วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์!!


                สำหรับที่นี่ ก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าผีดุครับ เหตุเพราะมีเรื่องผี มีเรื่องเล่าเยอะ แต่ยังไม่เคยมีใครประสบพบเจอกับตัวเอง แต่สำหรับตัวผม ขอยกให้มหาวิทยาลัยนี้ตื่นเต้นที่สุดครับ เหตุเพราะมีผู้หญิงคนที่ผมแอบชอบ ร่วมเดินทางมาลองของด้วย (โอ๊ย !!) การมาลองของที่มหาวิทยาลัยนี้ ผมก็ได้ความช่วยเหลือจากชมรมดนตรีลูกทุ่งของที่นี่ครับ ซึ่งได้ส่งน้องโชน นักศึกษาคณะประมงปี 2 มาเป็นผู้นำทาง (น้องโชนนี่พอได้เจอตัว บอกเลยน้องเค้าเหมาะเรียนประมงจริง ๆ ครับ ทั้งรูปร่างและสีผิว คือถ้าเดินลากอวนมาด้วยนี่ก็ออกทะเลได้เลยแหละ)

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

หอสกายวิว!!


       เรื่องสุดท้ายแล้วครับ อย่างที่เล่าไปตอนต้น ม.กรุงเทพ นี่ผีในมหาวิทยาลัยไม่ค่อยมีครับ แต่ผีตามหอนี่เพียบ และที่ดังสุดนี่ก็คงไม่พ้นผีที่หอสกายวิว เรื่องนี้ผมขอใช้คำว่าตำนานเลยละกันนะครับ เพราะไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า (ตำนานนี้ดังพอตัวครับ เคยเล่าออก The Shock ด้วย) ว่ากันว่าช่วงใกล้ ๆ ถึงวันคริสต์มาส ทางหอก็นำเอาต้นคริสต์มาสใหญ่โตมาประดับตั้งไว้ที่ล็อบบี้ครับ เหตุเกิดเค้าว่าอยู่ที่ชั้น 9 ครับ (ห้อง 926) แฟนคู่หนึ่งเกิดทะเลาะกัน แล้วฝ่ายชายเกิดพลาดตกระเบียงลงมา หัวทิ่มปักเข้ากับต้นคริสต์มาสตายคาที่ (คือหอสกายวิวนี่ทางเดินน่ากลัวครับ ห้องจะเรียงเป็นวงกลมแล้วจะปล่อยเป็นโพรงใหญ่ ๆ ไว้ตรงกลาง เค้าตกลงมาที่โพรงนี้ล่ะครับ)

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

เรือนไทย!!


                 ตรงบริเวณใกล้ศาลของมหาวิทยาลัย จะมีเรือนไทยอยู่ครับ ตอนกลางวันนี่จัดว่าเป็นเรือนที่สวยงามมาก แต่กลางคืนนี่ยังกับหนังผีเขย่าขวัญเลยครับ แถมรอบ ๆ ยังมีต้นไทรต้นใหญ่เรียงเป็นแนวอีก เรือนไทยนี้เล่าว่าคนโดนกันเยอะครับ เดินผ่านมีเสียงดนตรีไทยบ้างอะไรบ้าง ทางเรื่องที่ผมฟังมานี่เค้าว่า มีเด็กนั่งทำงานกันอยู่บนเรือนครับ ก็เสียงดังกันตามประสาวัยรุ่น จังหวะนั้นก็มีน้องคนนึงมองไปที่ตู้ (บนเรือนไทยจะมีตู้ยาว ๆ อยู่ครับ ไว้เก็บชฎา เก็บเครื่องดนตรี) น้องคนนี้เค้าเห็นมีผู้หญิงแต่งชุดรำเต็มยศ หน้าขาว ยืนจ้องมาจากในตู้ครับ

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

ศาลหอแกรนด์!!


     เรื่องโคตรดังประจำมหาวิทยาลัยนี้ครับ มีครบทั้งลูกเล่นและวิธีโดนหลอก เป็นอีกหนึ่งเรื่องผีที่ผมรู้สึกว่ามันเท่มาก ศาลที่ว่านี้ตั้งอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยครับ ลงสะพานลอยมาจะเจอเลย (รึเปล่า ?) เหตุผลที่ถูกเรียกว่า ศาลหอแกรนด์ เพราะตั้งอยู่หน้าหอแกรนด์คอนโดครับ (หอแกรนด์นี่เรื่องผีเดือดสุด ๆ เลยนะครับ มีครบทั้งผีอิสลาม ทั้งผู้ชายร่างยักษ์ตาแดง โดดตึก โดนยิง นี่ครบ) ตำนานเล่าไว้ว่า ศาลนี้ จะเห็นเฉพาะเด็กปี 1 เข้ามาใหม่และมีข้อแม้สำคัญคือห้ามเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเด็ดขาด ไม่งั้นจะไม่เห็น ศาลที่ว่านี่พบเห็นกันหลายรูปแบบครับ ทั้งว่าเป็นศาลไม้ แต่ส่วนใหญ่หลาย ๆ คนจะตอบตรงกันว่าเป็นศาลปูนสีขาวใหญ่โต อันนี้ตอนแรกที่ผมได้ฟังผมคิดเลยว่าโคตรเพ้อเจ้อครับ มาขำไม่ออกตอนเพื่อนผม คุณฟิล์ม (คนเดียวกับที่ขึ้นไปรำบนเรือนนางสนม และโดนผีนางรำพี่น้องตามกลับมาจากจุฬาฯ) มาบอกผมด้วยใบหน้าตื่นเต้นว่า "ผมเองก็เคยเห็นศาลที่ว่าครับ (!) แต่เห็นครั้งเดียว จากนั้นก็ไม่เคยเห็นอีกเลย"

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (รังสิต)!!


                       ทุกครั้งที่ได้ไปเยือนมหาลัยนี้ ผมเป็นต้องใจเต้นทุกครั้งเลยครับ สาว ๆ นักศึกษาที่นี่น่ารักมาก(การันตีด้วยอันดับ 1 โพลผลโหวต มหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาน่ารักที่สุดของปีที่แล้ว) แต่กับเรื่องผีนี่คนละเรื่องเลยครับ ตอนที่ผมหาข้อมูลเตรียมไปถ่ายเกี่ยวกับเรื่องผีของที่นี่บอกได้เลย... ว่าไม่มีแม้แต่เรื่องเดียว ไม่มีจริง ๆ ครับ ตามเน็ต ตามกระทู้ ตามเว็บบอร์ดเมื่อพูดถึงมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ล้วนมีแต่เรื่องสยองตามหอพักทั้งนั้น คนโดดตึกตายบ้าง โดนยิงบ้าง แต่ในตัวมหาวิทยาลัยนี่ไม่มีเลย (เล่นเอาโมโหจนเผลอบ่นออกมาเลยครับ ว่าเด็กที่นี่มันยังไง เรียนกันอยู่ไม่มีตายกันบ้างไง? (ฮ่า)) ผมวางแผนไว้ว่าจะเริ่มถ่ายกันประมาณสองทุ่มครับ ขณะที่กำลังจะตัดใจอยู่แล้วนั่นเอง เวลาประมาณ 18.30 น. ก็มีแสงสว่างส่องลงมาครับ น้องสนิทผมคนนึง (ตอนนี้ไปอยู่เชียงใหม่แล้ว) โทรมาเล่าเรื่องผีของ ม.กรุงเทพ ให้ผมฟังครับ เธอได้ข่าวว่าผมกำลังหาข้อมูลอยู่ แล้วข้อมูลที่ได้มานี่บอกเลยว่าพลิกคดีจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยครับ จากมหาวิทยาลัยที่ไม่มีเรื่องผี กลายเป็นว่าเรื่องผีของที่นี่ ซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดเอาไปสร้างละครได้เลย

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

สนามฟุตซอล คณะสถาปัตยฯ!!


       ที่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ เค้าจะมีสนามฟุตซอลภายในตัวตึกด้วยนะครับ ตอนเห็นครั้งแรกนี่อิจฉามาก และเรื่องผีของที่นี่ก็สืบมาจากสนามที่ว่านี้ล่ะครับ (ตอนรู้เริ่มไม่ค่อยอิจฉาละ) ตอนเย็น ๆ ยาวไปถึงค่ำ ๆ เนี่ย จะมีเด็กนักศึกษามาเตะบอลกันแหละครับ และระหว่างเตะก็มีคนเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมายืนดูอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง มาดูทุกวันเลยนะครับ เห็นทุกวันแถมเห็นกันทุกคน จนวันหนึ่งน้องคนนึงมันก็ทนสงสัยไม่ไหว ก็ขึ้นไปกะชวนคุย ถามว่าเป็นใคร มีธุระอะไรรึเปล่า ? ก็เดินขึ้นบันไดคดเคี้ยวเลาะไปครับ พอขึ้นไปถึง ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นมีแค่ครึ่งตัว แถมยังหันมายิ้มให้แล้วก็หายไป

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

เชียร์ลีดเดอร์!!


       เรื่องต่อมาเป็นเรื่องของสาว ๆ เชียร์ลีดเดอร์คณะรัฐศาสตร์ครับ พวกเธอเล่าให้ฟังว่าก็ซ้อมเต้นกันอยู่หลังตึกคณะตัวเอง (หลังตึกรัฐศาสตร์จะเป็นตึกกิจฯ) ก็เต้นไปตามท่าเค้าล่ะครับ แล้วมันจะมีอยู่ท่าหนึ่งที่ทำให้ต้องมองลอดใต้หว่างขาโดยบังเอิญ จังหวะนั้นล่ะครับ เธอเล่าให้ฟังว่าเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่บนขอบดาดฟ้าตึกรัฐศาสตร์

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

ตึกกิจการนิสิต!!


