วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2562

งานศพหลาน!!


           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดสุราษฯ พอดีช่วงนั้นลุงกับป้าติดธุระสำคัญ กว่าจะเสร็จและเดินทางไปร่วมงานก็เป็นวันเผาพอดี ขับรถไปถึงวัดช่วงเย็นไปทันพิธีเผาศพ ทุกอย่างเรียบร้อยดี จากนั้นญาติผู้ใหญ่ก็ชวนลุงกับป้าให้ไปนอนที่บ้านหลานชายที่เสียชีวิต จะได้อยู่พูดคุยกันสะดวก ช่วงค่ำวันนั้น ก็เหมือนวันรวมญาติๆ ที่มาจากต่างจังหวัด ซึ่งพักอยู่ที่บ้านนั้นอยู่ก่อนแล้ว นั่งพูดคุยกันพอสมควรแก่เวลา ทุกคนต่างรีบขึ้นนอนที่ชั้นบนจนเต็ม ไม่มีใครนอนชั้นล่างเลย ลุงกับป้าเลยนอนที่ชั้นล่างกัน 2 คน มาทราบภายหลังว่าศพของหลานชายเป็นศพตายโหง ซึ่งโบราณเขาถือว่าศพที่ตายผิดธรรมชาติ หรือตายโหง เขาจะไม่ให้เข้ามาไว้ในบ้าน ซึ่งก่อนพิธีเผา พ่อแม่ของหลานชายได้เอาศพเข้ามาไว้ที่บ้านนี้ ชาวบ้านระแวกนั้นที่มาร่วมงาน หากใครพูดถึงนินทาว่ากล่าวคนตาย ไฟจะดับโดยไม่มีสาเหตุ เดี๋ยวพัดลมติดเองบ้าง ดับเองบ้าง จนชาวบ้านต่างกลัว รีบมางานและรีบกลับทันที

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse

เรื่องสยองที่เมืองทอง!!


        เหตุการณ์ที่จะเล่านี้ผ่านมาประมาณปีกว่าๆ แล้วค่ะ ช่วงนั้นเราเป็นเด็กกิจกรรมของชมรมในโรงเรียน ซึ่งมันก็จะมีกิจกรรมเข้ามาอยู่เรื่อยๆ หนึ่งในนั้นคือการไปประกวดชมรมที่ต่างสถานที่ และที่ที่จะไปกันคือย่านเมืองทอง จังหวัดนนทบุรี ไปกับรุ่นพี่ คณะครู และเพื่อนๆ รวม 30 กว่าคนได้ ไป 3 วัน 2 คืนค่ะ ทุกคนจะถูกแบ่งที่พักกันไว้เรียบร้อยแล้ว สถานที่พักเป็นคอนโดเก่าๆ แห่งหนึ่ง คนที่อยู่ย่านเมืองทองน่าจะรู้จักกันดี พอไปถึงเราก็รับกุญแจอะไรเรียบร้อย ต่างกลุ่มต่างก็แยกย้ายกันไปที่ห้องพักของตัวเอง เราได้นอนกับเพื่อนอีก 3 คน รวมเราเป็น 4 คน ไขกุญแจห้องเข้าไปทุกอย่างดูปกติดีค่ะ ขวามือเป็นห้องน้ำอยู่ติดกับประตูเข้าห้อง ลักษณะห้องเป็นห้องแฝด มีห้องข้างในกับข้างนอก เรากับ เอ (นามสมมติ) นอนห้องข้างใน ส่วนเพื่อนอีก 2 คนนอนห้องข้างนอกค่ะ.. คืนแรกพอจัดของจัดอะไรเสร็จ เราเป็นคนแรกที่อาบน้ำค่ะ ตอนเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เราเห็นเส้นผมที่พื้นกระจุกหนึ่ง ในใจก็คิดว่าแม่บ้านคงทำไม่สะอาด ก็ไม่ได้สนใจ พออาบไปได้สักพัก เราก็ได้ยินเสียงคนทุบผนังห้องน้ำค่ะ ทุบแบบดังมาก ตกใจเลย แต่ก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าอาจจะเป็นเสียงห้องข้างๆ ที่อยู่ติดกัน พอเราอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องอีกค่ะ ‘ก๊อกๆๆ’ เรากำลังจะเอื้อมมือไปเปิด แต่เอมาห้ามเอาไว้ บอกว่าอย่าเปิด ให้ส่องตาแมวดูก่อน พอเอพูดจบเสียงเคาะประตูห้องก็ดังอีกค่ะ ‘ก๊อกๆๆ’ เรายืนอยู่หน้าประตูอยู่แล้วก็เลยส่องตาแมวดู แต่กลับไม่มีใคร.. เราเลยเดินงงไปที่เตียง แต่ก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเพราะเสียงเคาะประตูมันดังขึ้นอีก! บี (นามสมมติ) เพื่อนเราอีกคนทนไม่ไหว เลยเดินไปเปิดประตูออกไปดู ปรากฏว่าไม่มีใครจริงๆ ค่ะ บีคิดว่าอาจจะเป็นรุ่นพี่มาแกล้ง เลยยืนรอที่ประตูกะว่าถ้าเคาะอีกก็จะรีบเปิดเลย แล้วเสียงประตูก็ดังขึ้นอีกจริงๆ ค่ะ ‘ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆ’ คราวนี้เคาะรัวกว่าทุกครั้งเลย บีรีบเปิดประตูออกไปทันที แต่สิ่งที่เห็นคือ ไม่มีใครเลย.. คือถ้าวิ่งหนีก็ต้องได้ยินเสียงร้องเท้า แต่ใครจะวิ่งได้ไวขนาดนั้น? แต่นี่คือว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงา พอบีเห็นแบบนั้นมันก็คิดว่าคงโดนแล้วแน่ๆ เลยรีบปิดประตูวิ่งกระโดดขึ้นเตียงทันที ที่เหลือก็รีบพากันอาบน้ำแล้วก็รีบเข้านอนเช่นกัน

