วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561

สวดไม่จบ !!


            ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาไม่ทราบว่าจะไปที่ไหนดี จึงนึกขึ้นได้ว่าอยากจะสวดมนต์ข้ามปีงั้นขอสวดอยู่ที่บ้านละกัน แต่กลับไม่ทราบว่าจะต้องสวดบทไหนบาง ถ้าอย่างงั้นขอสวดในสิ่งที่เรารู้ละกัน ที่นี้ก็นึกขึ้นได้ว่าไหนๆก็สวดมนต์ข้ามปีแล้วงั้นขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลด้วยแล้วกันด้วยความรู้เท่าไม่ถึงกาล จึงเลือกแผ่เมตตาเป็นอย่างแรกแล้วดันพูดก่อนที่จะสวดว่า "ถ้าเกิดใครที่รับรู้และได้ยินให้มารับกุศลไปพร้อมๆกันได้เลย" หลังจากนั้นก็ได้เริ่มสวดพอเริ่มสวดไปได้ไม่เท่าไหรเพราะจำบทสวดไม่ได้จึงเปิดบทสวดใน Youtube ขึ้นมาพอเปิดได้ประมาน 3 นาที เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี บทสวดที่เปิดไว้นั้นกับหยุดเล่นเองสรุปแล้วเน็ตหมด จึงเลือกที่จะไปหาหนังสือสวดมนต์แต่ไม่มีเลยในบ้าน จึงเลือกที่จะหยุดสวดกลางคันแล้วออกไปเติมตังโทรศัพท์ ต้องบอกก่อนว่าบ้านที่อยู่นั้นจะเป็นบ้านสวนที่เป็นแบบทรงไทย ทันทีที่เปิดประตูนั้นสุนัขที่มีอยู่ในบ้านนั้น หมาหอนตอนรับหนักมาก ด้วยที่เราไม่ได้คิดอะไรก็เลยขับรถออกไปหมานั้นได้หอนตามหลังมาตลอด ด้วยระหว่างทางนั้นค่อนข้างจะเปลี่ยวไม่มีไฟบนถนน และด้วยระยะทางจุดแรกนั้นจะเป็นคนงานพม่า สิ่งที่เห็นมาแต่ไหลด้วยไฟหน้ารถสาดไปเห็นเงาผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนสูบบุหรีอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่พอเข้าเริ่มเข้าไปใกล้ๆ ผู้ชายคนนี้กับกระโดดเข้ามาหาตัวรถและด้วยปฏิกิริยาจึงหักหลบแต่หักหลบผ่านไปกลับเห็นร่างนั้นเป็นผู้หญิงเคี้ยวหมากตัวดำเลื่อมไปทั้งตัวเหมือนกับไปตกถังน้ำมันมา พอขับเลยมาได้นิดเดียวนั้นมีความรู้สึกว่าเหมือนรถมันหน่วงๆขับไม่ออก จึงเลือกที่จะหันหลังไปมอง ด้วยไฟท้ายมีแสงสว่างพอที่จะเห็นได้ว่ามีผู้หญิงคนที่เราหักหลบมานั้นใช้มือดึงราวเหล็กของท้ายมอเตอร์ไซต์อยู่ และมือขวาพยายามที่จะเอื่อมมือมาเกือบจะถึงหน้าเหมือนจะขออะไรสักอย่าง หลังจากนั้นพยายามที่จะบิดหนี้ให้แรงที่สุด แต่อยู่ดีๆแรงหน่วงนั้นก็หายไปอยากแรกที่คิดในตอนนี้คือ จะกลับบ้านไหม ถ้ากลับก็ต้องกลับมาเจออย่างแน่นอนแล้วทางก็เปลี่ยวด้วยทั้งทางก็มีเพียงแต่ไฟรถเท่านั้น และในตอนนั้นจึงเลือกที่จะตรงไปที่เซเว่นก่อนเพราะว่ายังมีแสงสว่างอยู่ พอขับมาได้สักพักก็เจอกับสะพานเก่าที่พึ่งจะสร้างใหม่ ที่เอาไว้ข้ามแม่น้ำของชุมชนในช่วงที่กำลังจะขับผ่านตรงสะพาน หางตาของผมนั้นได้เป็นเห็นคนเกือบ 20 คนยืนอยู่กลางแม้น้ำ ซึ่งแม่น้ำนี้ระดับน้ำจะไม่ค่อยสูงเท่าไหรนัก ช่วงที่หันไปมอง พวกเค้านั้นกำลังยืนหันหลังอยู่ เลือกที่จะขับไปต่อแต่ขับไปได้แค่กลางสะพานเท่านั้น คนทั้ง 20 หันมาพร้อมกันมองเป็นสายตาเดียวกันพร้อมกับอ้าปากแล้วสังเกตว่าปากจะกว้างกว่าผิดปกติ พอเห็นอย่างนั้นแล้ว คิดได้อย่างเดียวคือต้องรีบไปถึงเซเว่นให้เร็วที่สุด พอถึงแล้วก็ไปนั่งอยู่ม้านั่งหน้าเซเว่นเพื่อรวบรวมสติ (โดยตรงนั้นจะเป็นสามแยกที่ติดกลับถนนใหญ่)