        อาร์ตตี้เล่าให้ฟังครับว่าตึกกิจฯ แต่ก่อนนี่น่ากลัวได้เรื่องอยู่ เป็นอาคารไม้ 1 ชั้นครึ่ง (อีกครึ่งเป็นชั้นใต้หลังคา) เห็นว่ามีคนผูกคอตายตรงใต้หลังคาด้วย แต่ทุกวันนี้ตึกกิจฯ ไม่น่ากลัวแล้วครับ ปรับปรุงใหม่กลายเป็นตึกลงทะเบียนดูสวยงาม เส้นทางเดินไปยังตึกกิจฯ ถ้าเรานึกภาพตามสมัยนั้นก็คงน่ากลัวจริง ๆ ครับ เพราะก่อนถึงตึกกิจฯ จะต้องเดินผ่านต้นไทรต้นเบ้อเร่อ ผ่านต้นไทรยังมาเจอตึกไม้เก่า ๆ อีก ก็เข้าใจทำไมแต่ก่อนนักศึกษาถึงไม่ค่อยอยากเดินผ่านตึกกิจฯ ตอนดึก ๆ มาเรื่องผีกันบ้างครับ อาร์ตตี้เล่าให้ฟังว่าเค้าเคยมาเก็บของที่ตึกกิจฯ ตอนหัวค่ำ (ห้องสโมสรนิสิตรัฐศาสตร์) เปิดประตูเข้าไปพบคนยืนหันหลังอยู่ในห้อง อาร์ตตี้ ก็ตะโกนถามไปว่า "ใครน่ะ ?" คนคนนั้นไม่ตอบครับ แต่วิ่งหนีไปด้านหลัง อาร์ตตี้ก็ตามไป เรื่องมันมาหลอนตรงนี้ครับ เพราะห้องมันห้องนิดเดียว แต่อาร์ตตี้หาตัวคนที่ว่าไม่เจอ ทางเข้าทางออกก็มีประตูเดียว แล้วมันหายไปไหน

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

ชั้น 2 ตึกรัฐศาสตร์!!


             ตึกรัฐศาสตร์ที่นี่เก่าเกือบร้อยปีเลยนะครับ เห็นว่าตอนนี้เป็นตึกอนุรักษ์ของกรมศิลปากรแล้วด้วย และเรื่องผีเรื่องนี้ผมฟังมาจากแม่บ้านที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนี้มาตั้งแต่เกิด (ตั้งแต่เกิดจริง ๆ ครับ แกเล่าว่าแกคลอดในจุฬาฯ) แกว่าที่ตามตึกกิจฯ (กิจการนิสิต) ตามตึกรัฐศาสตร์ ไอ้เรื่องได้ยินเสียงดนตรีนี่เรื่องปกติครับ มีไม่ปกติก็ที่ชั้น 2 แกเล่าว่าเคยมีคนนั่งอ่านหนังสืออยู่ ระหว่างอ่านก็มีร่างของคนคนหนึ่งเดินผ่าน คนที่อ่านหนังสืออยู่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็คนผ่านไปผ่านมาธรรมดา จนเล่นเอาช็อกเกือบตกเก้าอี้ ก็ตรงมาเห็นว่าคนที่เดินผ่านไปเมื่อกี้นั้น เป็นคนคนเดียวกับบุคคลในรูปที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว (ตามทางเดินชั้น 2 ตึกรัฐศาสตร์ เมื่อก่อนจะแขวนรูปบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยไว้ครับ ส่วนบุคคลตามเรื่องเล่าท่านเป็นใครผมขอไม่เอ่ยถึงละกัน ขอเซฟตัวเองนิดนึงครับ เดี๋ยวโดนด่าว่า มาอ้างว่าอาจารย์ฉันกลายเป็นผีได้ยังไงอีก)

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย!!


     ไปลองของมาหลายมหาวิทยาลัยครับ แต่ที่จุฬาฯ เป็นที่เดียวเลยที่แตกต่างจากที่อื่น คือเรื่องผีของที่นี่ มันจะแฝงไปด้วยอารมณ์อุ่น ๆ ใส ๆ เหมือนโทนหนังญี่ปุ่น feel good ให้ความรู้สึกดีมากกว่าจะรู้สึกกลัว สำหรับผู้ที่จะพาผมบุกเรื่องผีในมหาวิทยาลัยนี้แบ่งได้เป็น 2 คน 2 ทางครับ คือน้องอาร์ตตี้ เป็นคนพาทัวร์คณะรัฐศาสตร์ และน้องไอซ์ จะพาทัวร์ฝั่งนิเทศฯ สำหรับเรื่องความเก่าแก่นั้นหายห่วงครับ ที่นี่คือมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย มาเริ่มเรื่องแรกกันเลยครับ (ผมขอไม่พูดถึงเรื่องเก่า ๆ ตามอินเทอร์เน็ตแล้วกันนะครับ เอาเฉพาะเรื่องที่ผมไปค้นข้อมูลมาในมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง)

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

โรงพยาบาลเก่า!!


             นักศึกษาที่นี่มีหลายคนนะครับ ที่เข้าใจผิดคิดว่าตึก 3 คือโรงพยาบาลเก่า จริง ๆ ไม่ใช่ตึก 3 ครับ เป็นตึก 2 ต่างหาก และที่มีคนสนใจกันเยอะก็เพราะลิฟต์ของตึกนี้นี่ล่ะครับ ซึ่งถ้าเป็นตามเรื่องเล่าที่ว่าตึก 2 คือโรงพยาบาลเก่า ก็แปลว่าลิฟต์ตึกนี้ (ก่อนจะมาเป็นตึกเรียน) ต้องเคยผ่านการขนย้ายคนเจ็บมามากมาย และแน่นอนหลายครั้งต้องมีคนตายรวมอยู่ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหลายที่เคยโดยสารลิฟต์ตัวนี้ และจากที่ผมไปลองมา ก็มีความน่าจะเป็นที่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงอยู่มากเลยครับ เพราะลิฟต์ตึก 2 มีขนาดที่กว้างและใหญ่โตมาก กว้างแบบที่ลิฟต์ตามโรงพยาบาลเป็นกัน เพราะต้องมีขนาดกว้างไว้รับรองเตียงผู้ป่วยได้นั่นเอง

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

ลิฟต์แม่บ้าน!!


                เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น้องผมโดนมากับตัวครับ เธอเป็นสาวประเภทสองชื่อน้องน้ำ คือที่ตึกนิเทศฯ จะมีลิฟต์ตัวที่แม่บ้านใช้ทำงานอยู่ครับ เป็นลิฟต์ที่สีสันโดดเด่นมาก (สีม่วง-เหลือง) เด็กหลาย ๆ คนก็จะรู้จักกันในนามลิฟต์แม่บ้าน วันนั้นน้องน้ำก็ไปเรียนตามปกติครับ กลางวันแดดเปรี้ยง ๆ เลย ก็ขึ้นลิฟต์แม่บ้านไปพร้อมกดชั้น 5 แต่ลิฟต์ดันไปเปิดที่ชั้น 3 ทั้ง ๆ ที่ลิฟต์ตัวนี้ไม่มีให้ปุ่มกดออกที่ชั้น 3 นะครับ พอเปิดชั้น 3 น้องน้ำก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดว่า "รอด้วย" น้ำชะโงกหน้าออกไปดูก็ไม่เห็นเงาใครแม้แต่คนเดียว (ถึงตรงนี้น้ำชักเริ่มเสียวสันหลังละ) ลิฟต์ก็ขึ้นต่อไปยังชั้น 5 ครับ ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ น้ำก็เล่าว่าไม่รู้หลอนเพราะกลัวหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนมีลมหายใจมารดที่ต้นคอตลอดเวลา ในที่สุดก็ถึงชั้น 5 พอลิฟต์เปิดน้ำก็สาวเท้าออกมาโดยไว จังหวะที่ลิฟต์กำลังจะปิดนั้นเอง ที่น้ำได้ยินเสียงผู้ชายคนเดิมอีกครั้งว่า "ทำไมไม่รอ... ทำไมไม่รอ..."

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

ห้องแกรนด์เปียโน!!


          เรื่องเกิดจากเด็กนาฏศิลป์กลุ่มหนึ่งได้ขึ้นมาทำกิจกรรมในห้องแกรนด์เปียโน แล้วเหมือนว่าไม่ได้มีการบอกกล่าวหรือไหว้ขอนุญาตใด ๆ ในห้องนี้ก่อน (มหาวิทยาลัยนี้ ทุกห้องทุกตึกจะมีบรมครูอยู่ทุก ๆ ที่) นักศึกษาหญิงคนนึงในกลุ่มที่เป็นคนมีเซ้นส์อยู่ดี ๆ ก็เกิดชัก อารมณ์ประมาณว่าของเข้า ขณะที่ทุกคนกำลังพยายามช่วยเพื่อนที่โดนของเข้าอยู่นั้นเอง ก็มีนักศึกษาหญิงอีกคนเห็นเงาผู้ชายแก่ ๆ ยืนอยู่ข้าง ๆ เปียโนในห้อง

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

ใต้ดินตึกศิลปกรรม!!


                ว่ากันว่าที่ชั้น G ตึกศิลปกรรม หรือก็คือชั้นใต้ดินนั่นเอง ในสมัยยังเป็นวังนั้นที่ตรงนี้เป็นคุกเก่า (ตอนที่ผมไปบอกเลยว่าน่ากลัวมาก ช่วงตีนบันไดก็ยังพอมีไฟฟ้าอยู่บ้าง แต่พอเดินไปลึก ๆ นี่มืดตื๋อเลย ตามสองข้างทางก็จะเป็นห้องเรียน ลองมองส่องเข้าไปห้องนึง ป๊ะเข้ากับหุ่นเขียนแบบ หัวใจเกือบวาย) ดึก ๆ เห็นว่ายามจะได้ยินเสียงโซ่ตลอด (น่าจะเป็นโซ่ตรวนที่ล่ามขานักโทษ) เด็กจิตรกรรมคนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า เคยอยู่ดึก ๆ เขียนงานไปดูดบุหรี่ไป ยังเคยเจอแม่ (พระนางสุนันทา) มาเตือนให้เลิกดูดบุหรี่ จนสุดท้ายทุกวันนี้ไม่มียามกล้าอยู่เฝ้าชั้นใต้ดินตอนดึก ๆ เลยแม้แต่คนเดียว

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

ป้ายแม่ตะเคียน!!