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse

ชายที่ตามมา!!


                     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เองครับ ตัวผมทำงานอยู่ที่โรงงานเก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี เป็นโรงงานเก่าแก่ครับ เช้าวันหนึ่งช่วงก่อนเข้าพรรษา ขณะที่ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปทำงานตามปกติ อยู่ๆ ก็มีความรู้สึกว่ารถผมเร่งไม่ค่อยขึ้นเหมือนเคย ตอนนั้นผมก็คิดว่ารถผมคงมีปัญหาที่เครื่องยนต์ ก็ไม่ได้คิดอะไร ผมไปถึงที่ทำงาน และเข้างานตามปกติ แต่ตอนทำงานผมมีความรู้สึกปวดเมื่อยที่หัวไหล่ทั้งสองข้างอย่างมาก ตอนเวลา 11 โมง ผมเลยขออนุญาตหัวหน้าไปพักก่อนเวลา หัวหน้าเลยให้ไปนอนที่หอพักพนักงาน ซึ่งผมขอเอาไว้ห้องหนึ่งเผื่อเวลาฝนตก หรือทำโอทีดึก จะได้นอนพัก ผมเข้าห้องไปก็นอนหลับเลยครับ แล้วก็เริ่มฝัน ในความฝันของผมมันสะเปะสะปะ แต่ในเรื่องราวจะมีผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก อยู่ในฝันทุกๆ เรื่อง ผมนอนจนถึงเวลาใกล้บ่ายกำลังจะตื่นไปทำงาน ผมนอนในท่าเอามือขวาก่ายหน้าผาก แล้วผมก็มีความรู้สึกว่าแขนขวาผมที่ก่ายหน้าผากมันยกไม่ขึ้นครับ และเหมือนมีแรงกดลงมาที่หน้าผมแรงมากๆ แรงจนรู้สึกเจ็บที่หน้า ผมพยายามลืมตาแต่ก็ลืมได้เพียงลางๆ ผมเห็นเงาผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ยืนมองมาที่ผม ด้วยความที่ผมเป็นคนที่เชื่อ แต่ไม่กลัวเรื่องแบบนี้เท่าไร ผมจึงนึกในใจว่า ‘ต้องการอะไรก็บอก อย่าแกล้งกันแบบนี้ จะไปทำงาน ปล่อยเราแล้วอยากจะได้อะไรก็บอกมา..’ แต่ไม่เป็นผลครับ แขนผมยิ่งหนัก และกดลงมาที่หน้าแรงกว่าเดิม ผมพยายามต้านจนเริ่มโมโห จึงนึกในใจไปอีกว่า ‘ไอสัส กูจะไปทำงาน อยากได้อะไรทำไมไม่บอกดีๆ แกล้งกูทำเหี้ยอะไร? ถ้ามึงยังไม่หยุดกูจะแช่งไม่ให้มึงไปผุดไปเกิด’ แต่สถานะการณ์ก็ยังเหมือนเดิมครับ..

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse

ผีหยอกกลับ!!


