวแต่ว่าครึ่งล่างไม่มี จนรุ่นพี่ได้วิ่งกลับไปแล้วไปมุดอยู่ใต้โต๊ะ และรุ่นน้องก็ได้เปิดตาขึ้นกลับพบว่าเจอเด็กอายุประมาณ 8 ขวบพุ่งเขามาหาเค้าแล้วน้องก็สลบไป พอวันรุ่งขึ้นก็ได้ขึ้นรถไปเพื่อไปงานทักษะด้านวิชาการพอไปถึงคนที่เจอผีนั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลยได้เพียงแต่นั่งแล้วผวาตลอดจนแพ้ในงานวิชาการ และหลังจากนั้นกลุ่มเด็กๆก็ขออาจารย์ว่าถ้าไม่มีอะไรแล้วขอกลับก่อนได้ไหมเพราะว่าไม่มีอะไรแล้ว หลังจากนั้นเด็กๆก็กลับไปกันอยู่ที่ซอยข้างวิทยาลัย ซึ่งจะมีหมู่บ้านอยู่เด็กๆได้ไปเจอบ้านอยู่หลังหนึ่งซึ่งอยู่หลังวิทยาลัยพอดี เด็กก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่เจอเมื่อคืนนั้นมันคืออะไ เด็กๆก็เลือกที่จะเข้าไปถามก็พบกับป้าคนหนึ่งกำลังนั่งทำขนมอยู่หน้าบ้าน โดยเด็กๆก็เข้าไปถามว่า คุณป้าครับอยู่ที่นี้มานานหรือยังครับแกบอกว่าอยู่ในมาตั้งแต่เกิดแล้ว เด็กก็เลยถามว่า ถ้าป้าอยู่ตรงนี้มานานแล้วป้ารู้ไหมว่าพื้นที่ตรงบ่อน้ำนี้เคยมีประวัติอะไรไหมครับ พอเด็กถามจบป้าแกก็ได้วางทุกอย่างที่กำลังทำอยู่แล้วหันมามองกลุ่มเด็กๆด้วยดวงตาที่โกรธมากแล้วด่าเด็กๆว่า พวกแกมาหาอะไรอยากรู้อะไรกัน แล้วป้าคนนั้นก็นั่งร้องไห้กลุ่มเด็กรีบยกมือไหว้แล้วกล่าวขอโทษคุณป้าท่านนั้น แต่เด็กๆก็ยังสงสัยว่าด่าเค้าทำไม จู่ๆก็มีก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งออกมาจากหลังบ้านเหมือนจะเข้ามาทำร้ายกลุ่มเด็กๆแล้วพูดว่าพวกเองมาทำอะไรกัน เด็กๆก็เลยเล่าเรื่องที่พวกเค้าเจอให้กับน้าสองคนได้ฟัง หลังจากนั้นก็เลยบอกให้พวกเด็กๆไปรอหน้าปากซอยเดียวจะตามออกไป สักพักน้าผู้ชายก็ได้ตามออกก็ได้ถามกลับเด็กๆว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร พอน้าผู้ชายรู้เรื่องก็ได้พูดออกมาว่า "ยังอยู่อีกหรอ" กลุ่มเด็กๆต่างขนลุกกันทั้งกลุ่ม แล้วน้าก็ได้พูดว่าลูกชายของน้าเอง กลุ่มเด็กๆก็ได้ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น น้าก็ได้เล่าว่าในวันนั้นที่น้าทั้งสองกำลังทำกับข้าวอยู่นั้น ลูกของน้าได้เตะบอลอยู่คนเดียวหน้าบ้านซึ่งติดอยู่กับกำแพงวิทยาลัย แต่กำลังที่เตะอยู่นั้นก็ได้เผลอเตะข้ามกำแพงเข้าไปในวิทยาลัยแล้วตกหน้าบ้านนั้นจะมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งลูกของน้าได้ปีนต้นไม้เข้าไปแล้วลูกบอลดันอยู่ในบ่อน้ำ ลูกชายของน้าก็เลยกระโดดลงน้ำเพื่อที่จะไปเอาลูกบอลแต่พอเวลาขึ้นกลับขึ้นไม่ได้เพราะติดรากไม้และหลังจากนั้นก็ได้จมน้ำตาย และในที่ที่น้องได้ตายเป็นที่ลับตายสำหรับผู้คนซึ่งทำให้ไม่มีใครเห็นว่าน้องกำลังจบน้ำอยู่ โดยผู้มาพบนั้นก็คือเจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยแต่พอขึ้นมากลับผมว่ามีเพียงแค่ครึ่งบนเท่านั้นส่วนครึ่งล่างนั้นยังอยู่ในน้ำ จนมีคนมาน้ำศพน้องไปทำตามศาสนาต่อไป
ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น