           นี่คือเรื่องที่พีคที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้เลยก็ว่าได้ จะมีต้นไม้ใหญ่อยู่แถว ๆ ตึกวิทย์ฯ เก่า ที่ต้นไม้นั้นจะมีป้ายไม้เล็ก ๆ อยู่ป้ายหนึ่ง (สังเกตไม่ยาก เพราะของไหว้เพียบ) เล่าว่าป้ายนี้ทำมาจากไม้ตะเคียนและมีนางตะเคียนสถิตอยู่ข้างใน เคยมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งไปถ่ายรายการแล้วจุดธูป 1 ดอก หนึ่งในนั้นถึงกับร้องไห้แตกขึ้นมากลางวง เธอเล่าให้ฟังทีหลังว่าระหว่างที่จุดธูปไหว้อยู่ เธอเห็นผู้หญิงแต่งตัวแบบโบราณ หน้าขาว ปากแดงอยู่ใต้ป้ายไม้ดังกล่าว แล้วหญิงโบราณคนนี้ก็ลอยพุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าเธอ จากนั้นเธอก็อึดอัด หายใจไม่ออก จนต้องร้องไห้ออกมา

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

สนามบาส!!


        เคยมีเดือนมหาวิทยาลัยคนหนึ่งได้เสียชีวิต เดือนคนนี้เป็นนักบาสด้วย ช่วงที่เค้าตายใหม่ ๆ มีคนเล่าว่าเห็นเดือนคนนี้เล่นบาสอยู่ในสนาม เห็นว่าถ้าอยากเจอให้มาเล่นบาสคนเดียวดึก ๆ แล้วจะได้ยินเสียงเดาะบาสเพิ่มขึ้นมาโดยที่ไม่ใช่เสียงจากลูกบาสของเรา

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

ลานจอดรถตึก 10!!


         เป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับนักศึกษาคณะภาพยนตร์กลุ่มหนึ่งที่กำลังถ่ายหนังผีกันอยู่ ขณะถ่ายทำน้องคนที่เป็นผู้กำกับเห็นทีมงานตัวเองคนหนึ่งยืนขวางอยู่ในเฟรม ก็เลยตะโกนบอกให้หลบ ไอ้คนที่ยืนขวางก็มึนยืนเฉยไม่สนอะไร ตาผู้กำกับคนนี้ก็เลยโมโหลุกเดินไปด่าไปเตรียมเอาเรื่องเต็มที่ แต่พอเดินไปถึง คนคนนั้นที่ยืนขวางก็หันมายิ้มแล้วกระโดดตึกร่วงลงหายไปเลย (ตั้งใจจะถ่ายหนังผีดันเจอผีจริง ๆ กลายเป็นตำนานไปพักนึงเลยทีเดียว)

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

ห้องน้ำหญิง ตึก 5 (วิศวะ)!!


            เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นแค่ตำนาน แต่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เมื่อนักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ถูกแฟนหนุ่มใหญ่ลากออกมาจากห้องสอบ (สาเหตุคงเรื่องหึงหวง) ฝ่ายชายลากฝ่ายหญิงเข้าไปเคลียร์กันในห้องน้ำ มีเสียงทะเลาะโวยวายกันได้สักพัก ฝ่ายชายก็เอาปืนยิงฝ่ายหญิงก่อนที่จะยิงตัวเองตายตาม ช่วงเกิดเรื่องใหม่ ๆ นี่บอกเลยว่าหลอนโคตร มีคนได้ยินเสียงทะเลาะกันตามด้วยเสียงปืนเวลาเดิม ๆ แทบทุกวัน (เค้าว่าคนที่ฆ่าตัวตายจะต้องติดอยู่ในลูป ทำเหตุการณ์ซ้ำตอนที่ตายเหมือนเดิมไปเรื่อย ๆ) ห้องน้ำห้องที่ว่าปกติก็น่ากลัวอยู่แล้ว ตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง พอเกิดเรื่องก็มีสายสิญจน์มาพันรอบ ๆ อีก บอกเลยว่าเดือด

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

ลิฟต์ตึก 3 !!


 ตึก 3 นับได้ว่าเป็นตึกที่เก่าที่สุดเป็นอันดับ 2 ของมหาวิทยาลัย ลิฟต์ที่ตึกตอนกลางวันจะใช้งานได้ปกติธรรมดา แต่ตกกลางคืน ลิฟต์จะเปิดเองเป็นประจำ (ถ้าจะบอกว่าลิฟต์มันเสีย ทำไมมาเจาะจงเสียเฉพาะตอนกลางคืนล่ะ ?) หากเรากดชั้นไหน มันจะไม่ค่อยยอมไปตามชั้นที่เรากด เช่น กดชั้น 6 ลิฟต์ดันจอดชั้น 5 (ซึ่งชั้น 5 เป็นชั้นของนิติศาสตร์ เคยมีคนเห็นผู้หญิงชุดขาวในกระจกข้างลิฟต์เป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่ข้างลิฟต์ชั้นนั้นมันไม่มีกระจก !! ตัวเราก็เคยประสบกับตัวเช่นกัน ยืนรอเพื่อนอยู่ชั้น 5 ตรงริมทางเดิน สักพักก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ที่ริมทางเดินของอีกฝั่ง พยายามไม่คิดอะไรบอกตัวเองว่าคงหูฝาด แต่เสียงเดินที่ว่ามันดันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทีนี้เลยไม่รอแล้วเพื่อน ขอลงก่อนโดยฉับพลัน)

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

มหาวิทยาลัยรังสิต!!


           มหาวิทยาลัยรังสิต นับเป็นมหาวิทยาลัยที่เรียกได้ว่ามีผีเยอะที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลก็ว่าได้ จากข้อมูลที่ผู้มีสัมผัสทางวิญญาณท่านหนึ่งได้เคยอธิบายเอาไว้ บริเวณเมืองเอก (ชื่อสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรังสิต) มีลักษณะพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ นัยว่าไม่ดีตามหลักฮวงจุ้ย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยบ้านถูกปล่อยทิ้งร้างไร้ผู้ดูแล (เช่น บ้านร้าง 9 หลัง และบ้านร้างบันไดแดงสุดโด่งดังของคนชอบลองของทั้งหลาย) ซึ่งผู้มีสัมผัสทางวิญญาณท่านนี้ก็ได้เล่าว่าบ้านร้างเหล่านี้เอง ที่จะเรียกพวกภูติ ผี สัมภเวสีเร่ร่อนมาอยู่อาศัย กลับมาเรื่องสยองของมหาวิทยาลัยรังสิตกันต่อ บอกได้เลย ว่าเยอะกว่าที่ไหน ๆ

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก kapook

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ผีเด็กยุวกาชาด!!


    เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดเลย เป็นโรงเรียนที่นักเรียน ม.ต้น นั้นจะต้องใส่ชุดยุวกาชาด มีอยู่วันหนึ่งทางโรงเรียนได้มีนโยบายให้รื้อห้องน้ำชาย-หญิง ใต้อาคารและจะสร้างเป็นห้องพักครูแทน ส่วนห้องพักครูเดิมจะทำเป็นห้องวิทยาศาสตร์ ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งมีกลุ่มเด็กๆคิดจะทำล่าท้าผีในห้องพักครูเก่า เพื่อนที่ขวัญอ่อนที่สุดในกลุ่มเดินเข้าไปและร้องกรี๊ดออกมาเมื่อพบว่าบนเพดานมีผู้หญิงผมยาวก้มหน้าลงมาพวกพวกเขา จนไม่มีใครกล้าเข้าห้องนั้นอีกเลย แต่แล้ววันเปิดใช้ห้องวิทยาศาสตร์ใหม่ก็ใกล้มาถึง อาจารย์ให้นักเรียนเข้าไปทำความสะอาด ทุกคนต่างเห็นเหมือนกัน นั่นก็คือ เด็กผู้หญิงผมยาวใส่ชุดยุวกาชาด บางวันก็ใส่ชุดนักเรียนแต่ไม่ปักชื่อ นั่งไขว้ห่างอยู่บนเพดาน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอ “ไม่มีหน้า” ทุกคนต่างตั้งคำถามกันว่าเธอเป็นใคร เธอเป็นอะไรตายกันแน่?

เหตุการณ์ระทึกเริ่มอีกครั้งเมื่อมีการขอยืมใช้ห้องวิทยาศาสตร์แห่งนี้ในฝึกซ้อมการแข่งขันสวดมนต์แปล นักเรียนที่เข้าแข่งขันคนหนึ่งเกิดร้องไห้ ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ จนเธอได้สติก็บอกว่ามีคนร้องไห้อยู่ข้างหลัง ไม่กล้ามอง อยู่ดีๆก็สั่นและร้องไห้ออกมาเอง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในระหว่างที่เธอเล่านั้น ประตูห้องถูกปิดลงอย่างแรง ทุกคนวิ่งหนีและต่างบอกกันว่านี่คือ “ห้องผีสิง” ในคาบเรียนภาษาอังกฤษมีการพูดถึงห้องเรียน อาจารย์เล่าแต่เพียงว่าเดิมทีโรงเรียนเป็นเพียงสนามว่างเปล่า จนกระทั่งมีข่าว…. แล้วอาจารย์ก็ไม่ได้เล่าต่อ สร้างความสงสัยในเหล่านักเรียนอย่างมาก จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังไม่มีใครไขปริศนาเด็กหญิงยุวกาชาดไม่มีหน้าคนนั้นได้ว่าเธอเป็นใคร?

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

ขอโต๊ะได้มั้ย!!