           เรื่องนี้อาจจะฟังดูแปลก แต่ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเราเองค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 5-6 ปี ตอนเราเรียนอยู่ชั้น ม.2 เราเรียนที่โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เราเป็นเด็กกิจกรรมเป็นแดนเซอร์ของโรงเรียน และอย่างที่รู้กันว่าเด็กกิจกรรม มักจะต้องมีเหตุให้กลับบ้านค่ำกว่าคนอื่นๆ แน่นอน.. ช่วงนั้นเราต้องซ้อมเต้นทุกวัน ซึ่งก็เป็นไปตามปกติราบรื่นดี ถึงแม้ว่าเราจะเคยได้ยินรุ่นพี่เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องผีในโรงเรียนอยู่บ่อยๆ ซึ่งเราเองก็ยังไม่เคยเจอหรอก จนมาวันหนึ่ง วันที่เกิดเหตุการณ์ที่เราจำได้ไม่เคยลืม..  วันนั้นช่วงประมาณ 6 โมงค่ะ เราซ้อมเต้นอยู่ในโรงยิม จู่ๆ เราก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ เลยชวนรุ่นพี่ไปเป็นเพื่อนด้วย 1 คน ลักษณะห้องน้ำมันจะเรียงติดกันยาวๆ เรากับรุ่นพี่เข้าห้องน้ำติดกัน แต่เราทำธุระเสร็จก่อนรุ่นพี่ แล้วเราก็นึกสนุกค่ะ เราไปแอบข้างประตูแล้วร้อง ‘ตั๊กแก่’ ให้รุ่นพี่ที่ออกมาทีหลังตกใจเล่น ซึ่งก็ได้ผลค่ะ รุ่นพี่ตกใจร้องกรี๊ดลั่นเลย รุ่นพี่คนนี้แกกลัวตุ๊กแกมากๆ

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse

เรื่องของผลกรรม!!


            ตอนเรายังเด็ก เรามีนิสัยชอบทรมาณสัตว์ ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงอย่างหมาแมวอะไรแบบนั้นนะคะ อย่างช่วงที่เราย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ ไปอยู่กับตาที่ภาคเหนือใหม่ๆ เราไม่เคยเห็นหอยทากมาก่อนค่ะ เห็นมันมีตายื่นออกมาแปลกดี เราเลยไปเอากรรไกรมาตัดลูกตาของมันทั้ง 2 ข้าง เราก็นั่งดูมันหดกลับเข้าไปในเปลือก แล้วเราก็หยิบตัวมันโยนลงพื้นแรงๆ แล้วเหยียบซ้ำๆ อีก ต่อไปเป็นเรื่องของมดค่ะ อันนี้คือติดนิสัยเลย เวลาเห็นมดแดงเดินตัวเดียว เราจะจับมันมาแบบทนุถนอม ก่อนจะหาอะไรคมๆ มาตัดหัวมัน แล้วคอยดูว่ามันเดินยังต่อได้อีกนานไหม? ซึ่งมันก็ยังเดินไปได้อีกพักหนึ่งเลย ก่อนที่จะตายไปสุดท้ายคือการจับปลาตัวเล็กๆ มาใส่ในขัน โดยน้ำในขันจะเป็นน้ำผงซักฟอก หรือไม่ก็น้ำเย็นๆ ปลาที่เอามาก็พวกปลาหางนกยูงที่พ่อเลี้ยงไว้ในบ่อซีเมนต์นั่นล่ะค่ะ จับมาวันละตัวๆ ดูมันค่อยๆ ตายในขัน.. แล้วเราก็ทรมานสัตว์ซ้ำๆ อยู่แบบนี้ไปเรื่อย จนพอโตขึ้นเราก็เลิกนิสัยนี้ไปเอง แต่ว่า.. ทุกวันนี้พอเรามองย้อนกลับไป เรารู้เลยค่ะว่าเราคงได้รับผลกรรมจากสิ่งที่ทำแล้ว ไล่ทีละเรื่องเลยนะคะ เรื่องตัดตาหอยทาก ทำให้เรากลายเป็นคนสายตาสั้นมากและมัวมาก คือสายตาเรียกว่าเสียไปเลย ทุกวันนี้แว่นที่ใส่ยังหาความพอดีไม่เจอเลยค่ะ ตัดยังไงก็มัว.. ส่วนเรื่องมด ทำให้เราปวดหัวบ่อย ปวดจี๊ดแบบไม่มีสาเหตุ ไปหาหมอหมอก็บอกว่าเป็นไมเกรน ทุกวันนี้ไม่รักษาแล้วนะคะ รักษายังไงก็ไม่หาย.. สุดท้ายคือปลา ทำให้เราเป็นท้องอืดถ่ายไม่เป็นปกติ ท้องไส้แย่ระดับแย่มากกกกก 7 วันจะถ่ายครั้งนึง แถมแพ้อากาศเย็นสุดๆ เวลาอาบน้ำจะอาบน้ำเย็นไม่ได้เลย ผิวแสบไปหมด..

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562

ฝังไว้ในพื้นดิน!!