      แต่ตั้งสติได้เพียงแต่ 3 นาทีเท่านั้นกับได้เสียงดังราวกับมีรถชนกัน ด้วยสันชาตยานขอบมนุษย์ได้ยินอะไรแล้วดังก็จะหันไปเองโอยอัตโนมัติ พอหันไปกลับเจอเหมือนคนแล้วนั่งคุกเข่าแล้วพนมมือหันมา ตอนนั้นระบุไม่ได้ว่าเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชายเพราะ เค้าไม่มีหัว แต่ขณะที่ตกใจอยู่นั้นได้ไปเห็นอีกคนที่เหมือนกับตัวพับแบนเป็นกระดาษ A4 เลยก็ว่าได้แล้วพนมมือ หลังจากนั้นรีบวิ่งเข้าเซเว่นทันทีจนพนักงานมาถามว่าเป็นอะไรหรือป่าวตอนนั้นตั้งสติไม่ได้ พอตั้งสติได้ก็บอกไปว่าผมมาเติมเงินโทรศัพท์ครับ ช่วงนั้นกำลังคิดว่าถ้าจะอยู่ก็ต้องอยู่ยันเช้า แล้วถ้ากลับจะกลับทางไหนแต่ทางกลับบ้านมี 2 ทางเท่านั้นด้วยความอยากกลับบ้านขอเลือกอีกทางหนึ่ง ซึ่งมีความเปลี่ยวมากกว่าทางที่มา แถมยังจะต้องผ่านวัดป่าแต่ว่าไม่มีทางเลือกรวบรวมสติ ขับทางไปปกติพอถึงทางที่เป็น 2 เลน ก็มาถึงกับวัดป่าที่พึ่งสร้างได้มาไม่ถึง 10 ปี แต่วัดนี้เป็นวัดที่สร้างไม่เสร็จจึงทำให้บรรยากาศข้างทางไม่ค่อยสู้ดีนัก จึงเลือกที่จะไม่มองแล้วขับไปช่วงที่กำลังจะขับผ่านนั้นหางตานั้นได้ไปเห็นมนดก กับเห็นคนยืนอยู่บนมนดกและรอบๆศาสมนดลทั้งยืนและนั่ง คิดได้อย่างเดียวตอนนั้นต้องขับผ่านไปให้ไวที่สุด คิดว่าตอนนั้นน่าจะไกลพอสมควรแต่กลับมีความรู้สึกว่าเย็นที่ต้นคอรามไปถึงใบหูหลังจากนั้นก็ขนลุกในขณะเดียวกันมีความรู้สึกแฉะๆเหมือนกันน้ำลายที่ เริ่มจากต้นคอมาถึงใบหู และมีความรู้สึกเหมือนมีเงาอยู่ที่มุมหางตาข้างขวา และช่วงระหว่างขับรถได้ยินเสียงเหมือนกับคนมากระซิบข้างหูว่า "แฮร่" พอหลังจากนั้นรีบบิดกลับบ้านให้ไวที่สุด พอช่วงที่เลี้ยวรถเข้ามาบ้านหมาทั้ง 5 ตัวนั้นมาลุมกันเหมือนจะหอนไล่อะไรสักอย่างที่อยู่หน้าบ้าน หลังจากนั้นรีบวิ่งขึ้นบ้านแต่ยังมีความซวยอีกว่าช่วงกำลังขึ้นนั้นหน้าจะหันไปทางเข้าหน้าบ้าน ที่เห็นนั้นก็คือ หมา 5 ตัวนั้นกำลังเห่าไล่กลุ่มคนที่ยืนอยู่เกือบ 30-40 กว่าคน หลังจากนั้นรีบวิ่งเข้ามาในบ้านแลนั่งกอดเข่าอยู่หน้าพระพุทธรูป ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกพอช่วงประมาณเวลาตี 1 กว่ามานึกขึ้นได้ว่าหรือจะเป็นที่เราพูดไปหรือป่าวที่อยากจะให้เค้ามาฟังหรือมารับกุศลหรือป่าว และหลังจากที่ถึงบ้านนั้นหมายังไม่หยุดหอนจนรวบรวมสติแล้วมานั่งเปิดบทสวดแล้วพยายามนั่งนึกถึงสิ่งที่เจอ พอสวดเสร็จมีเสียงเหมือนมีคนมาเคาะที่บานเกล็ด แล้วบอกว่าพอแล้ว ให้ได้แค่นี้ แล้วกราบ พอกราบเสร็จนั้นหมาที่เห่าหอนอยู่กลับหยุดเหมือนกับปิดสวิทช์ (ยังไงก็ฝากเอาไว้สำหรับการรู้เท่าไม่ถึงกาลกับการพูดไปโดยไม่คิดนะครับ)

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...