     เรื่องนี้เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร ซึ่งเกิดขึ้นในคืนก่อนวันจัดงานนิทรรศการใหญ่ของโรงเรียน จึงไม่แปลกที่นักเรียนและครูจะกลับบ้านดึก เพราะทั้งหมดต้องช่วยกันจัดการความเรียบร้อย ซึ่งนักเรียนกลุ่มหนึ่งก็มีหน้าที่ขนโต๊ะมารวมไว้อีกห้อง ในขณะที่เดินผ่านห้อง 1 ก็ไม่มีโต๊ะไม่มีเก้าอี้เหลืออยู่แล้ว จึงได้ที่ห้อง 2 ก็เห็นว่ามีโต๊ะเหลือแต่ดันมีผู้หญิงผมยาวใส่ชุดนักเรียนนั่งหันหลังอยู่ จึงเริ่มกลัวๆ เพราะห้องนี้ไม่น่าจะมีคนอยู่แล้ว เลยรีบวิ่งกลับไปที่ห้องตัวเองและเล้าให้ทุกคนฟัง หลายคนก็หาว่าตาฝาด แต่ทั้งหมดก็อยากรู้ว่านั่นคือคนหรือผี จึงได้ไปเปิดห้องโสตฯ เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด ก็เห็นว่าทุกคนในห้อง 2 กลับไปหมดแล้วแต่จู่ๆก็มีผู้หญิงคนนึงเดินมาปีนขึ้นไปบนโต๊ะ และทำการผูกคอตาย!! ในขณะที่ดิ้นๆ อยู่นั้นก็ได้หันหน้ามามองที่กล้องวงจรปิดแบบตาไม่กระพริบ!! ทั้งหมดที่ดูก็ได้แต่กรี๊ดแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน พอตอนเช้ามาถึงโรงเรียนเลยถามครูว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร? ครูจึงเล่าให้ฟังว่า “เมื่อก่อนห้องนี้เคยมีรุ่นพี่ที่ถูกแฟนบอกเลิกมาผูกคอตาย!!”

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

ใครอยู่บนคานนั้น!!


     เรื่องราวของโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งศิษย์ทั้งหลายคงเคยได้ยินเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงของกีฬาสี ที่เป็นธรรมดาที่เด็กและครูทั้งหลายจะอยู่โรงเรียนดึกกันกว่าปกติ เพราะต้องซ้อมเชียร์ ซ้อมกีฬา โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้นำเชียร์แต่ละรุ่นเล่าต่อๆ กันมา โดยเฉพาะในส่วนของโรงอาหาร ในขณะที่เชียร์หลีดเดอร์ทั้งหลายกำลังซ้อมเต้นอยู่นั้น ทั้งโรงอาหารได้ยินแต่เสียงนับสเต็ป 5 6 7 8 แต่อยู่ดีๆ คนที่ขึ้นไปอยู่บนยอดของการต่อตัวก็เงียบและกรี๊ดออกมาดังลั่น ทุกคนจึงมองขึ้นไปยังยอด ก็ได้เห็นในสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นเห็น นั่นก็คือผู้หญิงผมยาว ตัวซีดๆ ใส่ชุดสีขาวนั่งอยู่บนคาน พร้อมกับจ้องมองลงมาและปรบมือให้!! ทำเอาทุกคนตกใจและรีบเก็บของหนีออกไปจากโรงอาหารในทันที ทำเอาทุกวันนี้น้อยคนนักที่จะกล้ามองขึ้นไปยังยอดคานนั้น

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

ต้นโพธิ์ในโรงเรียน!!


     เย็นวันหนึ่งมีกลุ่มเด็กๆ ไปปั่นจักรยานเล่นกัน และตกลงกันว่าจะนั่งพักใต้ต้นไม้ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง สักพักก็มีใบโพธิ์หล่นมาอยู่ข้างๆ เด็กผู้หญิงในกลุ่ม ที่เธอนั้นมีเซ้นท์ทางด้านลี้ลับอยู่แล้ว ไม่รู้อะไรเกิดดลใจให้เธอนั้นเดินไปรอบๆ ต้นโพธิ์และสัมผัสมัน หลังจากที่สัมผัสใบไม้นั้นก็มีลมพัดมาวูบหนึ่ง พร้อมกับเสียง “ฮึ่ม” ของใครก็ไม่รู้ เธอสะดุ้งและรีบบอกพรรคพวกที่เหลือให้รีบกลับบ้าน หลังจากกลับบ้านเธอก็ได้รู้ว่าเมื่อ 5 ปีก่อน ใต้ต้นโพธิ์ต้นนั้นเคยมีผู้ชายมาแขวนคอตาย แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ

จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดกับเธอ เช่น รู้สึกวูบวาบหรือไม่หางตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนนั้น แต่พอหันไปกลับไม่เห็นใคร เธอคิดว่าเขาตามเธอมาแน่ๆ เธอรู้สึกกลัวจนไม่กล้าทำอะไร อีกทั้งตามเนื้อตัวเธอก็มีเศษใบโพธิ์ติดเต็มไปหมด คืนนั้นเธอหยิบพระมาคล้องคอและเข้านอนทันที รุ่งเช้าเธอไปปรึกษากับกลุ่มที่ไปด้วยกัน ก็พบว่ามีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นเช่นกัน จึงตัดสินใจไปทำบุญกรวดน้ำให้แก่วิญญาณของชายผู้นั้น

แต่ในระหว่างที่เธอกำลังแผ่บุญกุศลให้อยู่นั้นก็ได้เงยหน้าไปมองต้นชมพู่ที่อยู่ตรงกระจกในบ้าน สิ่งที่สะท้อนกลับมา ทำให้เธอยิ่งกลัวไปกว่าเดิม นั่นก็คือ เงาของผู้ชายคนนั้นนั่งยองๆ อยู่ข้างหลังและใช้มือของเขาจับไหล่ขณะกรวดน้ำ!! เธอได้ภาวนาในใจให้เขาไปสู่สุขคติโดยเร็ว

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

ห้องน้ำถูกปิดตาย!!


     เรื่องนี้เกิดขึ้นในโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีอายุกว่าร้อยปีแล้ว มีวันนึงนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งได้ทำงานกลุ่มเลิกดึก ทั้งหมดตัดสินใจเข้าห้องน้ำก่อนจะกลับบ้าน เมื่อเมื่อถึงห้องน้ำนักเรียนกลุ่มนี้ต่างแยกย้ายจัดการธุระต่างๆ แต่แล้วก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นเมื่อนักเรียนที่กลัวผีมากๆ คนนึงได้ยินเสียงของผู้หญิงร้องไห้ โหยหวน เหมือนจะตาย ที่หนักไปกว่านั้นคือเค้าได้ยินเสียงเหมือนคนเอามือมาขูดประตูด้านนอก!! ซึ่งพอตะโกนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ก็ไม่มีใครตอบรับ จึงรีบวิ่งออกไปข้างนอก

เห็นเพื่อนทั้งหมดยืนหน้าซีดกันอยู่ ทุกคนมองหน้ากันก็รู้แล้วว่าแต่ละคนก็เจอเรื่องเหมือนๆ กัน ด้วยความสงสัยจึงได้โทรไปถามรุ่นพี่ ซึ่งก็ได้คำตอบว่า วันปิดเทอมเมื่อ 3 ปีก่อน มีรุ่นพี่คนนึงลืมของไว้บนตึกก่อนกลับจึงได้เข้าไปใช้ห้องน้ำ แต่ภารโรงไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในห้องน้ำจึงทำการปิดล็อคห้องน้ำชั้นนั้น ทำให้รุ่นพี่คนนั้นถูกขังอยู่ในห้องน้ำโดยที่ไม่มีใครรู้ จนกระทั่งเปิดเทอมมาก็พบศพ ซึ่งสภาพของศพคือเล็บหักไปหมด เพราะเอามือมาขูดประตูห้องน้ำจนเป็นรอยนั่นเอง

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ห้องนาฏศิลป์ที่ปิดตาย!!




          เรื่องของโรงเรียนวัดแห่งหนึ่งที่น่าแปลกคือ ห้องนาฏศิลป์ของที่นี่ถูกปิดตาย ด้วยการนำไม้หนาๆ มาปิดเป็นรูปกากบาทไว้เพื่อไม่ให้ใครเข้าไป แต่ยิ่งทำแบบนั้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงมีการลองของขึ้นทันที โดยประมาณ 4 โมงเย็นหลังจากที่ทำความสะอาดห้องเรียนเสร็จแล้วเรียบร้อย ก็ได้เดินลงไปยังห้องนาฏศิลป์นั้น แต่ด้วยความที่เค้าปิดจนยากที่จะมองเลยได้แต่มองลอดช่องเล็กๆ ระหว่างไม้ ซึ่งพอลองมองเข้าไปดีๆ ก็เห็นเหมือนกับมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น

ซึ่งพอมองดีๆ มันก็คือ “หัวโขน” แต่ไม่ใช่หัวโขนธรรมดา มันคือหัวโขนที่เต็มไปด้วยเลือด ลอยไปลอยมาอยู่รอบๆ ห้อง ทำเอาคนที่เห็นขาแข็งวิ่งก็ไม่ออก จะร้องก็ไม่มีแรงจะร้องและด้วยความเฮี้ยนของห้องนาฏศิลป์นี้ ทำเอาไม่มีใครสามารถไปแตะต้อง ไปทุบรื้อสร้างใหม่ได้ จนสุดท้ายที่นี่ก็กลายเป็นโรงเรียนร้างไปในที่สุด

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

โรงเรียนเรื่องเล่าเยอะ!!


      โรงเรียนนี้ถือเป็นโรงเรียนใหม่เพราะสร้างขึ้นมาไม่ถึง 10 ปี แต่ว่ากันว่าแต่ก่อนที่นี่เคยเป็นสถานที่รบกันของไทยและพม่า โดยเรื่องแปลก เรื่องหลอนของที่นี่มีหลายเรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องของผู้หญิงใส่ชุดไทย ที่นักเรียนเห็นกันบ่อยๆ ตอนเย็นๆ ว่ามักจะมีผู้หญิงใส่ชุดไทยเดินลงมาแล้วเลี้ยวเข้ากำแพง ซึ่งใครๆ ก็ต้องรู้ว่านั่นไม่ใช่คนอย่างแน่นอน!!