              เรื่องนี้เป็นเรื่องของน้องคนหนึ่งที่ผมรู้จักชื่อว่า ฝ้าย ครับ ฝ้ายเล่าเรื่องราวน่ากลัวนี้ให้ฟังว่า เมื่อปี พ.ศ. 2559 ฝ้าย กับ แพรว เพื่อนอีกคนหนึ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด เข้ามาหางานทำในเมืองเหมือนคนทั่วไป โดยไปอาศัยอยู่บ้านญาติก่อน พออยู่บ้านญาติได้ 2 เดือนก็ออกไปหาห้องเช่าอยู่ เป็นห้องแถว 2 ชั้นอยู่สุดซอยแห่งหนึ่ง มีต้นโพธิ์ และชิงช้าอยู่หน้าตึกพอดี พอฝ้ายกับแพรวย้ายเข้าไปแล้วก็ตกใจ เพราะในห้องมีผ้ายันต์สีแดงติดอยู่ ไม่พอ ที่อ่างล้างหน้าก็พบกำไลวางอยู่คู่หนึ่ง คิดในใจว่าคงเป็นกำไลข้อเท้า ครั้นจะไม่เอาห้องนี้ก็ไม่ได้ เพราะเป็นห้องเดียวที่ว่างอยู่ สองสาวขนของเข้ามาเตรียมพร้อมที่จะเข้าอยู่ คืนแรกทั้งสองคนฝันเหมือนกันว่า มีผู้หญิงใส่ชุดนางรำเดินรำวนรอบเตียงนอน แล้วพอตื่นขึ้นมาก็ต้องแปลกใจ เมื่อกำไลมาใส่อยู่ที่ข้อเท้าของทั้งสองคน แต่ใส่คนละข้าง ทั้งคู่รีบถอดออก แล้วก่อนไปทำงานก็เอากำไลนั้นไปวางไว้ที่โคนต้นโพธิ์หน้าตึก แต่พอเลิกงานกลับมาพร้อมกัน ก็พบว่ากำไลคู่นั้นกลับมาวางอยู่ในห้องที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอีก! เหตุการณ์นี้เป็นไปแบบเดิม 6 วัน จนคืนวันที่ 7 ทั้งสองคนถือกำไลออกมาจากห้องเพื่อจะไปทิ้งที่ใต้ต้นโพธิ์เหมือนเดิม ขณะนั้นเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ คนในห้องแถวนั้นหลับพักผ่อนกันหมดแล้ว ฝ้ายที่กำลังเดินตามหลังแพรวอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงดนตรีไทยปี่พาทย์ลอยมาตามลม.. จังหวะที่แพรวนั่งลงไปวางกำไล ฝ้ายหันไปมองที่ห้องตัวเองก็ถึงกับตาค้าง เพราะเห็นเงาดำที่หน้าต่างเป็นนางรำกำลังรำอยู่ในห้อง! ฝ้ายตกใจมากรีบสะกิดบอกแพรว แต่พอแพรวหันมา ภาพที่เห็นคือ แพรวตาขวางแล้วค่อยๆ ทำท่าตั้งวง ก่อนจะลุกขึ้นเดินรำไป เดินรำไปที่ห้องซึ่งเปิดประตูไว้อยู่ ฝ้ายเดินตามไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ พยายามเรียกชื่อแพรว แต่แพรวก็ยังคงเดินหน้ารำต่อไป..

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse

เริ่มต้นรู้จักผี!!


           เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นการรู้จักผีของเราเลยค่ะ ย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ เราเป็นเด็กบ้านนอก อาศัยอยู่กับตายาย เราชอบออกไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายกับตา ตายายมีอาชีพเลี้ยงวัวเลี้ยงควายขายค่ะ ตั้งแต่เราจำความได้ เราไม่เคยรู้เลยว่าผีคืออะไร ไม่เคยกลัวผี แต่ตาบอกว่าเรามักจะมีอาการบางอย่าง ทุกครั้งที่มีผีหรือวิญญาณเข้ามาใกล้ ซึ่งตาของเราจะรู้ดีเพราะแกเป็นหมอผีค่ะ มีวันหนึ่ง เราไปดูตาไถนากับญาติพี่น้อง เรานั่งรอที่กระท่อม กว่าตาจะไถนาเสร็จก็ปาเข้าไป 6 โมงเย็นแล้ว ล้างมือล้างเท้าเพื่อเตรียมจะกินข้าวกัน ก็จุดไฟตะเกียงเพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว ขณะที่นั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ๆ เราก็แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ตาเราดูออกทันที เลยรีบหยิบพระที่แขวนบนเสามาห้อยคอให้เรา เราก็หาย แต่ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก thehouse

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...