ต่อไปเป็นเรื่องของเงาดำในห้องเรียนที่ใครมาเช้าๆ เมื่อมองผ่านช่องประตูมักจะเห็นเหมือนมีคนเดินอยู่ข้างใน ทั้งๆ ที่ห้องยังปิดอยู่ เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องของผู้หญิงชุดขาวที่มาให้เห็นกันจะๆ ตอนกำลังนั่งเรียน เพราะในระหว่างเรียนกลับเห็นผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดสีขาวเดินผ่านไป ทั้งๆ ที่อยู่ตรงห้องริมสุด สุดทางเดินก็คือกำแพง แล้วผู้หญิงชุดขาวคนนั้นเดินทะลุกำแพงไปได้ยังไงกัน?!

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

ห้องน้ำกับเสียงปริศนา!!


           เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีห้องน้ำอยู่ข้างๆ ห้องสมุด แต่คนกลับไม่ชอบไปเข้าเพราะไฟก็ไม่มี แถมยังเงียบอีกต่างหาก จนวันหนึ่งเด็กผู้หญิงคนนึงไม่รู้นึกอะไรจึงชวนเพื่อนมาเข้าห้องน้ำที่นี่ สงสัยเป็นเพราะมันไกลจากตึกเรียนและขี้เกียจเรียนหนังสือเลยหาเรื่องมาเข้าห้องน้ำซะไกล โดยขณะที่คนนึงกำลังเข้า อีกคนก็รออยู่หน้าห้อง ยืนรอไปสักพักก็ได้ยินเสียงจากห้องน้ำพูดออกมาว่า “แกเป็นอะไรป่าว?” ซ้ำอยู่เรื่อยๆ เพื่อนที่ยืนรอก็คิดว่าเพื่อนแกล้งเลยไม่ได้ตอบอะไร

พออกมาเพื่อนก็ถามว่า “แกกรี๊ดทำไม?” “เป็นอะไรทำไมไม่ตอบ?” เพื่อนที่ยืนรอก็ได้แต่ทำหน้างงแล้วบอกว่า “ไม่ได้กรี๊ด” และไม่ได้ยินเสียงกรี๊ดของใครด้วยซ้ำ เพื่อนคนนั้นก็ยังยืนยันว่าตั้งแต่ปิดประตูห้องน้ำไปก็ได้ยินเสียงกรี๊ดตลอด ซึ่งถ้าไม่ใช่เสียงเพื่อน แล้วจะเป็นเสียงใครได้?

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

โรงเรียนหรือลานประหารกันแน่!!


         เรื่องนี้เกิดขึ้นในโรงเรียน… ที่สมัยก่อนเคยเป็นที่อยู่ของนักโทษประหาร ซึ่งมีนักโทษมากมายถูกฆ่าตายที่นี่ เรื่องมีอยู่ว่าวันนึงอาจารย์ดันนัดสอนล่วงเวลา เลยทำให้เด็กๆ ต้องกลับค่ำ เพื่อนๆ ทั้งหมดก็ทยอยพากันเดินลงมา แต่เด็กคนหนึ่งกลับลืมโทรศัพท์ไว้บนห้อง จึงบอกให้เพื่อนรอก่อน.. ระหว่างที่รอคนก็เดินลงไปหมดแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงเพลงคล้ายๆ เพลงรำสวดหรืออะไรสักอย่าง และมีเสียงแว่วมาว่า “อย่าๆๆๆ ผมไม่ไป ปล่อยผม อย่าทำผมเลย” ผ่านไปสักพักเด็กคนนั้นก็ยังไม่ลงมา คนเป็นเพื่อนก็เริ่มกลัวเลยคิดจะเดินลงไปก่อน แต่ก็มีคนมาจับมือไว้ พอหันกลับไปมองก็เป็นเพื่อนของเธอนั่นเอง ทั้งสองมองหน้ากันแล้วเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง นั่นคือเสียงเหมือนโซ่ที่ลากมาตามพื้น

เท่านั้นแหละทั้งคู่ก็วิ่งลงมาอย่างไม่คิดชีวิต แต่จู่ๆ เพื่อนคนนึงก็หยุดและสะบัดมือออก อีกคนก็รู้ทันทีว่านั่นไม่ใช่เพื่อนคนเดิมอีกต่อไปจึงเดินตามไป และตบหน้าอย่างแรงพร้อมเรียกชื่อไม่หยุด!! สักพักเพื่อนก็ดูเหมือนจะได้สติจึงวิ่งต่อ จนชนเข้ากับภารโรงจึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เพื่อนที่ถูกผีสิงจึงได้เล่าว่าอยู่ดีๆ ก็ไม่รู้สึกตัว แต่เห็นเพื่อนยืนอยู่อีกฝั่งจึงเดินไปโดยไม่รู้ตัว แต่พอมองดีๆ กลับเห็นเป็นผู้ชายโดนล่ามโซ่ตรวนอยู่… โอ๊ย!! หลอนกันเลยทีเดียว

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

เสียงในห้องอาบน้ำ!!


         เป็นเรื่องของโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในภาคอีสาน โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นกับนักเรียนหญิงที่เผลอหลับขณะอ่านหนังสือ จึงลุกขึ้นมาอาบน้ำตอนตีหนึ่ง ซึ่งตอนอาบอยู่สักพักก็มีเสียงคนถามขึ้นมาว่า “มี..คน..ต่อ..มั้ย..คะ?” (ตามธรรมเนียมของโรงเรียนนี้เวลาจะใช้ห้องน้ำต่อจะต้องเคาะประตูแล้วถามว่ามีคนต่อมั้ยคะ? ถ้าตอบกลับไปว่าไม่มีคนต่อก็จะพาดผ้าเช็ดตัวไว้ที่ประตูห้องน้ำ) ตอนแรกเค้าก็ไม่ได้ตอบกลับไปเพราะเห็นว่าห้องอื่นๆ ก็ว่าง สักพักก็มีคนถามขึ้นมาอีกด้วยน้ำเสียงเฉื่อยๆ จึงต้องตอบกลับไปว่าไม่มีค่ะ แต่(คน)ข้างนอกก็ยังเคาะไม่หยุด แถมยังดังขึ้นเรื่อยๆ

แล้วอยู่ผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้ก็เหมือนโดนดึงไปฝั่งข้างนอก เค้าจึงได้เอื้อมมือไปคว้าแต่แรงข้างนอกแรงกว่าที่เค้าคิดเอาไว้ จึงตะโดนออกไปว่า “ห้องน้ำห้องอื่นยังว่างนะคะ” พอพูดจบ แรงที่ดึงทั้งหมดก็หายไป!! เค้าจึงรีบเปิดประตูและวิ่งกลับไปที่ห้อง ระหว่างทางก็ไม่เห็นใคร เพื่อนๆ เองก็นอนอยู่ท่าเดิม ทำให้เค้าคิดได้ว่าสิ่งที่เจอในห้องน้ำไม่ใช่คนแน่ๆ

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ครูนาฏศิลป์!!


        เป็นเรื่องในโรงเรียนรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่เอง โดยนักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนนี้มักจะเคยได้ยินเรื่องราวของ “ครูวิภา” ครูสอนนาฏศิลป์ที่เคร่งครัด เข้มงวด และเจ้าระเบียบสุดๆ ต้องเป๊ะทุกอย่าง แถมยังเป็นครูที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการร่ายรำเป็นอย่างมาก จนมีวันหนึ่งที่ครูป่วยหนักจนถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ด้วยความรับผิดชอบและรักในอาชีพ ครูจึงหนีออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อที่จะมาฝึกซ้อมเด็กๆ ในการแข่งขันรำไทยต่อ ในคืนนั้นเองอาการของครูทรุดลงทำให้ต้องไปเอายาที่ลืมไว้ในห้องนาฏศิลป์ แต่โชคไม่ดีและไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เช้าวันต่อมามีคนพบศพของครูวิภาในห้องนั้น… เวลาผ่านไปทางโรงเรียนต้องการจะทุบห้องนั้นทิ้ง แต่ทุกครั้งที่มีคนเข้าไปพยายามย้ายของจะมีเสียงดนตรีไทย และมีคน (หรือผี) มารำอยู่ในห้องนั้นทุกวัน! จนช่างไม่กล้าเข้าไปย้ายของและปัจจุบันห้องนาฏศิลป์ของครูวิภาก็ยังอยู่เหมือนเดิมทุกอย่าง

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

ตำนานผีโบว์เขียว!!


               เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ปกติโรงเรียนก็มักจะมีกฎให้นักเรียนหญิงผูกโบว์ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นสีดำ น้ำเงิน แต่มีนักเรียนหญิงคนนึงที่ผูกโบว์สีเขียวมาโรงเรียนทุกวัน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเธอ อยู่มาวันนึงเรื่องร้ายก็เกิดขึ้น เมื่อพัดลมในห้องเรียนเกิดหล่นลงมาตรงที่ๆ เธอนั่งพอดี ทำให้เธอเสียชีวิตคาห้องเรียนในทันที เวลาผ่านไปเรื่องราวของเธอก็เงียบหายไปตามกาลเวลา จนมาถึงคาบเรียนของครูใหม่คนนึง ที่พอถามคำถามขึ้นและไม่มีใครตอบ จู่ๆ ครูก็พูดขึ้นมาว่า “อ่ะ โบว์เขียวตอบข้อนี้ซิ” นักเรียนที่อยู่ในห้องก็งงกันใหญ่ เพราะไม่มีใครผูกโบว์สีนี้ ครูก็ยังไม่หยุดชี้ไปที่หลังห้องบอกว่า “เด็กคนนั้นอ่ะ ที่อยู่หลังห้อง” พูดจบทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ!

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

อาถรรพ์โรงเรียนประถม!!


    โรงเรียนประถมแห่งนี้อยู่ใจกลางเมืองนนทบุรีที่มีเรื่องเล่ามากมาย ทั้งเรื่องกุมารทองของบรรณารักษ์ห้องสมุด ที่พอตอนเช้าทีไรห้องสมุดที่จัดไว้เรียบร้อยต้องถูกรื้อ ค้น หนังสือกระจัดกระจาย อยู่ๆ หนังสือก็ตกลงมาจากชั้น โดยที่แถวนั้นไม่มีคน แถมยังมีเสียงวิ่งเล่นของเด็กมาให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ และยังมีเรื่องห้องน้ำชายที่ถูกปิดตาย เพราะมีเสียงร้องไห้ปริศนา และมีคนเห็นวิญญาณของเด็กหญิงยืนร้องไห้สะท้อนกระจก! แต่สุดท้ายก็ได้รู้ความจริงว่า ที่ดินตรงนี้แต่ก่อนเป็นโรงพยาบาลเก่า ขนาดพระยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นวิญญาณอาฆาตที่แรงกล้าของที่นี่

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

รองเท้าส้นสูงในห้องน้ำหญิง!!


             เรื่องนี้เป็นเรื่องของห้องน้ำหญิงบริเวณโรงอาหารของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่มีเรื่องเล่ากันว่ามักจะได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินวนไปวนมาในห้องน้ำอย่างไม่หยุดหย่อน เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของผู้หญิงที่เคยถูกฆ่าตายในห้องน้ำแห่งนี้ ซึ่งตอนนั้นเธอใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ด้วย เลยทำให้ยิ่งเชื่อกันเข้าไปใหญ่ว่าวิญญาณของเธอยังไม่ไปไหน แต่ยังคอยวนเวียนอยู่ในจุดที่เธอตายนั่นเอง

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

ผีห้องพยาบาล!!


     เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของโรงเรียนชื่อดังแถวๆ สยาม ที่เป็นแหล่งรวมเด็กเก่งทั้งหลาย เรื่องมีอยู่ว่าปกติเด็กๆ ที่ขี้เกียจเรียน อยากจะโดดเรียน ไม่ชอบเรียนวิชาไหนก็มักจะอ้างว่าปวดหัว ไม่สบายมั้งแหละ จนสุดท้ายต้องไปนอนที่ห้องพยาบาล แต่ที่โรงเรียนนี้คงจะทำอย่างนั้นได้ยาก เพราะมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่าถ้าใครแอบป่วยไปนอนห้องพยาบาลล่ะก็ จะเจอดี คือจะเห็นเท้าคนเดินมาแถวๆ เตียงที่มีผ้ากั้นไว้ แต่กลับไม่เห็นเงาคน! บ้างก็ได้ยินเสียงคนเดินแต่ไม่มีใครอยู่ในห้อง ทำเอาพวกเด็กแกล้งป่วยไม่กล้ามานอนห้องพยาบาลกันเลยล่ะ

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

(ผี) คุณยายบนตึกเรียน!!


      เป็นเรื่องราวที่นักเรียนเล่าต่อๆ กันมา กับสิ่งที่ครูคนนึงได้เห็น… วันนั้นครูคนนี้มาโรงเรียนเช้าเลยยังไม่ค่อยมีคนมากนัก พอเดินไปถึงตึกจึงมองขึ้นไป กลับเห็นคุณยายแก่ๆ คนนึงใส่ชุดออกจีนๆ ครูก็คิดในใจว่าเป็นผู้ปกครองของใคร? หรือมาหาใคร? จึงรีบเดินขึ้นตึกไป พอไปถึงชั้นกลับไม่พบคุณยายคนนั้นแล้วทั้งๆ ที่ทางขึ้น-ลงของตึกนี้มีอยู่ทางเดียว แค่คิดครูก็ขนลุกแล้วจึงตัดสินใจหันหลังเพื่อที่จะเดินต่อ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นยายคนนี้นั่งอยู่หน้าห้อง ครูจึงทำเป็นมองไม่เห็นและจะเดินเข้าห้องไป แต่ระหว่างที่เดินคุณยายกลับหันคอตามครูไปจนเลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากคอ ใบหน้าก็ยิ้มไปด้วย แล้วก็มีเสียงเอี๊ยดดดด! ดังลั่นเหมือนเสียงกลอนประตู ครูจึงรีบวิ่งเข้าห้องและไม่หันกลับมาดูอีกเลย เหมือนเรื่องจะจบแล้ว แต่พอตกเย็นครูก็ได้ยินข่าวว่าแม่ของ ผอ. โรงเรียนตกบันไดคอหักเสียชีวิต เมื่อไปเห็นรูปก็ถึงกับช็อคเพราะคือคุณยายที่ครูเห็นตอนเช้านั่นเอง!

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

หลอน ณ อาคาร 6!!


          เป็นเรื่องของโรงเรียนชื่อดังย่านปากเกร็ด นนทบุรี ที่ว่ากันว่าแต่ก่อนเคยเป็นศาลาพักศพมาก่อน จึงทำให้ทุกวันอังคารจะต้องมีการทำบุญที่ตึก เพราะมีเรื่องราวหลอนๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอด เคยมีครูคนนึงทำงานเลิกดึก พอเดินลงมากลับเห็นเด็กใส่ชุดนักเรียนนั่งอยู่บนป้ายตรงทางเดิน ครูจึงเข้าไปถามว่า “เป็นอะไร ทำไมยังไม่กลับบ้าน” แต่พอเด็กคนนั้นเงยหน้าขึ้นครูก็ตกใจจนร้องไม่ออก เพราะน้ำตาของเด็กคนนั้นไหลออกมาเป็นเลือด แถมป้ายที่นั่งอยู่ก็ติดกับผนังไม่มีทางที่คนจะนั่งตรงนั้นได้ ครูเลยต้องรีบวิ่งกลับบ้านไป เรื่องไม่ได้มีแค่นี้ เพราะเคยมีเด็กที่มาเช้าๆ นั่งรอเพื่อนในห้องอยู่ดีๆ ก็มีเด็กหญิงใส่ชุดนักเรียนเดินเข้ามา แต่หน้าไม่คุ้น “ถึงถามว่าชื่ออะไรหรอ ทำไมมาเช้าจัง?” เด็กคนนั้นไม่ตอบ แต่กลับร้องไห้และวิ่งออกไปตรงระเบียงพร้อมกลับกระโดดลงไป! เมื่อวิ่งตามไปดูกลับไม่เห็นร่างของใครทั้งนั้น เลยว่ากันว่าเป็นวิญญาณของรุ่นพี่ที่เคยกระโดดตึกฆ่าตัวตายนั่นเอง

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

ผีเหรียญในโรงเรียน!!


       คงไม่แปลกที่ใครจะอยากลองเล่นผีถ้วยแก้วเพื่อลองดีในโรงเรียน แต่เมื่อฟังเรื่องนี้แล้วหลายคนอาจจะกลัวจนไม่กล้าเล่นก็ได้ เป็นเรื่องของห้องดนตรีไทยที่ถูกปิดตาย ที่ว่ากันว่าใครเดินผ่าน ใครไปส่องดูต้องเจอดีอยู่บ่อยๆ เลยทำให้เด็กกลุ่มหนึ่งอยากลองของเลยไปเล่นผีเหรียญในห้องนั้นดู ตอนแรกๆ ก็คิดว่าคนเป็นคนผลักเหรียญ หลังๆ เริ่มน่ากลัวขึ้นจนเพื่อนคนนึงในกลุ่มลงไปนอนชักอยู่กับพื้น ที่เหลือจึงตะโกนเรียกเพื่อนที่รออยู่ข้างนอกให้เข้ามาช่วยแต่ก็ไม่มีใครเข้ามา จู่ๆ ลมพัดมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ทำเอาประตูหน้าต่างชนกันดังปัง จึงรีบวิ่งไปเปิดประตูแต่เปิดยังไงก็ไม่ออก จึงพากันยกมือไหว้ขอขมา ขอโทษที่เข้ามาลบหลู่ ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย เพื่อนที่รอยู่ข้างนอกก็ตกใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เรียกให้ช่วย ทั้งๆ ที่ข้างในตะโกนกันแทบตาย แต่ข้างนอกได้ยินแต่เสียงหัวเราะ!

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

เรื่องของตึก 2!!


          คราวนี้เป็นเรื่องของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่แถวๆ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตบางเขน ที่มีตึกสุดหลอนที่เด็กๆ เล่ากันมาจนหลอนนั่นก็คือตึก 2 ที่เมื่อก่อนมีลิฟท์แต่จู่ๆ ก็เลิกใช้กันโดยไม่มีใครรู้สาเหตุ จริงๆ ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าลิฟท์ตัวนี้มันไม่ธรรมดา เพราะเคยมีคนงานก่อสร้างตายขณะที่กำลังติดตั้งลิฟท์ตัวนี้อยู่ คนเลยมักเจอเรื่องแปลกๆ กันอยุ่บ่อยๆ ทั้งเงาประหลาด เสียงกรีดร้อง และมือผีที่โผล่ออกมาให้เห็นกันจะๆ เรื่องของตึก 2 ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะมีเรื่องของห้องน้ำที่ตอนเย็นใครเข้าไปใช้งานมักจะรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนเข้าห้องน้ำห้องข้างๆ อยู่ตลอดเวลาทั้งๆ ที่ไม่คน! แถมยังเคยมีคนเห็นเงาคนต่อคิวทั้งๆ ที่ออกมาก็ไม่มีใคร เสียงเปิด-ปิดประตูที่ดังปึ้งปั้งๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีคนอยู่ ทำเอาคนไม่กล้าเดินผ่านห้องน้ำคนเดียวเลย

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

ใครแอบในห้องสมุด!!


          เป็นเรื่องของห้องสมุดในโรงเรียนชื่อดังที่ว่ากันว่า มีเรื่องเฮี้ยนเรื่องหลอนให้เล่ากันได้ทุกวี่ทุกวัน คนที่เจอบ่อยสุดคงหนีไม่พ้นบรรณารักษ์ที่นั่งๆ อยู่ก็จะเห็นเงาดำๆ อยู่บริเวณมุมมืดของห้องสมุดแต่พอเดินไปดูกลับไม่มีใคร กลับมานั่งก็ได้ยินเสียงคนคุยซุบซิบกัน เสียงวางหนังสือ ทั้งๆ ที่ในห้องนั้นไม่มีใคร.. บางครั้งตอนเช้าพอเปิดห้องสมุดมากลับมีรอยเท้าเดินทั่วห้องสมุดทั้งๆ ที่ก่อนจะปิดห้องก็ทำความสะอาดอย่างดีแล้ว ทำเอางง? กันไปหมด! อีกเรื่องที่เป็นตำนานก็คือ เรื่องของบัตรยืมห้องสมุดของอดีตนักเรียนคนนึงซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่กลับมีคนเห็นบัตรยืมของเค้าไปตกอยู่ตรงมุมมืดที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปใช้งานบ่อยๆ ขนาดทุกวันนี้ยังมีคนเอาบัตร (ผี) ใบนี้มาคืนอยู่บ่อยๆ จนบรรณารักษ์หลอนกันไปหมด

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก campus

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ใช้ชีวิตร่วมกับผี 9 ปี!!


        เป็นเรื่องราวของบ้านในโครงการหนึ่งแถวอ่อนนุช ซึ่งบ้านหลังนี้อยู่ท้ายหมู่บ้านและติดกำแพงวัด อยู่มาคืนหนึ่ง แม่เจ้าของกระทู้ได้โทรมาด้วยเสียงสั่นเครือ ว่าโดนผีหลอกกลางดึก แม่เล่าให้ฟังว่า แม่นั่งอ่านหนังสือและดูทีวีอยู่ที่ชั้น 3 จนรู้สึกง่วงเลยปิดไฟนอน นอนไปไม่ได้ก็ฝันเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาว เหมือนชุดนอน เดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วบอกว่าทำบุญให้หน่อยสิ แม่เลยถามว่า คุณเป็นใคร ตายแล้วหรอถึงต้องทำบุญไปให้ ผู้หญิงคนนั้นใกล้เข้ามาจนแม่ต้องหันหน้าหนี เพราะหน้าของผู้หญิงเหมือนคนผูกคอตาย ตาถลน ลิ้นจุกปาก แล้วแม่ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก
แม่พยายามนอนต่อแต่นอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่หลายครั้งจนเท้าไปสะดุดกับอะไรบางอย่างปลายเตียง แม่เลยรวบรวมสติแล้วเปิดไฟหัวเตียง และเห็นว่าผู้หญิงที่อยู่ในฝันนั่งอยู่ปลายเตียง แม่จึงรีบกระโจนลงจากเตียง วิ่งลงมาชั้น 2 แล้วโทรหาเจ้าของกระทู้ทันที
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น หลังจากนั้นมา เจ้าของกระทู้และคนในครอบครัวก็ยังเจอเรื่องแปลกๆ อยู่ตลอดระยะเวลา 9 ปีเต็ม…
เหตุผลที่ควรอ่าน : แค่เจอผีคืนเดียวก็แทบบ้าแล้ว นี่ต้องอาศัยอยู่กับความกลัว และเรื่องแปลกๆ ในบ้านตลอด 9 ปี ถึงจะมีการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ วิญญาณก็ยังไม่ไปไหน แถมยังมีการเปลี่ยนเวรสลับกันไปมา ผีตนนั้นตนนี้แวะเวียนมาทักทายไม่หาย เรียกได้ว่า บ้านไม่เคยว่างเลย…

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก mascoops

ใครมาส่ง!!


        เพื่อนขับรถมาส่งที่บ้านโดยใช้ทางลัดที่ค่อนข้างเปลี่ยว ระหว่างที่ขับรถมีนกตัวใหญ่สีน้ำตาลบินตัดหน้า เพื่อนเบรกไม่ทันจึงชนนกเข้าอย่างจังจนตายคาที่ ทั้งสองคนจอดรถลงมาดูที่หน้ารถ ปรากฏว่าซากนกไม่ได้กระเด็นออกไป แต่ติดอยู่ที่กันชนหน้า เพื่อนโวยวายไม่ยอมขับต่อถ้ายังมีซากนกติดอยู่
เจ้าของกระทู้จึงเดินไปท้ายรถเพื่อไปหาอะไรมางัดนกออก ขณะที่กำลังหาอุปกรณ์อยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นใครสักคนกำลังเดินมาจากทางหลังรถ และเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขานึกว่าโจรจึงรีบวิ่งไปหาเพื่อนที่อยู่ทางหน้ารถ ปรากฏว่าเพื่อนหายไป และซากนกก็หายไปด้วย พอหันหลังกลับไปก็ไม่เจอคนปริศนาคนนั้นแล้ว
เขาเหลือบไปเห็นพุ่มไม้ที่อยู่ข้างรถ มีร่องรอยบ่งบอกว่ามีบางสิ่งเพิ่งเข้าไปในนี้ มองเข้าไปก็เห็นเป็นตุ๊กตาหุ่นเล็กๆ ลักษณะคล้ายนางรำถูกวางรวมกันอยู่หลายตัว บางตัวก็แขนหัก บางตัวก็สมบูรณ์  เขาค่อยๆ เอื้อมมือเพื่อจะไปหยิบตุ๊กตามาดู แต่กลับถูกบางสิ่งกระชากให้หงายหลังเสียก่อน!
หันหลังไปก็ไม่เจอต้นตอคนแกล้ง แต่พอหันกลับไปดูที่รถก็เห็นเพื่อนตัวเองนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ เขาแปลกใจเล็กน้อยว่าเพื่อนเข้าไปนั่งบนรถตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อตะกี้ยังไม่อยู่เลย แต่ก็ไม่ได้สนใจเลยขึ้นไปนั่งเบาะนั่งคู่เพื่อน เห็นเพื่อนนิ่งผิดปกติ เลยถามว่า “ไหวไหม ไม่ไหวจอดพักก่อนได้”
เพื่อนหันมาตอบว่า “กูไหว…” แล้วหันมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด ตาจ้องมาที่เจ้าของกระทู้ด้วยแววตาดุดันราวกับไม่ใช่เพื่อนคนเดิม!

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก mascoops

เขาคือใคร!!


      ย้อนกลับไป 8 ปีขณะเขายังเรียนอยู่มัธยมต้น ทุกวันหลังเลิกเรียนเขาต้องทำกิจกรรมอยู่ที่โรงเรียนจนกลับบ้านดึกดื่น ตี1 ตี2 มีวันนี้ที่รู้สึกแปลกๆ เหมือนกังวลอะไรสักอย่างแต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เขานั่งทำงานจนราวๆ 5 ทุ่มกว่า โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นสายเข้าจากแม่ของเขาเอง
แม่บอกว่าคืนนี้ต้องอยู่กับพี่ชายบุญธรรมสองคนนะ เพราะทั้งบ้านกลับต่างจังหวัดไปงานศพตา ตาเสียเมื่อช่วงกลางวัน  ความรู้สึกแปลกๆ เมื่อตอนกลางวันคงมาจากสาเหตุนี้นี่เอง เขาเก็บของแล้วรีบกลับบ้านทันที เพราะพรุ่งนี้ต้องรีบตามไปงานศพตาแต่เช้าตรู่
พอถึงบ้านเขารู้สึกได้เลยว่าไม่ได้อยู่คนเดียว แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อเห็นไฟในห้องแม่เปิดอยู่ พอเดินขึ้นไปหน้าห้องก็ได้ยินเสียงคนกำลังรื้อของ เขาเคาะประตูแล้วเรียกชื่อพี่ชาย แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ จึงรู้สึกไม่ปกติแล้ว เขาเดินกลับลงมาที่ชั้นหนึ่งแล้วโทรเรียกหาพี่ชาย แต่ปรากฏว่าพี่ชายยังไม่ถึงบ้าน…
ตอนแรกคิดว่าเป็นขโมย จึงคว้ามีดด้ามหนึ่งแล้วขึ้นไปเคาะประตูห้องให้เปิด ด้วยถ้อยคำหยาบคายอยู่หลายครั้ง เสียงรื้อของก็ยังไม่ยอมหยุด เขาเริ่มโมโหจึงถีบประตูโครมใหญ่ เสียงนี้จึงดังลอดออกมาจากห้อง
“เคาะทำไม… เคาะทำไม…” เป็นเสียงยืดๆ ยานคางเหมือนไม่ใช่เสียงของมนุษย์!

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก mascoops

บ้านพักสยองขวัญ!!


         มีคนหนึ่งเป็นอาชีพเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางจึงมีโอกาสได้ไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ ทุกครั้งก่อนไป ทีมที่ไปด้วยจะต้องไปทำบุญไหว้พระก่อนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้หลวงพ่อทักว่า“พวกเอ็งคงกลับมาไม่ครบทุกคนนะ คงแล้วแต่วาสนา”เพื่อนก็คิดว่าคงมีใครสักคนในกลุ่มได้แฟนที่นั่นแล้วไม่ยอมกลับละมั้ง แล้วก็หัวเราะ
ก่อนเดินทางเจ้าของกระทู้ฝันว่ายาย(ที่เสียชีวิตไปแล้ว)มาดึงแขน ไม่ยอมให้ขึ้นรถตู้ แล้วพูดว่า“อย่าไปเลย” พอตื่นก็เจ็บที่ข้อมือมากๆ เหมือนโดนดึงไว้จริงๆ แต่ไม่ได้คิดอะไร
เมื่อมาถึงบ้านพักเพื่อนๆ ในกลุ่มก็เริ่มเจอสิ่งแปลกๆ ทั้งเห็นมีคนจ้องมองจากเพดานด้านบน ได้ยินเสียงคนลากของมาจากห้องข้างๆ เห็นเงาดำลึกลับตามที่ต่างๆ รู้สึกเหมือนมีคนมานั่งบนหน้าอก พอลืมตาตื่นเห็นเป็นผู้หญิงใส่ชุดดำนั่งทับอยู่บนหน้าอก และยิ่งไปกว่านั้น คนขับรถตู้เจอเศษหนังที่มีอักขระภาษาเขมรตกอยู่หลังบ้าน
เมื่อนำไปให้หลวงพ่อที่วัดดู หลวงพ่อบอกว่ามันคือ “หนังของคนตายโหงที่เล่นของเขมร!”

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก mascoops

ธี่หยด!!

             เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของแม่ (น้า) ที่มีอาการป่วย นอนซม ไม่มีแรง ทุกคืนแม่จะได้ยินเดิน ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ลงฝ่าเท้าหนักๆ เหมือนคนเดินไปรอบบ้าน พร้อมกับเสียงเหมือนคนท่องอะไรสักอย่าง จับใจความได้ว่า ธี่…หยด ธี่…หยด ประกอบกับเสียงหมาหอนโหยหวน
เมื่อลืมตามองก็เห็นน้องสาวเดินเข้าไปในครัว ลองเดินตามไปก็พบว่าน้องตัวเองกำลังกินเครื่องในสดๆ! แต่ด้วยความเป็นเด็ก แม่เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้วกลับไปนอนต่อ แต่คนที่บ้านเริ่มสงสัยว่าน้องสาวผิดปกติ เหมือนไม่ใช่คนเดิม ตอนกลางวันก็พูดจาหยาบคายกับคนในบ้าน ก้าวร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนตอนกลางคืนแม่จะเห็นว่าน้องสาวจะหายออกไปจากมุ้ง พร้อมกับเสียง ‘ธี่หยด’ ที่ลอยเข้ามากระทบหูจนได้แต่นอนคลุมโปง
เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพี่ชายคนโต(ลุง) เจอผู้หญิงปริศนา ใส่เสื้อสีดำอยู่บริเวณก่อไผ่หน้าบ้านกลางดึก แถมส่งยิ้มยะเยือกมาให้… พอยิงปืนขู่ร่างนั้นก็หายวับไปกับตา!

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก mascoops

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

โรงพยาบาลผีสิง!!



      นี่เป็นเรื่องของโรงพยาบาลร้างที่ว่ากันว่าปิดตัวลงเพราะความเฮี้ยน ขนาดกลางวันแสกยังมีคนเห็นรถเข็นคนไข้แล่นไปมาอยู่หน้าอาคาร บางวันหมาก็หอนกันอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งเรื่องต่อไปนี้เกิดขึ้นกับคุณป้าคนนึงที่วันนั้นดันกลับบ้านดึกเลยเรียก แท็กซี่เข้าไปในซอย ซึ่งก็คือซอยเดียวกับโรงพยาบาลนั้นแหละ ขับไปพอใกล้จะถึงหน้าโรงพยาบาลแท็กซี่ก็หลบซ้ายกะทันหัน ป้าเลยถามว่าทำอะไรน่ะ!! แท็กซี่เลยบอกว่าก็มีรถพยาบาลตามหลังเกิดไฟขอทางเลยต้องแอบให้ ตอนนั้นป้าขนลุกซู่ เพราะไม่มีทางที่จะมีรถพยาบาลเข้ามาในนี้ เลยบอกว่านั่นมันรถผีสิง แท็กซี่กลัวมากเลยจอดให้ป้าลงตรงนั้น แกจึงต้องเดินเข้าไป พอเดินๆไปก็ได้ยินเสียงคนโหยหวนบ้าง ได้ยินเสียงร้องไห้บ้าง มองเข้าไปในโรงพยาบาลก็เห็นไฟเปิดอยู่!! ทำเอาแกตกใจจนหมดสติ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เหมือนคนสติไม่เต็ม เดี๋ยวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ร้องไห้ พอผ่านไปสัก 3-4 วัน แกก็ผูกคอตายในห้องน้ำ…

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก M thai

ระวังปากจะพาซวย!!


          คนขับรถส่งต่อของโรงพยาบาลมีหน้าที่ขับรถส่งผู้ป่วยไปยังอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งก็มักจะมีเรื่องหลอนๆ เกิดขึ้นเสมอ เหมือนกับครั้งนี้ ที่คนขับรถต้องไปส่งคนไข้ที่บาดเจ็บสาหัส โดยระยะทางค่อนข้างไกล พอไปถึงก็ส่งให้อีกโรงพยาบาลนึงดูแล ซึ่งเวลาผ่านไปประมาณเกือบ 1 ชม. คนขับรถก็ได้รับโทรศัพท์ว่าให้ไปรับศพของคนไข้คนเดิมกลับมา ตอนนั้นเค้าก็เพิ่งจะจอดรถได้ไม่นาน เลยสบถออกมาว่า “ทำไมรีบตายจังวะเนี่ย ตายพรุ่งนี้เช้าก็ไม่ได้” พอไปรับศพ ขากลับจู่ๆ ก็เห็นชายคนนึงเดินอยู่ข้างทาง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นก็เกือบจะตี 3 แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร พอขับไปสัก 10 นาทีก็เห็นเหมือนชายคนเดิมเดินอยู่ข้างถนน ตอนนั้นเริ่มใจไม่ดีเลยเหยียบคันเร่งเพราะอยากไปถึงไวๆ แต่ก็ต้องเหยียบเบรกกะทันหัน เพราะข้างหน้าคือผู้ชายคนนั้น ที่ยืนชี้มาที่รถและพูดเสียงดังว่า “ด่า กู ทำ ไม!!” ตอนนั้นก็รู้แล้วว่านั่นคือคุณลุงที่นอนอยู่หลังรถ จึงรีบเหยียบคันเร่งหนี ระหว่างนั้นก็มีเสียงทุบ ตีดังอยู่ที่หลังรถตลอดทาง จนรถเกือบจะชน เค้าก็ได้ขอโทษสรรพสิ่งวิญญาณที่ได้ล่วงเกิน จนไม่เกิดเหตุร้ายขึ้น

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก M thai

นี่มันที่ของหนู!!


       เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับชายคนนึง ที่ได้เข้าทำการผ่าตัด จึงทำให้ต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งเค้าก็ได้ขอนอนที่ตึกใหม่ เพราะตึกเก่านั้นมีเรื่องเล่าเยอะมาก พอได้นอนที่ตึกใหม่ วันแรกก็ยังไม่เจออะไร แต่คืนที่สอง ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับไปก็ได้ยินเหมือนเสียงคนเดินเข้ามาหา ทั้งๆที่ยังไม่ได้เปิดประตูห้อง และพอลืมตาขึ้นก็สบสายตากับเด็กผู้หญิงคนนึงที่ตัวซีดเผือก ใส่ชุดโรงพยาบาล พร้อมกับมองมาที่เขาและพูดว่า “ออกไปนะ นี่ที่ของหนู” พร้อมกับปีนขึ้นเตียงมาจะนอนด้วย ตอนนั้นสติก็ไม่ค่อยมี เลยได้แต่บอกว่าขอนอนคืนนึงนะแล้วจะไป พอพูดจบร่างของเด็กน้อยคนนั้นก็จางหายไป…คืนเดียวกันนั้นทั้งๆที่หลับไป แล้วกลับได้ยินเสียงเด็กผู้ชายดังขึ้น “ซื้อพวงมาลัยมั้ยลุง” ตอนนั้นคิดว่าตัวเองฝัน เพราะโรงพยาบาลนั้นห้ามให้คนขึ้นมาขายของอยู่แล้ว แต่พอลืมตาขึ้น กลับเห็นเด็กชายคนยืนถือพวงมาลัยอยู่ ตัวเต็มไปด้วยเลือด และที่สำคัญขาทั้ง 2 ข้างหายไป!!

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก M thai

เพื่อนข้างเตียง..!!


         เรื่องของคนไข้เด็ก 2 คนที่นอนเตียงตรงข้ามกัน โดยทั้งคู่ต่างก็อยู่โรงพยาบาลมานานหลายเดือน จนมีเด็กคนหนึ่งเสียชีวิตไปก่อนด้วยโรคประจำตัว…หลังจากนั้นไม่กี่คืน ขณะที่หมอ 2 คนกำลังพยายามเจาะเลือดเด็กอีกคนที่ยังมีชีวิตอายุประมาณ 2 ขวบ เขาก็ได้พูดชื่อของเด็กที่เพิ่งตายไปออกมา พูดไม่หยุด หมอเรียก หมอห้ามยังไงก็ไม่ฟัง และขณะที่เรียกตาก็จ้องมองไปยังเตียงตรงกันข้ามที่ว่างเปล่านั้น และพยักหน้า ยิ้มแย้ม เหมือนกำลังพูดคุยกับใครอยู่ เล่นเอาหมอกับพยาบาลขนลุกซู่ เดินหนีไปทำใจเลยทีเดียว

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก M thai

ณ ห้องชันสูตรศพ!!


           เป็นเรื่องที่ผู้ช่วยแพทย์ชันสูตรศพเจอมากับตัว ซึ่งวันนั้นเป็นเวรดึกของแกที่ดันเป็นวันที่พายุเข้า ฝนตกหนัก จู่ๆ ก็มีเคสผู้หญิงผูกคอตายเข้ามา ตอนนั้นแกทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องรอหมอ ผ่านไป 1 ชม. หมอก็ยังไม่มา ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับไฟก็ดับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของวันฝนตก ผ่านไปสักพักไฟของตึกอื่นก็เริ่มสว่างขึ้น แต่ตึกนิติเวชที่แกอยู่นั้นยังมืดสนิท ด้วยความเบื่อจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีเสียง ก๊อกๆ ดังขึ้น ตอนนั้นก็คิดว่าเป็นหมอ แต่พอไปเปิดกลับไม่เจอใคร เลยคิดว่าอาจจะเป็นพวกโจรมาขโมยศพรึเปล่า พอแกกำลังจะกลับไปนั่งที่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก คราวนี้ดังมาก เหมือนเคาะมาจากห้องเก็บศพข้างๆ จึงตัดสินใจหยิบมีด และเดินไปที่ห้องเก็บศพ ขณะนั้นก็ได้ยินเสียง “ฮือ…ฮือ….” และเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วห้อง จึงรีบเปิดประตูเข้าไป พบผู้หญิงกำลังผู้คอตายอยู่เหนือที่วางศพ จึงรีบขึ้นไปตัดเชือกให้ แต่พอตัดเท่านั้นสิ่งที่ตกลงมากับไม่ใช่ร่างคน แต่เป็นหัว!! ที่กลิ้งไปตกอยู่ที่พื้น พอแกมองไปศพตากับหัวนั่น เธอก็พูดขึ้นว่า “พี่…ช่วย หนู ด้วย”

ปล.บทความนี้ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
บทความนี้นำมาจาก M thai

งานศพหลาน!!

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณป้าของเราเล่าให้ฟังอีกทีค่ะ ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ลุงกับป้าได้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตที่จังหวัดส...